สวัสดีค่ะ กระทู้นี้นี้เป็นกระทู้แรกของเราที่เกี่ยวกับหัวข้อท่องเที่ยวนะคะ สืบเนื่องจากที่เราเป็นคนเสพติดการเที่ยวเอามากๆเลยจะมาขอแชร์แผนการท่องเที่ยวของเราให้เพื่อนๆได้นำไปใช้ประโยชน์บ้างค่ะ
สำหรับประเทศที่จะมารีวิว ขอเป็นประเทศที่ตัวเองถนัดที่สุดก่อนค่ะ นั่นคือออสเตรเลีย (ซิดนีย์ เมลเบิร์น) เพราะตัวเองเคยศึกษาอยู่ที่นั่น แล้วในระหว่างศึกษาก็มักจะมีครอบครัว ญาติ เพื่อนๆแวะเวียนกันมาให้เราพาเที่ยวอยู่ตลอดๆ จนค่อนข้างเชี่ยวชาญพอสมควรเลยทีเดียว (เพราะเที่ยววนไปหลายรอบจัด) 555+
สำหรับแผนเที่ยวที่เราจะมานำเสนอให้เพื่อนๆได้ดูกันเป็นแผนที่เคยใช้ในช่วงที่เพื่อนร่วมงานมาเยี่ยมที่ออสเตรเลียค่ะ ช่วงสงกรานต์ปีที่แล้วค่ะ เป็นทริปเที่ยวประมาณ 10 วัน ครอบคลุม 2 เมืองหลักคือ ซิดนีย์ และ เมลเบิร์น ค่ะ
ค่าใช้จ่าย
สำหรับค่าใช้จ่ายที่เราจ่ายไปตอนนั้นไม่รวมตั๋วเครื่องบินไปกลับไทยนะคะ แต่รวมตั๋วเครื่องบินจากซิดนีย์มาเมลเบิร์น และค่าอาหารแล้ว คือราวๆ สามหมื่นห้าพันบาท (ถ้ารวมตั๋วที่เพื่อนๆเราจองมาที่ออสด้วย อีก 12,000 ก็คาดว่าน่าจะราวๆ สี่หมื่นเจ็ดพันบาท) แผนการเที่ยวจะเป็นตามรูปนะคะ และมีแผนการเงินแนบมาด้วย วงเล็บด้านหลังคือค่าใช้จ่ายแบบคำนวณเป็นเงินออสค่ะ (แต่พอตอนเที่ยวเมลเบิร์นก็มีการปรับเปลี่ยนจากในแผนนิดหน่อยค่ะ)
การจองตั๋วเครื่องบิน
ทริปนี้เราเดินทางโดยสายการบิน 2 ครั้ง คือ จองขาไป กรุงเทพ – ซิดนีย์ ขากลับเมลเบิร์น – กรุงเทพ พอดีเพื่อนๆได้โปรตั๋วราคาถูกค่ะ ซึ่งโปรพวกนี้ส่วนใหญ่ต้องคอยเฝ้ารอจังหวะที่สายการบินจะจัดโปร แต่ถ้าใครที่ต้องการความแน่นอนกว่านั้น ก็ขอแนะนำว่าช่วงต้นปีค่ะ ประมาณ มค ถึง กพ Jetatar มักจะโปรเที่ยวบินไปกลับ กรุงเทพ – เมลเบิร์น แบบบินตรง จากที่แต่เดิมก็ถูกสุดๆไปแล้ว ก็ยังลดราคาแบบคิดเฉพาะขาไป ขากลับฟรี (ตกราวๆแปดพัน) เวลาเราปิดเทอมก็ชอบใช้โปรนี้บินประจำเลยค่ะ
ที่พัก
สำหรับใครที่ไม่กังวลกับเรื่องงบประมาณ การพักโรงแรมก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในด้าน location และความสะดวกสบาย สำหรับใครที่อยากเที่ยวแบบประหยัด ถ้าอยากได้ความเป็นส่วนตัวสักหน่อยไม่อยากไปพัก hostel (โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงวันหยุดยาว) ก็แนะนำเว็บ aussietips ค่ะ เป็นเว็บชุมชนชาวไทยในออส ลองเข้าไปกระทู้นะคะ เพราะช่วงหยุดยาวชาวไทยในออสก็มักจะกลับเมืองไทยกัน และเขาจะปล่อยเช่าระยะสั้นที่พักของตนเองในช่วงที่เขาไม่อยู่ ในราคาสบายกระเป๋า เท่านี้เราก็จะได้ที่พักราคาถูกๆแล้ว
สำหรับ location ของที่พักที่ดีนั้น ทั้งเมลเบิร์นและซิดนีย์ขอแนะนำให้อยู่ในตัวเมืองนะคะ จะสะดวกสบายในด้านการท่องเที่ยว การทานอาหาร และการเดินเล่นในยามดึกมากกว่าค่ะ
