ขอเรียก Santiago - ซานติอาโก้นะคะ อันนี้ก็คิดเองเออเองมาจาก San Francisco - ซานฟรานซิสโก
เพราะจะให้ถูกต้องเค้าต้องเขียน ซันติอาโก้ เเต่ถ้าเเบบนี้เราก็ต้องเรียก ซันฟรานซิสโก สิคะ ***ซัน VS ซาน ***
ต่อจากวันก่อนนะคะ Part I ตามลิงค์นี้เลยค่ะ
https://ppantip.com/topic/37200023
วันนี้เราวางแผนตามลำดับดังนี้
1. ไปทำวีซ่าโบลิเวีย
2. ไป Santa Lucia ตอนเช้าเพราะที่นี่ปิด 5โมงเย็น
3. ไปทานกลางวันที่ตลาดปลา The Mercado Central หรือที่นิยมเรียกว่า Central market
ตั้งใจไว้ว่าจะต้องทาน Chilien sea bass + King crab เพราะคราวที่แล้วมาทานแต่ทานที่ Ushuaia แล้วอร่อยมากกกกก
4. รับวีซ่าที่สถานฑูตโบลิเวีย ตอนบ่าย (**ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องไปรับเพราะวันพรุ่งนี้จะบินไป Easter Island**)
5. ไป Funicular เพื่อไป San Cristóbal ปิด 6โมง
6. เดิน Train station แถวนั้นเป็นหวัลำโพงและมีร้านค้าขายปลีกส่งเยอะมาก – และเป็นทางกลับโรงแรม
ตารางของเราวันนี้จริงๆก็จะนั่งรถย้อนไปย้อนมา แต่ก็เป็นเพราะพวกเราไม่อยากไป San Cristóbal ก่อน
เพราะคิดว่ามันเป็นอาณาเขตกว้างใหญ่กลัวเที่ยวเพลินเดินเรื่อยเปื่อยแล้วลงมาไม่ทัน เพราะไหนจะต้องไปหาข้าวทานก่อนจะไป Santa Lucia และอีกอย่างนึงนั่งรถไปๆมาๆก็ถือว่าเป็นการชมเมืองชมความเจริญไปในตัว
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
เนื่องจากต้องไปโบลิเวีย และไม่มีสถานฑุตที่เมืองไทย เราเลยทำวีซ่าที่ Santiago
**การจะขอวีซ่าต้องลงทะเบียนพร้อมแนบเอกสารส่งมาทาง Online ก่อนนะคะ ไม่ใช่เดินเข้าไปพร้อมเอกสารอันนั้นเค้าไม่รับนะคะ **
เมื่อสมัครเสร็จแล้วจะได้เอกสารหน้าตาแบบนี้ แล้วก็ print ออกมาให้เค้า
เนื่องจากมาบ่อย (3 ครั้ง-ไม่รวมมารับเล่ม) เลยขอตั้งตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญของสถานทูตโบลิเวียประจำชิลีนะคะ 555
1. รอบแรกมาแล้วแห้ว
2. รอบที่ 2 มายื่นแล้วก็ได้วีซ่า ซึ่งก็ควรจบ แต่มันดันมีจุดเริ่มต้นใหม่
3. รอบที่ 3 มาเพราะ Passport หาย ฮือๆ เลยต้องรีบมายื่นขอวีซ่าใหม่
สถานทูตโบลีเวียอยู่ตรงข้าม Costanera Center - ดูรูปตึกอีกทีเผื่อลืม เเต่ขอให้จำไว้ว่าเป็นตึกที่สูงที่สุดในชิลีเเละในเเถบละตินอเมริกา
