10+(1) หนังระทึกขวัญภายใต้พื้นที่จำกัดของยานพาหนะ ที่คุณไม่ควรพลาด


"ความระทึกขวัญ  หนึ่งยานพาหนะ  หนึ่งโลเคชั่นหลัก"

เพื่อเป็นการต้อนรับ The Commuter หนังแอคชั่น-ทริลเลอร์ ที่ถ่ายทำภายในสถานที่เดียว(บนรถไฟ) ทางเพจจึงขอนำเสนอลิสต์หนังระทึกขวัญที่เน้นถ่ายทำสถานที่เดียวในรูปแบบของยานพาหนะ ประเภทต่างๆทั้งรถ เครื่องบิน รถไฟ หรือจะเป็นเรือ ที่จะมอบความสนุก ความลุ้นระทึก และชวนติดตามไม่แพ้กัน
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

10. Dead Calm (1989)

ช่วงยุค 80-90s มีการแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวของนักแสดงชื่อดังมากหน้าหลายตา และหนึ่งคนที่ไม่สามารถมองข้ามได้เลยก็คือ Nicole Kidman ที่ในช่วงแรกค่อนข้างคลุกคลีกับหนังแนวระทึกขวัญ และส่วนใหญ่หนังที่เธอเล่นก็เต็มเปี่ยมด้วยคุณภาพในหลายๆด้าน เฉกเช่นหนังเรื่องนี้ที่เล่นพล็อตเกี่ยวกับสามีภรรยาที่ล่องเรืออยู่กลางทะเล และได้พบกับชายคนหนึ่งที่รอดชีวิตจากเรืออับปาง โดยหนังถูกขับเคลื่อนผ่าน 3 นักแสดงพร้อมกับหนึ่งโลเคชั่น ในรูปแบบของหนังระทึกขวัญเชิงจิตวิทยา ที่คนดูจะสนุก ตื่นเต้นไปกับช่วงจังหวะชิงไหวชิงพริบของตัวละคร เมื่อฝ่ายหนึ่งพยายามปกปิดความจริงอันน่ากลัว แต่อีกฝ่ายกลับพยายามที่จะขุดคุ้ยมัน








9. Unstoppable (2010)

หากพูดถึงหนังระทึกขวัญที่เล่นข้อจำกัดของเวลา และเชื่อมโยงไปยังพล็อตหนังอย่าง กลุ่มหนังชิงตัวประกัน หรือหนังที่ตัวเอกต้องทำภารกิจบางอย่างให้สำเร็จภายในเวลาที่กำหนดเพื่อหยุดเรื่องราวร้ายแรงที่จะเกิดขึ้น ซึ่งแม้ว่าหนังลักษณะนี้จะมีผลลัพธ์ที่คาดเดาได้ไม่ยาก แต่ทว่าจุดที่หนังต้องการมอบให้คนดูอย่างแท้จริงคือ “ระหว่างทาง” ที่จะอัดแน่นด้วยอารมณ์ของความตึงเครียด ความลุ้นระทึกไปกับการเอาใจช่วยตัวละคร และแน่นอนว่าหนังเรื่องนี้เพียบพร้อมด้วยสิ่งเหล่านั้น อีกทั้งยังอิงเค้าโครงจากเหตุการณ์จริงที่ทำให้คนดูรู้สึกอินกับหนังได้มากขึ้น กับเรื่องราวของหนุ่มพนักงานรถไฟ กับวิศวกรรุ่นเก๋า ที่ต้องร่วมมือกันหาทางหยุดวินาศกรรม เมื่อรถไฟขบวนหนึ่งบรรทุกสารเคมีอันตรายและกำลังวิ่งเข้าตัวเมืองด้วยความเร็วสูง








8. Air Force One (1997)

คงไม่มีใครปฏิเสธหากจะบอกว่านี่เป็นหนังจำกัดพื้นที่อีกเรื่อง ที่สามารถเอนเตอร์เทนคนดูได้เป็นอย่างดี กับอารมณ์ที่ทั้งกดดัน ตื่นเต้น และลุ้นระทึกไปกับช่วงจังหวะชิงไหวชิงพริบ โดยการบอกเล่าสถานการณ์บนเครื่องบินที่ถูกกลุ่มก่อการร้ายที่เข้ายึด และภายในเครื่องบินก็มีผู้โดยสารซึ่งเป็นบุคคลสำคัญอย่างประธานาธิบดีสหรัฐ โดยสิ่งหนึ่งที่ควรโฟกัสคือ การสร้างตัวเอกที่มีบทบาทเป็นถึงประธานาธิบดี ที่เปี่ยมไปด้วยความเป็นผู้นำที่กล้าหาญ ยอมเสี่ยงชีวิตตัวเองกับเรื่องอันตราย โดยไม่หันหลังให้ครอบครัวและเหล่าประชาชน แน่นอนว่าสิ่งเหล่านั้นถูกเขียนมาเพื่อสื่ออุดมการณ์ความรักชาติ ที่แม้จะดูชัดเจน โดดเด่นเกินหน้าเกินตา แต่ก็เรียกได้ว่าทำออกมาได้น่าสนใจและควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างในฐานะของคนที่เป็นผู้นำประเทศ








