เมื่อพูดถึงโมรอคโค ก็จะไม่เป็นที่แปลกหูกับนักท่องเที่ยว สำหรับชื่อเสียงของประเทศที่โด่งดังกับการท่องเที่ยวประเทศนี้ ตั้งแต่มัสยิดฮะซันที่สอง(Hassan II mosque) อันโด่งดังของเมือง Casablanca เมืองโบราณสีคราม Chefchaouen เมืองเก่าเมืองเครื่องหนัง Fez ทะเลทรายซาฮาร่าแห่ง Merzouga เทือกเขาแอตลาส และเมืองท่องเที่ยวสุดชิค Marrakesh ทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ใน bucketlist ของหลายๆคน โดยเฉพาะสาวๆ ที่ถือว่าโมรอคโคเป็นประเทศที่เหมาะกับการถ่ายเซลฟี่ได้สวย เหมาะกับภาพชิคๆคูลๆเป็นยิ่งนัก ทริปครั้งนี้ เป็นทริปครอบครัวและเป็นทริปในฝันของท่านภรรยา ที่ใฝ่ฝันจะมาชิคๆคูลๆในประเทศติสท์ๆแห่งนี้มาตลอด ในที่สุด ความฝันของเธอก็เป็นจริง
โมรอคโคเป็นประเทศที่ร่ำรวยวัฒนธรรมมาก มีของเก่าๆ คลาสสิก มีความ medieval ยุคกลาง และมีธรรมชาติที่สวยงามตามแบบทะเลทรายในอุดมคติ จึงเป็นทริปที่ผมอยากรีวิวให้กับเพื่อนๆมากๆ วันนี้เราจะมารีวิวการเดินทางท่องเที่ยวสิบวันในโมรอคโคตามสไตล์ซามูไรพ่อลูกอ่อน เป็นตากล้องไปกระเตงลูกไป เปลี่ยนผ้าอ้อมลูกไปเป็นนางแบบไป เลี้ยงลูกไปเที่ยวไป
การเดินทางของเราเริ่มต้นในวันที่ 20 ธันวา 2017 ยาวนานประมาณสองสัปดาห์ เริ่มต้นจากคาซาบลังก้า วนเป็นวงกลมผ่านเมืองเชฟชวน เมืองเฟซ เมืองมาโซก้า จอร์จอาเดส เทือกเขาแอตลาส เมืองมาราเกช และวนกลับไปคาซาบลังก้า ก่อนบินกลับบ้าน ทัวร์ทั่วตอนเหนือของโมรอคโคประมาณ 10 วัน ซึ่งก็เป็นโปรแกรมมาตรฐานตามสไตล์มนุษย์เงินเดือนวันหยุดจำกัดทั่วไป เมืองที่เราไปทั้งหมดรวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวระหว่างทางก็มีนักท่องเที่ยวเยอะ ไม่ถือว่า unseen มากมายนัก แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความงามของโมรอคโคลดลง ผมและครอบครัวพยายามอย่างที่สุดที่จะสื่อความงามเหล่านี้ออกมาสู่ผู้ที่สนใจ ให้เป็นไอเดียว่า โมรอคโค เป็นประเทศที่เหมาะมาเที่ยว มาถ่ายภาพ มาเรียนรู้วัฒนธรรม และมาสร้างสรรค์หรือเสพงานอาร์ตจริงๆ จากภาพถ่ายประมาณหมื่นภาพที่ผมถ่ายมา ก็คัดที่คิดว่าเหมาะสมกับรีวิวชุดนี้มาเล็กน้อยครับ
ก่อนเข้าสู่รีวิว ผมขอฝากเพจท่องเที่ยวของผม
www.facebook.com/corallust
ซึ่งมีรีวิวท่องเที่ยวหลายประเทศในสามสี่ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ มัลดีฟส์ หลีเป๊ะ ราจาอัมพัต ซินเซียง ยุโรป และโมรอคโคครับ
สำหรับผู้ที่เข้าไป follow จะได้รับการ update รีวิวตัวเต็มตอนโมรอคโค บนเวปไซท์ของผม
adilsiripatana.com ด้วยครับ
เอาล่ะ เรามารีวิวตามภาพ ว่าสิบวันทำอะไรบ้าง เป็นข้อๆไปเลย!
