สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 16
Facebook : ในที่นี้หมายถึง Facebook ในรูปแบบของ Facebook ส่วนตัวนะครับ ส่วนมากก็จะมี friend list ที่เป็นคนรู้จักในชีวิตจริงเยอะครับ ทำให้การโพสอะไรแต่ละอย่างต้องผ่านการบวนการคิดมาในระดับนึง คิดว่าเราจะพิมพ์อะไร หรือเปิดให้ใครเห็นบ้าง เพราะมันมีผลกระทบต่อดลกแห่งความเป้นจริงค่อนข้างเยอะครับ
Twitter : เราจะ Follow ตามสิ่งที่เราสนใจ โดยที่ไม่ต้อง Add friend เช่น เราสนใจเรื่องของนักร้องเกาหลี เราก็จะคอย follow คนที่สนใจ หรือ user ที่ tweet ในเรื่องเหล่านั้น ไม่ต้อง add friend กัน ทำให้การรู้จักในโลกแห่งความเป็นจริงมีความห่างเหินมากกว่า platform อย่าง facebook และ user ส่วนมากเท่าที่ผมสังเกตจะค่อนข้างไม่ระบุตัวตนที่แท้จริงครับ นั่นทำให้การพิมพ์อะไรจะมีความอิสระกว่าเพราะยังไงก็ไม่มีคนรุ้จักตัวตนที่แท้จริงของเราว่าเป้นใคร แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนครับยังมีคนที่สามารถระบุตัวตนได้อยู่
ความเร็ว : การใช้ twitter จะค่อนข้างเร็วกว่าเพราะมันเรียลไทม์ ใครพิมพ์อะไรก็จะขึ้นมาเลย แต่ Facebook กว่าจะเจอบางทีก็ต้องรออัลกอริทึมของ facebook ในการประมวลผล กว่าจะเจอประเด็นสักอย่างที่คนพูดถึงกันเยอะๆ
ประเด็นที่โพส : อย่างที่บอกไปตั้งแต่ต้นครับ facebook เราอาจจะเจอชีวิตส่วนตัวคนรู้จักมากหน่อย แต่ twitter ก็แล้วแต่ว่าเราจะ follow ใครเลย เรา follow ใครก็จะเจอเรื่องราวแบบนั้นครับ และถ้ามีประเด็นอะไรที่สนใจเหมือนๆกันก็จะมีการใช้ Hastag มาร่วมด้วย
Hastag : เป็นจุดเด่นของ Twitter ครับ ใครจะพูดอะไรในประเด็นเดียวกันก็จะใช้ hastag นั้นๆ ซึ่งเรากดเข้าไปใน Hastag ก็จะแสดงขึ้นมาให้เห็นได้ง่ายมาก ส่วน Facebook ก็มี Hastag แต่ไม่เก่งเท่า Twitter และถ้า Hastag ไหนเป็นประเด้น มีคนพูดคุยมากๆ จะมี Trend บอกเลยว่าคนใน Twitter กำลังสนใจเรื่องไหนกันครับ
เพราะฉะนั้นพฤติกรรมของคนที่เล่น Facebook กับใน Twitter ค่อนข้างแตกต่างกันครับ อยู่ที่ว่าเราชอบอะไร อยากเล่นอะไร และเรากด Like หรือ Follow ใคร ถ้าเราเล่นทั้ง 2 Platform อาจจะพอเข้าใจสังคมในแต่ละที่ครับ
