สวัสดีค่ะ เราค่อนข้างมือใหม่มากๆกับการโพสเรื่องราวลงใน Pantip ถ้าผิดพลาดประการใดก็ต้องขออภัยด้วยนะคะ
เราติดตามกระทู้รีวิวมานานมากๆจากทั้งหลายๆเวป โดยเฉพาะเรื่องความสวยความงามต่างๆ ผู้หญิงนี่เนอะถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา
แต่ที่ไม่ธรรมดาเลยก็คือ เราได้ติดตามเรื่องเครื่องสำอางที่มีสารสเตียรอยด์มาเยอะมากกกก (กไก่ล้านตัว)
แต่...แต่...แต่ ก็พลาดจนได้ สินะ.....
จุดเริ่มต้น.....
ต้นเหตุคือความไว้ใจ....พูดแบบนี้เลยดีกว่า เริ่มจากการที่เราสนิทสนมกับพี่คนนึงค่ะ เรียกได้ว่ารักกันมาก
คุยกันทุกเรื่อง มีอะไรวิ่งหากันตลอด เรื่องนี้ก็เช่นกัน พี่เค้าได้รับครีมยี่ห้อหนึ่งมาขายค่ะ
ขึ้นต้นด้วย P แล้วพี่เค้าก็มาการันตีกับเราว่าดีนะ ดีมากเลย
เค้าได้เข้าไปดูแลปที่ผลิตมาแล้ว เดินดูเองเลย ตัวไหน ครีมไหนใช้อะไร โอเคมาก ด้วยการที่เราเองก็เคยแพ้ครีมชุดพวกนี้
ก็กล้าๆกลัวๆอยู่พักใหญ่ แต่ด้วยรู้จักกันมานาน ก็ตัดสินใจ เอาวะ! พี่เค้าก็ยังใช้เลย ขายเองด้วย น่าจะโอเค
ก็ตัดสินใจช่วยเค้าละกัน ซื้อไป 1 เซต จากที่เราใช้เป็นเซต ก็เริ่มมีครีมต่างๆเสริมตามมา เช่นสบู่ล้างหน้า เซรั่ม กันแดด
เราซื้อหมด หมดจริงๆ หมดทุกอย่าง เอาง่ายๆ ตัวแทนยังไม่รู้ดีเท่าเราเลยตอนนั้น 5555 (ใต้เลข5มีน้ำตาซ่อนอยู่ T^T)
แล้วก็หน้าใสมากๆๆๆๆ ใสแบบออกบ้านหน้าสดได้เลย ไม่แคร์และมั่นใจเวอร์ๆ
(ถามว่าตอนนั้นเอะใจมั้ย ก็มีบ้าง แต่ครีมมันเห็นผลในช่วง 2-3 อาทิตย์ ก็เลยคิดว่าเห็นผลช้าอยู่นะ ไม่ใช่ใน 2-3 วัน
สบายใจได้ ซึ่ง...กรูหลอกตัวเองชัดๆเลย ชัดเจนนนนน)
เอาง่ายๆ ตัวแทนยังไม่รู้ดีเท่าเราเลย 5555 (ใต้เลข5มีน้ำตาซ่อนอยู่ T^T)
แล้วก็ใช้ไปเรื่อยๆ 1เซต ก็เป็น 2 เซต 3..4...5 ไปเรื่อยๆ เรื่องราวคงจะปกติสุขดี ถ้าไม่เกิดเรื่องซะก่อน
จุดเปลี่ยน.....
อยู่ๆเรากับพี่เค้าก็มีกันต้องห่างกัน เพราะเราทำงานหนักประกอบกับไม่มีเม้ามอยอะไรเลย
แล้วพี่เค้าก็ต้องไป ตจว เป็นประจำ แล้วครีมก็หมด! ใช่ค่ะ หมด หมดเกลี้ยง! แล้วเราก็ติดต่อเค้าไม่ได้ด้วย
ก็เลยคิดว่า ไม่เป็นไรมั้ง เดี๋ยวใช้ครีมอื่นก่อนก็ได้ (จริงๆครีมนี้มีตัวแทนเยอะนะคะ แต่สัญญาใจ ไม่อยากสั่งเจ้าอื่น)
ก็ไปเดินร้านเครื่องสำอางเจอเซรั่มตัวหนึ่ง ที่เมื่อก่อนเราเคยใช้แล้วดีมากชื่อ DR.... ด้วยการที่เราเป็นคนแบบบ้าเห่อ ถ้าซื้อก็ใช้เลย
ทั้งๆที่ตามหลักแล้ว จะต้องงดใช้ครีมตัวเดิมไป ประมาณ 1 อาทิตย์ ถึงเริ่มตัวใหม่ แต่เราใช้เลยจ้าาาา
ซึ่งเซรั่มตัวนี้มีคุณสมบัติคือขับสารสเตียรอยด์...ใช่แล้วค่ะ ผดเอย ตุ่มแดงเอย ทั้งลอก ทั้งแสบ ทั้งคัน
จากคนที่หน้าปกติ (ก่อนใช้) มาใสมากกกกก(ตอนใช้) กลับมาหน้าเยิน ภายในแค่เวลา 2-3 วันเท่านั้นเอง
มันทำใจลำบากนะ จะร้องไห้ รู้สึกแย่มาก ตอนนั้นไม่ได้คิดเรื่องสเตียรอยด์ คิดแต่ว่า เราแพ้ละ
ไปหาพี่ที่เป็นหมอ บ้านใกล้กัน เลยทันที พี่หมอดูไม่ถึง10นาที ก็บอกเลยว่า นี่แหละคือผลจากสเตียรอยด์!
