สู่ยุคหนังสือดิจิทัล นักเขียนและนักอ่านดิจิทัลในสังคมไทย




ผมมีโอกาสได้ไปรับฟังการอภิปรายในหัวข้อ “สู่ยุคหนังสือดิจิทัล นักเขียนและนักอ่านดิจิทัลในสังคมไทย”  ซึ่งจัดขึ้นโดยสมาคมภาษาและหนังสือแห่งประเทศไทย  จัดที่ห้องเอนกประสงค์ ชั้นที่ 1 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร  เมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 มกราคม 2561 ที่ผ่านมา  ผมเห็นว่าเนื้อหาในการอภิปรายนั้นมีประโยชน์และน่าสนใจสำหรับผู้ที่ในแวดวงวรรณกรรม  รวมทั้งผู้ที่ใช้อินเตอร์เน็ตในชีวิตประจำวันอย่างพวกเราทุกคนด้วย  ผมจึงขอนำรายละเอียดมาเขียนเล่าให้ท่านฟังกันครับ


(รายละเอียดจากการอภิปราย  ผมจดเป็นบันทึกช่วยจำย่อ (จดเลคเชอร์) แล้วจึงนำมาเรียบเรียงใหม่  ดังนั้นถ้ามีรายละเอียดประการใดที่ผิดพลาด  หรือคาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริง รวมทั้งคำทับศัพท์ต่างๆ ที่ผมไม่ได้เขียนเป็นคำภาษาอังกฤษกำกับไว้ให้  ผมก็ต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ  ขอบคุณมากครับ)


ผู้ร่วมอภิปราย  คือ อาจารย์อรรถพล  ปะมะโข อาจารย์ประจำภาควิชาภาษาอังกฤษและภาษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง  และคุณเปรมวิทย์  ศรีชาติวงศ์   คุณปิ๊ปโป้  เจ้าของและผู้ก่อตั้ง Storylog  มีผู้ดำเนินการอภิปรายโดย อาจารย์ตรีศิลป์  บุญขจร  นายกสมาคมภาษาและหนังสือแห่งประเทศไทย  ผู้เป็นเจ้าภาพในการจัดงานวันนี้



เริ่มจากอาจารย์ตรีศิลป์  บุญขจร

-เกริ่นถึงสถานการณ์เกี่ยวกับวงการสิ่งพิมพ์ที่กำลังประสบปัญหาอยู่ในปัจจุบัน  การเข้ามาของสื่อดิจิทัลทำให้สื่อที่เป็นกระดาษทยอยปิดตัวกันไป  ทั้งวารสาร นิตยสารและสำนักพิมพ์หนังสือ ฯลฯ  

-ต้องยอมรับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงในยุคโลกกาภิวัฒน์  ที่สื่อเทคโนโลยีต่างๆ จะมีอิทธิพลต่อการใช้ชิวิตของผู้คน  การใช้อินเตอร์เน็ตจะอยู่ควบคู่กับชีวิตประจำวันของคนทั่วไป  ทำให้เกิดการปรับตัวครั้งใหญ่  ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของคนอ่านหนังสือ  โดยต้องหันไปอ่านหนังสือในรูปแบบใหม่  ถือว่าเป็นปรากฎการณ์ใหม่ที่เกิดขึ้นในสังคมบ้านเรา

-การเขียนหนังสือในยุคดิจิทัลนี้  ส่วนใหญ่จะใช้ภาพในการดำเนินเรื่อง  หรือใช้ภาพต่างๆ ในการเล่าเรื่องราว  จึงเรียกว่าเป็นวัฒนธรรมการอ่านด้วยสายตาที่มาพร้อมกับสื่อสังคมโซเซียลมิเดีย



อาจารย์อรรถพล  ปะมะโข




อาจารย์อรรถพล  ปะมะโข

-อยากจะเล่าว่า  สถานการณ์ที่อ.ตรีศิลป์เกริ่นมานั้น  มันไม่ใช่ปรากฎการณ์การเปลี่ยนแปลงผ่านสื่อที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก  จริงๆ     แล้วมีการเปลี่ยนแปลงผ่านสื่อมาตั้งแต่ยุคโบราณแล้ว  แต่เดิมจะเป็นการเล่าเรื่องด้วยปาก  ที่เรียกว่า “มุขปาฐะ” คือการเล่าต่อๆ กันมาโดยมิได้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษร  ต่อมามีการนำเอากระดาษมาใช้เขียนเพื่อบันทึกเรื่องราวต่างๆ แทน