Twitter : เราจะ Follow ตามสิ่งที่เราสนใจ โดยที่ไม่ต้อง Add friend เช่น เราสนใจเรื่องของนักร้องเกาหลี เราก็จะคอย follow คนที่สนใจ หรือ user ที่ tweet ในเรื่องเหล่านั้น ไม่ต้อง add friend กัน ทำให้การรู้จักในโลกแห่งความเป็นจริงมีความห่างเหินมากกว่า platform อย่าง facebook และ user ส่วนมากเท่าที่ผมสังเกตจะค่อนข้างไม่ระบุตัวตนที่แท้จริงครับ นั่นทำให้การพิมพ์อะไรจะมีความอิสระกว่าเพราะยังไงก็ไม่มีคนรุ้จักตัวตนที่แท้จริงของเราว่าเป้นใคร แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนครับยังมีคนที่สามารถระบุตัวตนได้อยู่
ความเร็ว : การใช้ twitter จะค่อนข้างเร็วกว่าเพราะมันเรียลไทม์ ใครพิมพ์อะไรก็จะขึ้นมาเลย แต่ Facebook กว่าจะเจอบางทีก็ต้องรออัลกอริทึมของ facebook ในการประมวลผล กว่าจะเจอประเด็นสักอย่างที่คนพูดถึงกันเยอะๆ
ประเด็นที่โพส : อย่างที่บอกไปตั้งแต่ต้นครับ facebook เราอาจจะเจอชีวิตส่วนตัวคนรู้จักมากหน่อย แต่ twitter ก็แล้วแต่ว่าเราจะ follow ใครเลย เรา follow ใครก็จะเจอเรื่องราวแบบนั้นครับ และถ้ามีประเด็นอะไรที่สนใจเหมือนๆกันก็จะมีการใช้ Hastag มาร่วมด้วย
Hastag : เป็นจุดเด่นของ Twitter ครับ ใครจะพูดอะไรในประเด็นเดียวกันก็จะใช้ hastag นั้นๆ ซึ่งเรากดเข้าไปใน Hastag ก็จะแสดงขึ้นมาให้เห็นได้ง่ายมาก ส่วน Facebook ก็มี Hastag แต่ไม่เก่งเท่า Twitter และถ้า Hastag ไหนเป็นประเด้น มีคนพูดคุยมากๆ จะมี Trend บอกเลยว่าคนใน Twitter กำลังสนใจเรื่องไหนกันครับ
เพราะฉะนั้นพฤติกรรมของคนที่เล่น Facebook กับใน Twitter ค่อนข้างแตกต่างกันครับ อยู่ที่ว่าเราชอบอะไร อยากเล่นอะไร และเรากด Like หรือ Follow ใคร ถ้าเราเล่นทั้ง 2 Platform อาจจะพอเข้าใจสังคมในแต่ละที่ครับ
ความคิดเห็นที่ 20
สำหรับเรา จุดประสงค์ในการเล่น2แอพนี้ต่างกันค่ะ
เมื่อก่อนเราเล่นทวิตไม่เป็น เล่นแต่เฟสบุ๊ค ส่วนตอนนี้ไม่แตะเฟสบุ๊คเลย เล่นแต่ทวิตเตอร์ค่ะ