การเดินทางภายในออส
สำหรับการเดินทางภายในซิดนีย์ เราจะใช้บัตรที่ชื่อว่า Opal โดยบัตรนี้เราจะซื้อแล้วเติมเงินเข้าไป เพื่อใช้เดินทางในระบบขนส่งมวลชนในซิดนีย์ค่ะ โดยทริคของการเติมเงินคือเราควรคำนวณไปก่อนค่ะว่าเราจะเสียค่าเดินทางเท่าไหร่ แล้วเติมเงินให้พอดี หรือเกินให้น้อยที่สุด เพราะเงิน refund ไม่ได้ และการเติมต้องเติมเป็นเงินถ้วนๆ เช่น 10, 20 dollar ถ้าอยากเช็คค่ารถไฟสำหรับการเดินทางของเราให้เข้าไป search เว็บนี้เลยค่ะ
http://www.sydneytrains.info/timetables/
ในขณะที่การเดินทางในเมลเบิร์นจะใช้บัตรที่ชื่อว่า MYKI บัตรนี้จะดีกว่าตรงที่เราสามารถเติมเงินเป็นเศษๆได้ ดังนั้น ถ้าเราคำนวณแล้วเติมเงินให้พอดีเราจะไม่ต้องกังวลเรื่องเงินเหลือให้ต้องเสียดายกัน (แอบกระซิบว่าบัตรนี้ยอมให้ติดลบได้นิดหน่อยด้วยค่ะ ทริคคือเวลาแปะบัตรเข้าระบบจะยังไม่ตัดเงิน แต่จะตัดตอนออก ดังนั้น สมมติ Trip นี้เราต้องเสียค่าเดินทาง 3.76 dollar แต่มีเงินในบัตร 1 dollar เราก็สามารถโดยสารรถไฟได้ โดยขาออกบัตรเราจะติดลบ 2.76 dollar ค่ะ แฮ่ๆ) สำหรับราคาค่าเดินทางของเมลเบิร์นเป็นดังรูปค่ะ
ข้อแตกต่างของซิดนีย์และเมลเบิร์น คือ ซิดนีย์จะคิดค่าเดินทางตามระยะทาง ส่วนเมลเบิร์นจะคิดแบบเหมาจ่ายค่ะ (มีทั้งแบบเติมเงิน และแบบซื้อเป็นสัปดาห์ และรายเดือน) ในส่วนของราคาค่าเดินทาง Sydney จะแพงกว่าเมลเบิร์น แต่สำหรับวันอาทิตย์จะเป็นราคาลดแบบถูกมากๆค่ะ (ดังนั้น ในทริปนี้เราวางแผนไป blue mountain ซึ่งต้องนั่งรถไฟไปไกลมากในวันอาทิตย์เพื่อประหยัดค่ารถไฟค่า) สำหรับ เมลเบิร์นยังค่อนข้าง generous มากกว่าเพราะการเดินทางภายในตัวเมืองโดย tram จะฟรีค่ะ (free tram zone)
ซิดนีย์
วันที่ 1 Opera House – Harbour Bridge
วันนี้เครื่องลงตอนเช้านะคะ การเดินทางออกจากสนามบินใช้การนั่งรถไฟค่ะ (โดยเราเลือกที่จะพักแถว town Hall ค่ะ ซึ่งใกล้สถานีรถไฟ เดินทางสะดวก ที่พักคราวนี้ขอเน้นสบายหน่อยๆ เลยเลือกพัก โรงแรมค่ะ เป็นห้อง 4 คน ราคาเลยไม่แพงเท่าไหร่ค่ะ) หลังจากเดินทางเอาของไปเก็บที่พักแล้ว เราก็ออกจากที่พักมาขึ้นรถไฟค่ะ สำหรับการเดินทางไป Opera house เรานั่งรถไฟไปลงรถไฟที่สถานี Circular Quay (อ่านว่าคีย์) ใช้เวลาแค่ไม่ถึงสิบนาทีค่ะ
หลังจากชมความอลังการของ Opera House แล้วเราก็เดินไปขึ้น Harbour Bride และ เข้าไปที่ย่าน the rock ต่อค่ะ ถ้าใครเป็นนักกินล่ะก็แนะนำร้านนี้เลยนะคะ Pancakes On The Rocks
ข้อดีของการพักแถว town hall คือเรามารถไฟ แต่เรากลับเรือค่ะ โดยการนั่งเรือไปลงที่ Darling Harbour ได้ค่ะ ดังนั้น เราจึงนั่งเรือจากท่าเรือที่ Opera House แล้วได้โอกาสชมวิวระหว่างทางมาด้วย
