สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่าน ก่อนอื่นคงต้องขอขอบคุณที่เผลอหลงเข้ามาอ่านนะครับและจะขอบคุณมากกว่านี้ถ้าทุกคนช่วยกันแสดงความคิดเห็นในครั้งนี้
ขอเกริ่นก่อนเลยนะครับผมเป็นนักเรียนคนหนึ่งในจังหวัดกรุงเทพ ผมไม่มั่นใจว่าตัวเองเป็น เกย์ รึเปล่าแต่โดยปกติชีวิตผมก็มันจะอยู่กับผู้หญิงซะส่วนใหญ่ ตั้งแต่ทางบ้านที่ส่วนใหญ่มีแต่ผู้หญิงและที่โรงเรียนส่วนมากก็จะคลุกคลีกับผู้หญิงเป็นส่วนมากตั้งแต่อนุบาลยังมัธยมปลาย สมัยประถมผมก็เคยแอบชอบผู้หญิงมาสองคน พอขึ้นมามัธยมต้นก็มีแฟนเป็นผู้หญิงอีกหนึ่งคน ก็คนมันหล่ออ่ะครับ =w=(
!)
อ่ะๆมาต่อกัน หน้าตาผมก็ออกเป็นแนวตี๋ๆตาตีบส่วนสูงก็เกือบมาตรฐาทั่วไปคือ 173 เซนติเมตร และมีจุดที่ผมยังคงงงอยู่มาจนถึงปัจจุบันคือคนส่วนใหญ่บอกว่าหน้าตาผมมันออกเบนเข็มไปทางคำว่า ‘น่ารัก’ ซะมากกว่า ‘หล่อ’ พวกผู้หญิงในห้องมันก็เคยบอกว่าถ้าจับผมแต่งหญิงคงออกมาสวยหน้าดู T^T และแฟนเพื่อนที่เป็นผู้ชายมันก็บอกว่าผม ‘เธอสวยนะ’…อยากถีบมัน ด้วยความเป็นคนดีก็เลยตอบกลับไปเบาๆว่า ‘สวยวรนุชอะไรล่ะ’
ส่วนรุ่นน้องที่ผมแอบชอบมันก็สูงพอๆกับผมนี่แหละ แต่ผิวมันคล้ำเข้ม มันเป็นพวกดูแล้วสู้ชีวิตอ่ะครับ ได้ยินมาว่าครอบครัวมันฐานะไม่เข้าดีเท่าไหร่เลยต้องกลับบ้านเร็วและเข้าโรงเรียนเกือบสาย(เช่นเดียวกับผมที่รถ
โครตช้า...) ก็เลยปะหน้ากันบ่อยๆ ผมเป็นคนมองมันฝ่ายเดียวเองแหละ 555 นิสัยมันร่ารักดีครับ คุยง่าย ยิ้มเก่ง หัวเราะ หล่อ กวนประสาท ไม่แปลกทำไมคนส่วนใหญ่ชอบมัน
แตกต่างจากผมที่ทุกคนบอกว่าตอนแรก
หยิ่งดูวิชาการสุดๆ แต่พอมารู้จักดีๆผม
โครตบ้าบอคอแตก 555 ถึงจะเป็นแบบนี้แต่ผมก็เป็นที่รู้จักนิดๆนะครับ ^_^
ในตอนแรกที่ผมเห็นมันคงจะเป็นวันรับน้องใหม่ล่ะมั้ง จำได้คร่าวว่าวันนั้นมันทำอะไรนี่แหละทำให้คนทั้งโรงเรียนขำกับท่าทางมันเช่นเดียวกับผมที่หัวเราะกับความกวนประสาทในน้ำเสียงและหน้าตามัน แต่นั่นก็ยังไม่ใช่จุดที่ผมสนใจมันหรอกนะ!