เฟสบุ๊ค เรามีไว้เพื่อนานๆเข้าไปแหย่แกล้งเพื่อนเล่นๆ อัพเดทพวกโปรตั๋วบินราคาถูก หรือซื้อของพรีออเดอร์ต่างๆค่ะ
ข้อดีของเฟสคือสังคมใหญ่ค่ะ หาอะไรได้ง่าย มีเยอะ แต่ข้อเสียคือ ยิ่งสังคมเฟสใหญ่ขึ้นเท่าไหร่ เราจะเห็นอะไรแปลกๆเยอะไปหมด
อย่างเราไม่ดูคลิปตบ ไม่ดูคลิปเต้นหรือโชว์ ไม่ดูอัพเดทข่าวพาดหัวคนละเรื่องกับความจริง เราก็จะหลีกหนีจากเฟสค่ะ
ส่วนทวิตเตอร์ เราว่ามันมีเสน่ห์มากๆเลยนะ -__-
มันไม่มีความแปลกๆตบๆเต้นๆแบบเฟสค่ะ ถ้าเราไม่ไปตามแท็กต่างๆเอง ซึ่งแท็กเด่นๆแต่ละวันคือน้อยมาก
เราว่าสังคมมันเล็กๆ มันน่าอยู่ มันอัพเดทอะไรเยอะแยะในคราวเดียวไม่ได้
เสน่ห์มันคือ เวลาเห็นคนบ่นๆ หรือเราบ่นๆลงทวิต มันก็จะ 'เออว่ะ' ในใจค่ะ
มันเป็นสังคมเล็กๆที่คนไม่รู้จักกันหรอก แต่มาสนใจในเรื่องเดียวกัน คุณต้องเอาตัวคุณไปอยู่ตรงนั้นเอง พอคุยกันคือเหมือนรู้จักกันมานาน 5555
ดราม่าอะไรมีไว้บ่นๆก็จริง แต่เดี๋ยวอีกวันสองวันก็ผ่านไปค่ะ มันไม่ยาวนานแบบเฟส
ที่ชอบคือมันพิมพ์ได้น้อย ไม่สามารถแก้ไขที่พิมพ์ไปแล้วได้ และข้อมูลมาเร็วที่สุดค่ะ(ทั้งจากเฟส ไอจี พันทิป ทวิตเตอร์นี่เราว่าไวสุดค่ะ)
มันเหมือนเพื่อนคุยกัน แลกเปลี่ยนกัน ไม่ได้สวยหรู แต่เป็นความจริง ไม่ใช่โลกไม่สวยหรอก แต่เรารู้สึกว่ามันพูดเหมือนเพื่อนพูดกับเพื่อนมากกว่า
เหมือนประชดจิกกัดกัน ก็ยังฮาๆ เราไม่ต้องเอามาดราม่าแบบแอพอื่นค่ะ
สำคัญเราว่ามันอยู่ที่ไลฟ์สไตล์ด้วยค่ะ ทวิตนี่เหมือนแหล่งรวมคนกากๆเด๋อๆที่ซ่อนอยู่ในตัวนะคะถ้ามองจากข้างนอก -__-;;
แต่พอเราเข้าไปเล่นจริงๆ เราได้ติดต่อแอคอวตาร คนไม่ดังๆทั้งหลาย และรู้จักพวกเค้าหลายๆคนจริงๆ
บอกเลยว่าเราอึ้งมาก ผิดจากที่เคยคิดแรกๆค่ะ 55555555555555555
หลายๆคนเป็นหมอ เรียนหมอ หลายๆคนสวยแบบไม่ต้องพึ่งแอพแค่ไม่โชว์รูปในดิส หลายๆคนเรียนตปท. ทำงานและรวยจริงๆแต่ไม่แสดงให้รู้
(เหมือนพวกเด๋อๆคือชั้นเองที่มาเล่นทวิต ประมาณนั้นค่ะ T w T)
ตั้งแต่เล่นทวิต เราว่าเราหาสาระได้เยอะนะ บ่นๆก็คือบ่นๆค่ะ ส่วนสาระนี่หลากหลายมากก และก็เหมือนสรุปใจความให้เราเข้าใจกันง่ายๆดีมากๆ