1. #เป้าหมายหลักเมื่อมาโมรอคโค
เวลาคิดถึงโมรอคโค สิ่งแรกที่ขึ้นมาในหัวของคนส่วนใหญ่คือทะเลทราย หรือภูเขาทรายใหญ่ๆ มหึมา สลับซับซ้อน สีเหลืองหรือส้ม พร้อมๆกับขบวนคาราวานอูฐ มันเป็นภาพในหัวที่อยากเห็นอยากถ่ายมานานครับ เลยเอาภาพนี้ขึ้นเป็นภาพปกของรีวิวชุดนี้ ภาพนี้ผมถ่ายไว้ยามเช้า ก่อนกลับจากแคมปิ้งกลางทะเลทราย ที่ทะเลทราย Erg Chebbi ใน Merzouga มาโมรอคโคแล้ว ห้ามพลาดจ้า
2. #ถ่ายภาพแมวเหมียวแห่งไข่มุกสีคราม
เราออกเดินทางจาก Casablanca เมืองท่าหลักของโมรอคโคด้วยรถไฟ เพื่อไปสู่เมือง Chefchaouen เมืองสีฟ้าอันโด่งดังของโมรอคโค ตามปกติวิธีการไป Chefchaouen คนจะไปกันด้วยรถบัส เนื่องจากเป็นเมืองบนเขาสลับซับซ้อน ไม่มีรถไฟเข้าถึงได้ แต่เราเลือกการนั่งรถไฟไปถีงสถานี Souq Al Bra ครึ่งทาง แล้วนั่งแท็กซี่ที่เราจองผ่านโรงแรมใน Chefchaouen ซึ่งสะดวกสบายกว่าการนั่งบัสมาก ย่อมจ่ายแพงเพื่อความสะดวก ค่ารถไฟต่อคนอยู่ที่ประมาณคนละสี่ร้อย ส่วนค่าแท๊กซี่ระยะทางเกือบสองชั่วโมงแบบเหมาอยู่ที่ 1800 บาท เมื่อไปถึงก็ตกเย็นพอดี แบกของเข้าที่พัก มีเวลาไม่มากนักที่จะถ่ายภาพก่อนดวงอาทิตย์จะตก ซึ่งตกตั้งแต่ห้าโมงครึ่งในฤดูหนาว จุดเด่นหนึ่งของ Chefchaouen คือแก๊งแมวของเมือง เดินไปทางไหนก็เจอแมว เจ้าเหมียวตัวนึงต้อนรับแขกมาก เดินเข้ามาให้ลูบหัว ผมจึงถ่ายมันเก็บไว้เท่ห์ๆหนึ่งภาพ ใครมาที่นี่ ก็อย่าลืมเอาแมวเป็นซับเจคกับเมืองสีครามสวยๆ จะได้ภาพที่น่าจดจำมากๆครับ
3. #BluePearlAtSunset
ดวงอาทิตย์กำลังจะตกเต็มที แต่ผมไม่มีเวลาแล้ว ยังไงๆก็ต้องรีบเดินสำรวจเพื่อหามุมในการถ่ายภาพเมืองแบบพาโนราม่าในวันรุ่งขึ้น จึงเป็นการเดินที่เร่งรีบ ไต่ไปตามหลังกำแพงเมืองทางด้านบนสุดไล่ไปเรื่อยๆ กำแพงเหล่านี้จะมีลักษณะเป็นป้อมปราการอยู่เป็นช่วงๆ และยาวเหยียด ผมกะจะเดินไปจนถึงภูเขาฝั่งตรงข้ามที่เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวมักจะไปรวมตัวถ่ายภาพกันในยามเย็น แต่มันไม่ทันซะแล้ว ดวงอาทิตย์ตกซะก่อน ผมจึงรีบวิ่งขึ้นไปบนป้อมปราการหลังหนึ่ง ตั้งกล้อง และถ่ายสีสันของโมเม้นท์ ณ ตอนนั้น แล้วก็พบว่า นี่เป็นภาพที่มีมุมของเมืองสวยงามมาก เห็นทั้งหมด เห็นใจกลางเมือง เห็นท้องฟ้าสีเพลิง กลายเป็นอุบัติเหตุที่สมหวัง ได้เวลากลับไปพักผ่อนแล้ว
4. #ถ่ายเมืองเชฟชวนแบบทูโทน