เราก็แบบเฮ้ยยยย ครีมที่เราใช้มาตลอดมีสเตียรอยด์หรอ ไม่จริงหรอก พี่เค้าไปดูที่แลปเลยนะ บลา...บลา...บลา
พี่หมอก็พูดเลยว่า เอาจริงๆคือครีมตัวนี้มีส่วนผสมของสเตียรอยด์อยู่ ก็ไม่รู้ว่ามากน้อยแค่ไหน แต่ก็ต้องมาสังเกตุพฤติกรรมของตัวเราเองด้วย
1.พักผ่อนน้อยรึเปล่า (ก็จริงนะ มีส่วน)
2.ดื่มน้ำล่ะ ดื่มน้ำเพียงพอมั้ย (ก็จริงอีกเพราะเราดื่มน้ำน้อย)
3.อาบน้ำอุ่นด้วยมั้ย (ก็จริงอีก เพราะช่วงนี้หนาว อาบน้ำอุ่นตลอด)
4.ปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน เปลี่ยนบ้างมั้ย บ่อยแค่ไหน (เอิ่มมม ไม่ได้เปลี่ยนมาหลายอาทิตย์ละ ขี้เกียจ)
5.ล้างหน้าสะอาดมั้ย แต่ละวัน (บางทีเหนื่อยๆกลับมาก็ล้างๆ ไม่ได้พิถีพิถันอะไรมัน เพราะมั่นว่าหน้าใส ซึ่งผิดมาก)
6.ที่สำคัญ เวลามันถึงมา ไปลูบ ไม่แคะ แกะ เกา มัน มั้ย (ถูกทุกข้อค่ะพี่หมอ)
นี่แหละ คนส่วนใหญ่เวลาแพ้อะไรมา มักจะโทษแต่สเตียรอยด์ สเตียรอยด์ ไม่เคยดูพฤติกรรมตัวเอง
ก่อนจะรักษาต้องมาสำรวจตัวเองก่อนนะ ครีมเราไม่รู้หรอกว่ามีส่วนผสมน้อยหรือมาก ตอนนี้มันสะสมอยู่ที่เรามากน้อยแค่ไหน
พี่หมอคงไม่จ่ายยาให้ แต่พี่หมอคงต้องให้หนูไปปรับปรุงพฤติกรรมส่วนตัวก่อน....
อ้อ! อีกเรื่อง ข้อ 7 ใช้อะไรมั่วซั่ว ขาดการหาข้อมูลรึเปล่า (ชัดเจนเลยจ้าา ด่าเลยก็ได้พูดแบบนี้)
มารักษากันเถอะ.....
อย่างที่พี่หมอบอก คือสำคัญคือตัวเราเองชัดๆเลยเราก็เลยต้องแก้ที่ตัวเองก่อน (อาจมีรีวิวตัวที่ใช้บ้างเล็กน้อยเนอะ)
1.การพักผ่อน
จากที่เราชอบเล่นโทรศัพท์ก่อนนอนตลอดๆ บางทีก็เลยเถิด ทำให้นอนดึกไปเรื่อยๆ เราก็ต้องปรับพฤติกรรมเราก่อน
เราเปลี่ยนจากการช้อปปิ้นใน IG เป็นการเปิดเพลงเบาๆก่อนนอน ตั้งกฎให้ตัวเองนอนไม่เกิน5ทุ่ม (คือ4ทุ่มมันเร็วไปไง แต่ถ้าใครทำได้ดีมากเลยนะ)
นอนสมาธิก่อนนอน (ดูโบราณแต่เรื่องจริง) แล้วร่างกายมันจะนิ่งแล้วนอนหลับได้ง่ายขึ้น
ผลที่ได้คือเรารู้สึกสดชื่นขึ้นใต้ตาก็ไม่คล้ำแต่ไม่ดูโรยรา ทั้งๆที่เราตื่นเช้ามากไม่เคยเกิน7โมงเช้า
2.การดื่มน้ำ + อาบน้ำ
การดื่มน้ำเป็นส่วนช่วยให้ผิวชุ่มชื่นขึ้นและเป็นตัวเลือกที่ดีมากๆๆๆ แทนครีมอีกร้อยพันหมื่นชนิด
เราก็ตั้งกฎให้ตัวเองเช่นกันคือต้องดื่มน้ำขวดใหญ่ให้ได้อย่างน้อยวันละ 1 ขวด
ผลที่ได้คือผิวเราไม่แห้งระหว่างวัน อาการปวดหัวลดน้อยลง
และเราก็เปลี่ยนมาล้างหน้าด้วยน้ำอุณหภูมิปกติ อาบน้ำเป็นอุณหภูมิปกติที่ไม่เย็นและไม่ร้อนเกินไป
หน้าเราลอกน้อยลงและไม่แห้ง ดูชุ่มชื่นขึ้น
3.ความสะอาด
เราเปลี่ยนปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม ทุกอาทิตย์ (ทุกอาทิตย์จริงๆ)
งดเล่นโทรศัพท์ในห้องน้ำ (หลายคนงงเกี่ยวไร เกี่ยวมากเพราะการที่เราเอาโทรศัพท์ไม่เล่นในห้องน้ำทำให้เกิดการสะสมของแบคทีเรียที่มือถือเรา
แน่นอนว่าเวลาเราคุยก็ต้องเอามาแนบหน้า เพราะฉะนั้นแน่นอนว่าเป็นอีก1สาเหตุ)
การทำความสะอาดผิวหน้าก็ต้องละเอียด พิถีพิถันมากขึ้น จากที่เราใช้แค่เช็ดๆ แล้วใช้อะไรก็ได้ที่มีในบ้านด้วย!