7. Wheelman (2017)

สิ่งที่กลายเป็นจุดน่าสนใจของ Netflix Original Movies คือหนังกลุ่มนี้มักเป็นหนังทุนต่ำ ที่โดดเด่นด้วยไอเดียการเขียนบท หรือการเล่าเรื่องที่สร้างสรรค์ ซึ่งหนังเรื่องนี้ก็แสดงให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมเหล่านั้น กับพล็อตที่ตัวเอกเป็นคนขับรถพาเหล่าอาชญากรหลบหนีลักษณะเดียวกับ Baby Driver แต่จุดที่น่าสนใจที่สุดคือ วิธีการเล่าเรื่องซึ่งเป็นแบบเดียวกันกับ Locke ที่ตลอดทั้งเรื่องขับเคลื่อนหนังผ่านตัวเอกที่กำลังขับรถพร้อมกับคุยโทรศัพท์ โดยทิ้งปมเกี่ยวกับการปล้นธนาคาร และการหักหลังให้คนดูได้ชวนติดตาม อีกทั้งเทคนิคการตัดต่อที่ชาญฉลาดยังช่วยเสริมอารมณ์ที่ดูตื่นเต้น กดดัน ลุ้นระทึกแบบหนังแอคชั่นไล่ล่าได้เป็นอย่างดี








6. All Is Lost (2013)

หากพูดถึงกลุ่มหนังเอาชีวิตรอด ที่ตัวละครพบกับอุปสรรคหรือสถานการณ์ร้ายแรงบางอย่างที่ต้องหาหนทางเพื่อให้รอดพ้นจากเรื่องเหล่านั้นไปให้ได้ โดยหนังลักษณะนี้อย่างพวก 127 Hours ,Cast Away มักใช้เส้นเรื่องรองเกี่ยวกับตัวละครมาผูกทั้งเรื่องความรัก ครอบครัว หรือสิ่งที่ต้องรับผิดชอบ เพื่อขับอารมณ์ดราม่าของหนังให้คนดูได้รู้สึกอินและเห็นอกเห็นใจในชะตากรรมของตัวละคร แต่นั่นไม่ใช่สำหรับหนังเรื่องนี้ ที่โฟกัสไปยังสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและขับความรู้สึกดราม่า ความลุ้นระทึกในแบบฉบับที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด เมื่อตัวละครต้องเผชิญกับความโดดเดี่ยวและความโหดร้ายที่รายรอบอยู่บนท้องทะเล








5. Captain Phillips (2013)

โดยทั่วไปกลุ่มหนังอัตชีวประวัติมักถูกสร้างออกมาโดยเน้นการสื่ออารมณ์ ขับเรื่องราวดราม่าของตัวละคร ซึ่งหากขาดตัวบทที่ยอดเยี่ยมและการกำกับที่ดีมักทำให้หนังหลายๆเรื่องล้มเหลวทั้งด้านคำวิจารณ์และด้านรายได้ที่อาจไม่ตอบโจทย์กลุ่มผู้ชมบางส่วนที่ไม่ชอบหนังที่ค่อยๆเล่า เน้นความเป็นธรรมชาติ แน่นอนว่านั่นไม่ใช่ปัญหาของหนังเรื่องนี้ โดยหนังสร้างจากเรื่องจริงของกัปตันเรือขนส่งสินค้าที่ถูกกลุ่มโจรสลัดโซมาเลียจับตัวเป็นตัวประกัน ซึ่งหนังกำกับโดย Paul Greengrass ที่เรียกได้ว่าเป็นมือฉมังในการทำแนวแอคชั่น-ทริลเลอร์ จึงเป็นเครื่องการันตีได้อย่างดีว่าหนังชิงตัวประกันเรื่องนี้ต้องเต็มไปด้วยความสนุก ความลุ้นระทึกของการชิงไหวชิงพริบตั้งแต่ต้นจนจบ และสิ่งที่สร้างความยอดเยี่ยมเหล่านั้นนอกเหนือจากเทคนิคการกำกับและการแสดงของ Tom Hanks กับ Barkhad Abdi ทางด้านบทพูดก็ถูกเขียนได้อย่างดุดัน คมคาย และแฝงไว้ด้วยจิตวิทยา