รุ่งอรุณวันถัดมา ผมเร่งเดินเท้าออกจากที่พักตั้งแต่แสงแรก ไปตามเส้นทางหลังเมืองที่ไปมาเมื่อวาน มุ่งสู่จุดชมวิวที่อยู่บนเขาอีกลูกหนึ่งตรงกันข้ามกับตัวเมือง Chefchaouen สำหรับคนฟิตๆ การเดินบนเขาที่นี่เป็นการออกกำลังที่ดีมาก สิ่งที่ต้องระมัดระวังคือหลังเมือง และรอบๆจะมีเจ้าหน้าที่ที่เลี้ยงสุนัขไว้ บางครั้งสุนัขเหล่าจะเห่าและทำให้เราตกใจ นอกจากนั้นบริเวณนอกเมืองที่ไม่ใช่จุดชมวิว ยังมีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ คอยสอดส่องไม่ให้เราถ่ายภาพอีกด้วย ที่นี่จะมีโซนที่ถูกพิจารณาให้นักท่องเที่ยว และจุดอื่นๆ คนจะไม่ค่อยพอใจหากเราถ่ายภาพ ผมเดินขึ้นไปจนถึงจุดชมวิวอันเป็นที่นิยม แต่เนื่องจากเป็นตอนเช้าตรู่จึงแทบไม่มีคนอยู่เลย จุดชมวิวจุดนี้ เราจะได้เห็นเมืองแบบแบๆ ทั้งเมือง สีครามเป็นพืดทั้งหมด ถ่ายพาโนรามาสนุกมาก แต่ภาพที่ผมประทับใจที่สุด เป็นภาพส่วนเล็กๆของเมือง ที่จะถูกแสงเช้าแบ่งออกให้เป็นสองสีที่ตัดกัน ผมว่ามันสวยดี
5. #ทานอาหารเช้าบนดาดฟ้าของเมืองสีคราม
หลังเดินถ่ายภาพช่วงเช้าเสร็จ เราก็ได้ทานอาหารเช้าบนดาดฟ้าโรงแรม โมรอคโคขึ้นชื่อเรื่องน้ำมันมะกอก ผลิตภัณฑ์จากมะกอก และส้ม มื้อเช้าที่นี่จึงเต็มไปด้วย มะกอก ขนมปัง และน้ำส้มสีสดๆให้เราถ่ายภาพอาหารกันอย่างสนุก แม้จะไม่ได้อร่อยหลากหลายเหมือนอาหารเช้าแบบไทยๆ ช่วงหน้าหนาวเช่นนี้ ฟ้าใสๆ เมืองสวยๆ ทำให้มื้อเช้าของเราเต็มไปด้วยสีสัน และความวุ่นวายจากเจ้าตัวเล็ก ที่เลือกไม่ถูก ว่าตัวเองอยากทานอะไรแน่
6. #ถ่ายภาพแฟชั่นให้คนที่คุณรัก
วันนี้เป็นวันสุดท้ายใน Chefchaouen เราใช้ทั้งวันในการเดินถ่ายภาพ portrait เจ๋งๆกับเมืองสีครามอันสุดยอดแห่งนี้ เป็นเมืองที่มีมุมให้ถ่ายเยอะมาก เดินทั้งวันก็ยังไม่ครบทุกมุม วันนี้เราทั้งสามคน พ่อแม่ลูก นัดกันใส่ชุดโทนมินเนี่ยนให้ตัดกับสีฟ้าของเมือง เดินถ่ายภาพกันทั้งวัน โดยเฉพาะคุณแม่ที่เป็นนางแบบหลักของพวกเรา
7. #ถ่ายภาพสไตล์เดินผ่านประตูเท่ห์ๆ
เมืองสีครามแห่งนี้มีจุดเด่นคือ มีซุ้มประตูซับซ้อนมากมาย ทำให้เราได้ภาพโทนฟ้าที่ไล่สีสวย และเนื่องจากผมไม่ชอบที่จะถ่ายชาวบ้านที่เดินผ่านประตู เกรงว่าจะไม่ได้รับอนุญาต จึงเดินผ่านประตูเองซะเลย อันนี้ใครมา Chefchaouen เอาเป็นไอเดียได้ครับ ว่าถ่ายไงให้แจ๋ม เราเดินกันทั้งวันจนเหนื่อย และที่สำคัญเราเบื่ออาหารตามร้านอาหารโมรอคคั่นมาก เราจึงเดินไปเรื่อยๆ ณ มุมหนึ่งของเมือง แทบจะเรียกได้ว่าเป็นซอกหลืบที่มิดชิด เราพบร้านอาหารจีนที่ถูกออกแบบมารับรองนักท่องเที่ยวจีนโดยเฉพาะ เราไม่ลังเลที่จะเข้าไปทานครับ และพบว่า อร่อยมากกกก ทำให้เรารอดจากความหิวโหยและรสชาติที่ไม่ใช่ จนเราต้องขอสั่งแบบใส่กล่องไปทานต่อในมื้อเย็น และแล้วเวลาของเราใน Chefchaouen ก็มาถึงที่สิ้นสุด เรานั่ง taxi คันเดิมต่อไปที่เมืองถัดไป คือเมือง Fez ใช้เวลาประมาณสามชั่วโมงกว่าก็ถึง ค่าแท็กซี่รอบนี้แพงหน่อยครับ ประมาณ 3600 บาท เมื่อมาถึงก็มีคนจากที่พักเรามารับ ที่พักชื่อ Riad Palace Bahia ซึ่งเราจะรีวิวหลังจากนี้ครับ
8. #เดินเล่นดูเมืองเก่าเฟซกับไกด์ เช้าวันรุ่งขึ้น
เรามีไกด์มานำเราไปเดินดูสถานที่สำคัญใน Fez Old Madinah ซึ่งจำเป็นมาก เพราะเมืองนี้ซับซ้อนเป็นเขาวงกตทีเดียว เมืองนี้ก็เมืองขายของ มีสินค้าทุกประเภท และที่ดึงดูดสายตานักท่องเที่ยวมากๆ ก็คงจะเป็นพวกเครื่องหนัก ที่ผลิตในเมืองนี้ นำมาทำเป็นเสื้อผ้าบ้าง กระเป๋าบ้าง รองเท้าบ้าง สีสันสดใสย้อมด้วยสีธรรมชาติ ขาช๊อปช๊อปกันสนุกมากสำหรับสินค้าคลาสสิคเหล่านี้ และเรากำลังเดินไปดูโรงงานที่ผลิตเครื่องหนังเหล่านี้ คือ tannery
9. #เข้าชมโรงงานย้อมเครื่องหนังอันโด่งดัง
ใครที่มา Fez แล้ว อย่างน้อยๆก็ต้องมาชมโรงงาน tannery หรือโรงงานย้อมเครื่องหนังอันมีชื่อเสียงของเมืองนี้ เครื่องหนังชนิดต่างๆ ทั้งหนังวัว อูฐ แพะ แกะ จะถูกนำมาล้างในอ่างหลากสีเหล่านี้ บางอ่างก็จะเป็นน้ำผสมขี้นกพิราบ ซึ่งมีแอมโมเนียในการฟอกหนังสัตว์ บางอ่างก็จะเป็นน้ำผสมสีธรรมชาติ เป็นสถานที่ถ่ายภาพแนวสตรีทแนวไลฟ์ที่มีสีสันสวยงาม และมีเอกลักษณ์มากครับ หลังดูเสร็จ ผู้ดูแลโรงงานก็จะพาเราไปดูสินค้า ชวนเราซื้ออย่างขะมักเขม้น แต่ราคาไม่ใช่เบาๆเลย สินค้าบางส่วนในนี้ถูกเอาไปติดแบรนด์และขายต่อในปารีสก็มี เราซื้อไม่ไหวหรอกจ้าาาา
10. #ชมโรงงานทำพรมแฮนด์เม้ด
หลังจาก tannery ไกด์ของเราก็พาเราไปชมโรงงานทำพรมต่อ โรงงานนี้อยู่ในซอกหลืบที่ถ้าไกด์ไม่นำไปก็คงไม่เจอ ใหญ่โตโอ่อ่ามาก พรมก็ใหญ่และสวยมากๆ เขาจะนำเราขึ้นไปชั้นสองไปดูการทำพรม ก็จะมีคุณผู้หญิงท่านหนึ่งนั่งถักพรมด้วยเครื่องถักด้วยด้ายที่ละชั้นที่ละชั้น ผมถามเขาว่า ทำได้ไง เขาบอกว่าเขาจำลายได้เหมือนคอมพิวเตอร์ ผมนี่ทึ่งมาก มันเป็นงานฝีมืออย่างแท้จริง นอกจากนั้นตึกนี้ยังเคยที่เป็นพักของผู้มีชื่อเสียงในยุคกลางหลายคน เช่นอิบนุรุช(Avarose) ซึ่งเป็นนักปรัชญาที่โด่งดังผู้วางรากฐานให้เกิดวิทยาศาสตร์ในยุโรป
11. #เดินชมประตุเก่าๆประติมากรรมสวยๆของเฟซ
