ขณะที่มีรถรอยูเทิร์นอยู่ การที่รถทางตรงดิฟไฟสูงใส่ถือว่าไม่มีมรรยาทหรือไม่มีน้ำใจได้มั้ย
เข้าใจว่าหมายถึงอย่าเพิ่งออกมา เขาขับมาเร็ว แต่ในความหมายการดิฟไฟจริงๆ น่าจะเป็นการที่รถมาเจอกันตรงสี่แยกแล้วต่างคนต่างจอด(มรรยาทดี) เลยดิฟไฟเป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายไปก่อน แต่บ้านเราชอบใช้สัญญาณไฟผิดๆ คือ
1.รถทางตรงจะดิฟไฟสูงเพื่ออะไร ในเมื่อรถที่รอยูเทิร์นก็ดูเป็นว่าควรออกหรือไม่ควรออก การดิฟไฟเหมือนจะบอกว่า เมิงอย่าออก กรูรีบ(ถือว่าไม่มีน้ำใจได้มั้ย) เพราะปกติคนจะกลับรถก็พอจะกะระยะถูกว่าพ้นหรือไม่พ้น ทันหรือไม่ทัน แต่ส่วนใหญ่มักจะเจอรถทางตรง ตอนแรกอยู่ห่าง พอเห็นรถรอยูเทิร์นก็รีบเร่งความเร็ว ซะงั้น
2.เปิดไฟผ่าหมากตรงสี่แยกเมื่อจะขับรถตรงไป อันนี้เจอบ่อยและไม่หมดไปซักที ถ้าสอบใบขับขี่มาก็น่าจะรู้ว่า ไม่ต้องเปิด เพราะรถปกติมันก็วิ่งไปข้างหน้าอยู่แล้ว ไม่รู้จะเปิดเพื่ออะไร(เปิดเพื่อจะบอกว่าจะขับตรงไป?) จริงๆ ไฟผ่าหมากจะเปิดกรณีที่รถจอดไม่ใช่เหรอครับ แต่เขาน่าจะเอาอย่างมาจากพวกรถฉุกเฉิน เช่นรถนักเรียน รถหน่วยกู้ภัยหรือเปล่า เลยเอามาใช้ผิดๆ กลายเป็นไฟขอทางซะงั้น
การดิฟไฟสูงของรถทางตรง
เข้าใจว่าหมายถึงอย่าเพิ่งออกมา เขาขับมาเร็ว แต่ในความหมายการดิฟไฟจริงๆ น่าจะเป็นการที่รถมาเจอกันตรงสี่แยกแล้วต่างคนต่างจอด(มรรยาทดี) เลยดิฟไฟเป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายไปก่อน แต่บ้านเราชอบใช้สัญญาณไฟผิดๆ คือ
1.รถทางตรงจะดิฟไฟสูงเพื่ออะไร ในเมื่อรถที่รอยูเทิร์นก็ดูเป็นว่าควรออกหรือไม่ควรออก การดิฟไฟเหมือนจะบอกว่า เมิงอย่าออก กรูรีบ(ถือว่าไม่มีน้ำใจได้มั้ย) เพราะปกติคนจะกลับรถก็พอจะกะระยะถูกว่าพ้นหรือไม่พ้น ทันหรือไม่ทัน แต่ส่วนใหญ่มักจะเจอรถทางตรง ตอนแรกอยู่ห่าง พอเห็นรถรอยูเทิร์นก็รีบเร่งความเร็ว ซะงั้น
2.เปิดไฟผ่าหมากตรงสี่แยกเมื่อจะขับรถตรงไป อันนี้เจอบ่อยและไม่หมดไปซักที ถ้าสอบใบขับขี่มาก็น่าจะรู้ว่า ไม่ต้องเปิด เพราะรถปกติมันก็วิ่งไปข้างหน้าอยู่แล้ว ไม่รู้จะเปิดเพื่ออะไร(เปิดเพื่อจะบอกว่าจะขับตรงไป?) จริงๆ ไฟผ่าหมากจะเปิดกรณีที่รถจอดไม่ใช่เหรอครับ แต่เขาน่าจะเอาอย่างมาจากพวกรถฉุกเฉิน เช่นรถนักเรียน รถหน่วยกู้ภัยหรือเปล่า เลยเอามาใช้ผิดๆ กลายเป็นไฟขอทางซะงั้น