ก่อนหน้านี้จุดๆนั้นมันผมก็เคยปะหน้าและคุยกับมันไม่กี่ประโยค มันคงจะมาเริ่มในวันกิจกรรมโรงเรียน เป็นวันที่โรงเรียนเต็มไปด้วยงานในขณะเดียวกันห้องผมมันดันเป็นห้องประธานด้วยเนี่ยสิ ผมก็ดันเป็นเด็กชอบโดดซะด้วยสิ 555 ในเวลากำลังยกกล่องน้ำก็ดันเหลือบไปเห็นมันเดินเข้าไปห้องคหกรรมพอดี แล้วจู่ๆขาผมมันก็เป็นอะไรไม่รู้จัดการเดินตามหลังมันไปเองในทันที
วรนุช! พอผมเดินตามมันไปก็พบกับมันและห้องมันกับครูประจำห้องอีกหนึ่งคนเลยขอครูมาหลบงานอยู่ในนี้ ครูก็อนุญาตและผมก็ไปช่วยพวกมันทำขนมและซื้อมากินเพราะมันหอมดี ในตอนแรกผมกะจะขอทำขนมเสร็จแล้วค่อยนั่งเล่นโทรศัพท์เฉยๆ แต่ด้วยสายตาคนเผือก(?) ก็ดันเหลือบอีกละไปเห็นมันกำลังทำความสะอาดห้องให้ครู
‘ให้พี่ช่วยไหม?’
มันก็หันหน้ามามองด้วยหน้างง ‘...งั้นพี่ล้างจานนะครับ’
ผมก็นึกว่าจานมันมีแค่นิดเดียวแต่ที่ไหนได้โครตพ่อโครตแม่เยอะเลยครับ! ตอนแรกอ่ะมันไม่เยอะอะไรหรอกแต่บักห่านี่
เล่นยกมาให้เรื่อยๆ แต่ละใบก็โครตจะเปื้อนจนอยากตะโกนถามครู ‘ครูเคยทำความสะอาดห้องไหมครับ!!!’ ผมใช้เวลาพอสมควรกับการล้างจานและในขณะนั้นก็เปิดเพลง ‘sakurane’ ฟังด้วยความมันส์ มันก็เดินมาและถาม
‘พี่แปลออกด้วยเหรอ?’
‘เออ ฉลาดพอ’
มันก็หัวเราะร่วนแล้วก็เข้าไปทำงานต่อ พอผมจัดการยกจานที่ล้างนั้นเข้าไปในห้องก็ต้องไปช่วยเช็ดคราบดำตามผนังในห้อง มันก็หนีไปกวาดถูห้อง(-คนดีเอ๊ย!!!) เสร็จงานผมก็มานั่งอยู่ข้างกันและถามนู่นถามนี่ไปเรื่อยจนคิดว่างานจบแล้ว หูผมได้ยินครูพูดว่าให้นักเรียนมารับอาหารและไอศกรีมได้ ผมก็รีบลุกขึ้นและถามครูว่าครูจะเอาอะไรไหมครับ และก็หันมาถามมันว่าจะเอาไอติมไหม
‘เอาไอติมเปล่า? รึไม่กินของหวาน’
มันเงยหน้าขึ้นมายิ้ม ‘สักนิดก็ได้ครับ’
น่ารักแอนิมอล...