สถานฑูตเป็นบ้าน 2 ชั้นหน้าตาสวยงาม ตั้งอยู่ในถิ่นผู้มีอันจะกิน (ประมาณสุขุมวิท) ลองดูรูปดีๆค่ะ ตามประตูหน้าต่างนี่ยังมีเหล็กดัดและประตูม้วนด้วย แสดงว่าแถวนี้โจรชุกชุม-ขนาดสถานทูตก็ไม่เว้น
ประตูทางเข้าตรงกลางนั้นเข้าไม่ได้นะคะ
คนจะเข้าไปต้องเข้าประตูข้างกำเเพงค่ะ - หันหน้าเข้าอยู่ซ้ายมือค่ะ
เวลาที่รับยื่นเอกสารก็คือช่วงเช้า (ตามรูปด้านล่าง) และช่วงบ่ายให้เข้าเฉพาะผู้มารับเล่มเท่านั้น
เวลาทำการของสถานฑูตค่ะ: ยื่นขอวีซ่า: 8.30am - 1.00 pm รับเล่ม: 4-4.30 pm
ปกติการขอวีซ่าอย่างเร็วสุดคือ ยื่นวันนี้พรุ่งนี้ได้ แต่ถ้ารีบก็รีบไปเช้าๆแล้วยิ้มสวยๆบอกว่าคุณคะขอวันนี้นะคะ เค้าจะทำท่าคิดแป๊บนึงแล้วบอกว่าโอเค (หัวเราะ) -เเต่อันนี้ไม่ทุกเคสนะคะ ขึ้นอยู่กับว่าเค้ายังพอมีเวลาทำให้ได้ไหม คิดค่าวีซ่าคนละ 50 USDไม่ว่าจะด่วยหรือปกติ ที่ชิลีสถานฑุตโบลิเวียเค้ารับ USD ไม่ใช่ชิลเลียนเปโซนะคะ เผื่อเงิน USD ไว้สำหรับตรงนี้ด้วยและเค้าไม่มีทอนค่ะ (แต่ตอนที่เดี๊ยนไปครั้งที่ 3 นั้นเค้าจำหน้าได้แล้วและก็ลืมแลกแบงค์ย่อยไป เค้าแบบเธอจ๊ะชั้นไม่มีเงินทอน ตอนนั้นก็คิดว่าเอาวะให้ไปเลยไม่ต้องทอน เพราะ Passport หายยังอุตส่าห์ฝ่าฟันทำใหม่ได้ทัน กะพูดอย่างเท่ๆไปว่าไม่ต้องทอนค่ะเพ่ (เพราะเราผิดเองและจะได้ไม่ต้องวิ่งวุ่นไปแลกให้วุ่นวานอีก) แต่เค้าน่ารักมากเค้าเดินเข้าไปอีกห้องแล้วหาเงินมาทอนให้ซึ่งเป็นเงิน Euro มีทั้งแบงค์และเหรียญ (เค้าคงเห็นใจว่ายายนี่ passport มันหายแล้วยังต้องมาจ่ายเงินซ้ำอีก)
*** ไม่แนะนำให้ลองเสี่ยงไปยื่นขอช่วงบ่ายนะคะ เพราะพวกเราลองแล้วแต่ไม่สำเร็จ
เค้าชี้ไปที่ป้ายอย่างสุภาพและบอกให้มาพรุ่งนี้ 555-อันนี้คือการมารอบที่ 1***
อันนี้เป็นบรรยากาศด้านในนะคะ (รูปที่ถ่ายนี้ คือวันที่มาขอครั้งที่ 3 - มาเเบบเหนื่อยล้ามาก เดี๋ยวมาเล่าตอนต่อไป)
เด็นไปเค้าจำหน้าได้ เลยบอกเค้าว่าเธอชั้นทำพาสปอร์ทหายอ่ะ เเต่วันก่อนชั้นเพิ่งมาทำนะ เค้าตอบว่าไม่เป็นไรทำใหม่ได้ เเล้วก็จ่ายเงิน 50USD ก็จบเเล้ว - ต่อไปคือบอกว่าเค้าเธอพรุ่งนี้ชั้นจะบินไปเกาะอีสเตอร์อ่ะจ่ะดังนั้นอ่ะนะ ชั้นขอวีซ่าวันนี้ได้เลยมั้ยอ่ะตัว - เหมือนเดิมคือเดินไปที่ห้อง(ไหนก็ไม่รู้) เเล้วกลับมาบอกว่าได้จ้าน้องหนู....โอ้ยดีใจ
เลยขอเค้าถ่ายรูปไว้หน่อย
มีน้ำให้ดื่มด้วยค่ะ
(นอกเรื่องค่ะ) กรณีต้องการใช้ห้องน้ำเดินออกมาจากห้องขอวีซ่าไปด้านหลัง ห้องน้ำสะอาด ข้างๆมีต้นมะนาว (เลมอน) ดอกมันหอมมาก ลูกก็ใหญ่เลยค่ะพวกเรากรี๊ดกร๊าดทั้งจับและดมกันใหญ่