-ตามประวัติศาสตร์ก็เคยระบุว่า  โซเครตีสแอนตี้วัฒนธรรมการเขียน  เพราะมองว่าจะทำให้ระบบความจำของสมองมนุษย์นั้นด้อยลง

-ปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงจากสื่อสิ่งพิมพ์หรือที่เรียกว่า พรินต์เทค (print text)  เปลี่ยนมาเป็นสื่อดิจิทัลในรูปแบบต่างๆ นั้น  ถือว่าเป็นการปรับเปลี่ยนตามกระแส  ตามยุคสมัย

-เมื่อมีการปิดตัวของสื่อสิ่งพิมพ์  ไม่ว่าจะเป็นหนังสือหรือนิตยสารต่างๆ  ก็มีแอฟลิเคชั่นในการอ่านรูปแบบใหม่เกิดขึ้นมาแทน  เพื่อเป็นสื่อกลางของการเล่าเรื่องจากผู้เขียนไปสู่ผู้อ่าน อย่างเช่นแอฟปัจจุบันที่มีอยู่ในสื่อไทย เช่น จอยลดา , ธัญวลัย , นิยายเด็กดี , Storylog , ReadAWrite  เป็นต้น

-หรืออย่าง The MATTER ที่เป็นเว็บไซต์ข่าวด้านวรรณกรรม  ที่ย่อยข่าวออกเป็นข่าวสั้นๆ ให้คนเข้ามาอ่านด้วยภาษาที่ง่ายๆ  ถือเป็นอีกรูปแบบใหม่ของการอ่านในยุคดิจิทัลนี้

-แต่เท่าที่ลองคลิกเข้าไปอ่านดู  พวกที่เป็นนวนิยายออนไลน์ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องที่มีเนื้อหาล่อแหลม , หมิ่นเหม่ , อิโรติก หรือเป็นนิยายวาย  ถือว่าไม่เป็นการปิดกั้นและเปิดเสรีในการอ่านอย่างมาก

-ที่ผ่านมาสื่อสิ่งพิมพ์จำพวกพรินต์เทค  เราจำเป็นต้องซื้อมาถึงจะอ่านได้  บางเรื่องบางเล่มก็หาซื้อยากหรือหาซื้อไม่ได้  พอมีนวนิยายออนไลน์เกิดขึ้น  เข้าก็สามารถเข้ามาอ่านในอินเตอร์เน็ตได้  ทำให้มีผู้เข้ามาอ่านนิยายได้เยอะขึ้น

-การเขียนนวนิยายออนไลน์เป็นการตัดระบบบรรณาธิการออก  ข้อดีคือนักเขียนสามารถสื่อสารกับผู้อ่านได้โดยตรง  สะดวกรวดเร็ว ชอบหรือไม่ชอบอะไรก็เขียนความคิดเห็น (คอมเม้นท์)บอกนักเขียนได้เลย  ข้อเสียคือไม่มีการเซ็นเซอร์หรือกลั่นกรองจากบรรณาธิการเลย

-ปัจจุบันนี้ใครก็เป็นนักเขียนได้  อยากเขียนก็เขียนออนไลน์ลงไปในแอฟต่างๆ ทางอินเตอร์เน็ตได้  ไม่เหมือนสมัยก่อนที่คนอยากจะเป็นนักเขียนต้องส่งเรื่องไปให้สำนักพิมพ์พิจารณา กว่าจะผ่านหลักเกณฑ์ขั้นตอนต่างๆ  กว่าจะได้ตีพิมพ์เป็นเล่มต้องใช้เวลานานมาก

-ดังนั้นจึงเกิดอาชีพนักเขียนออนไลน์ขึ้น เมื่อเขาเขียนเรื่องลงอินเตอร์เน็ตแล้วมีคนอ่าน  เขาก็เขียนต่อไปได้เรื่อยๆ มีแฟนคลับมาอ่านเป็นประจำเยอะ  ทำให้นักเขียนออนไลน์พวกนี้มีรายได้ด้วย