พอผมกินเสร็จพวกเพื่อนก็มาตามให้ช่วยล้างจาน...ก็ที่ห้องนั่นแหละแต่เพิ่มด้วยจานที่เยอะกว่าเดิม เฮ้อ... ผมกับพวกเพื่อนก็ล้างจานกันอยู่ดีๆ-นี่ก็ดันเข้ามาช่วยงาน และก็พูดเล่นกับเพื่อนผู้หญิงผม มันพูดภาษาอะไรไม่รู้แปลไม่ออก 555 แต่ยังดีมีล่าม(เพื่อน)แปลให้ กว่าจะเก็จเหน็บก็กินประสาท
สำเร็จเสร็จงานก็เป็นเวลาเที่ยงๆกว่าได้เวลากินข้าวมัน มันบอกจะไปเข้าห้องน้ำผมก็เดินตามหลังมันไปและเปลี่ยนไปซื้อไอติมแท่งมากินแทน เพราะผมไม่ชอบเข้าห้องน้ำพร้อมกับผู้ชายคนอื่นอ่ะครับไม่รู้ทำไม 555 อายที่จะกลัวโดนเห็น...ล่ะมั้ง และผมไม่อยากมีอารมณ์แอบมอง-นั่นของมันด้วย >///<
ผมกัดไอติมไปตามทางและเดินตามหลังมันไปจนกลับไปห้องคหกรรมอีก มันก็ชวนนั่งและแกะกล่องข้าวพร้อมกับชวนผมกิน มันบอก ‘ผมทำเอง’ แต่ผมปฏิเสธเพราะผมอิ่มและกิน-อันที่อยู่ตรงหน้าไม่เป็น ไม่รู้ว่าเรียกอะไรลืม 555
‘พี่ชอบกิน(เมนูที่ชอบ)ว่ะ’
‘เดี๋ยววันหลังผมทำให้กิน’
…>///< งื้อๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
มันกินเสร็จก็เก็บกล่องข้าวลงกระเป๋า ส่วนผมก็นึกไอเดีย(ชั่วๆ)ขึ้นมาได้ด้วยการขอ Fackbook รุ่นน้องในห้องจนหมดส่วนมันเป็นคนสุดท้ายที่ขอ เพราะไม่ต้องการให้มันคิดอะไรซึ่งก็เป็นไปตามแผน 55555555555555 ตอนตกเย็นก็ไม่มีอะไรมากก็แค่เดินเอาขยะไปทิ้งและคุยอะไรกันนิดหน่อย แล้วก็เดินไปส่งมันที่โรงรถ
จัดการตามแผนเสร็จสรรพพอตกกลางคืนด้วยความ-(?) ก็จัดการทักไปหาอย่างรวดเร็วเลยครับ แต่กว่ามันจะตอบก็เกือบหลับเพราะมันกินหมูกระทะกับครอบครัว หลังจากนั้นผมก็ทักไปหามันทุกๆวันทุกๆคืน จนเริ่มมั่นใจว่าผมต้องการจริงจังกับผู้ชายคนนี้ ในระหว่างนั้นผมได้แอบมองโต๊ะเรียนของมันเพื่อการนำของมาให้
ไม่ใช่พวกตุ๊กตาหรอกนะครับส่วนใหญ่จะเป็นของกินซะมากกว่า 555 ทั้งผลไม้ ขนม หรือซูซิผมก็เปย์ให้หมดอ่ะ(เพิ่งรู้ว่าตัวเองเป็นสายเปย์ก็ปีนั้นแหละครับ) จนวันหนึ่งไม่สามารถเก็บอารมณ์ความรู้สุกนั่นได้แล้วครับก็เลยทักมันไป
‘เฮ้! พี่มีความรักว่ะ”
‘จริงรึพี่? ใครอ่ะ’
ก็คุณ-ไงครับ...
‘แต่ความรักของพี่มันเป็นบาปจนเกินอภัย’
‘ความรักไม่มีอะไรที่ผิดนี่ครับ’
‘แต่ว่ามันผิด’
‘มันผิดยังไงครับ?’
‘ก็คนที่พี่ชอบมันคือนายไง...’
มันอ่านและก็เงียบไปสักพักก่อนจะตอบกลับมาว่า ‘...บ้า อย่ามาล้อเล่นกับผมแบบนี้นะ’
‘ฝันดี’
‘เดี๋ยวสิพี่!’
ช่วงนั้นเป็นวันหยุดผมยังคงทักไปตามปกติทุกๆวันแต่ครั้งนี้มันแตกต่างไปเพราะมันไม่ยอมตอบอะไรผมเลยแม้แต่น้อย ทำเพียงแค่อ่านเฉย ผมเลยจำใจต้องยอมพิมพ์ไปหามันว่าพี่ล้อเล่น มันเลยพิมพ์ตอบกลับมาว่าวันหลังอย่ามาล้อเล่นอะไรแบบนี้อีกนะไม่งั้นผมโกรธจริงๆแน่ ผมก็ตอบเออตามปกติแต่ในใจนี่สิแสนจะเจ็บปวด...