4. Snowpiercer (2013)

หลังจากประสบความสำเร็จกับหนังเกาหลีมาอย่างมากมาย ทางผู้กำกับ Bong Joon-ho ก็ได้รับโอกาสครั้งสำคัญจากนายทุนฝั่งฮอลลีวู้ด ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้ทุกคนผิดหวังกับการพิสูจน์ฝีมือในระดับสากล จากหนังไซไฟดิสโทเปียที่เล่าเรื่องราวในปี 2031 เมื่อโลกถูกปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน ผู้คนต่างต้องใช้ชีวิตบนขบวนรถไฟที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ ซึ่งหนังจะเล่นประเด็นความเหลื่อมล้ำทางสังคมและโฟกัสถึงการปฏิวัติการปกครองที่นำโดยกลุ่มคนชั้นล่างที่อาศัยอยู่ท้ายขบวน แน่นอนว่าจุดที่น่าสนใจก็จะอยู่ในส่วนการต่อสู้ฝ่าฟันอุปสรรคในแต่ละด่านเพื่อไปยังหัวขบวน ที่ทั้งสนุก ตื่นเต้น และเต็มไปด้วยไอเดียอันสร้างสรรค์ของตัวผู้กำกับ








3. Locke (2013)

หนังที่จำกัดการเล่าเรื่องราวในสถานที่เดียว มักมีปัญหากับการสร้างความจดจ่อ ความลุ้นระทึกให้ชวนติดตามของคนดู โดยต้นเหตุของปัญหาจะอยู่ในส่วนของการกำกับและที่สำคัญคือบทหนัง ซึ่งหนังคลาสสิกที่ประสบความสำเร็จในแนวทางนี้อย่าง 12 Angry Men, Rope, Rear Window หรือหนังยุคใหม่อย่าง Buried มักเขียนไดอะล็อกออกมาได้กระชับ คมคาย และตัวหนังจะมีการทิ้งปมซ่อนเงื่อน หรือปมที่เป็นตัวปูทางไปสู่ไคลแม็กซ์ท้ายเรื่อง แน่นอนว่าหนังเรื่อง Locke มีองค์ประกอบเหล่านั้นและทำได้ยอดเยี่ยมมากๆ กับการตรึงคนดูให้โฟกัสเรื่องราวของชายที่กำลังขับรถไปสถานที่หนึ่ง และค่อยๆทิ้งปมต่างๆทั้งในเรื่องความรัก ครอบครัว และหน้าที่การงาน ผ่านบทสนทนาของตัวละครทางโทรศัพท์ ที่จะส่งผลต่อการตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิต








2. United 93 (2006)

หนึ่งในโศกนาฏกรรมที่ร้ายแรงที่สุดของสหรัฐ เมื่อกลุ่มผู้ก่อการร้ายได้ทำการเข้ายึดเครื่องบิน 4 ลำ โดย 3 ลำได้ทำการพุ่งเข้าชนสถานที่สำคัญต่างๆ และอีกหนึ่งลำซึ่งก็คือ UA93 ที่หนังจะโฟกัสถึงโดยเป็นเหตุการณ์บนเครื่องบินก่อนจะดิ่งสู่พื้น โดยผู้กำกับ Paul Greengrass ที่ช่ำชองการใช้เทคนิคกล้องมือก็ดูจะเหมาะกับหนังลักษณะนี้ โดยทำออกมากึ่งหนังสารคดีที่เน้นความดิบและความเข้มข้นของเรื่องราว พร้อมทั้งเขายังฉลาดในการลำดับเรื่องราวที่ค่อยเป็นค่อยไปเพื่อให้คนดูเข้าใจถึงสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น และตระหนักถึงความรู้สึกที่ผู้โดยสารบนเครื่องบิน UA93 ต่างต้องพบเจอ ก่อนที่จะแปรเปลี่ยนความวิตก ความหวาดกลัว เป็นพลังในการต่อสู้กับเหล่าผู้ก่อการร้ายจนลมหายใจสุดท้าย








