รีวิวคอนเสิร์ต อิมเมจิ้น ดรากอนส์ อีโวล์ฟ เวิลด์ ทัวร์ 2018 สายฟ้า ผู้ศรัทธา และปีศาจ
เรื่อง : วิทวัส ปัญญาเลิศวุฒิ คอลัมนิสต์ดนตรีนิตยสาร GM
สิ้นสุดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วกับคอนเสิร์ตของวงร็อกเจ้าของรางวัลแกรมมี่ อวอร์ดส์ “อิมเมจิ้น ดรากอนส์” (Imagine Dragons) กับ “อีโวล์ฟ เวิลด์ ทัวร์” สี่หนุ่มเจ้าของเพลงฮิตอย่าง It’s Time, Radioactive, Demons, Believer และ Thunder ฝากความมันส์และโชว์ที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง ในค่ำคืนของวันพฤหัสบดีที่ 11 มกราคม 2561 ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1 เมืองทองธานี
นี่ถือเป็นโชว์ครั้งที่ 2 อย่างเป็นทางการในเมืองไทย หลังแอบมาโชว์แบบลับ ๆ เมื่อปลายปีที่แล้ว งานนี้สี่หนุ่มอัลเทอร์เนทีพร็อกเตรียมโชว์ และเพลงฮิตติดหูแบบจัดเต็มมาให้แฟนเพลงไทยได้สนุกกัน ระบบแสงสีเสียงถือว่าทีมงานและผู้จัดร่วมกันทำออกมาอย่างเต็มที่
อิมเมจิ้น ดรากอนส์ เปิดหัวคอนเสิร์ตในครั้งนี้ของพวกเขาด้วยเพลง I Don't Know Why แทร็คแรกจากอัลบั้มล่าสุด Evolve เฮ้ย...มาว่ะ นี่คือคำพูดที่ผมคิดในใจ หลังจากท่อนเวิร์สของเพลงนี้ขึ้นพร้อมกับเสียงร้องของหนุ่ม แดน เรย์โนลด์ส (Dan Reynolds) นักร้องนำ บอกได้เลยว่าไม่กี่วินาทีตรงนั้นมันทำให้ผมเชื่อว่าหนึ่งโมงกว่า ๆ ต่อจากนี้มันต้องดีมากแน่ๆ เมื่อเวย์น เซอร์มอน (Wayne Sermon) มือกีตาร์ของวงหยิบแมนโดลินขึ้นมา พร้อมกับเล่นริฟท่อนอินโทรเพลง It's Time ทุกคนในฮอลล์ต่างส่งเสียงเฮลั่น แล้วร้องตามกันอย่างพร้อมเพียงกัน เพลงที่สามของโชว์พวกเขาหยิบเพลง Gold จากอัลบั้ม Smoke + Mirrors มาเล่นให้กับทุกคนได้ฟัง
ช่วงกลางของโชว์ อิมเมจิ้น ดรากอนส์ ต่อเนื่องความมันส์จากอัลบั้มใหม่ 5 เพลงรวด Whatever It Takes, I'll Make It Up to You, Mouth of the River, Yesterday และ Start Over
ไฮไลท์ของคอนเสิร์ตครั้งนี้อยู่ที่ หนุ่มแดนพูดเกริ่นก่อนเข้าเพลงต่อไปเกี่ยวกับโรคซึมเศร้า ได้ดีมาก ๆ
“มีสิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะแชร์กับทุกคน เป็นบทเรียนชีวิตที่ผมได้เรียนรู้มา ในหลายปีที่ผ่านมาผมพบว่าตัวเองเป็นโรคซึมเศร้า มันอยู่ในชีวิตของผมทั้งหมด ทั้งตอนเด็ก ตอนโต แต่สิ่งหนึ่งที่ผมได้เรียนรู้จากมันคือ โรคซึมเศร้าไม่ใช่ความอ่อนแอ ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องต้องอายหรือกลัว คุณไม่จำเป็นที่ต้องกลัวที่ป่วยเป็นโรคนี้ นี่มันคือเรื่องราวในชีวิตคุณ มันไม่ได้นิยามความเป็นคุณ แต่นี่คือตัวของคุณ อย่างที่ผมบอก หลายคนเก็บมันไว้กับตัวเอง พวกเขาต้องทนทุกข์ พวกเขาจมปลัก พวกเขาต้องอยู่กับมันอย่างลำพัง มันอันตราย มันเจ็บปวด มันให้โทษ หลายต่อหลายคนตัดสินใจทิ้งชีวิตของตัวเอง เพราะพวกเขาไม่ยอมหันไปหาใคร เมื่อถึงเวลาที่พวกเขาต้องการใครสักคน
สิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะบอกเราทุกคนในที่นี้คือ จงส่งความรักต่อไป ถ้าคุณหรือใครก็ตามที่กำลังประสบปัญหาจากโรคซึมเศร้า จงสนับสนุนเขา ถ้าคุณรู้ตัวว่าคุณกำลังทรมานกับมัน จงหาใครสักคน หานักบำบัด ผมเองก็ไปหาพวกเขาเช่นกัน มันน่าเหลือเชื่อ มันไม่ได้ดูอ่อนแอเลยแม้แต่น้อยที่ไปคุยกับใครสักคน มันออกจะดูเข้มแข็งและฉลาดซะด้วยซ้ำ นี่คือเวลาที่เราจะหยุดวัฒนธรรมของโรคนี้ ถ้าผมไม่ได้เป็นโรคซึมเศร้า ในตอนเด็กผมคงไม่หันมาหาศิลปะ หรือ ดนตรี สิ่งสุดท้ายที่ผมอยากจะพูดกับทุกคนก็คือ ชีวิตของคุณมีค่าเสมอ... เสมอ”

ทันทีที่พูดจบ หนุ่มแดนไม่รอช้าร้องเพลงต่อไปขึ้นมาว่า “When the days are cold and the cards all fold” นี่คือจุดพีคที่สุดของคอนเสิร์ตในครั้งนี้ บทเพลงที่เก้าของโชว์ ‘Demons’ ถือเป็นเพลงที่เรียกเสียงร้องของทุกคนในฮอลล์ได้อย่างสนั่นลั่นทุ่งปากเกร็ดเลยทีเดียว ก่อนต่อเนื่องยอดความประทับใจกับเพลง Rise Up และเพลงชวนปรบมือและเต้นอย่าง On Top of The World
ก่อนจะมาถึงช่วงสุดท้ายของโชว์ กับเพลงฮิตที่แฟนๆต่างรอคอย Thunder ครั้งหนึ่งแดน เคยออกมาพูดถึงเนื้อหาของเพลงนี้ว่า “มันคือเพลงที่ถ่ายทอดเรื่องราวและการเดินทางตลอดชีวิตนักดนตรีของผม ช่วงเวลาเหล่านั้นมันเปรียบเสมือนเป็นสายฟ้าสำหรับผม”
เสียงกลองและกีตาร์ไนล่อนในท่อนขึ้นในเพลงต่อไป ไม่ต้องบอกแฟนเพลงในฮอลล์ ก็รู้เลยว่าเพลงต่อไปของพวกเขาคือเพลงอะไร Believer เพลงนี้หนุ่มเวย์น มือกีตาร์ได้โชว์โซโล่สายแทบขาด ก่อนจะเข้าอีกหนึ่งเพลงที่ผมชอบมากก็คือ Walking The Wire ผลงานจากอัลบั้มใหม่ที่เล่นออกมาได้น่าประทับใจมาก ๆ อิมเมจิ้น ดรากอนส์ ปิดท้ายค่ำคืนของพวกเขาด้วยเพลง Radioactive แทร็คแรกจากอัลบั้มแรก บอกเลยว่าพลังงานของทั้งคนแสดงและแฟนเพลงเต็มที่ เต็มเหนี่ยว กันสุด ๆ เป็นการปิดฉากคอนเสิร์ตในครั้งนี้อย่างสมบูรณ์