สำหรับอาหารที่แนะนำในเย็นนี้คือ Steak ร้าน Hurricane ค่ะ ร้านมีทั้งสาขาที่ Opera House แล้ว Darling Harbour ค่ะ แต่คืนนี้เราเลือกทางที่ Darling Harbour เพราะจะได้โอกาสชมการแสดงของนักแสดงเปิดหมวกในตอนค่ำๆด้วยค่ะ (วันที่เราไปมีโชว์ควงไฟ สุดยอดมากๆค่า)
วันที่ 2 Blue Mountain
เป็นวันอาทิตย์ ซึ่งค่ารถไฟถูกเว่อร์วังอลังการ ราคาคนละ 2 ดอล เท่านั้นเอง เราจึงเลือกไปที่ Blue Mountain ลงรถไฟโดยสถานี Katoomba ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม กว่าๆ ค่ะ
สำหรับการเที่ยวแต่ละจุดใน Blue Mountain จะเป็นแบบ hop-on hop-off bus ค่ะ สามารถนั่งรถขนส่งแบบสาธารณะขึ้นไปได้ (ราคาจะถูกมาก) แต่ข้อเสียคือใช้เวลารอนาน เราจึงซื้อบัตร blue mountain explorer bus ซึ่งแม้จะแพงกว่า แต่รถมาถี่มากกว่าค่ะ ทำให้เราแวะลงไปเที่ยวได้หลายจุดมากกว่า (รวมทั้งยังรวมค่านั่ง Skyway, Railway, Walkway และ Cable Way แล้วค่ะ)
สำหรับจุดที่เป็น Must ของ Blue Mountain คือจุดที่ 9 และ 14 ค่ะ
จุดที่ 9 คือ Scenic world เป็นจุดชมวิวโดยการนั่ง Skyway, Railway, Walkway และ Cable Way แต่คิวรอนั่งแต่ละเครื่องจะนานมาก ดังนั้นการซื้อบัตร blue mountain explorer bus จะคุ้มค่าตรงที่เราไม่ต้องต่อคิวซื้อบัตร แค่ต่อคิวเครื่องเล่นอย่างเดียว
ทริคการนั่งครบทั้ง 4 เครื่องในเวลา 30 นาที: ให้เริ่มจากการต่อคิว Skyway ก่อนค่ะ ให้นั่ง Skyway ไปกลับ หลังจากนั้นให้ต่อคิวนั่ง Railway ไปกลับ (Railway อันนี้น่านั่งมากนะคะ เพราะเป็น Railway ลงเขาที่ชันที่สุดในโลกเลยค่ะ วิวสวยสุดๆค่ะ) ถัดไปให้เรานั่ง Cableway ขาไป แล้วเดินกลับโดย Walkway เพื่อมาขึ้น Cableway ขากลับค่ะ
จุดที่ 14 Echo Point เป็นจุดที่ใช้ชมวิวภูเขา Three Sisters ซึ่งเป็นจุดถ่ายภาพที่สวยมากค่ะ
จุดอื่นๆ ที่เราชอบก็มีจุดที่ 12 เป็นร้านขายช็อคโกแลต แบบมีให้เราชิมฟรีด้วย
วันที่ 3 Port Stephen
วันนี้เราซื้อ one day trip ของ AAT Kings ไปที่ Port Stephens ค่ะ เนื่องด้วยการเดินทางออกนอกเมืองไปอีกค่อนข้างไกล และราคาทัวร์ก็จะรวมค่าล่องเรือชมปลาโลมา และสกีทรายแล้ว ถือว่าคุ้มมากๆค่ะ
โดยเริ่มจากเกินทางไปที่ Reptile Park แม้จะเป็นสวนสัตว์เลื้อยคลาน แต่ที่นั่นมี Native Animal ที่น่าสนใจมากมาย จุดที่น่าสนใจคือการได้ถ่ายรูปกับจิงโจ้ และหมีโคอาล่าแบบใหล้ชิด โดยไม่เสียเงินเพิ่ม (รัฐ NSW และ VIC ไม่อนุญาตให้อุ้มน้องหมีนะคะ) และการที่จะถ่ายรูปในบางที่จะต้องเสียเงินเพิ่มแพงมากค่ะ แต่ที่นี่เปิดให้ถ่ายฟรี ข้อสำคัญคืออย่าไปแตะตัวมันนะคะเขาไม่อนุญาตค่ะ
ถัดมาเราจะไปล่องเรือชมปลาโลมาที่ Port Stephens โดย port นี้จะอยู่ไม่ไกลจากเมือง New Castle