ผมทักไปหามันน้อยลงเพื่อรักษาระยะห่างของผมกับมันแต่ทำยังไงผมก็ลืมมันไม่ได้ จนในที่สุดผมก็ทะลึ่งเอาของขวัญเป็นช่อดอกไม้ทำมือไปยัดในกระเป๋ามันในวันเกิดของมัน นั่นแหละที่ผมเจ็บจนร้องไห้ มันพิมพ์มาบอกผมว่า
‘ของขวัญนี่แค่คำว่าพี่น้องกันใช่ไหมครับ? ถ้ามันใช่ผมก็พอจะรับไว้ได้ แต่ถ้านอกเหนือจากนั้นผมไม่รับ ศาสนาผมเขาให้แต่งงานเพียงแค่ครั้งเดียวและไม่อนุญาตให้เพศเดียวกันเขาคบกัน แม่ผมด่าผมมากวันนี้’
…เจ็บวนนุชๆ
หลังจากนั้นผมต้องใช้เวลาทำใจไปหลายเดือนและไม่กล้าทักไป หน้าผมก็ไม่กล้ามอง มันเดินมาทางไหนผมก็จะต้องรีบวิ่งหลบไปอีกทางแต่ก็ยังมีใจกลับพิมไปหามันว่า ‘พี่เห็นว่านายชอบดอกกุหลาบเลยเอาไปให้เพราะไม่รู้จะให้ใคร’ และปฏิญาณกับตัวไว้ว่าจะตัดใจจากมันให้ได้ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆเลย...
ผ่านมาอีกปีหนึ่งเป็นปีสุดท้ายของผม ในช่วงทำใจได้ก็มีหน้ากลับไปทักมัน แต่เพื่อนสนิทมันบอกว่าเฟสมันโดนสแปมเลยห่างกันอีก แล้วผมก็ได้เฟสใหม่มันมา แต่ไม่ได้คุยอะไรกันหรอกครับ เฮ้อเศร้า...
ทุกๆวันก็ได้แค่มองมันจากไกลๆ อยากคุยแต่ไม่กล้าเดินเข้าไปหา อยากเหลือเกินแต่ก็เหมือนมีบางอย่างห้ามผมเอาไว้จนมาถึงเหตุการณ์ล่าสุดนี้...
ขอทำใจแปปนะฮะคือมันฟินมากกกกกกก >///<
มันกิจกรรมโรงเรียนกลับมาอีกครั้ง และวันนี้แหละผมตั้งสินใจว่าจะเอาของขวัญให้มันเป็นชิ้นสุดท้ายเพื่อบอกลา เพื่อตัดใจ และเพื่อลาขาด ผมเดินไปนัดเวลากับมันว่าเสร็จงานแล้วช่วยมาคุยกันหน่อย มันก็ตอบตกลงด้วยสีหน้าปกติเหมือนกับว่าเราสองคนก็เคยกันตามปกติ...
และแล้วช่วงเวลานั้นก็มาถึง ผมมองหามันรอบโรงเรียนแต่ไม่เจอจนกระทั่งผมมีลางสังหรณ์บางอย่างมันกระตุ้นให้ผมวิ่งไปที่หน้าโรงเรียน ซึ่งผมก็คิดถูก...ผมเห็นมันกำลังเข็นรถกำลังจะออกไปจากโรงเรียน นั่นแหละครับสปีด 4x100
ผมวิ่งไปหามันด้วยความเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้และปรากฏว่าต้องไปหอบแฮกๆอย่างกับหมาขาดน้ำต่อหน้ามัน...น่าอายชะมัด บัดxบจริงๆชีวิตตูที่ต้องวิ่งมาหาผู้ชาย T///T ทั้งอาย ทั้งเขิน ทั้งโมโหและทั้งรัก...