ส่วนพวกเรื่องหยาบคาย เราว่ามันเหมือนเราบ่นกับตัวเอง ระบาย คุยกับเพื่อน เราจะหยาบๆแนวนั้นค่ะ
แต่ถ้าต้องติดต่อกันระหว่างแอคอื่นๆในทวิต เราไม่ค่อยเจอนะที่มาหยาบๆกับแอคอื่น
ส่วนใหญ่ก็พูดปกติค่ะ แค่มันมีศัพท์ฮาๆแปลกๆเยอะ หลายๆแอคคือบ่นได้น่าเอ็นดู อ่านแล้วขำมากกกกก
ซึ่งเรามั่นใจมากๆว่าจะไม่เจอแบบนี้ในเฟส พันทิป หรือไอจีแน่นอนค่ะ (ฮาา)
สำหรับเรา เฟสบุ๊คถ้าอยู่ๆเปิดสาธารณะแล้วบ่นๆกับตัวเองเป็นสิบๆโพส คนจะหาว่าบ้าค่ะ
แต่ลองมาเล่นทวิตสิ จะรู้ว่านี่คือปกติ 555555555555555555555555555
ไม่ใช่แค่นั้นนะคะ แต่เวลามีปัญหา เราว่าเค้าช่วยกันนะ
จากที่เราเล่นมาทั้งพันทิป เฟส ไอจี เราว่าทวิตเตอร์เป็นแหล่งที่ช่วยแบบไม่ทำให้เฟล แต่มันยังคงเป็นเรื่องจริงอยู่ค่ะ(เหมือนระบายกับเพื่อนมากๆ)
ส่วนแอพอื่นๆ ส่วนใหญ่เราว่าช่วยได้ก็จริง แต่เฟลก็เยอะค่ะ -..-
ปล. ส่วนถ้าเรื่องโลกสวยไม่สวยนั้น อาจอยู่ที่คนมากกว่า
แต่เท่าที่สิงๆมา เราว่าเฟสบุ๊คค่อนข้างเหมือนรวมการมองด้านๆเดียว สิ่งนี้คือถูกและต้องเป็นแบบนี้เท่านั้นนะ แบบอื่นไม่ได้ ถ้าแบบอื่นคือผิด เฟสบุ๊คมีคนรู้จัก มีเพื่อนอยู่ ทำให้ความคิดที่จะพิมพ์อะไรออกมา จะไปในด้านที่คนอื่นจะเห็นว่าดีมากกว่าค่ะ
ส่วนทวิต เนื่องจากเราไม่ได้รู้จักใคร เราก็จะเปิดเผยความคิดจริงๆกันออกมาแบบตรงๆ ทำให้เห็นว่ามันมองด้านอื่นๆได้อีกค่ะ
(แต่ทั้ง2แอพนี่ ถ้ามีBullyอะไรขึ้นมา ส่วนตัวเราจะไม่เข้าไปยุ่งเลยค่ะ แค่อ่านพอเป็นพิธี เพราะมันโหดร้ายพอๆกันทั้งคู่)
อันนี้คือความรู้สึกส่วนตัวจากการเล่นแอพทั้ง2แอพนี้ค่ะ _/\_
เมื่อก่อนเราเล่นทวิตไม่เป็น เล่นแต่เฟสบุ๊ค ส่วนตอนนี้ไม่แตะเฟสบุ๊คเลย เล่นแต่ทวิตเตอร์ค่ะ
เฟสบุ๊ค เรามีไว้เพื่อนานๆเข้าไปแหย่แกล้งเพื่อนเล่นๆ อัพเดทพวกโปรตั๋วบินราคาถูก หรือซื้อของพรีออเดอร์ต่างๆค่ะ
ข้อดีของเฟสคือสังคมใหญ่ค่ะ หาอะไรได้ง่าย มีเยอะ แต่ข้อเสียคือ ยิ่งสังคมเฟสใหญ่ขึ้นเท่าไหร่ เราจะเห็นอะไรแปลกๆเยอะไปหมด
อย่างเราไม่ดูคลิปตบ ไม่ดูคลิปเต้นหรือโชว์ ไม่ดูอัพเดทข่าวพาดหัวคนละเรื่องกับความจริง เราก็จะหลีกหนีจากเฟสค่ะ
