อีกหนึ่งธุรกิจ รายย่อย รายเล็ก ที่กำลังจะตายตาม ร้านหนังสือไป คือ ธุรกิจร้านซ่อมคอมพิวเตอร์ จำหน่ายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ หลาย ๆ ท่านคงจะนึกภาพ ร้านคอมพิวเตอร์เล็ก ๆ ที่ข้างในก็จะมี อุปกรณ์คอมพิวเตอร์มากมาย อาทิ เมาส์ คีย์บอร์ด จอ แผ่นซีดี เฟรนไดร์ฟ ฯลฯ และหัวใจสำคัญ คือ รับซ่อมคอมพิวเตอร์
สมัยก่อน ร้านรับซ่อมคอม คือ รับซ่อมจริง ๆ ซ่อมยันเมนบอร์ด ซ่อมไม่ได้จริง ๆ ถึงจะเปลี่ยนอะไหล่กัน อยากได้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์อะไรก็เดินเข้าร้าน อยากได้โปรแกรมก็เดินเข้าร้าน จะด้านมืด ด้านสว่างไปได้หมด จนถึงยุคพีคของคอมพิวเตอร์ ร้านซ่อมคอมพิวเตอร์ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด เยอะพอ ๆ กับร้านเกม พันทิปคนเดินเยอะมาก เนื่องด้วยคอมพิวเตอร์ราคาไม่แพงเหมือนยุคแรก ๆ และ Smartphone ยังไม่มาเปรี้ยงในเมืองไทย คอมพิวเตอร์จึงเป็นสิ่งที่หลายบ้านต้องมีแทบทุกหลัง ปัจจุบัน บ้างบ้านไม่มีคอมกันแล้ว มี มือถือ แท็บแล็ต พอ
จนมาถึงยุค Smartphone เริ่มเข้าถึงได้ง่ายขึ้น (ตอนมาใหม่ ๆ ไม่ใช่ทุกคนจะมี Smartphone เพราะด้วยราคาที่แพง และคนนิยม BB กันมากกว่า) คอมพิวเตอร์ก็เริ่มมีความสำคัญในแง่ของความบันเทิงน้อยลงเรื่อย ๆ เพราะความมือถือ ตอบโจทย์ความบันเทิงพื้นฐานของเราได้จนเกือบจะแทนที่คอมพิวเตอร์ได้เลย Video call ที่มาแทน Camfrog หรือ Line ที่มาแทน msn และ Facebook ที่เล่นได้ทุกที่ทุกเวลา ไหนจะดูหนังได้ทุกที่ รวมถึงเกมมือถือที่เริ่มจะไม่แพ้เกมคอมพิวเตอร์ ทำให้ความบันเทิงพื้นฐานของคอมพิวเตอร์ลดลงเรื่อย ๆ เหลือเพียงแต่เกมเมอร์ที่เล่นเกมโหด ๆ หรือคนที่ต้องการเสพย์จอใหญ่ ๆ เท่านั้น (ไม่นับในแง่ของการทำงานต่าง ๆ เพราะยังไงคงไม่มีอะไรมาแทนที่คอมพิวเตอร์ไปอีกนานสักพัก)
ผลกระทบเริ่มแสดงออกมาเรื่อย ๆ คนส่วนใหญ่เริ่มจะเล่นเกมออนไลน์น้อยลง ไปเล่นเกมมือถือ หรือเสพย์สื่อบันเทิงอื่น ๆ ผ่านมือถือกันหมด ทำให้ร้านเกมที่ผุดกันเป็นดอกเห็ดก็เริ่มปิดกิจการออกจากวงการกันไปเรื่อย ๆ ร้านที่ปรับตัวได้ก็อยู่รอด แต่รายได้ก็ลดลง แถวบ้านผมจากเมื่อก่อนมีเป็นสิบ ๆ ร้าน เหลือเพียงร้านใหญ่ ๆ แค่ 2-3 ร้าน ร้านเล็ก ๆ เพียง ร้านสองร้านเท่านั้น
และตลาดธุรกิจซื้อของออนไลน์ที่เดียวนี้สะดวกสบายจนแทบไม่จำเป็นต้องออกจากบ้านอีกต่อไป ผู้บริโภคอยากได้อะไรก็สั่งซื้อผ่านมือถือได้เลย และเดี๋ยวนี้ห้างต่าง ๆ ก็ผุดขึ้นเต็มไปหมด ไม่กระจุกอยู่แต่ในตัวเมืองแล้ว การจะไปซื้อของจากร้านที่มีแบรนด์ หรือ สาขา เยอะ ๆ ย่อมเป็นทางเลือกที่ดีกว่าของผู้บริโภค เพราะนอกจากจะมีความน่าเชื่อถือแล้ว ยังมีประกันให้อุ่นใจอีกต่างหาก
