เป็นข้อสงสัยอ่ะค่ะ ตอนแรกปู่เข้ารพ.เป็นเลือดออกในกระเพาะอาหาร พอรักษาที่รพ.หมอสั่งงดข้าวงดน้ำ เกือบสัปดาห์ได้ พออาการปู่ดีขึ้น หมอเริ่มให้ทานน้ำกับนม ต่อมาให้ทานอาหารพวกข้าวต้มได้ พอทานอาหารได้ ปู่เริ่มเป็นไข้แล้วมีเสลด ทำให้เกิดการสำลักเวลาทานอาหารและทานอาหารได้น้อยลง จากนั้นหมอเลยพาปู่ไปเอกซ์เรย์ที่ปอดผลออกว่า ปอดของปู่มีรอยของการติดเชื้อ จึงเจาะเลือดของปู่ไปเพาะเชื้อ แล้วหมอก็เปลี่ยนอาหารจากข้าวต้มเป็นอาหารเหลวให้ปู่ (อาหารปั่น) ซึ่งหมอคนที่สั่งอาหารเหลวให้ปู่ไม่ได้ต่อสายยางต่อเข้าไปในกระเพาะเพื่อให้อาหาร แต่ให้ปู่ดูดอาหารปั่นแทน ซึ่งปู่ก็สามารถทานได้ค่ะ แล้วก็ไม่สำลักด้วย วันต่อมา หมอคนใหม่มาตรวจ หมอคนใหม่แนะนำให้ใส่สายยางต่อเข้ากระเพาะเพื่อให้อาหาร พยาบาลที่มากับหมอตอบไปว่า ปู่ดูดอาหารผ่านหลอดได้ หมอก็บอกว่าอยาก ให้ใส่เพื่อป้องกันการสำลักอาหารเข้าไปในปอด เราตอบไปว่า ให้ปู่ทาน ปู่ก็ไม่สำลักนะคะ หมอตอบว่า “อย่าเถียงหมอ ปู่เธออาจจะสำลักแต่เธอไม่รู้” เราสงสัย และไม่รู้ว่าเราควรตัดสินใจยังไงกับการแนะนำของหมอดีคะ ตอนนี้ไข้ปู่ก็ไม่มีแล้วได้ประมาณ 2 วัน แต่ก็ยังในการดูแลของหมอที่รพ.เพราะผลเพาะเชื้อยังไม่ออกว่าปู่ติดเชื้อรึเปล่า แล้วปู่ก็บอกว่าเสลดของปู่ก็น้อยลงแล้วด้วย... ขอคำแนะนำหน่อยนะคะ ทางครอบครัวก็สงสารแก เพราะคงจะเจ็บมากๆ แต่หากจำเป็นต้องใส่เพราะเป็นวิธีที่ดีที่สุด ทางครอบครัวก็ยินดีให้หมอใส่ให้ค่ะ
การให้อาหารทางสายยาง ในกรณีที่ผู้ป่วยสามารถดูดอาหารเหลว (อาหารปั่น)ได้ โดยไม่สำลัก ควรให้ใส่ไหมคะ?