แนวที่ควรพัฒนามากที่สุด คือ เดินตามรอยการพัฒนาของวอลเล่ย์บอลหญิง โดยกลุ่มโค้ชอ๊อด
เพราะเป็นแนวคิดสายกลางที่นำศาสตร์ต่างประเทศหลายประเทศมาคัดเลือก ประยุกต์ และออกแบบให้เหมาะสมกับทัศคติ ความคิดของคนส่วนใหญ่ของในไทยแล้ว เนื่องจากเราจะไปทำตามการพัฒนาของชาติอื่นแล้วทึกทักเอาว่า มันจะสำเร็จตามเขา ซึ่งในโลกความเป็นจริงมันเป็นไปไม่ได้ เพราะ ปัจจัยพื้นฐานของประเทศเราและประเทศต้นแบบมันต่างกัน แค่มีปัจจัยต่างกันเพียง 1 อย่าง โมเดลที่เรานำมาใช้ก็ลดทอนประสิทธิภาพแล้ว
ยกตัวอย่างจะเอาโมเดลเบลเยี่ยมมาใช้ โดยการให้นักฟุตบอลเป็นศุนย์กลาง ให้ใช้ความคิดตัวเองว่าเราควรพัฒนาตัวเองอย่างไร แล้วนำความคิดนั้นนำไปปฏิบัติ โดยมีโค้ชคอยแนะแนวเฉยๆ ว่าคิดแบบนั้น เวลาทำควรทำอะไรบ้าง ซึ่งเมื่อกลับมามองนิสัยคนไทย ถามว่า แค่ให้คิดเองว่าควรปรับปรุงตรงไหน ด้วยนิสัยคนไทยมีใครจะฉุกคิดตรงนี้ไหม เรายิ่งรักความสบาย เอาง่ายๆ อยู่แล้ว ก็เมินซะเถอะที่จะคิด ไม่ต้องไปพูดถึงการนับความคิดไปปฏิบัติเลย ขนาดหลายคนโค้ชสอนปากเปียกปากแฉะ จ้ำจี้จ้ำใช มันยังไม่อยากทำตามกันเลย มองไปแล้วมีแต่ล้มเหลวแน่ๆไม่ต่างชายเซ็นเตอร์ในระบบการเรียนที่มีแนวคิดเดียวกัน
จะเอาโมเดลเม็กซิโกมาใช้ ก็ต้องขุนนักบอลเราให้หนา หลังต้องมีความสูงใหญ่และคล่องเพื่อป้องกันการโจมตีทางอากาศ และไม่เป็นจุดอ่อนเวลาโจมตีทางพื้น ถามว่าคนไทยส่วนใหญ่เป็นแบบนั้นไหมทางกายภาพ ก็ไม่ เราเล็กก็เล็กไปเลย ต่อให้หนาแค่ไหนก็ได้แค่ระดับหนึ่ง แต่มันมีความคล่องตัวสูง ส่วนพวกใหญ่ระดับเกิน 190 ซม. ไม่ช้าเป็นเรือเกลือก็ไม่ค่อยยอมโดด นานๆจะโผล่มาสักคนที่สูงเกิน 190 ซม .หนาพอที่จะตั้นคู่ต่อสู้ในกลางอากาศ และยังเร็วพอสกัดกั้นในภาคพื้น แค่นี้โมเดลเม็กซิโกก็เหลวเป๋ว ไม่ได้ตามที่ต้องการแล้ว
จะเอาโมเดลญี่ปุ่นมาใช้ ซึ่งเป็นมีฟุตบอลที่มีความเข้าใจเกมส์สูง มีวินัยในการฝึกฝนอย่างหนัก มีความเป็นระเบียบทั้งเกมส์รุกและรับสูง เมื่อมามองนิสัยคนไทยส่วนใหญ่ ถามว่าเราจะเป็นระเบียบ ความเข้าใจเกมส์แบบเขาได้ไหม ขนาดวอลเล่ย์บอลหญิงเรายังทำไม่ได้เลย ทั้งที่พัฒนามามากกว่าฟุตบอลเยอะ ดังนั้นโมเดลญี่ปุ่นต่อให้ศึกษาเข้าใจจนถ่องแท้ แต่จะให้นักบอลไทยเราทำแบบเขา ไม่มีทางได้แน่นอนจากปัจจัยความเป็นระเบียบที่ต่างกันราวกับคนละขั้ว