Fez เป็นเมืองเก่าแก่ของโลกอิสลามที่มีอายุถึง 1800 ปี จึงมีศิลปะเก่าๆมากมาย ซึ่งมักจะซ่อนอยู่ตามมัสยิดต่างๆรอบเมืองนี้ ไกด์เราก็นำไปดูประตูสวยๆอันหนึ่ง แต่ถ่ายภาพยากมาก เพราะคนเดินผ่านไปผ่านมาตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม สถาปัตยกรรมเก่าๆเหล่านี้ ก็สวยงามจริงๆ หลังจากเดินชมเมืองจนบ่าย ก็เป็นอันเสร็จสิ้นเสียตังค์ไปให้ไกด์อีกประมาณหกร้อยบาท แต่คุ้มมาก อย่างน้อยๆวันต่อๆไปเราก็เดินชมเมืองเองได้แล้ว จริงๆแล้วสำหรับ Fez เราถือว่าเป็นช่วงพักผ่อน ก่อนเดินทางไกลอีกครั้ง เราจึงทานอาหารกันที่ Riad และไม่ออกไปไหนอีกสำหรับวันนี้ ซึ่งผู้จัดการของ Riad แห่งนี้ ก็ดูแลเราเสมือนครอบครัวเลยทีเดียว(แม้จะไม่ฟรีก็ตาม ฮ่าๆๆ)
[SR] 10 วันในโมรอคโค สไตล์ซามูไรพ่อลูกอ่อน
โมรอคโคเป็นประเทศที่ร่ำรวยวัฒนธรรมมาก มีของเก่าๆ คลาสสิก มีความ medieval ยุคกลาง และมีธรรมชาติที่สวยงามตามแบบทะเลทรายในอุดมคติ จึงเป็นทริปที่ผมอยากรีวิวให้กับเพื่อนๆมากๆ วันนี้เราจะมารีวิวการเดินทางท่องเที่ยวสิบวันในโมรอคโคตามสไตล์ซามูไรพ่อลูกอ่อน เป็นตากล้องไปกระเตงลูกไป เปลี่ยนผ้าอ้อมลูกไปเป็นนางแบบไป เลี้ยงลูกไปเที่ยวไป
การเดินทางของเราเริ่มต้นในวันที่ 20 ธันวา 2017 ยาวนานประมาณสองสัปดาห์ เริ่มต้นจากคาซาบลังก้า วนเป็นวงกลมผ่านเมืองเชฟชวน เมืองเฟซ เมืองมาโซก้า จอร์จอาเดส เทือกเขาแอตลาส เมืองมาราเกช และวนกลับไปคาซาบลังก้า ก่อนบินกลับบ้าน ทัวร์ทั่วตอนเหนือของโมรอคโคประมาณ 10 วัน ซึ่งก็เป็นโปรแกรมมาตรฐานตามสไตล์มนุษย์เงินเดือนวันหยุดจำกัดทั่วไป เมืองที่เราไปทั้งหมดรวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวระหว่างทางก็มีนักท่องเที่ยวเยอะ ไม่ถือว่า unseen มากมายนัก แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความงามของโมรอคโคลดลง ผมและครอบครัวพยายามอย่างที่สุดที่จะสื่อความงามเหล่านี้ออกมาสู่ผู้ที่สนใจ ให้เป็นไอเดียว่า โมรอคโค เป็นประเทศที่เหมาะมาเที่ยว มาถ่ายภาพ มาเรียนรู้วัฒนธรรม และมาสร้างสรรค์หรือเสพงานอาร์ตจริงๆ จากภาพถ่ายประมาณหมื่นภาพที่ผมถ่ายมา ก็คัดที่คิดว่าเหมาะสมกับรีวิวชุดนี้มาเล็กน้อยครับ
ก่อนเข้าสู่รีวิว ผมขอฝากเพจท่องเที่ยวของผม www.facebook.com/corallust
ซึ่งมีรีวิวท่องเที่ยวหลายประเทศในสามสี่ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ มัลดีฟส์ หลีเป๊ะ ราจาอัมพัต ซินเซียง ยุโรป และโมรอคโคครับ
สำหรับผู้ที่เข้าไป follow จะได้รับการ update รีวิวตัวเต็มตอนโมรอคโค บนเวปไซท์ของผม adilsiripatana.com ด้วยครับ
เอาล่ะ เรามารีวิวตามภาพ ว่าสิบวันทำอะไรบ้าง เป็นข้อๆไปเลย!