เราก็ต้องดูว่าใช้อะไรที่เหมาะกับผิวเราได้บ้าง ซึ่งเราได้ใช้ Garnier Micellar Oil Infused Cleansing Water
เหตุผลเพราะราคาไม่แพง 5555 สำคัญมาก และเป็นส่วนผสมที่มี Oil ผสมอยู่ทำให้ล้างออกง่ายมาก
ไม่ระคายเคืองเลย ใช้แล้วมันสดชื่นดีนะ ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อนวันที่เราไม่แต่งหน้าเราก็ล้างโฟมเลย
แต่ผิดค่ะ ไม่ว่าเราจะแต่งหน้าหรือไม่ ก่อนที่เราจะล้างหน้า เราก็ใช้เช็ดพวกฝุ่นหรือความสกปรกจากพวกเหงื่อไคลออกก่อน
จากนั้น เราใช้เจลล้างหน้า Neutrogena Liquid Neutrogena Pure Mild Fragrance Free
เป็นสูตรอ่อนโยนมากกกกก ไม่มีน้ำหอม เนื้อเจลใช้ได้ ล้างออกง่ายด้วย ซึ่งรู้สึกว่าโอเคเลยนะ
ในช่วงที่ผิวหน้าเรากำลังอ่อนแอ เราเลยอยากเน้นทุกอย่างแบบไม่มีน้ำหอมและเป็นสูตรที่อ่อนโยน เราคิดว่าน่าจะดีที่สุด
เลยเลือก2 ตัวนี้เป็นขั้นตอนของการล้างหน้า หลังจากล้างหน้าเสร็จไม่มีคำว่าโทนเนอร์จ๊ะ เพราะเราเช็ดด้วยน้ำเกลือบริสุทธิ์
ใช่ค่ะ น้ำเกลือล้างแผล ล้างตา ได้นี่แหละค่ะ เพราะบางเบาและอ่อนโยนที่สุด
4.ล้างหน้าทำความสะอาดเสร็จ เราก็ต้องมาบำรุงกันหน่อย
ด้วยความที่เราหน้าลอก พร้อมทั้งมีผดแพ้ ตุ่มแดง ทั้งหลายแย่งกันขึ้นสารพัด
ก็เลยไปศึกษาทำให้รู้ว่า ว่านหางจระเข้ เป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่งที่มีสรรพคุณโดดเด่นในเรื่องของการลดการอักเสบของผิวหนัง ได้แก่ สิว รอยแผล จุดด่างดำ รวมถึงช่วยสมานแผลบนผิวหนังที่มีการติดเชื้อเป็นแผลหนอง เนื้อว่านหางจระเข้ยังช่วยขจัดสิ่งสกปรกและรักษาสมดุลผิวให้อยู่ในระดับที่พอเหมาะอีกด้วย ก็เลยคิดว่า ครีมที่มีส่วนผสม อโรเวร่า น่าจะตอบโจทย์ และหาข้อมูลมาพอสมควร ทำให้เราเลือก Malissa KISS Aloe Vera 99.5% & Snow Lotus บอกก่อนเลยว่าเราค่อนข้าวชอบยี่ห้อนี้คือ Marissa Kiss มาก่อน เพราะรู้สึกว่ามันโอเคกับหน้าเรา (ก่อนจะหน้ามืดใช้ครีมที่มีประเด็น)
จะว่าเป็นทาสการตลาดก็ได้ 555 เพราะตัวนี้เค้าเคลมเลยว่า นำสุดยอดสมุนไพรเเห่งการฟื้นบำรุงผิว 2 ชนิดคือ ว่านหางจระเข้ เเละบัวหิมะ เข้าไว้ด้วยกัน
แต่พอเราใช้ เฮ้ย!คือ มันตอบโจทย์จริงๆอ่ะ หน้าไม่แห้งเลยอันนี้เรื่องจริงนะ สาบานเลยไม่ได้ค่าโฆษณา
ทาแล้วรู้สึกเย็นสบายมาก ก็เลยติดใจมากๆเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยทาได้ทั้งตัวอีกต่างหาก
อีกตัวช่วยหนึ่งที่ช่วยชีวิตเรามาหลายครั้ง เวลาที่เรารู้สึกว่าช่วงนี้เป็นสิว หน้าหมอง หน้าไม่กระจ่างใส
คือ Malissa Kiss White Me Up Sleeping Pack เป็น Sleeping Mask ที่เราว่าโอเคมากๆกับเรา
โดยปกติแล้วเราจะใช้3วันครั้ง แต่ครั้งนี้เราเลยใช้บ่อยหน่อยคือ วันเว้นวัน ข้อเสียคือเปลือง 55555
แต่สิ่งที่ได้คือผิวดูดีขึ้น มีชีวิตชีวามากขึ้น หน้าลอกน้อยลงจนเกือบจะไม่มีละ สีผิวก็สม่ำเสมอ ตื่นมาหน้าดูเด้งขึ้น นิ่มขึ้น
5.ข้อห้ามของพี่หมอคือ ห้ามแคะ แกะ เกา ลูบ เด็ดขาด !