หลังทำเรื่อง Visa เสร็จแล้ว เราจะไป Cerro Santa Lucid นักท่องเที่ยวนิยมก็เรียก Santa Lucia Hill บ้าง หรือตัด Hill ออกไปบ้างซึ่งคนทั่วไปพอเข้าใจค่ะ
พวกเรากะนั่งแท็กซี่จากสถานฑูตโบลิเวียไป เพราะจากสถานทูตนี้กว่าจะเดินไป Metro มันไกลเพราะเดินไปถึงตึก The Costanera center + เดินหลังตึกไป Metro อีก รวมๆ10นาทีได้เลยขอเก็บขาไว้ก่อนต้องบำรุงรักษาไว้โดยการนั่งแท็กซี่ดีที่สุด (ถึงแม้จะมี Metro ให้นั่งไปลงป้าย Santa Lucia ก็ตาม) ยื่นเอกสารเสร็จเราก็เดินลั้ลลาออกมา พอเดินห่างไปเพียง 2-3หลังเห็นรูปนี้เลยไม่แน่ใจว่า เอ๊ะที่นี่เป็น
1. สนามฝึกยิงปืนของอพาร์ทเม้นท์นี้
2. แค่ติดขู่ขำๆ
3. ป้ายบอกให้รู้ว่า โจรก็โจรเถอะเราพร้อม (หัวเราะ) หรือเปล่า
เดินผ่านไปเเล้วยังต้องหันกลับมาส่องอีกทีเลยว่าเอ๊ะตาฝาดหรือเปล่าเนี่ย
เรากะหาเเท็กซี่ไปที่ Santa Lucia ตามที่วางเเผนกันไว้ เเต่รถติดเเฮะ อันนี้ติดเเบบไม่มีวี่เเววว่าจะขยับเลยค่ะ
ในความรถติด ตามสี่เเยกจะมีคนมาขายของบ้างหรือเล่นกล มีการเเสดงต่างๆบ้างเพื่อเเลกกับเงิน(เเต่ไม่มีขอทาน)
อันนี้เห็นเเล้วขอชื่นชมน้องหนูคนนี้เลยค่ะ
[CR] เที่ยวอเมริกาใต้ 40วัน: เที่ยวชิลี - ซานติอาโก้ Part 2 (เมืองหลวง)
เพราะจะให้ถูกต้องเค้าต้องเขียน ซันติอาโก้ เเต่ถ้าเเบบนี้เราก็ต้องเรียก ซันฟรานซิสโก สิคะ ***ซัน VS ซาน ***
ต่อจากวันก่อนนะคะ Part I ตามลิงค์นี้เลยค่ะ
https://ppantip.com/topic/37200023
วันนี้เราวางแผนตามลำดับดังนี้
1. ไปทำวีซ่าโบลิเวีย
2. ไป Santa Lucia ตอนเช้าเพราะที่นี่ปิด 5โมงเย็น
3. ไปทานกลางวันที่ตลาดปลา The Mercado Central หรือที่นิยมเรียกว่า Central market
ตั้งใจไว้ว่าจะต้องทาน Chilien sea bass + King crab เพราะคราวที่แล้วมาทานแต่ทานที่ Ushuaia แล้วอร่อยมากกกกก
4. รับวีซ่าที่สถานฑูตโบลิเวีย ตอนบ่าย (**ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องไปรับเพราะวันพรุ่งนี้จะบินไป Easter Island**)
5. ไป Funicular เพื่อไป San Cristóbal ปิด 6โมง
6. เดิน Train station แถวนั้นเป็นหวัลำโพงและมีร้านค้าขายปลีกส่งเยอะมาก – และเป็นทางกลับโรงแรม
ตารางของเราวันนี้จริงๆก็จะนั่งรถย้อนไปย้อนมา แต่ก็เป็นเพราะพวกเราไม่อยากไป San Cristóbal ก่อน