ดังนั้นโมเดลที่ควรใช้คือ โมเดลวอลเล่ย์บอลหญิง ซึ่งเป็นโมเดลที่เน้นความหลากหลายและทางสายกลาง ไม่อิงไปกับแบบใดแบบหนึ่งมากเกินไป ตัวอย่าง คือ ระบบการเล่นทีมชาติเราไม่ได้เล่นตบที่หัวเสาอย่างเดียว เหมือนพวกทีมตัวสูงในทีมจีน ยุโรป ถ้าเทียบกับฟุตบอลคือ เล่นแบบไดเร็คอย่างเดียว เพราะมันไม่ต้องใช้สูตรการเล่นมาก รับบอลการตบคู่ต่อสู้ได้ก็ส่งต่อให้ ตัวเซ็ต เซ็ตสูงๆ ให้เหนือบล็อกคู่ต่อสู้มากที่สุดไปที่ผู้เล่นตำแหน่งใกล้กับเสาวอลเล่ย์ แล้วก็ตบมันลงไป เมื่อเทียบกับฟุตบอลคือ ไม่มีการคิดอะไรมา ได้บอลมาวางบอลยาวลึกๆ ไปที่ระหว่างกองหลังกับประตู แล้วผู้เล่นกองหน้าพักบอล เพื่อป้ายต่อให้นักบอลคนอื่นเติมมายิง หรือ นักบอลวิ่งตัดหลังกองหลัง แล้วง้างยิง ซึ่งมันเป็นวิธีที่โจมตีคู่ต่อสู้ได้ดีในยามคู่ต่อสู้ไม่ระวังตัว แต่ถามว่า เล่นแบบเดียวคู่ต่อสู้จับได้ไหม ผมตอบให้เลยว่าง่ายมาก แค่แพ็คหลังแน่น เพรสซิ่งไม่ให้กองหน้าคู่ต่อสู้พักบอลได้ง่าย เหมือนวอลเล่ย์บอลที่ให้บล็อกขึ้นบล็อกที่หัวเสาอย่างเดียว ก็ตบผ่านบล็อกให้ได้คะแนนลำบากแล้ว เนื่องจากทางกายภาพเราสูงและหนาน้อยกว่าคู่ต่อสู้เยอะ ในเมื่อเราเล่นหัวเสาอย่างเดียวมันง่ายต่อการจับทาง และความสูงไม่พอให้เล่นแบบนี้ไปตลอด มันก็ต้องมีการเล่นแบบอื่นเพื่อดึงให้ตัวบล็อกเขาทำงานลำบากขึ้น โดยการกระจายเกมส์รุกไปตำแหน่งอื่นเท่าที่เล่นได้ให้ได้มากที่สุด ฟุตบอลก็เช่นกันมันต้องมีการรุกแบบอื่นที่นอกจากไดเร็ค ทั้งการเล่นให้ปีกโยนครอสและโยนเรียดตัดมาข้างในเขตโทษ การยิงไกล การเล่นชิ่ง การเล่นลากเลื้อยเพื่อเอาฟลาวไว้เล่นลูกนิ่ง ผู้เล่นแบบเราถึงเจาะการป้องกันฝั่งตรงข้ามได้ง่ายขึ้น เพราะ เกมส์เราหลากหลาย ไม่ได้มาแบบเดียว โอกาสได้ประตูมันก็มากขึ้นไปด้วย ในขณะที่เกมส์รับวอลเล่ย์ก็ต้องมีซ้อน มีปิดคนที่เป็นจุดอ่อนในการรับบอล ฟุตบอลก็เช่นกัน เซ็นเตอร์ก็ต้องมีคนสูงไว้สกัดกลางอากาศ ถ้าคนนี้ไม่คล่อง มันก็ต้องมีตัวเตี้ยที่คล่องกว่าคอยซ้อนยามเจอคู่ต่อสู้เล่นเกมส์ภาคพื้น มันถึงจะสมดุลและเหมาะสมกับเรา
สุดท้ายนี้ เราไม่ควรปฏิเสธบอลชิ่ง บอลสั้นถ่ายเป็นทอดๆ แบบที่ ซิโก้ นำมาใช้ แต่มันควรต่อยอดเอาไปผสมกับบอลไดเร็ค การยิงไกลแทคติกการลากเลื้อยเพื่อเอาฟลาว ใหัมันมีจุดลงตัว หลังก็เพิ่มตัวสูงประกบตัวเตี้ยในเซ็นเตอร์ ถ้าเราหาสูงและคล่องมา 2 คนไม่ได้ ผมรับรองว่า บอลไทยจะพัฒนาด้วยศักยภาพนักเตะไม่สมบูรณ์แบบนี้ได้ และได้ไกลด้วย ตามแบบอย่างวอลเล่ย์บอลหญิง
