อันดับ 1 ของเรา เรามอบให้
Dunkirk
หลายคนไม่ชอบ อาจจะเพราะมันไม่มีระเบิดตู้มๆ timeline ของเรื่องอาจจะงงๆ
แต่เราชอบมาก
จำได้ว่าตอนไปดูในโรงคือเกร็งลุ้นตลอดเวลา ว่ามันจะพีคตอนไหน
ปรากฏไม่มีจุดไหนพีคเลยจ้า 555 เป็นหนังเรื่อยๆ
บทพูดน้อย ชื่อตัวละครจำไม่ได้เลย แต่เป็นหนังที่น่าจดจำมาก
ตอนนี้ดูไป 3-4 รอบแล้ว
เราชอบการนำเสนอสงครามโลกครั้งที่ 2 ในแบบที่มันน่าจะเป็น
เรื่องอื่น ทหารทุกคนเปรียบดั่งพี่น้อง นั่งคุยกันรอบกองไฟหรือในหลุม
เรื่องนี้คือ... ไม่มีใครแคร์ว่าใครเป็นใคร ไม่สนใจชื่อ ไม่สนใจว่ามาจากไหน
ทหารเหล่านี้บางคนอายุแค่ 18-19 ที่ถูกบังคับมา นึกออกใช่มั๊ย
ไม่ได้เก่งกล้ามาจากไหน ทุกคนอยากรอดกลับบ้าน กลัวเจ็บกลัวตายทั้งนั้น
sound ประกอบกับเสียงเข็มนาฬิกามันทำให้ลุ้นตลอดเวลา
เรื่องนี้เป็นการแข่งกับเวลามากกว่า
เพราะฉะนั้นใครหวังจะได้เจอระเบิดตู้มๆ เลือดสาด กราดยิง คงผิดหวังพอสมควร
เรื่องที่ชอบ อีกเรื่องคือ
Lone Survivor
เป็นเรื่องจริง เกี่ยวกับ หน่วย SEAL 4 คน ที่ไปปฏิบัติหน้าที่แบบลับๆแต่โดนตาลีบันรู้เข้า
ไล่ยิงกันกระเจิง สู้กันแบบไม่คิดชีวิตเลยทีเดียว 555
มีคนรอดตายกลับมาหนึ่งคน (เลยชื่อ Lone Survivor) มาเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ที่ชอบเรื่องนี้เพราะ มันทำให้เรารู้สึกเจ็บแทน ตอนตกลงมาตามหน้าผา ตอนถูกยิง
เราอยากร้องโอ๊ยออกมาดังๆ กระดูกไม่หักกันเลยรึไง
ที่นับถือคือ ความคนเหล็กของทหารเหล่านี้
ต้องเกร่งขนาดไหนถึงจะมีกำลังที่จะเอาชิวิตรอดกลับมาได้
บางคนที่เสียชีวิต ถูกยิงไม่รู้กี่นัด (ข้อมูลว่าถูกยิงตรงไหนบ้างมาจากผล autopsy)
เป็นเรา ยอมโดนยิงตายสบายกว่า 555
อย่างที่บอกเรื่องนี้มาจากเหตุการณ์จริง (ปรุงแต่งแค่ไหนไม่รู้)
ดูเบื้องหลังการถ่ายทำ เขาบอกต้องทำให้ดีและสมจริงที่สุด
เพื่อเป็นการให้เกียรติทหารที่เสียชีวิต
ทั้งท่าทาง ท่ายืน ท่าวิ่งของนักแสดง ลำดับเหตุการณ์
มี Marcus Luttrell ผู้รอดชีวิตตัวจริงมาคอยแนะนำด้วย
ดูเบื้องหลังแล้วบอกได้เลยว่า สตันท์เรื่องนี้สุดยอดมาก
หลายๆฉากเราแอบกลัวเขาจะคอหักหลังหักเอา
แต่เรื่องนี้ไม่ค่อยรู้สึกผูกผันกับตัวละครเท่าไหร่
เพราะเนื้อเรื่องส่วนใหญ่คือการยิงกัน
เลยไม่ค่อยรู้สึกอินกับคนที่ตาย
ที่สำคัญ ต้องอย่าลืมว่าหนังแนวนี้มักจะกึ่ง propaganda
เหมือนจะทำเพื่อโปรโมททหารด้วยซ้ำ
สำหรับเราก็ดูเพื่อความบันเทิง