เพราะคิดว่ามันเป็นอาณาเขตกว้างใหญ่กลัวเที่ยวเพลินเดินเรื่อยเปื่อยแล้วลงมาไม่ทัน เพราะไหนจะต้องไปหาข้าวทานก่อนจะไป Santa Lucia และอีกอย่างนึงนั่งรถไปๆมาๆก็ถือว่าเป็นการชมเมืองชมความเจริญไปในตัว
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
เนื่องจากต้องไปโบลิเวีย และไม่มีสถานฑุตที่เมืองไทย เราเลยทำวีซ่าที่ Santiago
**การจะขอวีซ่าต้องลงทะเบียนพร้อมแนบเอกสารส่งมาทาง Online ก่อนนะคะ ไม่ใช่เดินเข้าไปพร้อมเอกสารอันนั้นเค้าไม่รับนะคะ **
เมื่อสมัครเสร็จแล้วจะได้เอกสารหน้าตาแบบนี้ แล้วก็ print ออกมาให้เค้า
เนื่องจากมาบ่อย (3 ครั้ง-ไม่รวมมารับเล่ม) เลยขอตั้งตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญของสถานทูตโบลิเวียประจำชิลีนะคะ 555
1. รอบแรกมาแล้วแห้ว
2. รอบที่ 2 มายื่นแล้วก็ได้วีซ่า ซึ่งก็ควรจบ แต่มันดันมีจุดเริ่มต้นใหม่
3. รอบที่ 3 มาเพราะ Passport หาย ฮือๆ เลยต้องรีบมายื่นขอวีซ่าใหม่
สถานทูตโบลีเวียอยู่ตรงข้าม Costanera Center - ดูรูปตึกอีกทีเผื่อลืม เเต่ขอให้จำไว้ว่าเป็นตึกที่สูงที่สุดในชิลีเเละในเเถบละตินอเมริกา
สถานฑูตเป็นบ้าน 2 ชั้นหน้าตาสวยงาม ตั้งอยู่ในถิ่นผู้มีอันจะกิน (ประมาณสุขุมวิท) ลองดูรูปดีๆค่ะ ตามประตูหน้าต่างนี่ยังมีเหล็กดัดและประตูม้วนด้วย แสดงว่าแถวนี้โจรชุกชุม-ขนาดสถานทูตก็ไม่เว้น
ประตูทางเข้าตรงกลางนั้นเข้าไม่ได้นะคะ
คนจะเข้าไปต้องเข้าประตูข้างกำเเพงค่ะ - หันหน้าเข้าอยู่ซ้ายมือค่ะ
เวลาที่รับยื่นเอกสารก็คือช่วงเช้า (ตามรูปด้านล่าง) และช่วงบ่ายให้เข้าเฉพาะผู้มารับเล่มเท่านั้น
เวลาทำการของสถานฑูตค่ะ: ยื่นขอวีซ่า: 8.30am - 1.00 pm รับเล่ม: 4-4.30 pm
ปกติการขอวีซ่าอย่างเร็วสุดคือ ยื่นวันนี้พรุ่งนี้ได้ แต่ถ้ารีบก็รีบไปเช้าๆแล้วยิ้มสวยๆบอกว่าคุณคะขอวันนี้นะคะ เค้าจะทำท่าคิดแป๊บนึงแล้วบอกว่าโอเค (หัวเราะ) -เเต่อันนี้ไม่ทุกเคสนะคะ ขึ้นอยู่กับว่าเค้ายังพอมีเวลาทำให้ได้ไหม คิดค่าวีซ่าคนละ 50 USDไม่ว่าจะด่วยหรือปกติ ที่ชิลีสถานฑุตโบลิเวียเค้ารับ USD ไม่ใช่ชิลเลียนเปโซนะคะ เผื่อเงิน USD ไว้สำหรับตรงนี้ด้วยและเค้าไม่มีทอนค่ะ (แต่ตอนที่เดี๊ยนไปครั้งที่ 3 นั้นเค้าจำหน้าได้แล้วและก็ลืมแลกแบงค์ย่อยไป เค้าแบบเธอจ๊ะชั้นไม่มีเงินทอน ตอนนั้นก็คิดว่าเอาวะให้ไปเลยไม่ต้องทอน เพราะ Passport หายยังอุตส่าห์ฝ่าฟันทำใหม่ได้ทัน กะพูดอย่างเท่ๆไปว่าไม่ต้องทอนค่ะเพ่ (เพราะเราผิดเองและจะได้ไม่ต้องวิ่งวุ่นไปแลกให้วุ่นวานอีก) แต่เค้าน่ารักมากเค้าเดินเข้าไปอีกห้องแล้วหาเงินมาทอนให้ซึ่งเป็นเงิน Euro มีทั้งแบงค์และเหรียญ (เค้าคงเห็นใจว่ายายนี่ passport มันหายแล้วยังต้องมาจ่ายเงินซ้ำอีก)
