"ไม่บาป"
อ.อัจฉราวดี วงศ์สกล
..
ชาวพุทธ เป็นมาช้านาน เห็นเครื่องแบบพระแล้วไม่กล้าแตะ ถูกคำว่า "กลัวบาป" เข้าครอบงำ จนขาดความกล้าหาญทำสิ่งที่ถูกต้อง ปล่อยให้อลัชชี คือพระที่ไม่มีความละอาย ผู้ประพฤตินอกจารีต, ละเมิดพุทธบัญญัติ ทำตัวเสื่อม ลอยนวลทำร้ายพระศาสนา
..
อาจารย์ขอใช้สถานะ นักปฏิบัติวิปัสสนามากกว่า 20,000 ชั่วโมงเป็นเดิมพันเพื่อชี้แจงให้มั่นใจ หากสิ่งที่กล่าวชี้ทางมีอะไรผิดไป ขอรับผิดชอบด้วยชีวิต.
การเตือน ติง ต้าน พระที่ทำความเสื่อม เป็นโลกวัชชะ หรือโลกติเตียน หากทำด้วยเจตนารักษาพระพุทธศาสนา ไม่ใช้คำหยาบคาย ไม่มีอคติ ..ไม่บาป
อย่าปล่อยให้พระศาสนาอยู่ในมือของพระภิกษุเหล่านี้
พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า ศาสนาจะอยู่ได้นานเท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติของพุทธบริษัท
.
หากฆราวาสไม่ลุกขึ้นมาเข้มแข็ง อีกหน่อยพุทธศาสนาจะเหลือเพียงสัญลักษณ์ เมื่อพึ่งพระภิกษุไม่ได้ เราต้องพึ่งตนเอง อย่าปล่อยพระสงฆ์ที่ทำตัวเสื่อม ดึงศาสนาลงต่ำ แม้พระภิกษุสงฆ์ที่ดียังมี แต่พระเสื่อม พระปลอมได้แต่นุ่งห่มเหลืองมีกำลังมากกว่า เพราะชอบเอากิเลส เอาเรื่องความรวยมอมเมาชาวพุทธ
..
ความเสื่อมที่เกิดในภาพ ขอจำแนกการกระทำผิดพระธรรมวินัยสงฆ์ตามที่พิจารณาดังนี้..
กรณีที่ การกระทำของพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม พิจารณาแล้วเชื่อว่า มีการกระทำผิดพระธรรมวินัย 3 ข้อ ได้แก่..
ข้อ17. ห้ามมีความประพฤติทรามและประจบเอาใจคฤหัสถ์ (ผู้ครองเรือน) ข้อ 38. ห้ามทำการซื้อขายของด้วยเงินทอง ข้อ 39. ห้ามซื้อขายโดยใช้ของแลก... โดยในความผิดข้อ 17 พระรูปนี้ กระทำการประจบเอาใจคฤหัสถ์ ด้วยการปั่นกิเลสด้วยการขายกระเป๋าพร้อมคำโฆษณา ให้เกิดความโลภโมโทสัน ดั่งคำเชิญชวนที่ว่า “ ยันต์ครูหลวงพ่อพูล เสริมบุคลิกราศี โชคดีมีลาภถูกโฉลกร่ำรวย เติมเต็มต่อยอด เงินทองไหลมา” ....นอกจากนี้ยังแสดงถึงการขาดวิจารณญาณ ว่าสิ่งใดควร สิ่งใดไม่ควร ประพฤติตนไม่สมกับเป็นสมณะ เป็นโลกวัชชะ หยิบยื่นกิเลสให้แก่มนุษย์ ให้มัวเมาอยู่ในความโลภโมโทสัน แทนที่จะรักษาศีลและพึ่งตนเอง ประกอบสัมมาอาชีวะ และรู้จักทำทานสละด้วยความบริสุทธิ์ โดยไม่ต้องมีสิ่งของแลกเปลี่ยน....
..