1. #เป้าหมายหลักเมื่อมาโมรอคโค
เวลาคิดถึงโมรอคโค สิ่งแรกที่ขึ้นมาในหัวของคนส่วนใหญ่คือทะเลทราย หรือภูเขาทรายใหญ่ๆ มหึมา สลับซับซ้อน สีเหลืองหรือส้ม พร้อมๆกับขบวนคาราวานอูฐ มันเป็นภาพในหัวที่อยากเห็นอยากถ่ายมานานครับ เลยเอาภาพนี้ขึ้นเป็นภาพปกของรีวิวชุดนี้ ภาพนี้ผมถ่ายไว้ยามเช้า ก่อนกลับจากแคมปิ้งกลางทะเลทราย ที่ทะเลทราย Erg Chebbi ใน Merzouga มาโมรอคโคแล้ว ห้ามพลาดจ้า
2. #ถ่ายภาพแมวเหมียวแห่งไข่มุกสีคราม
เราออกเดินทางจาก Casablanca เมืองท่าหลักของโมรอคโคด้วยรถไฟ เพื่อไปสู่เมือง Chefchaouen เมืองสีฟ้าอันโด่งดังของโมรอคโค ตามปกติวิธีการไป Chefchaouen คนจะไปกันด้วยรถบัส เนื่องจากเป็นเมืองบนเขาสลับซับซ้อน ไม่มีรถไฟเข้าถึงได้ แต่เราเลือกการนั่งรถไฟไปถีงสถานี Souq Al Bra ครึ่งทาง แล้วนั่งแท็กซี่ที่เราจองผ่านโรงแรมใน Chefchaouen ซึ่งสะดวกสบายกว่าการนั่งบัสมาก ย่อมจ่ายแพงเพื่อความสะดวก ค่ารถไฟต่อคนอยู่ที่ประมาณคนละสี่ร้อย ส่วนค่าแท๊กซี่ระยะทางเกือบสองชั่วโมงแบบเหมาอยู่ที่ 1800 บาท เมื่อไปถึงก็ตกเย็นพอดี แบกของเข้าที่พัก มีเวลาไม่มากนักที่จะถ่ายภาพก่อนดวงอาทิตย์จะตก ซึ่งตกตั้งแต่ห้าโมงครึ่งในฤดูหนาว จุดเด่นหนึ่งของ Chefchaouen คือแก๊งแมวของเมือง เดินไปทางไหนก็เจอแมว เจ้าเหมียวตัวนึงต้อนรับแขกมาก เดินเข้ามาให้ลูบหัว ผมจึงถ่ายมันเก็บไว้เท่ห์ๆหนึ่งภาพ ใครมาที่นี่ ก็อย่าลืมเอาแมวเป็นซับเจคกับเมืองสีครามสวยๆ จะได้ภาพที่น่าจดจำมากๆครับ
3. #BluePearlAtSunset
ดวงอาทิตย์กำลังจะตกเต็มที แต่ผมไม่มีเวลาแล้ว ยังไงๆก็ต้องรีบเดินสำรวจเพื่อหามุมในการถ่ายภาพเมืองแบบพาโนราม่าในวันรุ่งขึ้น จึงเป็นการเดินที่เร่งรีบ ไต่ไปตามหลังกำแพงเมืองทางด้านบนสุดไล่ไปเรื่อยๆ กำแพงเหล่านี้จะมีลักษณะเป็นป้อมปราการอยู่เป็นช่วงๆ และยาวเหยียด ผมกะจะเดินไปจนถึงภูเขาฝั่งตรงข้ามที่เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวมักจะไปรวมตัวถ่ายภาพกันในยามเย็น แต่มันไม่ทันซะแล้ว ดวงอาทิตย์ตกซะก่อน ผมจึงรีบวิ่งขึ้นไปบนป้อมปราการหลังหนึ่ง ตั้งกล้อง และถ่ายสีสันของโมเม้นท์ ณ ตอนนั้น แล้วก็พบว่า นี่เป็นภาพที่มีมุมของเมืองสวยงามมาก เห็นทั้งหมด เห็นใจกลางเมือง เห็นท้องฟ้าสีเพลิง กลายเป็นอุบัติเหตุที่สมหวัง ได้เวลากลับไปพักผ่อนแล้ว
4. #ถ่ายเมืองเชฟชวนแบบทูโทน
