นอกเหนือจาก ศาสนาเพแกน หรือ วิคคา และ ดรูอิดแล้ว ยังมีสายทางของ พ่อมด,แม่มด(ในชีวิตจริง) นอกเหนือจากนี้บ้างไหมครับ

คือผมเองก็ไม่ได้เก่งเรื่องพวกนี้เท่าไหร่นัก เพราะส่วนตัวเราปฏิบัติตามคำสอนของพุทธองค์
แต่มีความรู้สึกว่าเวลาเราปฏบัติในทางพุทธแล้ว มันทำให้เราปล่อยวางกิเสจนงอมืองอเท้า ไม่สนใจอะไรเลยแม้แต่เรื่องพ่อแม่พี่น้อง
คำสอนที่ให้อุเบกขา และคำสอนก่อนปรินิพพานของตถาคต ว่า ธรรมทั้งปวงไม่ควรยึดมั่น นั้น...
มันทำให้ผมปลงอนิจจังจนถึงขั้นทิ้งชีวิตไปอยู่แบบสมถะไปเลย!

ถ้าเป็นเมื่อปีก่อน หากจะให้ผมฆ่าตัวตายเพราะความเวทนาในสงสารวัฏ ผมก็จะทำโดยไม่ลังเลเลย เพราะไม่ต้องการมีชีวิตอยู่แล้ว
ไม่ใช่เพราะทุกข์กับชีวิตนะครับ แต่เพราะผมเวทนากับการเวียตายเวียนเกิด
จนถึงขนาดมีคนเคยเตือนมามากทีเดียวเลย ว่า "อย่าปฏิบัติอะไรสุดโต่งขนาดนั้น เพราะนี่มันไม่ใช่การปล่อยวาง ที่ผ่านมาเราเกินมาถูกทางแล้วก็จริงอยุ่ แต่มันไม่ใช่ทางของผู้ครองเรือน ถ้าเราจะละทิ้งขนาดนี้ก็ไปบวชเถอะ เพราะที่เรากำลังทำมันเป็นการงอมืองอเท้า ซึ่งนี้แหละ คือสิ่งที่คนปฏิบัติตามเนวทางพระพุทธศาสนาต้องพบเจอในช่วงหนึ่ง เดี๋ยวมันจะผ่านไปเอง"

สุดท้าย ผมก็ไม่เห็นว่ามันจะผ่านไป ผมละอาใจตัวเองทุกครั้งที่ไม่ทุกข์และไม่สุขกับเรื่องใด เวลาคนที่บ้านตายแม้ท่านจะเป็น 'ปู่' ที่เลี้ยงผมมา แต่ผมกลับไม่ทุกข์ และไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องน่าโทมนัสแต่อย่างใด กับรู้สึกใจชื้นที่ปู่หมดสิ้นวิบากแห่งการเกิดไปแล้ว เสียด้วยซ้ำ
จนพ่อผมหาว่าบ้า ปู่ตายเมริงมานั่งยิ้ม

ทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวเราไม่เคารพในผู้หลักผู้ใหญ่ ละใจที่ที่เราต้องชินชาจนกลายเป็นทองไม่รู้ร้อน ไม่สนใจอะไรเลย
ป่อยวางจนถึงขนาดที่ว่า แม้มีคนเอาปืนมาจ่อหัวผมแล้วเหนี่ยวไกล ผมก็ยอมจะตายโดยอโหสิกรรมให้แก่คนที่ทำ ซึ่งสาเหตุนี้ มันทำให้ผมรู้สึกว่างเปล่ามาก จนปล่อยปละละเลยหน้าที่ของกุลบุตรไปมากเลยเทียว

จนผมได้มาศึกษาคำสอนในศาสนาพรามหณ์ผมเลยกลัยเข้ามาดำเนินชีวิตบนโลกนี้ได้อย่างไม่ระแคงใจต่อตัวเองได้อีกครั้ง
คำสอนที่เพิ่งศึกษา มันทำให้ผมไม่ตึงในพุทธมากเกินไป เลยทำให้ผมได้เข้าใจในหลักทางสายกลาง ผมเข้าใจแล้วว่า ถ้าเรายังต้องใช้ชีวิตอยู่เป็นคฤหัถส์ ก็ไม่ควรทำตัวเป็นคาราวาส เพราะมันจะทำให้เราอดตาย หรือไม่ก็ทำให้เรากลายเป็นคนเนรคุณพ่อแม่ไปเลยเพราะการปฏิบัติธรรมที่เคร่งมากจนเกินไป