แนวที่ควรพัฒนามากที่สุด คือ เดินตามรอยการพัฒนาของวอลเล่ย์บอลหญิง
เพราะเป็นแนวคิดสายกลางที่นำศาสตร์ต่างประเทศหลายประเทศมาคัดเลือก ประยุกต์ และออกแบบให้เหมาะสมกับทัศคติ ความคิดของคนส่วนใหญ่ของในไทยแล้ว เนื่องจากเราจะไปทำตามการพัฒนาของชาติอื่นแล้วทึกทักเอาว่า มันจะสำเร็จตามเขา ซึ่งในโลกความเป็นจริงมันเป็นไปไม่ได้ เพราะ ปัจจัยพื้นฐานของประเทศเราและประเทศต้นแบบมันต่างกัน แค่มีปัจจัยต่างกันเพียง 1 อย่าง โมเดลที่เรานำมาใช้ก็ลดทอนประสิทธิภาพแล้ว
ยกตัวอย่างจะเอาโมเดลเบลเยี่ยมมาใช้ โดยการให้นักฟุตบอลเป็นศุนย์กลาง ให้ใช้ความคิดตัวเองว่าเราควรพัฒนาตัวเองอย่างไร แล้วนำความคิดนั้นนำไปปฏิบัติ โดยมีโค้ชคอยแนะแนวเฉยๆ ว่าคิดแบบนั้น เวลาทำควรทำอะไรบ้าง ซึ่งเมื่อกลับมามองนิสัยคนไทย ถามว่า แค่ให้คิดเองว่าควรปรับปรุงตรงไหน ด้วยนิสัยคนไทยมีใครจะฉุกคิดตรงนี้ไหม เรายิ่งรักความสบาย เอาง่ายๆ อยู่แล้ว ก็เมินซะเถอะที่จะคิด ไม่ต้องไปพูดถึงการนับความคิดไปปฏิบัติเลย ขนาดหลายคนโค้ชสอนปากเปียกปากแฉะ จ้ำจี้จ้ำใช มันยังไม่อยากทำตามกันเลย มองไปแล้วมีแต่ล้มเหลวแน่ๆไม่ต่างชายเซ็นเตอร์ในระบบการเรียนที่มีแนวคิดเดียวกัน
จะเอาโมเดลเม็กซิโกมาใช้ ก็ต้องขุนนักบอลเราให้หนา หลังต้องมีความสูงใหญ่และคล่องเพื่อป้องกันการโจมตีทางอากาศ และไม่เป็นจุดอ่อนเวลาโจมตีทางพื้น ถามว่าคนไทยส่วนใหญ่เป็นแบบนั้นไหมทางกายภาพ ก็ไม่ เราเล็กก็เล็กไปเลย ต่อให้หนาแค่ไหนก็ได้แค่ระดับหนึ่ง แต่มันมีความคล่องตัวสูง ส่วนพวกใหญ่ระดับเกิน 190 ซม. ไม่ช้าเป็นเรือเกลือก็ไม่ค่อยยอมโดด นานๆจะโผล่มาสักคนที่สูงเกิน 190 ซม .หนาพอที่จะตั้นคู่ต่อสู้ในกลางอากาศ และยังเร็วพอสกัดกั้นในภาคพื้น แค่นี้โมเดลเม็กซิโกก็เหลวเป๋ว ไม่ได้ตามที่ต้องการแล้ว
จะเอาโมเดลญี่ปุ่นมาใช้ ซึ่งเป็นมีฟุตบอลที่มีความเข้าใจเกมส์สูง มีวินัยในการฝึกฝนอย่างหนัก มีความเป็นระเบียบทั้งเกมส์รุกและรับสูง เมื่อมามองนิสัยคนไทยส่วนใหญ่ ถามว่าเราจะเป็นระเบียบ ความเข้าใจเกมส์แบบเขาได้ไหม ขนาดวอลเล่ย์บอลหญิงเรายังทำไม่ได้เลย ทั้งที่พัฒนามามากกว่าฟุตบอลเยอะ ดังนั้นโมเดลญี่ปุ่นต่อให้ศึกษาเข้าใจจนถ่องแท้ แต่จะให้นักบอลไทยเราทำแบบเขา ไม่มีทางได้แน่นอนจากปัจจัยความเป็นระเบียบที่ต่างกันราวกับคนละขั้ว