‘วิ่งมาขนาดนี้เหนื่อยไหมพี่ 555’
‘ยังจะถามอีกหรอ’ผมหอบไปสักแปปแล้วเงยหน้าขึ้นมา
-วรนุชเอ๊ยหล่อแอนิมอลๆจริงๆนะ-เนี่ย >///<
‘ดอกไม้นี่พี่ให้ได้รึเปล่า...’
ผมต้องถามมันก่อนเพราะเมื่อปีก่อนผมเคยให้ดอกไม้กับมัน แล้วดูสิ่งที่มันตอบผมกลับมาสิ...
‘ได้ครับ’
ฮะ!? หูกูเพี้ยนป่ะ?
ผมยื่นดอกไม้ให้มันล้วมันก็ทำท่าจะติดเครื่องรถผมเลยค้าเอาไว้ก่อน
‘'มยื่นดอกไม้ให้มันล้วมันก็ทำท่าจะติดเครื่องรถผมเลยค้าเอาไว้ก่อน
ี่มันตอบผมกลับมาสิ...
แล้วก็มีนี่ด้วย’
ผมเปิดกระเป๋าเอารูปที่วาดเองให้มันไป มันก็เอาสอดดอกไม้กระดาของผมไว้กับยางของรูปวาด ผมก็คว้าของขวัญชิ้นใหญ่ออกมาอีกจากกระเป๋า(ผมล่ะรักกระเป๋าใบนี้จริงๆ ยัดอะไรเข้าไปก็รับได้ทุกอย่าง…)
‘โ..ก็คว้าของขวัญชิ้นใหญ่ออกมาอีกจากกระเป๋า(ผมล่ะรักกระเป๋าใบนี้จริงๆ ยัดอะไรเข้าไปก็รับได้ทุกอย่างห! เยอะจังพี่’
‘ในนี้มีอยู่ 4 อย่างนะ ข้อสอบ TCAS ที่นายต้องเจอ สรุปภาษาไทย แล้วก็สอบเข้าครู’
‘ขอบคุณครับ’ผมรับไปในขณะที่ผมก้มหน้างุด
‘คือพี่…’
‘???’
‘คือแบบว่า…’
‘ครับ…’
‘คือ...’
วรนุชเมื่อไหร่กูจะพูดออกไปวะ!?
‘อะไรครับ?’
‘พี่ชอบนายนะ!!!’
Eแอนิมอลกูพูดไปแล้ววววววววววววว!!!!!!!
‘รู้แล้วครับ’
‘ฮะ!?’
มันไม่ตอบคำถามแต่มันก็ขึ้นคร่อมรถและพูดอวยพรให้ผมในวันปีใหม่ ผมก็โบกมือลาแล้วบอกโชคดีตามมารยาทก่อนที่มันจะขับรถออกไป ต่อจากนั้นคือผมงี้โครตอายและเขินรีบวิ่งกลับเข้าในโรงเรียน
‘ฮิ้วๆ อะไรน่ะพี่’รุ่นน้องที่รู้จักทักผม
‘ฮิ้ววรนุชอะไรล่ะ >///<’
‘ผมถ่ายภาพไว้ด้วยนะเว้ย’
‘-แอนิมอล!!!’
ผมต่อยท้อง-เด็กนี่ไปหนึ่งทีโทษฐานทำให้ผมเขินคือ-เด็กนี้มันก็รู้อ่ะครับว่าผมชอบมันแล้วมันก็ชอบแซวและโชว์ภาพที่ถ่ายให้ผมดู อื้อหื้อ! แล้วเพื่อนมันก็เดินมาแต่มันไม่รู้เรื่อง ผมก็เดินบิดตัวไปมาด้วยความเขินและความโล่ง -ห่าเอ๊ย! กูอุตสาห์จะให้วันนี้เป็นวันบอกลา -ทำแบบนี้-ให้ความหวังกูทางอ้อมนะ-ห่าเอ๊ย! >///<
หลังจากกลับมาจากโรงเรียนผมก็ทำงานบ้านไปไม่สนใจอะไรแต่ในหัวก็นึกถึงแต่มัน แล้วเข้าไปอาบน้ำล้างภาพมันในสมองออกไปไกลๆ พอเปิดประตูออกมาก็เจอถุงใบใหญ่วางอยู่ก็ถามแม่ว่ามันคืออะไร
‘เด็กคนนั้นเอามาให้ตอนเข้าไปอาบน้ำน่ะ’
‘ฮะ!?’