หลังจากนั้นเราจะไปสกีทรายกับที่ Sand Dunes ค่ะ
วันที่ 4 Aquarium - Melbourne
วันนี้เราจะไปเที่ยว Sydney Aquarium กันค่ะ โดยตั๋วเข้านั้นเราจะไปซื้อหน้างานก็ได้ แต่ถ้าใครอยากได้ราคาถูกขอแนะนำให้จองก่อนทางเว็บไซด์แบบ fix เวลา ค่ะ ราคาจะถูกกว่ากันมาก
จุดเด่นของ Aquarium ที่นี่คือมีเรือให้นั่งเข้าไปชมน้องเพนกวินกันแบบชัดๆ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มแต่อย่างใดค่า (รูปด้านล่างนี่ถ่ายจากหน้ากระจก หลังลงจากเรือแล้วเดินอ้อมไปค่ะ)
หลังจากนั้นเราเดินทางไปเมลเบิร์น โดยสายการบินภายในประเทศค่ะ (สนามบินของ Melbourne มี 2 แห่ง เพื่อความสะดวกขอให้ลงสนามบิน Tullamarine จะดีกว่านะคะ เพราะ Avalon จะไกลทีเดียวค่ะ) สำหรับที่พักในเมลเบิร์นเราพักใกล้ๆ Flinders Street ค่ะ อยู่ Filnder Street Station ซึ่งเป็นเหมือนสถานีชุมทางรถไฟที่วิ่งภายในเมลเบิร์นเลยค่ะ เดินทางสะดวกมากๆ
เมลเบิร์น
ขอแอบกระซิบว่าแผนการเที่ยวที่เราลงไว้ให้ดูตอนแรกกับแผนที่เราจะอธิบายต่างกันเล็กน้อย เนื่องด้วยเราปรับเปลี่ยนระหว่างการเดินทางให้ลงตัวกับคณะของเรามากที่สุดค่า แต่โดยรวมแล้วเที่ยวรบเหมือนกัน (แอบแถมมาเกินหน่อยๆซะด้วย)
วันที่ 5 City Tour
วันนี้เราจะท่องเที่ยวในตัวเมือง Melbourne ค่ะ ตอนเช้าเราเริ่มจากเดินไปที่ Melbourne Central ที่อยู่ใกล้ เพื่อไปทาน Pancake ร้านดัง ชื่อ Palour เป็นอาหารเช้าค่า
หลังจากนั้นเราไปที่ร้าน Halftix เพื่อจอง one day trip ไป Great Ocean Road โดยร้านนี้จะอยู่ติดกับ Town Hall ค่ะ ขายทัวร์ทุกอย่างในราคาลดครึ่งราคาค่ะ (คิดค่าบริการเพิ่ม 15 ออส) ดังนั้นหากเราจะจองตั๋วต้องจองที่นี่เท่านั้นนะคะ เพราะจะทำให้เราประหยัดได้แบบมีสาระสำคัญเลยค่ะ
หลังจากนั้นเรานั่ง Tram ต่อไปที่ Queens Victoria Market ค่ะ โดย Queen Victoria Market อยู่ในเขต Free Tram Zone จึงนั่งฟรีตลอดสายค่ะ ที่นี่เป็นตลาดที่มีทั้งของสด และของฝากราคาถูก ให้ได้ช้อปปิ้งกันกระจายค่ะ
ถัดจากนั้นเราจะไปที่ Shrine of Remembrance ซึ่งเป็นอนุสาวรีย์ทหารผ่านศึก หน้าตาคล้ายปิระมิดแถบอเมริกาใต้ (อนุญาตให้ขึ้นไปชมวิวด้านบนได้ฟรีด้วยค่ะ)
วิธีเดินทางมี 2 แบบค่ะ คือนั่ง Tram ไป หรือ ใครอยากประหยัดค่ารถให้นั่ง Tram ฟรีมาลงที่ Flinderss (สุดเขต Free Tram Zone) แล้วเดินต่อ ระยะทางก็ไม่ใกล้ ไม่ไกล โดยข้อดีคือระหว่างทางก็แวะชมสิ่งที่น่าสนใจต่างๆ ได้ เช่น Alexandra Garden นาฬิกาดอกไม้ เป็นต้น
หลังจากนั้นเดินออกไปยัง Royal Bonanic Garden ที่อยู่ใกล้ๆกัน เพื่อชมดอกไม้แบบไม่มีค่าเข้าชมค่ะ
เที่ยวออสเตรเลีย (ซิดนีย์-เมลเบิร์น) แบบเจาะลึก ราคาประหยัด 10 วัน 47,000 บาท!!