เพราะมือเราสกปรก บางทีไปจับอะไรมาแล้วไม่ได้ล้างมือหรือล้างไม่สะอาด เหมือนเป็นการเพิ่มสิ่งสกปรกไว้บนใบหน้า
เท่านั้นไม่พอยังไม่กวนให้มันอักเสบใหญ่โตขึ้นมา เราต้องห้ามใจตัวเองอย่างมาก เพื่อหน้าของเราเอง ต้องงดและห้ามใจอย่างที่สุด
6.ที่สำคัญคือ อย่าใช้มั่วซั่ว
แน่นอนค่ะว่าทุกอย่างที่กล่าวมา เรามีการห้าข้อมูลทุกสิ่งทุกอย่าง หาอย่างละเอียดมากๆๆๆ แล้วก็เอาตัว test มาทาท้องแขนทิ้งไว้เพื่อดูว่าแพ้รึเปล่า
บทเรียนที่ได้...
ตอนนี้หน้าเรากลับมาเกือบจะปกติละในระยะเวลาประมาณ 1 เดือน หลายๆคนอาจจะบอกว่า เร็วนะ
แต่เราจะบอกว่าช่วงเวลานั้นคือเฟลมากกก มันยาวนานมาก ที่ต้องตื่นมาเห็นหน้าตัวเองแบบเยินๆทุกวัน
และเราอยากจะขอฝากเพื่อนๆนิดนึงนะคะว่า ทุกอย่างมันต้องใช้ระยะเวลา มันไม่มีครีมอะไรที่จะทำให้เราสวยใสได้ในข้ามคืน
หรือเพียงแค่ 3-5 วัน หรอก อีกเรื่องหนึ่งคือการดูแลตัวเองซึ่งสำคัญมากกว่าสิ่งอื่นใด ใดๆทั้งสิ้น
ครีมทุกอย่าง สารเคมีอันตรายทั้งหลายจะไม่สามารถทำอะไรเราได้เลยถ้าเรามีสติ และศึกษามันก่อน
และเราต้องสังเกตุตัวเองอยู่เสมอว่ามีความผิดปกติอะไรมั้ย ตอนนี้ผิวหน้าเราดีขึ้น80%ละยังเหลือปัญหาผิวอีกนิดๆหน่อยๆ
เพราะเรารู้ตัวค่อนข้างเร็วด้วยก็เลยช่วยได้ค่อนข้างเยอะ และที่สำคัญคือเราไม่โทษพี่เค้านะ ไม่มีใครรู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น
แล้วก็ไม่ฟันธงด้วยว่าเกิดจากครีมหรือไม่เอาเป็นว่าเราพลาดเกิดจากตัวเราเองก็แล้วกัน
ที่เราเอาเรื่องราวของเรามาเล่าสู่กันฟังในวันนี้หวังว่าเรื่องราวของเราจะสามารถเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆใน Pantip ได้ไม่มาก็น้อยนะคะ
และขอเป็นกำลังใจให้หลายๆคนที่ประสบปัญหานี้กันอยู่ เชื่อเราเถอะว่ามันหายได้แน่ๆขอแค่อดทนกันมันเนอะ
ขอบคุณที่สนใจอ่านจนจบจ้า...