สิ่งหนึ่งที่ผมชอบโชว์ของ อิมเมจิ้น ดรากอนส์ ก็คือการสร้างความประทับใจให้กับคนดู โชว์ที่ดีเปลี่ยนความรู้สึกของคุณได้ และพวกเขาทำมันได้จริง ๆ โดยเฉพาะ แดน เรย์โนลส์ นี่คือตัวอย่างของการทำหน้าที่ฟรอนท์แมนด์ ที่ดีและที่ควรจะเป็น เต็มที่ หนักแน่น และมีคุณภาพ นอกจากนี้พวกเขาใช้ดนตรีถ่ายทอดความเป็นพวกเขาออกมาได้ดีมาก ๆ แม้ว่าเครื่องเสียงจะมีแตกพร่าจากเอฟเฟ็กบ้างในบางครั้ง และบางจุด แต่การแสดงของพวกเขาทำให้ผมมองข้ามสิ่งเหล่านี้ไปได้ (ถือเป็นครั้งแรกๆ)
น่าเสียดายเพลงอย่าง Dream, Shot, I'm so sorry, I Bet My Life หรือ Amsterdam ที่ทางวงไม่ได้จัดเข้ามาในโชว์ด้วย นี่เป็นอีกหนึ่งคอนเสิร์ตที่น่าประทับใจในปีใหม่นี้ และถือเป็นการเติมเต็มพลังงานบางอย่างที่หายไปก่อนหน้านี้สำหรับใครหลายคน ก็คงอย่างที่แดนบอกไว้ในคอนเสิร์ต หวังว่าจะพบกันอีกในทุกปี ผมเชื่อว่าทุกคนก็คิดแบบนั้นเช่นกัน.
ปล. มีใครตื่นเช้ามา เปิดเพลงพวกเขาฟังเหมือนผมบ้าง ?
ขอบคุณภาพจาก Live Nation BEC TERO

ที่มา:
https://gmlive.com/concert-review-imaginedragons-2018
[CR] รีวิวคอนเสิร์ต อิมเมจิ้น ดรากอนส์ อีโวล์ฟ เวิลด์ ทัวร์ 2018 สายฟ้า ผู้ศรัทธา และปีศาจ
เรื่อง : วิทวัส ปัญญาเลิศวุฒิ คอลัมนิสต์ดนตรีนิตยสาร GM
สิ้นสุดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วกับคอนเสิร์ตของวงร็อกเจ้าของรางวัลแกรมมี่ อวอร์ดส์ “อิมเมจิ้น ดรากอนส์” (Imagine Dragons) กับ “อีโวล์ฟ เวิลด์ ทัวร์” สี่หนุ่มเจ้าของเพลงฮิตอย่าง It’s Time, Radioactive, Demons, Believer และ Thunder ฝากความมันส์และโชว์ที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง ในค่ำคืนของวันพฤหัสบดีที่ 11 มกราคม 2561 ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1 เมืองทองธานี
นี่ถือเป็นโชว์ครั้งที่ 2 อย่างเป็นทางการในเมืองไทย หลังแอบมาโชว์แบบลับ ๆ เมื่อปลายปีที่แล้ว งานนี้สี่หนุ่มอัลเทอร์เนทีพร็อกเตรียมโชว์ และเพลงฮิตติดหูแบบจัดเต็มมาให้แฟนเพลงไทยได้สนุกกัน ระบบแสงสีเสียงถือว่าทีมงานและผู้จัดร่วมกันทำออกมาอย่างเต็มที่