ร้านซ่อมคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน จึงประสบชะตากรรมไม่ต่างอะไรกับร้านหนังสือ คนปัจจุบันแทบจะไม่เข้าร้านซ่อมคอมพิวเตอร์กันแล้ว อะไรเสีย เปลี่ยนอย่างเดียว คอมช้า คอมรวน คอมติดไวรัส เดี๋ยวนี้ลง Windows ไม่ยาก และ Windows แท้หาซื้อได้ง่าย ผู้คนก็จัดการลงเองกันหมด หรืออย่างน้อยคอมมีประกัน ก็ยกไปร้านดัง ๆ ที่มีประกันจัดการให้เสร็จสรรพ จะมีเหลือซักกี่คนที่ยังจะเรียกช่างหรือยกคอมให้ช่างตามร้านบ้าน ๆ ไปซ่อม นับว่าน้อยเต็มที
ไหนจะอุปกรณ์ที่ขายอีก ไหนจะซื้อขายออนไลน์ที่สะดวกสบายกว่าแล้ว อุปกรณ์บางอย่างก็ไม่จำเป็นต้องเข้าร้านคอมพิวเตอร์เพื่อไปซื้ออีกต่อไป แฟรชไดร์ฟ เม็มโมรี่ สายพ่วงต่าง ๆ ร้านมือถือก็ยังมีขาย แถมราคาในร้านแบรนด์ดัง ๆ กับข้างนอกก็แทบจะไม่ต่างกัน ยิ่งลูกค้าระดับองค์กร เขาไปซื้อจากแบรนด์โดยตรงกันหมด ร้านเล็ก ๆ จะอยู่ได้อย่างไร ขายอุปกรณ์จุกจิก ไม่พอยาไส้กันพอดี (จะมีซักกี่คนซื้อเมาส์อาทิตย์ละครั้ง หรือเดือนละครั้งกัน)
ร้านที่ใหญ่หรือเปิดมานาน ติดตลาดไปแล้ว ในภาวะที่ทางเลือกมากมาย เจ้าของกิจการที่ปรับกลยุทธ์ได้ทันก็อยู่รอดกันไป แต่ร้านเล็ก ๆ ที่สู้เจ้าใหญ่ไม่ไหวก็มีอันต้องล้มเลิกกิจการไปในที่สุดจากเหตุผลที่กล่าวมา พันทิปคนน้อยลงจากสมัยยุครุ่งเรืองมาก และ สินค้าเทคโนโลยี มันก้าวไปข้างหน้าตลอดเวลา เจ้าของกิจการที่ไม่หาความรู้ตลอดเวลาและตามเทคโนโลยีไม่ทัน ก็คงหนีชะตากรรมร้านเจ๊งไม่พ้น
อีกหนึ่งธุรกิจ (รายย่อย) ที่กำลังจะตายตาม ร้านหนังสือไป
สมัยก่อน ร้านรับซ่อมคอม คือ รับซ่อมจริง ๆ ซ่อมยันเมนบอร์ด ซ่อมไม่ได้จริง ๆ ถึงจะเปลี่ยนอะไหล่กัน อยากได้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์อะไรก็เดินเข้าร้าน อยากได้โปรแกรมก็เดินเข้าร้าน จะด้านมืด ด้านสว่างไปได้หมด จนถึงยุคพีคของคอมพิวเตอร์ ร้านซ่อมคอมพิวเตอร์ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด เยอะพอ ๆ กับร้านเกม พันทิปคนเดินเยอะมาก เนื่องด้วยคอมพิวเตอร์ราคาไม่แพงเหมือนยุคแรก ๆ และ Smartphone ยังไม่มาเปรี้ยงในเมืองไทย คอมพิวเตอร์จึงเป็นสิ่งที่หลายบ้านต้องมีแทบทุกหลัง ปัจจุบัน บ้างบ้านไม่มีคอมกันแล้ว มี มือถือ แท็บแล็ต พอ
จนมาถึงยุค Smartphone เริ่มเข้าถึงได้ง่ายขึ้น (ตอนมาใหม่ ๆ ไม่ใช่ทุกคนจะมี Smartphone เพราะด้วยราคาที่แพง และคนนิยม BB กันมากกว่า) คอมพิวเตอร์ก็เริ่มมีความสำคัญในแง่ของความบันเทิงน้อยลงเรื่อย ๆ เพราะความมือถือ ตอบโจทย์ความบันเทิงพื้นฐานของเราได้จนเกือบจะแทนที่คอมพิวเตอร์ได้เลย Video call ที่มาแทน Camfrog หรือ Line ที่มาแทน msn และ Facebook ที่เล่นได้ทุกที่ทุกเวลา ไหนจะดูหนังได้ทุกที่ รวมถึงเกมมือถือที่เริ่มจะไม่แพ้เกมคอมพิวเตอร์ ทำให้ความบันเทิงพื้นฐานของคอมพิวเตอร์ลดลงเรื่อย ๆ เหลือเพียงแต่เกมเมอร์ที่เล่นเกมโหด ๆ หรือคนที่ต้องการเสพย์จอใหญ่ ๆ เท่านั้น (ไม่นับในแง่ของการทำงานต่าง ๆ เพราะยังไงคงไม่มีอะไรมาแทนที่คอมพิวเตอร์ไปอีกนานสักพัก)