*** ไม่แนะนำให้ลองเสี่ยงไปยื่นขอช่วงบ่ายนะคะ เพราะพวกเราลองแล้วแต่ไม่สำเร็จ เค้าชี้ไปที่ป้ายอย่างสุภาพและบอกให้มาพรุ่งนี้ 555-อันนี้คือการมารอบที่ 1***
อันนี้เป็นบรรยากาศด้านในนะคะ (รูปที่ถ่ายนี้ คือวันที่มาขอครั้งที่ 3 - มาเเบบเหนื่อยล้ามาก เดี๋ยวมาเล่าตอนต่อไป)
เด็นไปเค้าจำหน้าได้ เลยบอกเค้าว่าเธอชั้นทำพาสปอร์ทหายอ่ะ เเต่วันก่อนชั้นเพิ่งมาทำนะ เค้าตอบว่าไม่เป็นไรทำใหม่ได้ เเล้วก็จ่ายเงิน 50USD ก็จบเเล้ว - ต่อไปคือบอกว่าเค้าเธอพรุ่งนี้ชั้นจะบินไปเกาะอีสเตอร์อ่ะจ่ะดังนั้นอ่ะนะ ชั้นขอวีซ่าวันนี้ได้เลยมั้ยอ่ะตัว - เหมือนเดิมคือเดินไปที่ห้อง(ไหนก็ไม่รู้) เเล้วกลับมาบอกว่าได้จ้าน้องหนู....โอ้ยดีใจ เลยขอเค้าถ่ายรูปไว้หน่อย
มีน้ำให้ดื่มด้วยค่ะ
(นอกเรื่องค่ะ) กรณีต้องการใช้ห้องน้ำเดินออกมาจากห้องขอวีซ่าไปด้านหลัง ห้องน้ำสะอาด ข้างๆมีต้นมะนาว (เลมอน) ดอกมันหอมมาก ลูกก็ใหญ่เลยค่ะพวกเรากรี๊ดกร๊าดทั้งจับและดมกันใหญ่
หลังทำเรื่อง Visa เสร็จแล้ว เราจะไป Cerro Santa Lucid นักท่องเที่ยวนิยมก็เรียก Santa Lucia Hill บ้าง หรือตัด Hill ออกไปบ้างซึ่งคนทั่วไปพอเข้าใจค่ะ
พวกเรากะนั่งแท็กซี่จากสถานฑูตโบลิเวียไป เพราะจากสถานทูตนี้กว่าจะเดินไป Metro มันไกลเพราะเดินไปถึงตึก The Costanera center + เดินหลังตึกไป Metro อีก รวมๆ10นาทีได้เลยขอเก็บขาไว้ก่อนต้องบำรุงรักษาไว้โดยการนั่งแท็กซี่ดีที่สุด (ถึงแม้จะมี Metro ให้นั่งไปลงป้าย Santa Lucia ก็ตาม) ยื่นเอกสารเสร็จเราก็เดินลั้ลลาออกมา พอเดินห่างไปเพียง 2-3หลังเห็นรูปนี้เลยไม่แน่ใจว่า เอ๊ะที่นี่เป็น
1. สนามฝึกยิงปืนของอพาร์ทเม้นท์นี้
2. แค่ติดขู่ขำๆ
3. ป้ายบอกให้รู้ว่า โจรก็โจรเถอะเราพร้อม (หัวเราะ) หรือเปล่า
เดินผ่านไปเเล้วยังต้องหันกลับมาส่องอีกทีเลยว่าเอ๊ะตาฝาดหรือเปล่าเนี่ย
เรากะหาเเท็กซี่ไปที่ Santa Lucia ตามที่วางเเผนกันไว้ เเต่รถติดเเฮะ อันนี้ติดเเบบไม่มีวี่เเววว่าจะขยับเลยค่ะ
ในความรถติด ตามสี่เเยกจะมีคนมาขายของบ้างหรือเล่นกล มีการเเสดงต่างๆบ้างเพื่อเเลกกับเงิน(เเต่ไม่มีขอทาน)
อันนี้เห็นเเล้วขอชื่นชมน้องหนูคนนี้เลยค่ะ