P.S แอบเอาผิวหน้าเราตอนนี้มาให้ดูนิดนึง (กู้ได้ด้วยตัวเอง ก็แอบภูมิใจนิดนึงแหละ)
เราไม่ได้ถ่ายหน้าตอนเยินๆเอาไว้ เพราะทำใจไม่ได้จริงๆ 5555 (ใต้เลข5ก็มีน้ำตาอีกเช่นเคย)
แชร์ประสบการณ์ หน้าเคยเกือบพัง แต่ถึงจะแพ้...ก็ใกล้จะชนะแล้วจ้า
เราติดตามกระทู้รีวิวมานานมากๆจากทั้งหลายๆเวป โดยเฉพาะเรื่องความสวยความงามต่างๆ ผู้หญิงนี่เนอะถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา
แต่ที่ไม่ธรรมดาเลยก็คือ เราได้ติดตามเรื่องเครื่องสำอางที่มีสารสเตียรอยด์มาเยอะมากกกก (กไก่ล้านตัว)
แต่...แต่...แต่ ก็พลาดจนได้ สินะ.....
จุดเริ่มต้น.....
ต้นเหตุคือความไว้ใจ....พูดแบบนี้เลยดีกว่า เริ่มจากการที่เราสนิทสนมกับพี่คนนึงค่ะ เรียกได้ว่ารักกันมาก
คุยกันทุกเรื่อง มีอะไรวิ่งหากันตลอด เรื่องนี้ก็เช่นกัน พี่เค้าได้รับครีมยี่ห้อหนึ่งมาขายค่ะ
ขึ้นต้นด้วย P แล้วพี่เค้าก็มาการันตีกับเราว่าดีนะ ดีมากเลย
เค้าได้เข้าไปดูแลปที่ผลิตมาแล้ว เดินดูเองเลย ตัวไหน ครีมไหนใช้อะไร โอเคมาก ด้วยการที่เราเองก็เคยแพ้ครีมชุดพวกนี้
ก็กล้าๆกลัวๆอยู่พักใหญ่ แต่ด้วยรู้จักกันมานาน ก็ตัดสินใจ เอาวะ! พี่เค้าก็ยังใช้เลย ขายเองด้วย น่าจะโอเค
ก็ตัดสินใจช่วยเค้าละกัน ซื้อไป 1 เซต จากที่เราใช้เป็นเซต ก็เริ่มมีครีมต่างๆเสริมตามมา เช่นสบู่ล้างหน้า เซรั่ม กันแดด
เราซื้อหมด หมดจริงๆ หมดทุกอย่าง เอาง่ายๆ ตัวแทนยังไม่รู้ดีเท่าเราเลยตอนนั้น 5555 (ใต้เลข5มีน้ำตาซ่อนอยู่ T^T)
แล้วก็หน้าใสมากๆๆๆๆ ใสแบบออกบ้านหน้าสดได้เลย ไม่แคร์และมั่นใจเวอร์ๆ
(ถามว่าตอนนั้นเอะใจมั้ย ก็มีบ้าง แต่ครีมมันเห็นผลในช่วง 2-3 อาทิตย์ ก็เลยคิดว่าเห็นผลช้าอยู่นะ ไม่ใช่ใน 2-3 วัน
สบายใจได้ ซึ่ง...กรูหลอกตัวเองชัดๆเลย ชัดเจนนนนน)
เอาง่ายๆ ตัวแทนยังไม่รู้ดีเท่าเราเลย 5555 (ใต้เลข5มีน้ำตาซ่อนอยู่ T^T)
แล้วก็ใช้ไปเรื่อยๆ 1เซต ก็เป็น 2 เซต 3..4...5 ไปเรื่อยๆ เรื่องราวคงจะปกติสุขดี ถ้าไม่เกิดเรื่องซะก่อน
จุดเปลี่ยน.....
อยู่ๆเรากับพี่เค้าก็มีกันต้องห่างกัน เพราะเราทำงานหนักประกอบกับไม่มีเม้ามอยอะไรเลย
แล้วพี่เค้าก็ต้องไป ตจว เป็นประจำ แล้วครีมก็หมด! ใช่ค่ะ หมด หมดเกลี้ยง! แล้วเราก็ติดต่อเค้าไม่ได้ด้วย
ก็เลยคิดว่า ไม่เป็นไรมั้ง เดี๋ยวใช้ครีมอื่นก่อนก็ได้ (จริงๆครีมนี้มีตัวแทนเยอะนะคะ แต่สัญญาใจ ไม่อยากสั่งเจ้าอื่น)
ก็ไปเดินร้านเครื่องสำอางเจอเซรั่มตัวหนึ่ง ที่เมื่อก่อนเราเคยใช้แล้วดีมากชื่อ DR.... ด้วยการที่เราเป็นคนแบบบ้าเห่อ ถ้าซื้อก็ใช้เลย
ทั้งๆที่ตามหลักแล้ว จะต้องงดใช้ครีมตัวเดิมไป ประมาณ 1 อาทิตย์ ถึงเริ่มตัวใหม่ แต่เราใช้เลยจ้าาาา
ซึ่งเซรั่มตัวนี้มีคุณสมบัติคือขับสารสเตียรอยด์...ใช่แล้วค่ะ ผดเอย ตุ่มแดงเอย ทั้งลอก ทั้งแสบ ทั้งคัน
จากคนที่หน้าปกติ (ก่อนใช้) มาใสมากกกกก(ตอนใช้) กลับมาหน้าเยิน ภายในแค่เวลา 2-3 วันเท่านั้นเอง
มันทำใจลำบากนะ จะร้องไห้ รู้สึกแย่มาก ตอนนั้นไม่ได้คิดเรื่องสเตียรอยด์ คิดแต่ว่า เราแพ้ละ
ไปหาพี่ที่เป็นหมอ บ้านใกล้กัน เลยทันที พี่หมอดูไม่ถึง10นาที ก็บอกเลยว่า นี่แหละคือผลจากสเตียรอยด์!