สำหรับประเทศที่จะมารีวิว ขอเป็นประเทศที่ตัวเองถนัดที่สุดก่อนค่ะ นั่นคือออสเตรเลีย (ซิดนีย์ เมลเบิร์น) เพราะตัวเองเคยศึกษาอยู่ที่นั่น แล้วในระหว่างศึกษาก็มักจะมีครอบครัว ญาติ เพื่อนๆแวะเวียนกันมาให้เราพาเที่ยวอยู่ตลอดๆ จนค่อนข้างเชี่ยวชาญพอสมควรเลยทีเดียว (เพราะเที่ยววนไปหลายรอบจัด) 555+
สำหรับแผนเที่ยวที่เราจะมานำเสนอให้เพื่อนๆได้ดูกันเป็นแผนที่เคยใช้ในช่วงที่เพื่อนร่วมงานมาเยี่ยมที่ออสเตรเลียค่ะ ช่วงสงกรานต์ปีที่แล้วค่ะ เป็นทริปเที่ยวประมาณ 10 วัน ครอบคลุม 2 เมืองหลักคือ ซิดนีย์ และ เมลเบิร์น ค่ะ
ค่าใช้จ่าย
สำหรับค่าใช้จ่ายที่เราจ่ายไปตอนนั้นไม่รวมตั๋วเครื่องบินไปกลับไทยนะคะ แต่รวมตั๋วเครื่องบินจากซิดนีย์มาเมลเบิร์น และค่าอาหารแล้ว คือราวๆ สามหมื่นห้าพันบาท (ถ้ารวมตั๋วที่เพื่อนๆเราจองมาที่ออสด้วย อีก 12,000 ก็คาดว่าน่าจะราวๆ สี่หมื่นเจ็ดพันบาท) แผนการเที่ยวจะเป็นตามรูปนะคะ และมีแผนการเงินแนบมาด้วย วงเล็บด้านหลังคือค่าใช้จ่ายแบบคำนวณเป็นเงินออสค่ะ (แต่พอตอนเที่ยวเมลเบิร์นก็มีการปรับเปลี่ยนจากในแผนนิดหน่อยค่ะ)
การจองตั๋วเครื่องบิน
ทริปนี้เราเดินทางโดยสายการบิน 2 ครั้ง คือ จองขาไป กรุงเทพ – ซิดนีย์ ขากลับเมลเบิร์น – กรุงเทพ พอดีเพื่อนๆได้โปรตั๋วราคาถูกค่ะ ซึ่งโปรพวกนี้ส่วนใหญ่ต้องคอยเฝ้ารอจังหวะที่สายการบินจะจัดโปร แต่ถ้าใครที่ต้องการความแน่นอนกว่านั้น ก็ขอแนะนำว่าช่วงต้นปีค่ะ ประมาณ มค ถึง กพ Jetatar มักจะโปรเที่ยวบินไปกลับ กรุงเทพ – เมลเบิร์น แบบบินตรง จากที่แต่เดิมก็ถูกสุดๆไปแล้ว ก็ยังลดราคาแบบคิดเฉพาะขาไป ขากลับฟรี (ตกราวๆแปดพัน) เวลาเราปิดเทอมก็ชอบใช้โปรนี้บินประจำเลยค่ะ
ที่พัก
สำหรับใครที่ไม่กังวลกับเรื่องงบประมาณ การพักโรงแรมก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในด้าน location และความสะดวกสบาย สำหรับใครที่อยากเที่ยวแบบประหยัด ถ้าอยากได้ความเป็นส่วนตัวสักหน่อยไม่อยากไปพัก hostel (โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงวันหยุดยาว) ก็แนะนำเว็บ aussietips ค่ะ เป็นเว็บชุมชนชาวไทยในออส ลองเข้าไปกระทู้นะคะ เพราะช่วงหยุดยาวชาวไทยในออสก็มักจะกลับเมืองไทยกัน และเขาจะปล่อยเช่าระยะสั้นที่พักของตนเองในช่วงที่เขาไม่อยู่ ในราคาสบายกระเป๋า เท่านี้เราก็จะได้ที่พักราคาถูกๆแล้ว
สำหรับ location ของที่พักที่ดีนั้น ทั้งเมลเบิร์นและซิดนีย์ขอแนะนำให้อยู่ในตัวเมืองนะคะ จะสะดวกสบายในด้านการท่องเที่ยว การทานอาหาร และการเดินเล่นในยามดึกมากกว่าค่ะ
การเดินทางภายในออส