อิมเมจิ้น ดรากอนส์ เปิดหัวคอนเสิร์ตในครั้งนี้ของพวกเขาด้วยเพลง I Don't Know Why แทร็คแรกจากอัลบั้มล่าสุด Evolve เฮ้ย...มาว่ะ นี่คือคำพูดที่ผมคิดในใจ หลังจากท่อนเวิร์สของเพลงนี้ขึ้นพร้อมกับเสียงร้องของหนุ่ม แดน เรย์โนลด์ส (Dan Reynolds) นักร้องนำ บอกได้เลยว่าไม่กี่วินาทีตรงนั้นมันทำให้ผมเชื่อว่าหนึ่งโมงกว่า ๆ ต่อจากนี้มันต้องดีมากแน่ๆ เมื่อเวย์น เซอร์มอน (Wayne Sermon) มือกีตาร์ของวงหยิบแมนโดลินขึ้นมา พร้อมกับเล่นริฟท่อนอินโทรเพลง It's Time ทุกคนในฮอลล์ต่างส่งเสียงเฮลั่น แล้วร้องตามกันอย่างพร้อมเพียงกัน เพลงที่สามของโชว์พวกเขาหยิบเพลง Gold จากอัลบั้ม Smoke + Mirrors มาเล่นให้กับทุกคนได้ฟัง
ช่วงกลางของโชว์ อิมเมจิ้น ดรากอนส์ ต่อเนื่องความมันส์จากอัลบั้มใหม่ 5 เพลงรวด Whatever It Takes, I'll Make It Up to You, Mouth of the River, Yesterday และ Start Over
ไฮไลท์ของคอนเสิร์ตครั้งนี้อยู่ที่ หนุ่มแดนพูดเกริ่นก่อนเข้าเพลงต่อไปเกี่ยวกับโรคซึมเศร้า ได้ดีมาก ๆ
“มีสิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะแชร์กับทุกคน เป็นบทเรียนชีวิตที่ผมได้เรียนรู้มา ในหลายปีที่ผ่านมาผมพบว่าตัวเองเป็นโรคซึมเศร้า มันอยู่ในชีวิตของผมทั้งหมด ทั้งตอนเด็ก ตอนโต แต่สิ่งหนึ่งที่ผมได้เรียนรู้จากมันคือ โรคซึมเศร้าไม่ใช่ความอ่อนแอ ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องต้องอายหรือกลัว คุณไม่จำเป็นที่ต้องกลัวที่ป่วยเป็นโรคนี้ นี่มันคือเรื่องราวในชีวิตคุณ มันไม่ได้นิยามความเป็นคุณ แต่นี่คือตัวของคุณ อย่างที่ผมบอก หลายคนเก็บมันไว้กับตัวเอง พวกเขาต้องทนทุกข์ พวกเขาจมปลัก พวกเขาต้องอยู่กับมันอย่างลำพัง มันอันตราย มันเจ็บปวด มันให้โทษ หลายต่อหลายคนตัดสินใจทิ้งชีวิตของตัวเอง เพราะพวกเขาไม่ยอมหันไปหาใคร เมื่อถึงเวลาที่พวกเขาต้องการใครสักคน
สิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะบอกเราทุกคนในที่นี้คือ จงส่งความรักต่อไป ถ้าคุณหรือใครก็ตามที่กำลังประสบปัญหาจากโรคซึมเศร้า จงสนับสนุนเขา ถ้าคุณรู้ตัวว่าคุณกำลังทรมานกับมัน จงหาใครสักคน หานักบำบัด ผมเองก็ไปหาพวกเขาเช่นกัน มันน่าเหลือเชื่อ มันไม่ได้ดูอ่อนแอเลยแม้แต่น้อยที่ไปคุยกับใครสักคน มันออกจะดูเข้มแข็งและฉลาดซะด้วยซ้ำ นี่คือเวลาที่เราจะหยุดวัฒนธรรมของโรคนี้ ถ้าผมไม่ได้เป็นโรคซึมเศร้า ในตอนเด็กผมคงไม่หันมาหาศิลปะ หรือ ดนตรี สิ่งสุดท้ายที่ผมอยากจะพูดกับทุกคนก็คือ ชีวิตของคุณมีค่าเสมอ... เสมอ”