ผลกระทบเริ่มแสดงออกมาเรื่อย ๆ คนส่วนใหญ่เริ่มจะเล่นเกมออนไลน์น้อยลง ไปเล่นเกมมือถือ หรือเสพย์สื่อบันเทิงอื่น ๆ ผ่านมือถือกันหมด ทำให้ร้านเกมที่ผุดกันเป็นดอกเห็ดก็เริ่มปิดกิจการออกจากวงการกันไปเรื่อย ๆ ร้านที่ปรับตัวได้ก็อยู่รอด แต่รายได้ก็ลดลง แถวบ้านผมจากเมื่อก่อนมีเป็นสิบ ๆ ร้าน เหลือเพียงร้านใหญ่ ๆ แค่ 2-3 ร้าน ร้านเล็ก ๆ เพียง ร้านสองร้านเท่านั้น
และตลาดธุรกิจซื้อของออนไลน์ที่เดียวนี้สะดวกสบายจนแทบไม่จำเป็นต้องออกจากบ้านอีกต่อไป ผู้บริโภคอยากได้อะไรก็สั่งซื้อผ่านมือถือได้เลย และเดี๋ยวนี้ห้างต่าง ๆ ก็ผุดขึ้นเต็มไปหมด ไม่กระจุกอยู่แต่ในตัวเมืองแล้ว การจะไปซื้อของจากร้านที่มีแบรนด์ หรือ สาขา เยอะ ๆ ย่อมเป็นทางเลือกที่ดีกว่าของผู้บริโภค เพราะนอกจากจะมีความน่าเชื่อถือแล้ว ยังมีประกันให้อุ่นใจอีกต่างหาก
ร้านซ่อมคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน จึงประสบชะตากรรมไม่ต่างอะไรกับร้านหนังสือ คนปัจจุบันแทบจะไม่เข้าร้านซ่อมคอมพิวเตอร์กันแล้ว อะไรเสีย เปลี่ยนอย่างเดียว คอมช้า คอมรวน คอมติดไวรัส เดี๋ยวนี้ลง Windows ไม่ยาก และ Windows แท้หาซื้อได้ง่าย ผู้คนก็จัดการลงเองกันหมด หรืออย่างน้อยคอมมีประกัน ก็ยกไปร้านดัง ๆ ที่มีประกันจัดการให้เสร็จสรรพ จะมีเหลือซักกี่คนที่ยังจะเรียกช่างหรือยกคอมให้ช่างตามร้านบ้าน ๆ ไปซ่อม นับว่าน้อยเต็มที
ไหนจะอุปกรณ์ที่ขายอีก ไหนจะซื้อขายออนไลน์ที่สะดวกสบายกว่าแล้ว อุปกรณ์บางอย่างก็ไม่จำเป็นต้องเข้าร้านคอมพิวเตอร์เพื่อไปซื้ออีกต่อไป แฟรชไดร์ฟ เม็มโมรี่ สายพ่วงต่าง ๆ ร้านมือถือก็ยังมีขาย แถมราคาในร้านแบรนด์ดัง ๆ กับข้างนอกก็แทบจะไม่ต่างกัน ยิ่งลูกค้าระดับองค์กร เขาไปซื้อจากแบรนด์โดยตรงกันหมด ร้านเล็ก ๆ จะอยู่ได้อย่างไร ขายอุปกรณ์จุกจิก ไม่พอยาไส้กันพอดี (จะมีซักกี่คนซื้อเมาส์อาทิตย์ละครั้ง หรือเดือนละครั้งกัน)
ร้านที่ใหญ่หรือเปิดมานาน ติดตลาดไปแล้ว ในภาวะที่ทางเลือกมากมาย เจ้าของกิจการที่ปรับกลยุทธ์ได้ทันก็อยู่รอดกันไป แต่ร้านเล็ก ๆ ที่สู้เจ้าใหญ่ไม่ไหวก็มีอันต้องล้มเลิกกิจการไปในที่สุดจากเหตุผลที่กล่าวมา พันทิปคนน้อยลงจากสมัยยุครุ่งเรืองมาก และ สินค้าเทคโนโลยี มันก้าวไปข้างหน้าตลอดเวลา เจ้าของกิจการที่ไม่หาความรู้ตลอดเวลาและตามเทคโนโลยีไม่ทัน ก็คงหนีชะตากรรมร้านเจ๊งไม่พ้น