ขอออกตัวว่ายังดูไปไม่กี่ตอนใน Netflix แต่ประทับใจมาก หลังจากเริ่มเรื่องนู้นนี้
ดูแล้วเทแล้วเทอีกไม่ถึงไหน ที่ยังไม่เลือกเรื่องนี้เพราะกะรอให้ฉายยาวๆแล้วค่อยดู
ปรากฏว่าถูกดึงดูดตั้งแต่นาทีที่จะมุดอุโมงค์ไปศาลครั้งแรกพร้อมเพลง Time to
Say Goodbye เรื่องนี้เอาหัวใจไปเลย นับตั้งแต่หลงรัก Misaeng รู้สึกว่าเรื่องนี้คือ
เรื่องที่เล่าได้แตะหัวใจ แบบที่ดูแล้วไม่ขยี้แต่ทำให้น้ำตาไหลไปตอนไหนไม่รู้ตัว
บทและการกำกับดีมาก ยุคนี้เราว่าคนเบื่อเรื่องห้ำหั่น ชิงไหวชิงพริบหักมุมไปมา
แบบที่ดูแล้วรู้ว่าตั้งใจแกล้งคนดูให้นั่งไม่ติด แต่เรื่องนี้มันคือการเล่าให้จับทางไม่ได้
อย่างเป็นธรรมชาติ ตัวละครแต่ละตัวมีความเป็นมนุษย์แถมโลกในคุกยังทำให้
เราตัดสินคนจากตาเห็นไม่ได้ เหมือนกับที่เรื่องได้ปูตรรกะไว้ตั้งคำถามให้เราแต่แรก
เราเลยเหมือนเป็นคนใสซื่อในโลกนี้ แล้วปล่อยให้เรื่องพาไปทางนู้นนี้แบบไม่บีบคั้น
นับถือเรื่องการวางคาแรคเตอร์ตัวละครพระเอก ผู้คุม รวมถึงตัวนักโทษแวดล้อม
มันช่างมีเคมีลงตัว ไม่หนัก ไม่เบา แต่พลิ้วไปตามจังหวะในแต่ละตอน ดูแล้วเห็น
ความงดงาม ความหวัง ยิ่งโทนภาพสีเขียวอ่อนให้ดูโทนเย็นมุ้งมิ้งมันทำให้ดูแล้ว
รู้สึกฟีลกู๊ดต่างจากเรื่องในคุกที่ดาร์คหม่นเรื่องอื่นแต่ในขณะเดียวกันก็ยังเรียล
ยังดูไม่ถึงไหนแต่ตั้งใจจะชักชวนคนที่หาซีรี่ส์รสชาติใหม่ๆ แบบที่ไม่ได้อลังการ
เทคนิคแต่จริงใจ ดูแล้วแตะหัวใจและอิ่มในอารมณ์ เทพด้วยองค์ประกอบทั้งบท
กำกับ แคสติ้ง แอ็คติ้ง อยากเอาใจช่วยให้เรตติ้งพีคแบบพุ่งทะยานเลยค่ะ
ใครดูแล้วแวะมาเม้าท์กันนะคะ
Prison Playbook หนังคนคุกแบบฟีลกู๊ด...ละมุนละไมอบอุ่นหัวใจมาก
ดูแล้วเทแล้วเทอีกไม่ถึงไหน ที่ยังไม่เลือกเรื่องนี้เพราะกะรอให้ฉายยาวๆแล้วค่อยดู
ปรากฏว่าถูกดึงดูดตั้งแต่นาทีที่จะมุดอุโมงค์ไปศาลครั้งแรกพร้อมเพลง Time to
Say Goodbye เรื่องนี้เอาหัวใจไปเลย นับตั้งแต่หลงรัก Misaeng รู้สึกว่าเรื่องนี้คือ
เรื่องที่เล่าได้แตะหัวใจ แบบที่ดูแล้วไม่ขยี้แต่ทำให้น้ำตาไหลไปตอนไหนไม่รู้ตัว
บทและการกำกับดีมาก ยุคนี้เราว่าคนเบื่อเรื่องห้ำหั่น ชิงไหวชิงพริบหักมุมไปมา
แบบที่ดูแล้วรู้ว่าตั้งใจแกล้งคนดูให้นั่งไม่ติด แต่เรื่องนี้มันคือการเล่าให้จับทางไม่ได้
อย่างเป็นธรรมชาติ ตัวละครแต่ละตัวมีความเป็นมนุษย์แถมโลกในคุกยังทำให้
เราตัดสินคนจากตาเห็นไม่ได้ เหมือนกับที่เรื่องได้ปูตรรกะไว้ตั้งคำถามให้เราแต่แรก
เราเลยเหมือนเป็นคนใสซื่อในโลกนี้ แล้วปล่อยให้เรื่องพาไปทางนู้นนี้แบบไม่บีบคั้น
นับถือเรื่องการวางคาแรคเตอร์ตัวละครพระเอก ผู้คุม รวมถึงตัวนักโทษแวดล้อม
มันช่างมีเคมีลงตัว ไม่หนัก ไม่เบา แต่พลิ้วไปตามจังหวะในแต่ละตอน ดูแล้วเห็น
ความงดงาม ความหวัง ยิ่งโทนภาพสีเขียวอ่อนให้ดูโทนเย็นมุ้งมิ้งมันทำให้ดูแล้ว
รู้สึกฟีลกู๊ดต่างจากเรื่องในคุกที่ดาร์คหม่นเรื่องอื่นแต่ในขณะเดียวกันก็ยังเรียล
ยังดูไม่ถึงไหนแต่ตั้งใจจะชักชวนคนที่หาซีรี่ส์รสชาติใหม่ๆ แบบที่ไม่ได้อลังการ
เทคนิคแต่จริงใจ ดูแล้วแตะหัวใจและอิ่มในอารมณ์ เทพด้วยองค์ประกอบทั้งบท
กำกับ แคสติ้ง แอ็คติ้ง อยากเอาใจช่วยให้เรตติ้งพีคแบบพุ่งทะยานเลยค่ะ
ใครดูแล้วแวะมาเม้าท์กันนะคะ