…………….อ้ากกกกกกกก >///<
‘เขาบอกว่าลูกเอาของไปให้เขาเยอะแล้ว แม่ของเขาบอกว่ามีเยอะเลยให้เอามาฝาก’
วรนุช แอนิบอล ห่าราก ผีบ้า
ในหัวของผมตอนนั้นต่างคิดคำด่าสารพัดออกมาและมองถุงใหญ่ๆนั้นด้วยความเขินที่มีหน้าของมันติดอยู่ ซาตานช่วยด้วย! มันให้ความหวังกูรึเปล่าว้า!!!
จบครับ!!!
เอาล่ะมาคุยกันหน่อยเถอะนะครับ -คำว่า ‘รู้แล้ว’ นั่นมันหมายความว่าอะไรครับ? คือมาลองนึกย้อนดูดีๆ ถ้ามันไม่ชอบผู้ชาย ศาสนาและแม่ห้าม ทำไมมันถึงไม่พูดว่าไม่ชอบผมตรงๆเลยล่ะครับ เพราะความเกรงใจอย่างนั้นเหรอ? และผมไม่รู้ด้วยครับว่าจตอนมันพูดมันยิ้มรึเปล่า เพราะแฟนเก่าเพื่อนมันบอกว่าถ้ามันยิ้มมีโอกาสสูงที่มันจะคิด
เดี๋ยวต้องใส่ต่อถ้ามีคนสนใจนะครับ
ผมแอบชอบรุ่นน้องผู้ชายครับ...ผมไม่รู้ว่าประโยคนั้นมันหมายความว่าอะไร
ขอเกริ่นก่อนเลยนะครับผมเป็นนักเรียนคนหนึ่งในจังหวัดกรุงเทพ ผมไม่มั่นใจว่าตัวเองเป็น เกย์ รึเปล่าแต่โดยปกติชีวิตผมก็มันจะอยู่กับผู้หญิงซะส่วนใหญ่ ตั้งแต่ทางบ้านที่ส่วนใหญ่มีแต่ผู้หญิงและที่โรงเรียนส่วนมากก็จะคลุกคลีกับผู้หญิงเป็นส่วนมากตั้งแต่อนุบาลยังมัธยมปลาย สมัยประถมผมก็เคยแอบชอบผู้หญิงมาสองคน พอขึ้นมามัธยมต้นก็มีแฟนเป็นผู้หญิงอีกหนึ่งคน ก็คนมันหล่ออ่ะครับ =w=(!)