ส่วนทวิตเตอร์ เราว่ามันมีเสน่ห์มากๆเลยนะ -__-
มันไม่มีความแปลกๆตบๆเต้นๆแบบเฟสค่ะ ถ้าเราไม่ไปตามแท็กต่างๆเอง ซึ่งแท็กเด่นๆแต่ละวันคือน้อยมาก
เราว่าสังคมมันเล็กๆ มันน่าอยู่ มันอัพเดทอะไรเยอะแยะในคราวเดียวไม่ได้
เสน่ห์มันคือ เวลาเห็นคนบ่นๆ หรือเราบ่นๆลงทวิต มันก็จะ 'เออว่ะ' ในใจค่ะ
มันเป็นสังคมเล็กๆที่คนไม่รู้จักกันหรอก แต่มาสนใจในเรื่องเดียวกัน คุณต้องเอาตัวคุณไปอยู่ตรงนั้นเอง พอคุยกันคือเหมือนรู้จักกันมานาน 5555
ดราม่าอะไรมีไว้บ่นๆก็จริง แต่เดี๋ยวอีกวันสองวันก็ผ่านไปค่ะ มันไม่ยาวนานแบบเฟส
ที่ชอบคือมันพิมพ์ได้น้อย ไม่สามารถแก้ไขที่พิมพ์ไปแล้วได้ และข้อมูลมาเร็วที่สุดค่ะ(ทั้งจากเฟส ไอจี พันทิป ทวิตเตอร์นี่เราว่าไวสุดค่ะ)
มันเหมือนเพื่อนคุยกัน แลกเปลี่ยนกัน ไม่ได้สวยหรู แต่เป็นความจริง ไม่ใช่โลกไม่สวยหรอก แต่เรารู้สึกว่ามันพูดเหมือนเพื่อนพูดกับเพื่อนมากกว่า
เหมือนประชดจิกกัดกัน ก็ยังฮาๆ เราไม่ต้องเอามาดราม่าแบบแอพอื่นค่ะ
สำคัญเราว่ามันอยู่ที่ไลฟ์สไตล์ด้วยค่ะ ทวิตนี่เหมือนแหล่งรวมคนกากๆเด๋อๆที่ซ่อนอยู่ในตัวนะคะถ้ามองจากข้างนอก -__-;;
แต่พอเราเข้าไปเล่นจริงๆ เราได้ติดต่อแอคอวตาร คนไม่ดังๆทั้งหลาย และรู้จักพวกเค้าหลายๆคนจริงๆ
บอกเลยว่าเราอึ้งมาก ผิดจากที่เคยคิดแรกๆค่ะ 55555555555555555
หลายๆคนเป็นหมอ เรียนหมอ หลายๆคนสวยแบบไม่ต้องพึ่งแอพแค่ไม่โชว์รูปในดิส หลายๆคนเรียนตปท. ทำงานและรวยจริงๆแต่ไม่แสดงให้รู้
(เหมือนพวกเด๋อๆคือชั้นเองที่มาเล่นทวิต ประมาณนั้นค่ะ T w T)
ตั้งแต่เล่นทวิต เราว่าเราหาสาระได้เยอะนะ บ่นๆก็คือบ่นๆค่ะ ส่วนสาระนี่หลากหลายมากก และก็เหมือนสรุปใจความให้เราเข้าใจกันง่ายๆดีมากๆ
ส่วนพวกเรื่องหยาบคาย เราว่ามันเหมือนเราบ่นกับตัวเอง ระบาย คุยกับเพื่อน เราจะหยาบๆแนวนั้นค่ะ
แต่ถ้าต้องติดต่อกันระหว่างแอคอื่นๆในทวิต เราไม่ค่อยเจอนะที่มาหยาบๆกับแอคอื่น
ส่วนใหญ่ก็พูดปกติค่ะ แค่มันมีศัพท์ฮาๆแปลกๆเยอะ หลายๆแอคคือบ่นได้น่าเอ็นดู อ่านแล้วขำมากกกกก
ซึ่งเรามั่นใจมากๆว่าจะไม่เจอแบบนี้ในเฟส พันทิป หรือไอจีแน่นอนค่ะ (ฮาา)