กรณี เอารูปปั้นยักษ์ ที่มีกริยาไม่เหมาะสม ของวัดท่าไคร้ จ.เชียงใหม่ เอาหุ่นยนต์ไปตั้งในวัดและธรรมสถาน มีถึง 4 วัด เช่นที่วัดตะเคียน ถ.พระราม 5 เป็นการกระทำที่ขาดการพิจารณา ขาดความเคารพยำเกรงพระพุทธเจ้า ที่นำสัญลักษณ์กิเลส ไปตั้งอยู่ในวัด กรณีธรรมสถาน ไร่เชิญตะวัน ของพระมหาวุฒิชัย ว.วชิรเมธี ได้นำหุ่นยนต์ตั้งเคียงข้างซ้ายขวาแบบสิ้นความยำเกรงในพุทธบารมี พระพุทธรูปซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่พึงประดิษฐานด้วยความเคารพ น่าสลดใจ ที่พระภิกษุสงฆ์พึงพิจารณาได้ว่าสิ่งใดควรสิ่งใดไม่ควร แต่กรณีดังกล่าว กลับเป็นแบบอย่างในการประพฤติที่ไม่เหมาะควรเสียเอง ลดคุณค่าของพุทธศาสนาที่เป็นหลักปฏิบัติเพื่อให้คนมีปัญญา เพื่อละกิเลสและความลุ่มหลง แต่กลับยกคุณค่าของสัญลักษณ์ทางกิเลส มาเทียบคู่กับสัญลักษณ์ของพระบรมศาสดา ที่ทรงเป็นพระวิสุทธคุณ บริสุทธิ์ ปราศจากกิเลส สาธุชนที่เห็นรู้สึกเสื่อมศรัทธา ไม่ว่าจะอ้างว่าทำไปด้วยเหตุใด ก็ฟังไม่ขึ้นทั้งนั้น ยิ่งเป็นพระดังก็ทำให้วัดอื่นทำตาม
..
พระที่เอาสัญลักษณ์โลกีย์วิถี และวิถีนอกต่างๆ เข้ามา โดยอ้างว่าเป็นกุศโลบายให้คนเข้าวัด มองอย่างไรก็ไม่เหมาะ
"กุศโลบาย" แปลว่า วิธีอันแยบคาย วิธีอันชาญฉลาด แต่ที่ทำกันนั้น นอกจากจะไม่แยบคายแล้ว ยังโจ่งแจ้งในความสิ้นปัญญาพิจารณาของผู้ได้ชื่อว่าเป็นภิกษุ ทั้งบางรายก็ชัด เข้าข่ายการ“ล่อ" ให้เข้ามาทำบุญ ไม่ใช่กุศโลบาย
ไม่มีทั้งศาสตร์ ทั้งศิลป์ แปรสภาพวัดให้กลายเป็นที่ท่องเที่ยวถ่ายเซลฟี่ แทนที่
จะเป็นสถานที่หลีกเร้นจากกิเลส ไปอบรมจิตใจให้สงบสำรวม
.
เราจะปล่อยให้ส่ิงเหล่านี้ดำเนินต่อไป โดยไม่ลุกขึ้นมาทำอะไรอย่างนั้นหรือ
ฆราวาสต้องปกป้องพระพุทธศาสนา
ลุกขึ้นมา เตือน ติง ต้าน สงฆ์ทำเสื่อม ให้หยุดมอมเมาประชาชน
หยุดกระพือความโลภโมโทสัน หวังผลในบุญ หวังความสำเร็จง่ายๆ
สร้างภาพให้ดูศักดิ์สิทธิ์ ทำแต่สิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่ได้สอน ทำแต่เรื่องเสื่อมเสีย
.
หยุดเข้าวัดพวกอลัชชี ผู้ไม่มีความละอาย ทำให้คนสิ้นศรัทธา
พระดี วัดอยู่ที่ไหนคนก็ไปหา
พระชั่ว อยู่หน้าบ้านก็ยังไม่อยากเข้าไป
หยุดสนับสนุน พระทำเสื่อมทุกกรณี
พระรูปใดเตือนได้ให้เตือน ติงได้ให้ทำ
พระรูปไหนเสื่อมสุดขั้ว
แจ้งสื่อ แจ้งสำนักพุทธ แจ้งความ
..
..
อ.อัจฉราวดี วงศ์สกล
ประธานมูลนิธิ โนอิ้ง บุดด้า
12 มกราคม 2018
เห็นด้วยครับ
อ.อัจฉราวดี วงศ์สกล
..