สำหรับการเดินทางภายในซิดนีย์ เราจะใช้บัตรที่ชื่อว่า Opal โดยบัตรนี้เราจะซื้อแล้วเติมเงินเข้าไป เพื่อใช้เดินทางในระบบขนส่งมวลชนในซิดนีย์ค่ะ โดยทริคของการเติมเงินคือเราควรคำนวณไปก่อนค่ะว่าเราจะเสียค่าเดินทางเท่าไหร่ แล้วเติมเงินให้พอดี หรือเกินให้น้อยที่สุด เพราะเงิน refund ไม่ได้ และการเติมต้องเติมเป็นเงินถ้วนๆ เช่น 10, 20 dollar ถ้าอยากเช็คค่ารถไฟสำหรับการเดินทางของเราให้เข้าไป search เว็บนี้เลยค่ะ http://www.sydneytrains.info/timetables/
ในขณะที่การเดินทางในเมลเบิร์นจะใช้บัตรที่ชื่อว่า MYKI บัตรนี้จะดีกว่าตรงที่เราสามารถเติมเงินเป็นเศษๆได้ ดังนั้น ถ้าเราคำนวณแล้วเติมเงินให้พอดีเราจะไม่ต้องกังวลเรื่องเงินเหลือให้ต้องเสียดายกัน (แอบกระซิบว่าบัตรนี้ยอมให้ติดลบได้นิดหน่อยด้วยค่ะ ทริคคือเวลาแปะบัตรเข้าระบบจะยังไม่ตัดเงิน แต่จะตัดตอนออก ดังนั้น สมมติ Trip นี้เราต้องเสียค่าเดินทาง 3.76 dollar แต่มีเงินในบัตร 1 dollar เราก็สามารถโดยสารรถไฟได้ โดยขาออกบัตรเราจะติดลบ 2.76 dollar ค่ะ แฮ่ๆ) สำหรับราคาค่าเดินทางของเมลเบิร์นเป็นดังรูปค่ะ
ข้อแตกต่างของซิดนีย์และเมลเบิร์น คือ ซิดนีย์จะคิดค่าเดินทางตามระยะทาง ส่วนเมลเบิร์นจะคิดแบบเหมาจ่ายค่ะ (มีทั้งแบบเติมเงิน และแบบซื้อเป็นสัปดาห์ และรายเดือน) ในส่วนของราคาค่าเดินทาง Sydney จะแพงกว่าเมลเบิร์น แต่สำหรับวันอาทิตย์จะเป็นราคาลดแบบถูกมากๆค่ะ (ดังนั้น ในทริปนี้เราวางแผนไป blue mountain ซึ่งต้องนั่งรถไฟไปไกลมากในวันอาทิตย์เพื่อประหยัดค่ารถไฟค่า) สำหรับ เมลเบิร์นยังค่อนข้าง generous มากกว่าเพราะการเดินทางภายในตัวเมืองโดย tram จะฟรีค่ะ (free tram zone)
ซิดนีย์
วันที่ 1 Opera House – Harbour Bridge
วันนี้เครื่องลงตอนเช้านะคะ การเดินทางออกจากสนามบินใช้การนั่งรถไฟค่ะ (โดยเราเลือกที่จะพักแถว town Hall ค่ะ ซึ่งใกล้สถานีรถไฟ เดินทางสะดวก ที่พักคราวนี้ขอเน้นสบายหน่อยๆ เลยเลือกพัก โรงแรมค่ะ เป็นห้อง 4 คน ราคาเลยไม่แพงเท่าไหร่ค่ะ) หลังจากเดินทางเอาของไปเก็บที่พักแล้ว เราก็ออกจากที่พักมาขึ้นรถไฟค่ะ สำหรับการเดินทางไป Opera house เรานั่งรถไฟไปลงรถไฟที่สถานี Circular Quay (อ่านว่าคีย์) ใช้เวลาแค่ไม่ถึงสิบนาทีค่ะ
หลังจากชมความอลังการของ Opera House แล้วเราก็เดินไปขึ้น Harbour Bride และ เข้าไปที่ย่าน the rock ต่อค่ะ ถ้าใครเป็นนักกินล่ะก็แนะนำร้านนี้เลยนะคะ Pancakes On The Rocks
ข้อดีของการพักแถว town hall คือเรามารถไฟ แต่เรากลับเรือค่ะ โดยการนั่งเรือไปลงที่ Darling Harbour ได้ค่ะ ดังนั้น เราจึงนั่งเรือจากท่าเรือที่ Opera House แล้วได้โอกาสชมวิวระหว่างทางมาด้วย