เมื่อผมได้มาเป็นพราหมณ์ ก็เลยศึกษาเรื่องอภินิหารย์ รวมถึงเรื่องราวของศาสนาในวัฒนธรรมต่างถิ่นไปในหลายท้องที่ จนกระทั่งบัดนี้ ผมมาหยุดอยู่ที่เรื่องของพ่อมด และแม่มดครับ

ขอบอกให้ทุกคนรู้ไว้นะครับ ว่าพ่อมดและแม่มด ในโลกแห่งความเป็นจริงนั้น ไม่ได้เหมือนในนิยายเรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์
พ่อมดแม่มดไม่ได้เสกอะไรขึ้นมาได้ตามใจชอบ และไม่สามารถกระทำอะไรได้มากไปกว่าผู้มีฤทธิ์ธรรมดาพึงกระทำได้แต่อย่างใด

พ่อมดแม่มดในโลกแห่งความเป็นจริง ปฏิบัติตนเหมือนฤๅษีครับ แตกต่างกันตรงที่พ่อมดแม่มดเขามักจะช่วยเหลือปุถุชนอย่างเปิดเผย ไม่สมถะเหมือนฤๅษี สมัยก่อนจึงมีเรื่องราวที่ว่า ในหมู่บ้านหมู่บ้านหนึ่ง มักจะต้องมีพ่อมดหมอผีประจำหมู่บ้านหรือท้องถิ่น เพื่อคอยให้ความช่วยเหลือ หรือคอยให้คำปรึกษากับเหล่าผู้ทุกข์ร้อน

พ่อมดแม่มดก็มีทั้ง The Dark-Arts และ The White-Arts มีทั้งที่ขอพลังจากเทวะเพื่อให้เทวดาประทานอำนาจมาช่วยเหลือ
และบางกรณี ก็มีพ่อมดแม่มดที่มีบารมีมาก ขนาดปฏิบัติกรรมฐานจนสำเร็จได้โลกิยอภิญญา และสามารถเหาะเหินเดินอากาศ เสกฟ้าเสกฝน รักษาโรค หรือทำอะไรเพื่อช่วยเหลือปุถุชนได้จริงๆ

จนกระทั่งศาสนาคริสต์เข้ามามีบทบาท พ่อมดแม่มดถูกเหมารวมว่าเป็นพวกนอกรีด เอาพลังมืดมาจากซาตาน จึงมีการล่าแม่มดขึ้นในยุคมืด แต่กระนั้น ผู้ที่ถูกเผาไป ก็ล้วนแต่เป้นผู้บริสุทธิ์ ที่ถูกใส่ความทั้งนั้น การกล่าวหาใครว่าเป็นพ่อมดแม่มดในยุคนั้น ถือเป็นการเล่นแรงมากที่เดียว เพราะศาสนาคริสต์ มักไม่ปรานีผู้ต้องสงสัย เล่นฆ่ากันโดยไม่ไต่สวน
(ศาสนาป่าเถื่อน) ผมยังสงสัยเลยว่า ตกลงใครกันแน่ ที่เป็นปีศาจ พ่อมด หรือ คริสตจักร

กระทู้นี้ ผมมาเพื่อถามสำพหรับผู้ที่รู้ ว่า นอกเหนือจากพวกที่เรียกตัวเองว่า Pagan หรือ Wiccan และพวก Druid แล้ว ยังมีศาสตร์ไหนอีกบ้าง ที่ถือเป็นพ่อมด-แม่มด

นับพวกคับบาล่าห์ ด้วยหรือเปล่า


ขอบคุกณที่เข้ามาอ่านคำบรรยายที่ผมบ่นมาตั้งครึ่งชั่วโมงครับ
ขอบคุณ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่