ชาวพุทธ เป็นมาช้านาน เห็นเครื่องแบบพระแล้วไม่กล้าแตะ ถูกคำว่า "กลัวบาป" เข้าครอบงำ จนขาดความกล้าหาญทำสิ่งที่ถูกต้อง ปล่อยให้อลัชชี คือพระที่ไม่มีความละอาย ผู้ประพฤตินอกจารีต, ละเมิดพุทธบัญญัติ ทำตัวเสื่อม ลอยนวลทำร้ายพระศาสนา
..
อาจารย์ขอใช้สถานะ นักปฏิบัติวิปัสสนามากกว่า 20,000 ชั่วโมงเป็นเดิมพันเพื่อชี้แจงให้มั่นใจ หากสิ่งที่กล่าวชี้ทางมีอะไรผิดไป ขอรับผิดชอบด้วยชีวิต.
การเตือน ติง ต้าน พระที่ทำความเสื่อม เป็นโลกวัชชะ หรือโลกติเตียน หากทำด้วยเจตนารักษาพระพุทธศาสนา ไม่ใช้คำหยาบคาย ไม่มีอคติ ..ไม่บาป
อย่าปล่อยให้พระศาสนาอยู่ในมือของพระภิกษุเหล่านี้
พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า ศาสนาจะอยู่ได้นานเท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติของพุทธบริษัท
.
หากฆราวาสไม่ลุกขึ้นมาเข้มแข็ง อีกหน่อยพุทธศาสนาจะเหลือเพียงสัญลักษณ์ เมื่อพึ่งพระภิกษุไม่ได้ เราต้องพึ่งตนเอง อย่าปล่อยพระสงฆ์ที่ทำตัวเสื่อม ดึงศาสนาลงต่ำ แม้พระภิกษุสงฆ์ที่ดียังมี แต่พระเสื่อม พระปลอมได้แต่นุ่งห่มเหลืองมีกำลังมากกว่า เพราะชอบเอากิเลส เอาเรื่องความรวยมอมเมาชาวพุทธ
..
ความเสื่อมที่เกิดในภาพ ขอจำแนกการกระทำผิดพระธรรมวินัยสงฆ์ตามที่พิจารณาดังนี้..
กรณีที่ การกระทำของพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม พิจารณาแล้วเชื่อว่า มีการกระทำผิดพระธรรมวินัย 3 ข้อ ได้แก่..
ข้อ17. ห้ามมีความประพฤติทรามและประจบเอาใจคฤหัสถ์ (ผู้ครองเรือน) ข้อ 38. ห้ามทำการซื้อขายของด้วยเงินทอง ข้อ 39. ห้ามซื้อขายโดยใช้ของแลก... โดยในความผิดข้อ 17 พระรูปนี้ กระทำการประจบเอาใจคฤหัสถ์ ด้วยการปั่นกิเลสด้วยการขายกระเป๋าพร้อมคำโฆษณา ให้เกิดความโลภโมโทสัน ดั่งคำเชิญชวนที่ว่า “ ยันต์ครูหลวงพ่อพูล เสริมบุคลิกราศี โชคดีมีลาภถูกโฉลกร่ำรวย เติมเต็มต่อยอด เงินทองไหลมา” ....นอกจากนี้ยังแสดงถึงการขาดวิจารณญาณ ว่าสิ่งใดควร สิ่งใดไม่ควร ประพฤติตนไม่สมกับเป็นสมณะ เป็นโลกวัชชะ หยิบยื่นกิเลสให้แก่มนุษย์ ให้มัวเมาอยู่ในความโลภโมโทสัน แทนที่จะรักษาศีลและพึ่งตนเอง ประกอบสัมมาอาชีวะ และรู้จักทำทานสละด้วยความบริสุทธิ์ โดยไม่ต้องมีสิ่งของแลกเปลี่ยน....
..