สำหรับอาหารที่แนะนำในเย็นนี้คือ Steak ร้าน Hurricane ค่ะ ร้านมีทั้งสาขาที่ Opera House แล้ว Darling Harbour ค่ะ แต่คืนนี้เราเลือกทางที่ Darling Harbour เพราะจะได้โอกาสชมการแสดงของนักแสดงเปิดหมวกในตอนค่ำๆด้วยค่ะ (วันที่เราไปมีโชว์ควงไฟ สุดยอดมากๆค่า)
วันที่ 2 Blue Mountain
เป็นวันอาทิตย์ ซึ่งค่ารถไฟถูกเว่อร์วังอลังการ ราคาคนละ 2 ดอล เท่านั้นเอง เราจึงเลือกไปที่ Blue Mountain ลงรถไฟโดยสถานี Katoomba ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม กว่าๆ ค่ะ
สำหรับการเที่ยวแต่ละจุดใน Blue Mountain จะเป็นแบบ hop-on hop-off bus ค่ะ สามารถนั่งรถขนส่งแบบสาธารณะขึ้นไปได้ (ราคาจะถูกมาก) แต่ข้อเสียคือใช้เวลารอนาน เราจึงซื้อบัตร blue mountain explorer bus ซึ่งแม้จะแพงกว่า แต่รถมาถี่มากกว่าค่ะ ทำให้เราแวะลงไปเที่ยวได้หลายจุดมากกว่า (รวมทั้งยังรวมค่านั่ง Skyway, Railway, Walkway และ Cable Way แล้วค่ะ)
สำหรับจุดที่เป็น Must ของ Blue Mountain คือจุดที่ 9 และ 14 ค่ะ
จุดที่ 9 คือ Scenic world เป็นจุดชมวิวโดยการนั่ง Skyway, Railway, Walkway และ Cable Way แต่คิวรอนั่งแต่ละเครื่องจะนานมาก ดังนั้นการซื้อบัตร blue mountain explorer bus จะคุ้มค่าตรงที่เราไม่ต้องต่อคิวซื้อบัตร แค่ต่อคิวเครื่องเล่นอย่างเดียว
ทริคการนั่งครบทั้ง 4 เครื่องในเวลา 30 นาที: ให้เริ่มจากการต่อคิว Skyway ก่อนค่ะ ให้นั่ง Skyway ไปกลับ หลังจากนั้นให้ต่อคิวนั่ง Railway ไปกลับ (Railway อันนี้น่านั่งมากนะคะ เพราะเป็น Railway ลงเขาที่ชันที่สุดในโลกเลยค่ะ วิวสวยสุดๆค่ะ) ถัดไปให้เรานั่ง Cableway ขาไป แล้วเดินกลับโดย Walkway เพื่อมาขึ้น Cableway ขากลับค่ะ
จุดที่ 14 Echo Point เป็นจุดที่ใช้ชมวิวภูเขา Three Sisters ซึ่งเป็นจุดถ่ายภาพที่สวยมากค่ะ
จุดอื่นๆ ที่เราชอบก็มีจุดที่ 12 เป็นร้านขายช็อคโกแลต แบบมีให้เราชิมฟรีด้วย
วันที่ 3 Port Stephen
วันนี้เราซื้อ one day trip ของ AAT Kings ไปที่ Port Stephens ค่ะ เนื่องด้วยการเดินทางออกนอกเมืองไปอีกค่อนข้างไกล และราคาทัวร์ก็จะรวมค่าล่องเรือชมปลาโลมา และสกีทรายแล้ว ถือว่าคุ้มมากๆค่ะ
โดยเริ่มจากเกินทางไปที่ Reptile Park แม้จะเป็นสวนสัตว์เลื้อยคลาน แต่ที่นั่นมี Native Animal ที่น่าสนใจมากมาย จุดที่น่าสนใจคือการได้ถ่ายรูปกับจิงโจ้ และหมีโคอาล่าแบบใหล้ชิด โดยไม่เสียเงินเพิ่ม (รัฐ NSW และ VIC ไม่อนุญาตให้อุ้มน้องหมีนะคะ) และการที่จะถ่ายรูปในบางที่จะต้องเสียเงินเพิ่มแพงมากค่ะ แต่ที่นี่เปิดให้ถ่ายฟรี ข้อสำคัญคืออย่าไปแตะตัวมันนะคะเขาไม่อนุญาตค่ะ
ถัดมาเราจะไปล่องเรือชมปลาโลมาที่ Port Stephens โดย port นี้จะอยู่ไม่ไกลจากเมือง New Castle