เราก็แบบเฮ้ยยยย ครีมที่เราใช้มาตลอดมีสเตียรอยด์หรอ ไม่จริงหรอก พี่เค้าไปดูที่แลปเลยนะ บลา...บลา...บลา
พี่หมอก็พูดเลยว่า เอาจริงๆคือครีมตัวนี้มีส่วนผสมของสเตียรอยด์อยู่ ก็ไม่รู้ว่ามากน้อยแค่ไหน แต่ก็ต้องมาสังเกตุพฤติกรรมของตัวเราเองด้วย
1.พักผ่อนน้อยรึเปล่า (ก็จริงนะ มีส่วน)
2.ดื่มน้ำล่ะ ดื่มน้ำเพียงพอมั้ย (ก็จริงอีกเพราะเราดื่มน้ำน้อย)
3.อาบน้ำอุ่นด้วยมั้ย (ก็จริงอีก เพราะช่วงนี้หนาว อาบน้ำอุ่นตลอด)
4.ปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน เปลี่ยนบ้างมั้ย บ่อยแค่ไหน (เอิ่มมม ไม่ได้เปลี่ยนมาหลายอาทิตย์ละ ขี้เกียจ)
5.ล้างหน้าสะอาดมั้ย แต่ละวัน (บางทีเหนื่อยๆกลับมาก็ล้างๆ ไม่ได้พิถีพิถันอะไรมัน เพราะมั่นว่าหน้าใส ซึ่งผิดมาก)
6.ที่สำคัญ เวลามันถึงมา ไปลูบ ไม่แคะ แกะ เกา มัน มั้ย (ถูกทุกข้อค่ะพี่หมอ)
นี่แหละ คนส่วนใหญ่เวลาแพ้อะไรมา มักจะโทษแต่สเตียรอยด์ สเตียรอยด์ ไม่เคยดูพฤติกรรมตัวเอง
ก่อนจะรักษาต้องมาสำรวจตัวเองก่อนนะ ครีมเราไม่รู้หรอกว่ามีส่วนผสมน้อยหรือมาก ตอนนี้มันสะสมอยู่ที่เรามากน้อยแค่ไหน
พี่หมอคงไม่จ่ายยาให้ แต่พี่หมอคงต้องให้หนูไปปรับปรุงพฤติกรรมส่วนตัวก่อน....
อ้อ! อีกเรื่อง ข้อ 7 ใช้อะไรมั่วซั่ว ขาดการหาข้อมูลรึเปล่า (ชัดเจนเลยจ้าา ด่าเลยก็ได้พูดแบบนี้)
มารักษากันเถอะ.....
อย่างที่พี่หมอบอก คือสำคัญคือตัวเราเองชัดๆเลยเราก็เลยต้องแก้ที่ตัวเองก่อน (อาจมีรีวิวตัวที่ใช้บ้างเล็กน้อยเนอะ)
1.การพักผ่อน
จากที่เราชอบเล่นโทรศัพท์ก่อนนอนตลอดๆ บางทีก็เลยเถิด ทำให้นอนดึกไปเรื่อยๆ เราก็ต้องปรับพฤติกรรมเราก่อน
เราเปลี่ยนจากการช้อปปิ้นใน IG เป็นการเปิดเพลงเบาๆก่อนนอน ตั้งกฎให้ตัวเองนอนไม่เกิน5ทุ่ม (คือ4ทุ่มมันเร็วไปไง แต่ถ้าใครทำได้ดีมากเลยนะ)
นอนสมาธิก่อนนอน (ดูโบราณแต่เรื่องจริง) แล้วร่างกายมันจะนิ่งแล้วนอนหลับได้ง่ายขึ้น
ผลที่ได้คือเรารู้สึกสดชื่นขึ้นใต้ตาก็ไม่คล้ำแต่ไม่ดูโรยรา ทั้งๆที่เราตื่นเช้ามากไม่เคยเกิน7โมงเช้า
2.การดื่มน้ำ + อาบน้ำ
การดื่มน้ำเป็นส่วนช่วยให้ผิวชุ่มชื่นขึ้นและเป็นตัวเลือกที่ดีมากๆๆๆ แทนครีมอีกร้อยพันหมื่นชนิด
เราก็ตั้งกฎให้ตัวเองเช่นกันคือต้องดื่มน้ำขวดใหญ่ให้ได้อย่างน้อยวันละ 1 ขวด
ผลที่ได้คือผิวเราไม่แห้งระหว่างวัน อาการปวดหัวลดน้อยลง
และเราก็เปลี่ยนมาล้างหน้าด้วยน้ำอุณหภูมิปกติ อาบน้ำเป็นอุณหภูมิปกติที่ไม่เย็นและไม่ร้อนเกินไป
หน้าเราลอกน้อยลงและไม่แห้ง ดูชุ่มชื่นขึ้น
3.ความสะอาด
เราเปลี่ยนปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม ทุกอาทิตย์ (ทุกอาทิตย์จริงๆ)
งดเล่นโทรศัพท์ในห้องน้ำ (หลายคนงงเกี่ยวไร เกี่ยวมากเพราะการที่เราเอาโทรศัพท์ไม่เล่นในห้องน้ำทำให้เกิดการสะสมของแบคทีเรียที่มือถือเรา
แน่นอนว่าเวลาเราคุยก็ต้องเอามาแนบหน้า เพราะฉะนั้นแน่นอนว่าเป็นอีก1สาเหตุ)
การทำความสะอาดผิวหน้าก็ต้องละเอียด พิถีพิถันมากขึ้น จากที่เราใช้แค่เช็ดๆ แล้วใช้อะไรก็ได้ที่มีในบ้านด้วย!