สำหรับเรา เฟสบุ๊คถ้าอยู่ๆเปิดสาธารณะแล้วบ่นๆกับตัวเองเป็นสิบๆโพส คนจะหาว่าบ้าค่ะ
แต่ลองมาเล่นทวิตสิ จะรู้ว่านี่คือปกติ 555555555555555555555555555
ไม่ใช่แค่นั้นนะคะ แต่เวลามีปัญหา เราว่าเค้าช่วยกันนะ
จากที่เราเล่นมาทั้งพันทิป เฟส ไอจี เราว่าทวิตเตอร์เป็นแหล่งที่ช่วยแบบไม่ทำให้เฟล แต่มันยังคงเป็นเรื่องจริงอยู่ค่ะ(เหมือนระบายกับเพื่อนมากๆ)
ส่วนแอพอื่นๆ ส่วนใหญ่เราว่าช่วยได้ก็จริง แต่เฟลก็เยอะค่ะ -..-
ปล. ส่วนถ้าเรื่องโลกสวยไม่สวยนั้น อาจอยู่ที่คนมากกว่า
แต่เท่าที่สิงๆมา เราว่าเฟสบุ๊คค่อนข้างเหมือนรวมการมองด้านๆเดียว สิ่งนี้คือถูกและต้องเป็นแบบนี้เท่านั้นนะ แบบอื่นไม่ได้ ถ้าแบบอื่นคือผิด เฟสบุ๊คมีคนรู้จัก มีเพื่อนอยู่ ทำให้ความคิดที่จะพิมพ์อะไรออกมา จะไปในด้านที่คนอื่นจะเห็นว่าดีมากกว่าค่ะ
ส่วนทวิต เนื่องจากเราไม่ได้รู้จักใคร เราก็จะเปิดเผยความคิดจริงๆกันออกมาแบบตรงๆ ทำให้เห็นว่ามันมองด้านอื่นๆได้อีกค่ะ
(แต่ทั้ง2แอพนี่ ถ้ามีBullyอะไรขึ้นมา ส่วนตัวเราจะไม่เข้าไปยุ่งเลยค่ะ แค่อ่านพอเป็นพิธี เพราะมันโหดร้ายพอๆกันทั้งคู่)
อันนี้คือความรู้สึกส่วนตัวจากการเล่นแอพทั้ง2แอพนี้ค่ะ _/\_
ความคิดเห็นที่ 10
ข้อดี
สังคมfacebook: ส่วนใหญ่เป็นเพื่อนที่รู้จักหน้าค่าตากันก่อนจะแอดเฟรน หรือไม่ก็ครอบครัว จะรู้ตัวตนกันก่อนจะแอดกัน ทำให้มีความน่าเชื่อถือสูง
ทวิตเตอร์: ส่วนใหญ่จะติดตามกัน เพราะไลฟ์สไตล์ ถ้าอ่านทวิตแล้วชอบก็ฟอล ไม่ชอบก็ไม่ฟอล ไม่จำเป็นต้องรู้จักกันมาก่อน การติดตามง่ายกว่า คุณพูดอะไรเรื่อยเปื่อย ระบายอะไรก็ไม่มีใครสนใจคุณ
ข้อเสีย
facebook เพราะมีแต่เพื่อนหรือครอบครัว บางทีอึดอัด อยากระบายอะไร ก็พูดได้ไม่เต็มปาก เพราะจะเกรงใจกัน ข่าวหรือดราม่าบางอย่างจะลงช้ากว่าทวิต ดราม่าส่วนใหญ่จะอยู่ตามเพจต่างๆ ซึ่งบางทีทัศนคติต่อดราม่าค่อนข้างไม่อิงตามหลักเหตุผล
ทวิตเตอร์ ข่าวหรือดราม่าไวกว่า แต่จริงบ้างไม่จริงบ้าง ต้องพิจารณากันดีๆ สำหรับดราม่าเอาเฉพาะที่เราสัมผัสจะค่อนข้างมีเหตุผลมากกว่า แต่ก็มีบางส่วนที่ดราม่าเอามันไม่สนความรู้สึกคนอื่นเหมือนกัน และบางที bully กันผ่านทางการแฉก็มีเยอะ