-นักเขียนออนไลน์บางคนเป็นนักศึกษาอยู่  เขียนไปด้วยเรียนไปด้วย  เขียนดีจนถูกใจคนอ่านในออนไลน์ก็สามารถทำรายได้เป็นกอบเป็นกำได้

-ลักษณะพิเศษของนวนิยายออนไลน์ในยุคดิจิทัลคือ ตัดระบบบรรณาธิการออกไปเลย  นักเขียนมีอิสระมากมายในการเขียน  นวนิยายแต่ละบทต้องสั้น กระชับ และจบอย่างรวดเร็ว  เพื่อเริ่มเขียนเรื่องใหม่ต่อไป

-เขียนให้แต่ละบทสั้น  แต่ต้องเขียนให้สนุกทำให้ผู้อ่านอยากอ่านตอนต่อไปเร็วๆ เขียนอะไรสั้นๆ เพราะการอ่านในระบบออนไลน์จะไม่อ่านอะไรที่ยาวๆ  เพราะในอินเตอร์เน็ตไม่มีลักษณะพิเศษที่ดึงดูดให้อ่านต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ ได้  จึงกลายเป็นการอ่านแบบ “ไฮเปอร์รีดดิ้ง” คืออ่านแบบสมาธิสั้น  ไม่อ่านอะไรที่ยาวๆ อ่านเปลี่ยนแบบพลิกหน้าบราวเซอร์ไปเรื่อยๆ

-ลักษณะพิเศษของนวนิยายออนไลน์อย่างหนึ่งที่สื่อสิ่งพิมพ์ไม่มีคือ  การมีระบบคอมเม้นท์เพื่อสื่อสารกับนักเขียนได้โดยตรงในทันทีที่อ่านจบ ชอบหรือไม่ชอบอะไรก็เขียนความคิดเห็น (คอมเม้นท์)บอกนักเขียนได้เลย  ซึ่งพรินต์เทคไม่สามารถได้  

-การอ่านในลักษณะที่โต้ตอบกับผู้เขียนได้โดยตรงแบบนี้  เป็นวัฒนธรรมการอ่านบนอินเตอร์เน็ตที่เรียกว่า “คอร์เลคตีบ เอ็กซ์พรีเรียน”  คือแต่เดิมเราอ่านหนังสือเล่มเราก็อ่านคนเดียว  อ่านในใจ  แต่พอเป็นการอ่านบนอินเตอร์เน็ตจะเป็นการอ่านแบบร่วมกัน  แต่ละคนอ่านแล้วมีความคิดเห็นอย่างไรก็มาแชร์กันในคอมเม้นท์  เป็นประสบการณ์ร่วมที่จะสนุกสนานกับเรื่องที่อ่านด้วยกัน



อาจารย์ตรีศิลป์

-มองว่าคนรุ่นใหม่มองโลกในแง่ดี  มองว่าการเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องที่ดี ไม่ถือว่าเป็นการล่มสลายหรือเป็นการบ่อนทำลายที่เลวร้ายเลย

-การตัดตอนบรรณาธิการออก  สิ่งที่เกิดขึ้นคือไม่มีการตรวจสอบเลยจริงหรือ? ไม่มีการกลั่นกรองเบื้องต้นเลยหรือ?  จะเขียนอะไรก็เขียนได้เลยหรือ? จะโพสอะไรก็โพสได้เลยหรือ? ไม่เหลือข้อจำกัดอะไรเลยหรือ? หรือว่าบรรณาธิการจะเปลี่ยนรูปลักษณ์ไปแล้ว

-เสริมจากที่อาจารย์อรรถพลพูด  มีประเด็นที่น่าสนใจคือ  การอ่านแบบ “ไฮเปอร์รีดดิ้ง” หรืออ่านแบบ “สตรีมมิ่ง” คือการอ่านแบบเร็วๆ สั้นๆ นั้น  อ่านแล้วอาจจะทำให้เกิดการเข้าใจผิด เกิดกระแสต่างๆ เนื่องจากตีความหมายผิดไป  ไม่สามารถวิเคราะห์เนื้อหาที่แท้จริงได้  เนื่องจากอ่านน้อยจึงไม่มีข้อมูลมากเพียงพอสำหรับการวิเคราะห์ว่าเป็นความจริงหรือไม่?  การอ่านในลักษณะแบบนี้ผู้อ่านควรจะต้องระมัดระวังด้วย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่