กรณี เอารูปปั้นยักษ์ ที่มีกริยาไม่เหมาะสม ของวัดท่าไคร้ จ.เชียงใหม่ เอาหุ่นยนต์ไปตั้งในวัดและธรรมสถาน มีถึง 4 วัด เช่นที่วัดตะเคียน ถ.พระราม 5 เป็นการกระทำที่ขาดการพิจารณา ขาดความเคารพยำเกรงพระพุทธเจ้า ที่นำสัญลักษณ์กิเลส ไปตั้งอยู่ในวัด กรณีธรรมสถาน ไร่เชิญตะวัน ของพระมหาวุฒิชัย ว.วชิรเมธี ได้นำหุ่นยนต์ตั้งเคียงข้างซ้ายขวาแบบสิ้นความยำเกรงในพุทธบารมี พระพุทธรูปซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่พึงประดิษฐานด้วยความเคารพ น่าสลดใจ ที่พระภิกษุสงฆ์พึงพิจารณาได้ว่าสิ่งใดควรสิ่งใดไม่ควร แต่กรณีดังกล่าว กลับเป็นแบบอย่างในการประพฤติที่ไม่เหมาะควรเสียเอง ลดคุณค่าของพุทธศาสนาที่เป็นหลักปฏิบัติเพื่อให้คนมีปัญญา เพื่อละกิเลสและความลุ่มหลง แต่กลับยกคุณค่าของสัญลักษณ์ทางกิเลส มาเทียบคู่กับสัญลักษณ์ของพระบรมศาสดา ที่ทรงเป็นพระวิสุทธคุณ บริสุทธิ์ ปราศจากกิเลส สาธุชนที่เห็นรู้สึกเสื่อมศรัทธา ไม่ว่าจะอ้างว่าทำไปด้วยเหตุใด ก็ฟังไม่ขึ้นทั้งนั้น ยิ่งเป็นพระดังก็ทำให้วัดอื่นทำตาม
..
พระที่เอาสัญลักษณ์โลกีย์วิถี และวิถีนอกต่างๆ เข้ามา โดยอ้างว่าเป็นกุศโลบายให้คนเข้าวัด มองอย่างไรก็ไม่เหมาะ
"กุศโลบาย" แปลว่า วิธีอันแยบคาย วิธีอันชาญฉลาด แต่ที่ทำกันนั้น นอกจากจะไม่แยบคายแล้ว ยังโจ่งแจ้งในความสิ้นปัญญาพิจารณาของผู้ได้ชื่อว่าเป็นภิกษุ ทั้งบางรายก็ชัด เข้าข่ายการ“ล่อ" ให้เข้ามาทำบุญ ไม่ใช่กุศโลบาย
ไม่มีทั้งศาสตร์ ทั้งศิลป์ แปรสภาพวัดให้กลายเป็นที่ท่องเที่ยวถ่ายเซลฟี่ แทนที่
จะเป็นสถานที่หลีกเร้นจากกิเลส ไปอบรมจิตใจให้สงบสำรวม
.
เราจะปล่อยให้ส่ิงเหล่านี้ดำเนินต่อไป โดยไม่ลุกขึ้นมาทำอะไรอย่างนั้นหรือ
ฆราวาสต้องปกป้องพระพุทธศาสนา
ลุกขึ้นมา เตือน ติง ต้าน สงฆ์ทำเสื่อม ให้หยุดมอมเมาประชาชน
หยุดกระพือความโลภโมโทสัน หวังผลในบุญ หวังความสำเร็จง่ายๆ
สร้างภาพให้ดูศักดิ์สิทธิ์ ทำแต่สิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่ได้สอน ทำแต่เรื่องเสื่อมเสีย
.
หยุดเข้าวัดพวกอลัชชี ผู้ไม่มีความละอาย ทำให้คนสิ้นศรัทธา
พระดี วัดอยู่ที่ไหนคนก็ไปหา
พระชั่ว อยู่หน้าบ้านก็ยังไม่อยากเข้าไป
หยุดสนับสนุน พระทำเสื่อมทุกกรณี
พระรูปใดเตือนได้ให้เตือน ติงได้ให้ทำ
พระรูปไหนเสื่อมสุดขั้ว
แจ้งสื่อ แจ้งสำนักพุทธ แจ้งความ
..
..
อ.อัจฉราวดี วงศ์สกล
ประธานมูลนิธิ โนอิ้ง บุดด้า
12 มกราคม 2018