ให้ 8/10 แอนิเมชั่นแนว Action - Superhero โดยฝีมือคนไทยจาก Exformat Films ทุนสร้างกว่า 200 ล้านบาท และใช้เวลาถึง 4 ปีในการสร้าง ที่บอกได้อย่างเต็มปากเต็มคำเลยว่า “ทุกคนควรต้องไปดู” เพราะนี่คือความภาคภูมิใจครั้งยิ่งใหญ่ของคนไทย! ซึ่งส่วนตัวไม่อยากจะบอกหรอกนะว่า “คนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก” ประโยคนี้มันช่างเลี่ยนเสียเหลือเกิน เหมือนยอกันเอง แต่เมื่อมาชมหนังเรื่องนี้แล้ว มันจำเป็นต้องใช้ประโยคนี้จริงๆ เพราะมันคือความจริงที่แท้ทรู... แล้วทำไมเราจะไม่อยากเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างประวัติศาสตร์วงการแอนิเมชั่นและภาพยนตร์ไทยหละ



หนังเล่าเรื่องราวของ อ๊อด เด็กหนุ่มผู้เป็นความหวังเดียวและความหวังสุดท้ายของพ่อ ในการนำสุดยอดศาตราวุธ ๙ ศาสตราไปให้แก่องค์รัชทายาท เพื่อกอบกู้อาณาจักร รามเทพนคร ที่ถูกยึดครองไปโดยพวกยักษ์ กลับคืนมา โดยใช้วิชามวยที่พร่ำร่ำเรียนมาเพื่อการณ์นี้ และความช่วยเหลือจากผองเพื่อน  
อย่างที่พอจะรู้ๆ กันอยู่ ว่าหนังแนวซุปเปอร์ฮีโร่นี้ ไม่ใช่แนวหนังที่ส่วนตัวชอบซะเท่าไหร่ เนื่องจากส่วนตัวเป็นผู้หญิง ไม่มีความฝันอยากเป็นซุปเปอร์ฮีโร่อย่างผู้ชายเขา จึงไม่ค่อยอินหนังแนวนี้เท่ากับคนอื่นๆ แต่สำหรับหนังเรื่องนี้แล้วต้องยอมรับจริงๆ ว่า ทำออกมาได้ดีมากกกกกกและสนุก

ในด้านตัวบท เขาก็ได้ Bryan Edward Hills นักเขียนจาก Hollywood มาเป็นผู้ช่วยในการพัฒนาบทด้วย แม้จะเป็นหนังที่ดำเนินเรื่องตามขนบและเป็นสูตรสำเร็จ แต่มันก็เป็นหนังสูตรสำเร็จที่ผสมกันได้อย่างพอดี ดูแล้วไม่มีความรู้สึก อี๋ ในเนื้อเรื่องอย่างหนังซุปเปอร์ฮีโร่แอคชั่นบางเรื่อง เนื้อหาก็ไม่เด็กจนเกินไป แบบทั้งเด็กและผู้ใหญ่ดูก็ชอบ ที่สำคัญคือ ฉากแอคชั่นเยอะและมันส์ คุณๆ ผู้ชายทั้งหลาย หากได้ไปชมน่าจะชอบหนังเรื่องนี้กันมากๆ



๙ ศาสตรา คือหนังที่ดูแล้วรู้เลยว่าเขาตั้งใจและใส่ใจลงไปในทุกรายละเอียดจริงๆ ไม่ใช่ทำออกมาแบบส่งเดช  ชมแล้วไม่ขัดตาหรือขัดใจในงานภาพใดๆ เลย พิถีพิถัน ออกแบบตัวละครออกมาได้ดีและน่ารัก โดยเฉพาะที่น่าประทับใจก็คือ เราจะเห็นฉากวิวของเมืองไทยที่สวยงามต่างๆ เป็นส่วนหนึ่งของเนื้อเรื่องด้วย เช่น เขาตะปู และถ้ำมรกต แถมตัวละครก็ขยับปากพูดภาษาไทย แถมบทพูดก็ตรงกับปากที่ขยับทุกคำ... ได้ไปดูบทสัมภาษณ์เขาบอกว่า เขาให้นักแสดงที่พากย์เสียงตัวละครต่างๆ มาแสดงให้ดูจริงๆ แล้วอัดเทปเก็บไว้ แล้วนำมาสังเกตสีหน้า แววตา รูปปาก และการเคลื่อนไหวของแต่ละคน แล้วสร้างตัวการ์ตูนตามแบบนั้นๆ (ไม่ได้ใช้ Motion Capture) แล้วก็ให้นักแสดงคนนั้นๆ กลับมาพากย์เสียงทับอีกที

ส่วนที่ดีโดดเด่นอีกส่วนหนึ่งของหนังก็คือ คุณภาพเรื่องเสียงนี่แหละ แน่นมาก เข้าถึงอารมณ์ทุกจังหวะ ไม่ว่าจะเป็นเสียงธรรมชาติ การขยับตัว เสียงพูด เสียงเตะต่อย และดนตรีบรรเลง เพราะเขาใช้เสียงของการกระทำนั้นๆ จริงๆ มาประกอบเข้าไป ส่วนดนตรีบรรเลงเขาก็ลงทุนแต่งและทำขึ้นมาใหม่ทั้งหมด โดยฝีมือของ Ryan Shore นักประพันธ์ดนตรี ดีกรีระดับชิงรางวัลแกรมมี่มาแล้ว แล้วเพื่อบันทึกเสียงบรรเลงนี้ เขาต้องบินไปบันทึกเสียงกันถึงที่ประเทศมาเซโดเนียเลยหละ

ดูคลิปเบื้องหลัง
https://www.facebook.com/9satramovie/videos/1708110705921352/

ป.ล. นี่เป็นการให้คะแนนจากความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้น ซึ่งแต่ละคนมีมุมมอง ความชอบ ความคิด ประสบการณ์ สิ่งที่เจอหรือรู้สึกในช่วงที่ดูหนังเรื่องนั้นๆต่างกัน คะแนนของแต่ละเรื่องมาจากการเปรียบเทียบหนังใน Genre เดียวกัน จึงไม่สามารถไปเปรียบกับคะแนนเรื่องอื่นที่เป็นหนังคนละ Genre ได้ เมื่อคุณไปดูแล้วคุณอาจจะชอบหรือไม่ชอบก็ได้ ไม่มีอะไรถูกหรือผิด ทุกคนไม่จำเป็นต้องมีความคิดเห็นเหมือนกันค่ะ

สามารถอ่าน Review หนังเรื่องอื่นๆได้ที่เพจ Movies Stalker ค่ะ  https://www.facebook.com/MoviesStalker