รุ่งอรุณวันถัดมา ผมเร่งเดินเท้าออกจากที่พักตั้งแต่แสงแรก ไปตามเส้นทางหลังเมืองที่ไปมาเมื่อวาน มุ่งสู่จุดชมวิวที่อยู่บนเขาอีกลูกหนึ่งตรงกันข้ามกับตัวเมือง Chefchaouen สำหรับคนฟิตๆ การเดินบนเขาที่นี่เป็นการออกกำลังที่ดีมาก สิ่งที่ต้องระมัดระวังคือหลังเมือง และรอบๆจะมีเจ้าหน้าที่ที่เลี้ยงสุนัขไว้ บางครั้งสุนัขเหล่าจะเห่าและทำให้เราตกใจ นอกจากนั้นบริเวณนอกเมืองที่ไม่ใช่จุดชมวิว ยังมีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ คอยสอดส่องไม่ให้เราถ่ายภาพอีกด้วย ที่นี่จะมีโซนที่ถูกพิจารณาให้นักท่องเที่ยว และจุดอื่นๆ คนจะไม่ค่อยพอใจหากเราถ่ายภาพ ผมเดินขึ้นไปจนถึงจุดชมวิวอันเป็นที่นิยม แต่เนื่องจากเป็นตอนเช้าตรู่จึงแทบไม่มีคนอยู่เลย จุดชมวิวจุดนี้ เราจะได้เห็นเมืองแบบแบๆ ทั้งเมือง สีครามเป็นพืดทั้งหมด ถ่ายพาโนรามาสนุกมาก แต่ภาพที่ผมประทับใจที่สุด เป็นภาพส่วนเล็กๆของเมือง ที่จะถูกแสงเช้าแบ่งออกให้เป็นสองสีที่ตัดกัน ผมว่ามันสวยดี
5. #ทานอาหารเช้าบนดาดฟ้าของเมืองสีคราม
หลังเดินถ่ายภาพช่วงเช้าเสร็จ เราก็ได้ทานอาหารเช้าบนดาดฟ้าโรงแรม โมรอคโคขึ้นชื่อเรื่องน้ำมันมะกอก ผลิตภัณฑ์จากมะกอก และส้ม มื้อเช้าที่นี่จึงเต็มไปด้วย มะกอก ขนมปัง และน้ำส้มสีสดๆให้เราถ่ายภาพอาหารกันอย่างสนุก แม้จะไม่ได้อร่อยหลากหลายเหมือนอาหารเช้าแบบไทยๆ ช่วงหน้าหนาวเช่นนี้ ฟ้าใสๆ เมืองสวยๆ ทำให้มื้อเช้าของเราเต็มไปด้วยสีสัน และความวุ่นวายจากเจ้าตัวเล็ก ที่เลือกไม่ถูก ว่าตัวเองอยากทานอะไรแน่
6. #ถ่ายภาพแฟชั่นให้คนที่คุณรัก
วันนี้เป็นวันสุดท้ายใน Chefchaouen เราใช้ทั้งวันในการเดินถ่ายภาพ portrait เจ๋งๆกับเมืองสีครามอันสุดยอดแห่งนี้ เป็นเมืองที่มีมุมให้ถ่ายเยอะมาก เดินทั้งวันก็ยังไม่ครบทุกมุม วันนี้เราทั้งสามคน พ่อแม่ลูก นัดกันใส่ชุดโทนมินเนี่ยนให้ตัดกับสีฟ้าของเมือง เดินถ่ายภาพกันทั้งวัน โดยเฉพาะคุณแม่ที่เป็นนางแบบหลักของพวกเรา
7. #ถ่ายภาพสไตล์เดินผ่านประตูเท่ห์ๆ
เมืองสีครามแห่งนี้มีจุดเด่นคือ มีซุ้มประตูซับซ้อนมากมาย ทำให้เราได้ภาพโทนฟ้าที่ไล่สีสวย และเนื่องจากผมไม่ชอบที่จะถ่ายชาวบ้านที่เดินผ่านประตู เกรงว่าจะไม่ได้รับอนุญาต จึงเดินผ่านประตูเองซะเลย อันนี้ใครมา Chefchaouen เอาเป็นไอเดียได้ครับ ว่าถ่ายไงให้แจ๋ม เราเดินกันทั้งวันจนเหนื่อย และที่สำคัญเราเบื่ออาหารตามร้านอาหารโมรอคคั่นมาก เราจึงเดินไปเรื่อยๆ ณ มุมหนึ่งของเมือง แทบจะเรียกได้ว่าเป็นซอกหลืบที่มิดชิด เราพบร้านอาหารจีนที่ถูกออกแบบมารับรองนักท่องเที่ยวจีนโดยเฉพาะ เราไม่ลังเลที่จะเข้าไปทานครับ และพบว่า อร่อยมากกกก ทำให้เรารอดจากความหิวโหยและรสชาติที่ไม่ใช่ จนเราต้องขอสั่งแบบใส่กล่องไปทานต่อในมื้อเย็น และแล้วเวลาของเราใน Chefchaouen ก็มาถึงที่สิ้นสุด เรานั่ง taxi คันเดิมต่อไปที่เมืองถัดไป คือเมือง Fez ใช้เวลาประมาณสามชั่วโมงกว่าก็ถึง ค่าแท็กซี่รอบนี้แพงหน่อยครับ ประมาณ 3600 บาท เมื่อมาถึงก็มีคนจากที่พักเรามารับ ที่พักชื่อ Riad Palace Bahia ซึ่งเราจะรีวิวหลังจากนี้ครับ