อ่ะๆมาต่อกัน หน้าตาผมก็ออกเป็นแนวตี๋ๆตาตีบส่วนสูงก็เกือบมาตรฐาทั่วไปคือ 173 เซนติเมตร และมีจุดที่ผมยังคงงงอยู่มาจนถึงปัจจุบันคือคนส่วนใหญ่บอกว่าหน้าตาผมมันออกเบนเข็มไปทางคำว่า ‘น่ารัก’ ซะมากกว่า ‘หล่อ’ พวกผู้หญิงในห้องมันก็เคยบอกว่าถ้าจับผมแต่งหญิงคงออกมาสวยหน้าดู T^T และแฟนเพื่อนที่เป็นผู้ชายมันก็บอกว่าผม ‘เธอสวยนะ’…อยากถีบมัน ด้วยความเป็นคนดีก็เลยตอบกลับไปเบาๆว่า ‘สวยวรนุชอะไรล่ะ’
ส่วนรุ่นน้องที่ผมแอบชอบมันก็สูงพอๆกับผมนี่แหละ แต่ผิวมันคล้ำเข้ม มันเป็นพวกดูแล้วสู้ชีวิตอ่ะครับ ได้ยินมาว่าครอบครัวมันฐานะไม่เข้าดีเท่าไหร่เลยต้องกลับบ้านเร็วและเข้าโรงเรียนเกือบสาย(เช่นเดียวกับผมที่รถโครตช้า...) ก็เลยปะหน้ากันบ่อยๆ ผมเป็นคนมองมันฝ่ายเดียวเองแหละ 555 นิสัยมันร่ารักดีครับ คุยง่าย ยิ้มเก่ง หัวเราะ หล่อ กวนประสาท ไม่แปลกทำไมคนส่วนใหญ่ชอบมัน
แตกต่างจากผมที่ทุกคนบอกว่าตอนแรกหยิ่งดูวิชาการสุดๆ แต่พอมารู้จักดีๆผมโครตบ้าบอคอแตก 555 ถึงจะเป็นแบบนี้แต่ผมก็เป็นที่รู้จักนิดๆนะครับ ^_^
ในตอนแรกที่ผมเห็นมันคงจะเป็นวันรับน้องใหม่ล่ะมั้ง จำได้คร่าวว่าวันนั้นมันทำอะไรนี่แหละทำให้คนทั้งโรงเรียนขำกับท่าทางมันเช่นเดียวกับผมที่หัวเราะกับความกวนประสาทในน้ำเสียงและหน้าตามัน แต่นั่นก็ยังไม่ใช่จุดที่ผมสนใจมันหรอกนะ!
ก่อนหน้านี้จุดๆนั้นมันผมก็เคยปะหน้าและคุยกับมันไม่กี่ประโยค มันคงจะมาเริ่มในวันกิจกรรมโรงเรียน เป็นวันที่โรงเรียนเต็มไปด้วยงานในขณะเดียวกันห้องผมมันดันเป็นห้องประธานด้วยเนี่ยสิ ผมก็ดันเป็นเด็กชอบโดดซะด้วยสิ 555 ในเวลากำลังยกกล่องน้ำก็ดันเหลือบไปเห็นมันเดินเข้าไปห้องคหกรรมพอดี แล้วจู่ๆขาผมมันก็เป็นอะไรไม่รู้จัดการเดินตามหลังมันไปเองในทันที
วรนุช! พอผมเดินตามมันไปก็พบกับมันและห้องมันกับครูประจำห้องอีกหนึ่งคนเลยขอครูมาหลบงานอยู่ในนี้ ครูก็อนุญาตและผมก็ไปช่วยพวกมันทำขนมและซื้อมากินเพราะมันหอมดี ในตอนแรกผมกะจะขอทำขนมเสร็จแล้วค่อยนั่งเล่นโทรศัพท์เฉยๆ แต่ด้วยสายตาคนเผือก(?) ก็ดันเหลือบอีกละไปเห็นมันกำลังทำความสะอาดห้องให้ครู
‘ให้พี่ช่วยไหม?’
มันก็หันหน้ามามองด้วยหน้างง ‘...งั้นพี่ล้างจานนะครับ’
ผมก็นึกว่าจานมันมีแค่นิดเดียวแต่ที่ไหนได้โครตพ่อโครตแม่เยอะเลยครับ! ตอนแรกอ่ะมันไม่เยอะอะไรหรอกแต่บักห่านี่เล่นยกมาให้เรื่อยๆ แต่ละใบก็โครตจะเปื้อนจนอยากตะโกนถามครู ‘ครูเคยทำความสะอาดห้องไหมครับ!!!’ ผมใช้เวลาพอสมควรกับการล้างจานและในขณะนั้นก็เปิดเพลง ‘sakurane’ ฟังด้วยความมันส์ มันก็เดินมาและถาม
‘พี่แปลออกด้วยเหรอ?’