1. The Lady Vanishes (1938)

คงไม่ใช่เรื่องที่ดูเกินจริงแต่อย่างใด หากจะบอกว่านี่คือหนังดีที่สุดของ Hitchcock ในยุคแรกเริ่มครั้งสมัยทำหนังอยู่ที่อังกฤษ โดยเขาได้หยิบนิยาย The Wheel Spins มาดัดแปลงเป็นหนัง กับพล็อตที่พูดถึงหญิงสาวที่พยายามค้นหาความจริงต่อการหายตัวไปของหญิงชรา ที่ผู้โดยสารบนขบวนรถไฟต่างพูดแบบเดียวกันว่าไม่เคยพบเห็นหญิงชรารายนี้มาก่อน โดย Hitchcock ใช้เวลาเพียงไม่นานในการปูพื้นตัวละครหลัก หญิงสาวคนนี้เป็นคนแบบไหน มีนิสัยยังไง พบเจอใครมาบ้างก่อนขึ้นรถไฟ แต่ที่สำคัญเธอดูเหมือนจะมีความผิดปกติบางอย่างทางสมอง ทำให้เกิดข้อสงสัยและกลายเป็นคำถามต่อคนดูว่าหญิงชราที่เธอพบมีตัวตนอยู่จริง หรือเป็นเพียงภาพในจินตนาการที่เธอสร้างขึ้น







+(1) หนังเเนะนำ The Commuter (2018)
(เข้าฉายในไทยฉาย 11 มกราคมนี้)


การกลับมาอีกครั้งของแอคชั่นสตาร์รุ่นเก๋าอย่าง Liam Neeson ในหนังแนวแอคชั่น-ทริลเลอร์ที่เล่าเรื่องราวในสถานที่เดียว และหนังก็ได้แรงบันดาลใจจากหนังสืบสวนคลาสสิกขึ้นหิ้งของ Alfred Hitchcock อย่าง North by Northwest และ Strangers on a Train โดยพล็อตพูดถึงภารกิจสำคัญของหนุ่มใหญ่ในการเปิดโปงตัวตนของผู้โดยสารรายหนึ่งบนขบวนรถไฟ ที่เชื่อมโยงไปยังแผนวินาศกรรมโดยมีชีวิตของผู้โดยสารหลายร้อยคนเป็นเดิมพัน ซึ่ง 2 สิ่งที่ดูจะเป็นจุดเด่นที่คนดูสามารถพบเห็นได้ในหนังเรื่องนี้คือ

1. “ความเป็นนักเอนเตอร์เทนอย่างแท้จริง” ของผู้กำกับ Jaume Collet-Serra ที่เวลาทำหนังแนวแอคชั่น-ทริลเลอร์ อย่าง Unknown, Non-Stop, Run All Night พยายามรังสรรค์ฉากแอคชั่น หรือช่วงจังหวะความลุ้นระทึกตั้งแต่ต้นจนจบ เพื่อให้คนดูรู้สนุกและติดตามเรื่องราวได้อย่างใจจดใจจ่อ

2. “จุดหักมุมเหนือคาด” สิ่งหนึ่งที่ใครหลายคนอาจไม่เคยรู้คือ Jaume Collet-Serra เป็นผู้กำกับที่แจ้งเกิดจาก Orphan หนังหักมุมชื่อดังที่ใครหลายคนต่างยกย่อง และนั่นได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างลายเซ็นต์หนังทริลเลอร์ที่มาพร้อมกับจุดหักมุมเหนือคาดที่พบเห็นได้ใน Unknown และ Non-Stop และที่สำคัญหนังเรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจจากหนังชื่อดังของ Hitchcock อย่าง North by Northwest และ Strangers on a Train ฉะนั้นจงมั่นใจเลยว่าต้องมีบางอย่างที่ลึกลับ ซับซ้อน และเหนือคาดเกิดขึ้นในหนังเรื่องนี้

ตัวอย่างซับไทย
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.ตัวอย่างลิสต์ที่เคยเขียนไว้
เข้าไปดูได้ที่ >> https://ppantip.com/profile/672088

10 หนัง “ถ้าคุณแน่..ก็จับให้ได้” แห่งศตวรรษที่ 21
10 หนัง“จบไม่ลงคนมีแผล(ใจ)”แห่งศตวรรษที่ 21
10 หนัง"ผมไม่ใช่ฆาตกร?" (Primal Fear style) ที่คุณไม่ควรพลาด
10 หนังที่จบสะเทือนใจคนดูมากที่สุดในศตวรรษที่ 20
10 หนังระทึกขวัญ(ลูปเวลา)แห่งศตวรรษที่ 21
10 หนังรักต้องห้ามยอดเยี่ยมตลอดกาล
10 หนังทริลเลอร์เชิงจิตวิทยาแห่งปี 2017 ที่คุณไม่ควรพลาด
10 หนังอาชญากรรมสมบูรณ์เเบบ...

ขอบคุณสำหรับการติดตามนะครับ...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่