ดังนั้นโมเดลที่ควรใช้คือ โมเดลวอลเล่ย์บอลหญิง ซึ่งเป็นโมเดลที่เน้นความหลากหลายและทางสายกลาง ไม่อิงไปกับแบบใดแบบหนึ่งมากเกินไป ตัวอย่าง คือ ระบบการเล่นทีมชาติเราไม่ได้เล่นตบที่หัวเสาอย่างเดียว เหมือนพวกทีมตัวสูงในทีมจีน ยุโรป ถ้าเทียบกับฟุตบอลคือ เล่นแบบไดเร็คอย่างเดียว เพราะมันไม่ต้องใช้สูตรการเล่นมาก รับบอลการตบคู่ต่อสู้ได้ก็ส่งต่อให้ ตัวเซ็ต เซ็ตสูงๆ ให้เหนือบล็อกคู่ต่อสู้มากที่สุดไปที่ผู้เล่นตำแหน่งใกล้กับเสาวอลเล่ย์ แล้วก็ตบมันลงไป เมื่อเทียบกับฟุตบอลคือ ไม่มีการคิดอะไรมา ได้บอลมาวางบอลยาวลึกๆ ไปที่ระหว่างกองหลังกับประตู แล้วผู้เล่นกองหน้าพักบอล เพื่อป้ายต่อให้นักบอลคนอื่นเติมมายิง หรือ นักบอลวิ่งตัดหลังกองหลัง แล้วง้างยิง ซึ่งมันเป็นวิธีที่โจมตีคู่ต่อสู้ได้ดีในยามคู่ต่อสู้ไม่ระวังตัว แต่ถามว่า เล่นแบบเดียวคู่ต่อสู้จับได้ไหม ผมตอบให้เลยว่าง่ายมาก แค่แพ็คหลังแน่น เพรสซิ่งไม่ให้กองหน้าคู่ต่อสู้พักบอลได้ง่าย เหมือนวอลเล่ย์บอลที่ให้บล็อกขึ้นบล็อกที่หัวเสาอย่างเดียว ก็ตบผ่านบล็อกให้ได้คะแนนลำบากแล้ว เนื่องจากทางกายภาพเราสูงและหนาน้อยกว่าคู่ต่อสู้เยอะ ในเมื่อเราเล่นหัวเสาอย่างเดียวมันง่ายต่อการจับทาง และความสูงไม่พอให้เล่นแบบนี้ไปตลอด มันก็ต้องมีการเล่นแบบอื่นเพื่อดึงให้ตัวบล็อกเขาทำงานลำบากขึ้น โดยการกระจายเกมส์รุกไปตำแหน่งอื่นเท่าที่เล่นได้ให้ได้มากที่สุด ฟุตบอลก็เช่นกันมันต้องมีการรุกแบบอื่นที่นอกจากไดเร็ค ทั้งการเล่นให้ปีกโยนครอสและโยนเรียดตัดมาข้างในเขตโทษ การยิงไกล การเล่นชิ่ง การเล่นลากเลื้อยเพื่อเอาฟลาวไว้เล่นลูกนิ่ง ผู้เล่นแบบเราถึงเจาะการป้องกันฝั่งตรงข้ามได้ง่ายขึ้น เพราะ เกมส์เราหลากหลาย ไม่ได้มาแบบเดียว โอกาสได้ประตูมันก็มากขึ้นไปด้วย ในขณะที่เกมส์รับวอลเล่ย์ก็ต้องมีซ้อน มีปิดคนที่เป็นจุดอ่อนในการรับบอล ฟุตบอลก็เช่นกัน เซ็นเตอร์ก็ต้องมีคนสูงไว้สกัดกลางอากาศ ถ้าคนนี้ไม่คล่อง มันก็ต้องมีตัวเตี้ยที่คล่องกว่าคอยซ้อนยามเจอคู่ต่อสู้เล่นเกมส์ภาคพื้น มันถึงจะสมดุลและเหมาะสมกับเรา
สุดท้ายนี้ เราไม่ควรปฏิเสธบอลชิ่ง บอลสั้นถ่ายเป็นทอดๆ แบบที่ ซิโก้ นำมาใช้ แต่มันควรต่อยอดเอาไปผสมกับบอลไดเร็ค การยิงไกลแทคติกการลากเลื้อยเพื่อเอาฟลาว ใหัมันมีจุดลงตัว หลังก็เพิ่มตัวสูงประกบตัวเตี้ยในเซ็นเตอร์ ถ้าเราหาสูงและคล่องมา 2 คนไม่ได้ ผมรับรองว่า บอลไทยจะพัฒนาด้วยศักยภาพนักเตะไม่สมบูรณ์แบบนี้ได้ และได้ไกลด้วย ตามแบบอย่างวอลเล่ย์บอลหญิง