เราก็ต้องดูว่าใช้อะไรที่เหมาะกับผิวเราได้บ้าง ซึ่งเราได้ใช้ Garnier Micellar Oil Infused Cleansing Water
เหตุผลเพราะราคาไม่แพง 5555 สำคัญมาก และเป็นส่วนผสมที่มี Oil ผสมอยู่ทำให้ล้างออกง่ายมาก
ไม่ระคายเคืองเลย ใช้แล้วมันสดชื่นดีนะ ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อนวันที่เราไม่แต่งหน้าเราก็ล้างโฟมเลย
แต่ผิดค่ะ ไม่ว่าเราจะแต่งหน้าหรือไม่ ก่อนที่เราจะล้างหน้า เราก็ใช้เช็ดพวกฝุ่นหรือความสกปรกจากพวกเหงื่อไคลออกก่อน
จากนั้น เราใช้เจลล้างหน้า Neutrogena Liquid Neutrogena Pure Mild Fragrance Free
เป็นสูตรอ่อนโยนมากกกกก ไม่มีน้ำหอม เนื้อเจลใช้ได้ ล้างออกง่ายด้วย ซึ่งรู้สึกว่าโอเคเลยนะ
ในช่วงที่ผิวหน้าเรากำลังอ่อนแอ เราเลยอยากเน้นทุกอย่างแบบไม่มีน้ำหอมและเป็นสูตรที่อ่อนโยน เราคิดว่าน่าจะดีที่สุด
เลยเลือก2 ตัวนี้เป็นขั้นตอนของการล้างหน้า หลังจากล้างหน้าเสร็จไม่มีคำว่าโทนเนอร์จ๊ะ เพราะเราเช็ดด้วยน้ำเกลือบริสุทธิ์
ใช่ค่ะ น้ำเกลือล้างแผล ล้างตา ได้นี่แหละค่ะ เพราะบางเบาและอ่อนโยนที่สุด
4.ล้างหน้าทำความสะอาดเสร็จ เราก็ต้องมาบำรุงกันหน่อย
ด้วยความที่เราหน้าลอก พร้อมทั้งมีผดแพ้ ตุ่มแดง ทั้งหลายแย่งกันขึ้นสารพัด
ก็เลยไปศึกษาทำให้รู้ว่า ว่านหางจระเข้ เป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่งที่มีสรรพคุณโดดเด่นในเรื่องของการลดการอักเสบของผิวหนัง ได้แก่ สิว รอยแผล จุดด่างดำ รวมถึงช่วยสมานแผลบนผิวหนังที่มีการติดเชื้อเป็นแผลหนอง เนื้อว่านหางจระเข้ยังช่วยขจัดสิ่งสกปรกและรักษาสมดุลผิวให้อยู่ในระดับที่พอเหมาะอีกด้วย ก็เลยคิดว่า ครีมที่มีส่วนผสม อโรเวร่า น่าจะตอบโจทย์ และหาข้อมูลมาพอสมควร ทำให้เราเลือก Malissa KISS Aloe Vera 99.5% & Snow Lotus บอกก่อนเลยว่าเราค่อนข้าวชอบยี่ห้อนี้คือ Marissa Kiss มาก่อน เพราะรู้สึกว่ามันโอเคกับหน้าเรา (ก่อนจะหน้ามืดใช้ครีมที่มีประเด็น)
จะว่าเป็นทาสการตลาดก็ได้ 555 เพราะตัวนี้เค้าเคลมเลยว่า นำสุดยอดสมุนไพรเเห่งการฟื้นบำรุงผิว 2 ชนิดคือ ว่านหางจระเข้ เเละบัวหิมะ เข้าไว้ด้วยกัน
แต่พอเราใช้ เฮ้ย!คือ มันตอบโจทย์จริงๆอ่ะ หน้าไม่แห้งเลยอันนี้เรื่องจริงนะ สาบานเลยไม่ได้ค่าโฆษณา
ทาแล้วรู้สึกเย็นสบายมาก ก็เลยติดใจมากๆเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยทาได้ทั้งตัวอีกต่างหาก
อีกตัวช่วยหนึ่งที่ช่วยชีวิตเรามาหลายครั้ง เวลาที่เรารู้สึกว่าช่วงนี้เป็นสิว หน้าหมอง หน้าไม่กระจ่างใส
คือ Malissa Kiss White Me Up Sleeping Pack เป็น Sleeping Mask ที่เราว่าโอเคมากๆกับเรา
โดยปกติแล้วเราจะใช้3วันครั้ง แต่ครั้งนี้เราเลยใช้บ่อยหน่อยคือ วันเว้นวัน ข้อเสียคือเปลือง 55555
แต่สิ่งที่ได้คือผิวดูดีขึ้น มีชีวิตชีวามากขึ้น หน้าลอกน้อยลงจนเกือบจะไม่มีละ สีผิวก็สม่ำเสมอ ตื่นมาหน้าดูเด้งขึ้น นิ่มขึ้น
5.ข้อห้ามของพี่หมอคือ ห้ามแคะ แกะ เกา ลูบ เด็ดขาด !