8. #เดินเล่นดูเมืองเก่าเฟซกับไกด์ เช้าวันรุ่งขึ้น
เรามีไกด์มานำเราไปเดินดูสถานที่สำคัญใน Fez Old Madinah ซึ่งจำเป็นมาก เพราะเมืองนี้ซับซ้อนเป็นเขาวงกตทีเดียว เมืองนี้ก็เมืองขายของ มีสินค้าทุกประเภท และที่ดึงดูดสายตานักท่องเที่ยวมากๆ ก็คงจะเป็นพวกเครื่องหนัก ที่ผลิตในเมืองนี้ นำมาทำเป็นเสื้อผ้าบ้าง กระเป๋าบ้าง รองเท้าบ้าง สีสันสดใสย้อมด้วยสีธรรมชาติ ขาช๊อปช๊อปกันสนุกมากสำหรับสินค้าคลาสสิคเหล่านี้ และเรากำลังเดินไปดูโรงงานที่ผลิตเครื่องหนังเหล่านี้ คือ tannery
9. #เข้าชมโรงงานย้อมเครื่องหนังอันโด่งดัง
ใครที่มา Fez แล้ว อย่างน้อยๆก็ต้องมาชมโรงงาน tannery หรือโรงงานย้อมเครื่องหนังอันมีชื่อเสียงของเมืองนี้ เครื่องหนังชนิดต่างๆ ทั้งหนังวัว อูฐ แพะ แกะ จะถูกนำมาล้างในอ่างหลากสีเหล่านี้ บางอ่างก็จะเป็นน้ำผสมขี้นกพิราบ ซึ่งมีแอมโมเนียในการฟอกหนังสัตว์ บางอ่างก็จะเป็นน้ำผสมสีธรรมชาติ เป็นสถานที่ถ่ายภาพแนวสตรีทแนวไลฟ์ที่มีสีสันสวยงาม และมีเอกลักษณ์มากครับ หลังดูเสร็จ ผู้ดูแลโรงงานก็จะพาเราไปดูสินค้า ชวนเราซื้ออย่างขะมักเขม้น แต่ราคาไม่ใช่เบาๆเลย สินค้าบางส่วนในนี้ถูกเอาไปติดแบรนด์และขายต่อในปารีสก็มี เราซื้อไม่ไหวหรอกจ้าาาา
10. #ชมโรงงานทำพรมแฮนด์เม้ด
หลังจาก tannery ไกด์ของเราก็พาเราไปชมโรงงานทำพรมต่อ โรงงานนี้อยู่ในซอกหลืบที่ถ้าไกด์ไม่นำไปก็คงไม่เจอ ใหญ่โตโอ่อ่ามาก พรมก็ใหญ่และสวยมากๆ เขาจะนำเราขึ้นไปชั้นสองไปดูการทำพรม ก็จะมีคุณผู้หญิงท่านหนึ่งนั่งถักพรมด้วยเครื่องถักด้วยด้ายที่ละชั้นที่ละชั้น ผมถามเขาว่า ทำได้ไง เขาบอกว่าเขาจำลายได้เหมือนคอมพิวเตอร์ ผมนี่ทึ่งมาก มันเป็นงานฝีมืออย่างแท้จริง นอกจากนั้นตึกนี้ยังเคยที่เป็นพักของผู้มีชื่อเสียงในยุคกลางหลายคน เช่นอิบนุรุช(Avarose) ซึ่งเป็นนักปรัชญาที่โด่งดังผู้วางรากฐานให้เกิดวิทยาศาสตร์ในยุโรป
11. #เดินชมประตุเก่าๆประติมากรรมสวยๆของเฟซ
Fez เป็นเมืองเก่าแก่ของโลกอิสลามที่มีอายุถึง 1800 ปี จึงมีศิลปะเก่าๆมากมาย ซึ่งมักจะซ่อนอยู่ตามมัสยิดต่างๆรอบเมืองนี้ ไกด์เราก็นำไปดูประตูสวยๆอันหนึ่ง แต่ถ่ายภาพยากมาก เพราะคนเดินผ่านไปผ่านมาตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม สถาปัตยกรรมเก่าๆเหล่านี้ ก็สวยงามจริงๆ หลังจากเดินชมเมืองจนบ่าย ก็เป็นอันเสร็จสิ้นเสียตังค์ไปให้ไกด์อีกประมาณหกร้อยบาท แต่คุ้มมาก อย่างน้อยๆวันต่อๆไปเราก็เดินชมเมืองเองได้แล้ว จริงๆแล้วสำหรับ Fez เราถือว่าเป็นช่วงพักผ่อน ก่อนเดินทางไกลอีกครั้ง เราจึงทานอาหารกันที่ Riad และไม่ออกไปไหนอีกสำหรับวันนี้ ซึ่งผู้จัดการของ Riad แห่งนี้ ก็ดูแลเราเสมือนครอบครัวเลยทีเดียว(แม้จะไม่ฟรีก็ตาม ฮ่าๆๆ)