ทันทีที่พูดจบ หนุ่มแดนไม่รอช้าร้องเพลงต่อไปขึ้นมาว่า “When the days are cold and the cards all fold” นี่คือจุดพีคที่สุดของคอนเสิร์ตในครั้งนี้ บทเพลงที่เก้าของโชว์ ‘Demons’ ถือเป็นเพลงที่เรียกเสียงร้องของทุกคนในฮอลล์ได้อย่างสนั่นลั่นทุ่งปากเกร็ดเลยทีเดียว ก่อนต่อเนื่องยอดความประทับใจกับเพลง Rise Up และเพลงชวนปรบมือและเต้นอย่าง On Top of The World
ก่อนจะมาถึงช่วงสุดท้ายของโชว์ กับเพลงฮิตที่แฟนๆต่างรอคอย Thunder ครั้งหนึ่งแดน เคยออกมาพูดถึงเนื้อหาของเพลงนี้ว่า “มันคือเพลงที่ถ่ายทอดเรื่องราวและการเดินทางตลอดชีวิตนักดนตรีของผม ช่วงเวลาเหล่านั้นมันเปรียบเสมือนเป็นสายฟ้าสำหรับผม”
เสียงกลองและกีตาร์ไนล่อนในท่อนขึ้นในเพลงต่อไป ไม่ต้องบอกแฟนเพลงในฮอลล์ ก็รู้เลยว่าเพลงต่อไปของพวกเขาคือเพลงอะไร Believer เพลงนี้หนุ่มเวย์น มือกีตาร์ได้โชว์โซโล่สายแทบขาด ก่อนจะเข้าอีกหนึ่งเพลงที่ผมชอบมากก็คือ Walking The Wire ผลงานจากอัลบั้มใหม่ที่เล่นออกมาได้น่าประทับใจมาก ๆ อิมเมจิ้น ดรากอนส์ ปิดท้ายค่ำคืนของพวกเขาด้วยเพลง Radioactive แทร็คแรกจากอัลบั้มแรก บอกเลยว่าพลังงานของทั้งคนแสดงและแฟนเพลงเต็มที่ เต็มเหนี่ยว กันสุด ๆ เป็นการปิดฉากคอนเสิร์ตในครั้งนี้อย่างสมบูรณ์
สิ่งหนึ่งที่ผมชอบโชว์ของ อิมเมจิ้น ดรากอนส์ ก็คือการสร้างความประทับใจให้กับคนดู โชว์ที่ดีเปลี่ยนความรู้สึกของคุณได้ และพวกเขาทำมันได้จริง ๆ โดยเฉพาะ แดน เรย์โนลส์ นี่คือตัวอย่างของการทำหน้าที่ฟรอนท์แมนด์ ที่ดีและที่ควรจะเป็น เต็มที่ หนักแน่น และมีคุณภาพ นอกจากนี้พวกเขาใช้ดนตรีถ่ายทอดความเป็นพวกเขาออกมาได้ดีมาก ๆ แม้ว่าเครื่องเสียงจะมีแตกพร่าจากเอฟเฟ็กบ้างในบางครั้ง และบางจุด แต่การแสดงของพวกเขาทำให้ผมมองข้ามสิ่งเหล่านี้ไปได้ (ถือเป็นครั้งแรกๆ)
น่าเสียดายเพลงอย่าง Dream, Shot, I'm so sorry, I Bet My Life หรือ Amsterdam ที่ทางวงไม่ได้จัดเข้ามาในโชว์ด้วย นี่เป็นอีกหนึ่งคอนเสิร์ตที่น่าประทับใจในปีใหม่นี้ และถือเป็นการเติมเต็มพลังงานบางอย่างที่หายไปก่อนหน้านี้สำหรับใครหลายคน ก็คงอย่างที่แดนบอกไว้ในคอนเสิร์ต หวังว่าจะพบกันอีกในทุกปี ผมเชื่อว่าทุกคนก็คิดแบบนั้นเช่นกัน.
ปล. มีใครตื่นเช้ามา เปิดเพลงพวกเขาฟังเหมือนผมบ้าง ?
ขอบคุณภาพจาก Live Nation BEC TERO
ที่มา: https://gmlive.com/concert-review-imaginedragons-2018