เพราะมือเราสกปรก บางทีไปจับอะไรมาแล้วไม่ได้ล้างมือหรือล้างไม่สะอาด เหมือนเป็นการเพิ่มสิ่งสกปรกไว้บนใบหน้า
เท่านั้นไม่พอยังไม่กวนให้มันอักเสบใหญ่โตขึ้นมา เราต้องห้ามใจตัวเองอย่างมาก เพื่อหน้าของเราเอง ต้องงดและห้ามใจอย่างที่สุด
6.ที่สำคัญคือ อย่าใช้มั่วซั่ว
แน่นอนค่ะว่าทุกอย่างที่กล่าวมา เรามีการห้าข้อมูลทุกสิ่งทุกอย่าง หาอย่างละเอียดมากๆๆๆ แล้วก็เอาตัว test มาทาท้องแขนทิ้งไว้เพื่อดูว่าแพ้รึเปล่า
บทเรียนที่ได้...
ตอนนี้หน้าเรากลับมาเกือบจะปกติละในระยะเวลาประมาณ 1 เดือน หลายๆคนอาจจะบอกว่า เร็วนะ
แต่เราจะบอกว่าช่วงเวลานั้นคือเฟลมากกก มันยาวนานมาก ที่ต้องตื่นมาเห็นหน้าตัวเองแบบเยินๆทุกวัน
และเราอยากจะขอฝากเพื่อนๆนิดนึงนะคะว่า ทุกอย่างมันต้องใช้ระยะเวลา มันไม่มีครีมอะไรที่จะทำให้เราสวยใสได้ในข้ามคืน
หรือเพียงแค่ 3-5 วัน หรอก อีกเรื่องหนึ่งคือการดูแลตัวเองซึ่งสำคัญมากกว่าสิ่งอื่นใด ใดๆทั้งสิ้น
ครีมทุกอย่าง สารเคมีอันตรายทั้งหลายจะไม่สามารถทำอะไรเราได้เลยถ้าเรามีสติ และศึกษามันก่อน
และเราต้องสังเกตุตัวเองอยู่เสมอว่ามีความผิดปกติอะไรมั้ย ตอนนี้ผิวหน้าเราดีขึ้น80%ละยังเหลือปัญหาผิวอีกนิดๆหน่อยๆ
เพราะเรารู้ตัวค่อนข้างเร็วด้วยก็เลยช่วยได้ค่อนข้างเยอะ และที่สำคัญคือเราไม่โทษพี่เค้านะ ไม่มีใครรู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น
แล้วก็ไม่ฟันธงด้วยว่าเกิดจากครีมหรือไม่เอาเป็นว่าเราพลาดเกิดจากตัวเราเองก็แล้วกัน
ที่เราเอาเรื่องราวของเรามาเล่าสู่กันฟังในวันนี้หวังว่าเรื่องราวของเราจะสามารถเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆใน Pantip ได้ไม่มาก็น้อยนะคะ
และขอเป็นกำลังใจให้หลายๆคนที่ประสบปัญหานี้กันอยู่ เชื่อเราเถอะว่ามันหายได้แน่ๆขอแค่อดทนกันมันเนอะ
ขอบคุณที่สนใจอ่านจนจบจ้า...
P.S แอบเอาผิวหน้าเราตอนนี้มาให้ดูนิดนึง (กู้ได้ด้วยตัวเอง ก็แอบภูมิใจนิดนึงแหละ)
เราไม่ได้ถ่ายหน้าตอนเยินๆเอาไว้ เพราะทำใจไม่ได้จริงๆ 5555 (ใต้เลข5ก็มีน้ำตาอีกเช่นเคย)