หลังจากนั้นเราจะไปสกีทรายกับที่ Sand Dunes ค่ะ
วันที่ 4 Aquarium - Melbourne
วันนี้เราจะไปเที่ยว Sydney Aquarium กันค่ะ โดยตั๋วเข้านั้นเราจะไปซื้อหน้างานก็ได้ แต่ถ้าใครอยากได้ราคาถูกขอแนะนำให้จองก่อนทางเว็บไซด์แบบ fix เวลา ค่ะ ราคาจะถูกกว่ากันมาก
จุดเด่นของ Aquarium ที่นี่คือมีเรือให้นั่งเข้าไปชมน้องเพนกวินกันแบบชัดๆ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มแต่อย่างใดค่า (รูปด้านล่างนี่ถ่ายจากหน้ากระจก หลังลงจากเรือแล้วเดินอ้อมไปค่ะ)
หลังจากนั้นเราเดินทางไปเมลเบิร์น โดยสายการบินภายในประเทศค่ะ (สนามบินของ Melbourne มี 2 แห่ง เพื่อความสะดวกขอให้ลงสนามบิน Tullamarine จะดีกว่านะคะ เพราะ Avalon จะไกลทีเดียวค่ะ) สำหรับที่พักในเมลเบิร์นเราพักใกล้ๆ Flinders Street ค่ะ อยู่ Filnder Street Station ซึ่งเป็นเหมือนสถานีชุมทางรถไฟที่วิ่งภายในเมลเบิร์นเลยค่ะ เดินทางสะดวกมากๆ
เมลเบิร์น
ขอแอบกระซิบว่าแผนการเที่ยวที่เราลงไว้ให้ดูตอนแรกกับแผนที่เราจะอธิบายต่างกันเล็กน้อย เนื่องด้วยเราปรับเปลี่ยนระหว่างการเดินทางให้ลงตัวกับคณะของเรามากที่สุดค่า แต่โดยรวมแล้วเที่ยวรบเหมือนกัน (แอบแถมมาเกินหน่อยๆซะด้วย)
วันที่ 5 City Tour
วันนี้เราจะท่องเที่ยวในตัวเมือง Melbourne ค่ะ ตอนเช้าเราเริ่มจากเดินไปที่ Melbourne Central ที่อยู่ใกล้ เพื่อไปทาน Pancake ร้านดัง ชื่อ Palour เป็นอาหารเช้าค่า
หลังจากนั้นเราไปที่ร้าน Halftix เพื่อจอง one day trip ไป Great Ocean Road โดยร้านนี้จะอยู่ติดกับ Town Hall ค่ะ ขายทัวร์ทุกอย่างในราคาลดครึ่งราคาค่ะ (คิดค่าบริการเพิ่ม 15 ออส) ดังนั้นหากเราจะจองตั๋วต้องจองที่นี่เท่านั้นนะคะ เพราะจะทำให้เราประหยัดได้แบบมีสาระสำคัญเลยค่ะ
หลังจากนั้นเรานั่ง Tram ต่อไปที่ Queens Victoria Market ค่ะ โดย Queen Victoria Market อยู่ในเขต Free Tram Zone จึงนั่งฟรีตลอดสายค่ะ ที่นี่เป็นตลาดที่มีทั้งของสด และของฝากราคาถูก ให้ได้ช้อปปิ้งกันกระจายค่ะ
ถัดจากนั้นเราจะไปที่ Shrine of Remembrance ซึ่งเป็นอนุสาวรีย์ทหารผ่านศึก หน้าตาคล้ายปิระมิดแถบอเมริกาใต้ (อนุญาตให้ขึ้นไปชมวิวด้านบนได้ฟรีด้วยค่ะ)
วิธีเดินทางมี 2 แบบค่ะ คือนั่ง Tram ไป หรือ ใครอยากประหยัดค่ารถให้นั่ง Tram ฟรีมาลงที่ Flinderss (สุดเขต Free Tram Zone) แล้วเดินต่อ ระยะทางก็ไม่ใกล้ ไม่ไกล โดยข้อดีคือระหว่างทางก็แวะชมสิ่งที่น่าสนใจต่างๆ ได้ เช่น Alexandra Garden นาฬิกาดอกไม้ เป็นต้น
หลังจากนั้นเดินออกไปยัง Royal Bonanic Garden ที่อยู่ใกล้ๆกัน เพื่อชมดอกไม้แบบไม่มีค่าเข้าชมค่ะ