ช่วยกันแชร์หนังสงคราม หนังทหารที่ชอบ
หลายคนไม่ชอบ อาจจะเพราะมันไม่มีระเบิดตู้มๆ timeline ของเรื่องอาจจะงงๆ
แต่เราชอบมาก
จำได้ว่าตอนไปดูในโรงคือเกร็งลุ้นตลอดเวลา ว่ามันจะพีคตอนไหน
ปรากฏไม่มีจุดไหนพีคเลยจ้า 555 เป็นหนังเรื่อยๆ
บทพูดน้อย ชื่อตัวละครจำไม่ได้เลย แต่เป็นหนังที่น่าจดจำมาก
ตอนนี้ดูไป 3-4 รอบแล้ว
เราชอบการนำเสนอสงครามโลกครั้งที่ 2 ในแบบที่มันน่าจะเป็น
เรื่องอื่น ทหารทุกคนเปรียบดั่งพี่น้อง นั่งคุยกันรอบกองไฟหรือในหลุม
เรื่องนี้คือ... ไม่มีใครแคร์ว่าใครเป็นใคร ไม่สนใจชื่อ ไม่สนใจว่ามาจากไหน
ทหารเหล่านี้บางคนอายุแค่ 18-19 ที่ถูกบังคับมา นึกออกใช่มั๊ย
ไม่ได้เก่งกล้ามาจากไหน ทุกคนอยากรอดกลับบ้าน กลัวเจ็บกลัวตายทั้งนั้น
sound ประกอบกับเสียงเข็มนาฬิกามันทำให้ลุ้นตลอดเวลา
เรื่องนี้เป็นการแข่งกับเวลามากกว่า
เพราะฉะนั้นใครหวังจะได้เจอระเบิดตู้มๆ เลือดสาด กราดยิง คงผิดหวังพอสมควร
เรื่องที่ชอบ อีกเรื่องคือ Lone Survivor
เป็นเรื่องจริง เกี่ยวกับ หน่วย SEAL 4 คน ที่ไปปฏิบัติหน้าที่แบบลับๆแต่โดนตาลีบันรู้เข้า
ไล่ยิงกันกระเจิง สู้กันแบบไม่คิดชีวิตเลยทีเดียว 555
มีคนรอดตายกลับมาหนึ่งคน (เลยชื่อ Lone Survivor) มาเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ที่ชอบเรื่องนี้เพราะ มันทำให้เรารู้สึกเจ็บแทน ตอนตกลงมาตามหน้าผา ตอนถูกยิง
เราอยากร้องโอ๊ยออกมาดังๆ กระดูกไม่หักกันเลยรึไง
ที่นับถือคือ ความคนเหล็กของทหารเหล่านี้
ต้องเกร่งขนาดไหนถึงจะมีกำลังที่จะเอาชิวิตรอดกลับมาได้
บางคนที่เสียชีวิต ถูกยิงไม่รู้กี่นัด (ข้อมูลว่าถูกยิงตรงไหนบ้างมาจากผล autopsy)
เป็นเรา ยอมโดนยิงตายสบายกว่า 555
อย่างที่บอกเรื่องนี้มาจากเหตุการณ์จริง (ปรุงแต่งแค่ไหนไม่รู้)
ดูเบื้องหลังการถ่ายทำ เขาบอกต้องทำให้ดีและสมจริงที่สุด
เพื่อเป็นการให้เกียรติทหารที่เสียชีวิต
ทั้งท่าทาง ท่ายืน ท่าวิ่งของนักแสดง ลำดับเหตุการณ์
มี Marcus Luttrell ผู้รอดชีวิตตัวจริงมาคอยแนะนำด้วย
ดูเบื้องหลังแล้วบอกได้เลยว่า สตันท์เรื่องนี้สุดยอดมาก
หลายๆฉากเราแอบกลัวเขาจะคอหักหลังหักเอา
แต่เรื่องนี้ไม่ค่อยรู้สึกผูกผันกับตัวละครเท่าไหร่
เพราะเนื้อเรื่องส่วนใหญ่คือการยิงกัน
เลยไม่ค่อยรู้สึกอินกับคนที่ตาย
ที่สำคัญ ต้องอย่าลืมว่าหนังแนวนี้มักจะกึ่ง propaganda
เหมือนจะทำเพื่อโปรโมททหารด้วยซ้ำ
สำหรับเราก็ดูเพื่อความบันเทิง