ส่วนที่เรื่องแอคทวิตไม่มีการยืนยันตัวตนก่อนสมัคร อันนี้ตอนสมัครก็มีให้กรอกอีเมลล์ วันเกิด ชื่อ เบอร์โทรนะ แต่ไม่ได้มีนโยบายให้ใช้ชื่อจริงแบบ facebook อีกอย่างคนในทวิตไม่ค่อยเปิดเผยตัวตนกัน ถ้าไม่คุยกันจนสนิทกันจริงๆ ซึ่งข้อดีส่วนนี้ของทวิตคือ บางเรื่องที่มันอึดอัดการคุยกับคนแปลกหน้าจะพูดได้ง่ายกว่า ส่วนเรื่องตัวตน ถ้าคนมันจะคุ้ยตามหาจริงๆ ต่อให้ในทวิตปกปิดแค่ไหนก็ตามได้ค่ะ
สังคมfacebook: ส่วนใหญ่เป็นเพื่อนที่รู้จักหน้าค่าตากันก่อนจะแอดเฟรน หรือไม่ก็ครอบครัว จะรู้ตัวตนกันก่อนจะแอดกัน ทำให้มีความน่าเชื่อถือสูง
ทวิตเตอร์: ส่วนใหญ่จะติดตามกัน เพราะไลฟ์สไตล์ ถ้าอ่านทวิตแล้วชอบก็ฟอล ไม่ชอบก็ไม่ฟอล ไม่จำเป็นต้องรู้จักกันมาก่อน การติดตามง่ายกว่า คุณพูดอะไรเรื่อยเปื่อย ระบายอะไรก็ไม่มีใครสนใจคุณ
ข้อเสีย
facebook เพราะมีแต่เพื่อนหรือครอบครัว บางทีอึดอัด อยากระบายอะไร ก็พูดได้ไม่เต็มปาก เพราะจะเกรงใจกัน ข่าวหรือดราม่าบางอย่างจะลงช้ากว่าทวิต ดราม่าส่วนใหญ่จะอยู่ตามเพจต่างๆ ซึ่งบางทีทัศนคติต่อดราม่าค่อนข้างไม่อิงตามหลักเหตุผล
ทวิตเตอร์ ข่าวหรือดราม่าไวกว่า แต่จริงบ้างไม่จริงบ้าง ต้องพิจารณากันดีๆ สำหรับดราม่าเอาเฉพาะที่เราสัมผัสจะค่อนข้างมีเหตุผลมากกว่า แต่ก็มีบางส่วนที่ดราม่าเอามันไม่สนความรู้สึกคนอื่นเหมือนกัน และบางที bully กันผ่านทางการแฉก็มีเยอะ
ส่วนที่เรื่องแอคทวิตไม่มีการยืนยันตัวตนก่อนสมัคร อันนี้ตอนสมัครก็มีให้กรอกอีเมลล์ วันเกิด ชื่อ เบอร์โทรนะ แต่ไม่ได้มีนโยบายให้ใช้ชื่อจริงแบบ facebook อีกอย่างคนในทวิตไม่ค่อยเปิดเผยตัวตนกัน ถ้าไม่คุยกันจนสนิทกันจริงๆ ซึ่งข้อดีส่วนนี้ของทวิตคือ บางเรื่องที่มันอึดอัดการคุยกับคนแปลกหน้าจะพูดได้ง่ายกว่า ส่วนเรื่องตัวตน ถ้าคนมันจะคุ้ยตามหาจริงๆ ต่อให้ในทวิตปกปิดแค่ไหนก็ตามได้ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
สังคม. Twitter ต่างและเหมือน สังคมใน facebook ยังไงครับ ??
“ผมแค่สงสัยไม่มีดราม่า”