‘เออ ฉลาดพอ’
มันก็หัวเราะร่วนแล้วก็เข้าไปทำงานต่อ พอผมจัดการยกจานที่ล้างนั้นเข้าไปในห้องก็ต้องไปช่วยเช็ดคราบดำตามผนังในห้อง มันก็หนีไปกวาดถูห้อง(-คนดีเอ๊ย!!!) เสร็จงานผมก็มานั่งอยู่ข้างกันและถามนู่นถามนี่ไปเรื่อยจนคิดว่างานจบแล้ว หูผมได้ยินครูพูดว่าให้นักเรียนมารับอาหารและไอศกรีมได้ ผมก็รีบลุกขึ้นและถามครูว่าครูจะเอาอะไรไหมครับ และก็หันมาถามมันว่าจะเอาไอติมไหม
‘เอาไอติมเปล่า? รึไม่กินของหวาน’
มันเงยหน้าขึ้นมายิ้ม ‘สักนิดก็ได้ครับ’
น่ารักแอนิมอล...
พอผมกินเสร็จพวกเพื่อนก็มาตามให้ช่วยล้างจาน...ก็ที่ห้องนั่นแหละแต่เพิ่มด้วยจานที่เยอะกว่าเดิม เฮ้อ... ผมกับพวกเพื่อนก็ล้างจานกันอยู่ดีๆ-นี่ก็ดันเข้ามาช่วยงาน และก็พูดเล่นกับเพื่อนผู้หญิงผม มันพูดภาษาอะไรไม่รู้แปลไม่ออก 555 แต่ยังดีมีล่าม(เพื่อน)แปลให้ กว่าจะเก็จเหน็บก็กินประสาท
สำเร็จเสร็จงานก็เป็นเวลาเที่ยงๆกว่าได้เวลากินข้าวมัน มันบอกจะไปเข้าห้องน้ำผมก็เดินตามหลังมันไปและเปลี่ยนไปซื้อไอติมแท่งมากินแทน เพราะผมไม่ชอบเข้าห้องน้ำพร้อมกับผู้ชายคนอื่นอ่ะครับไม่รู้ทำไม 555 อายที่จะกลัวโดนเห็น...ล่ะมั้ง และผมไม่อยากมีอารมณ์แอบมอง-นั่นของมันด้วย >///<
ผมกัดไอติมไปตามทางและเดินตามหลังมันไปจนกลับไปห้องคหกรรมอีก มันก็ชวนนั่งและแกะกล่องข้าวพร้อมกับชวนผมกิน มันบอก ‘ผมทำเอง’ แต่ผมปฏิเสธเพราะผมอิ่มและกิน-อันที่อยู่ตรงหน้าไม่เป็น ไม่รู้ว่าเรียกอะไรลืม 555
‘พี่ชอบกิน(เมนูที่ชอบ)ว่ะ’
‘เดี๋ยววันหลังผมทำให้กิน’
…>///< งื้อๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
มันกินเสร็จก็เก็บกล่องข้าวลงกระเป๋า ส่วนผมก็นึกไอเดีย(ชั่วๆ)ขึ้นมาได้ด้วยการขอ Fackbook รุ่นน้องในห้องจนหมดส่วนมันเป็นคนสุดท้ายที่ขอ เพราะไม่ต้องการให้มันคิดอะไรซึ่งก็เป็นไปตามแผน 55555555555555 ตอนตกเย็นก็ไม่มีอะไรมากก็แค่เดินเอาขยะไปทิ้งและคุยอะไรกันนิดหน่อย แล้วก็เดินไปส่งมันที่โรงรถ
จัดการตามแผนเสร็จสรรพพอตกกลางคืนด้วยความ-(?) ก็จัดการทักไปหาอย่างรวดเร็วเลยครับ แต่กว่ามันจะตอบก็เกือบหลับเพราะมันกินหมูกระทะกับครอบครัว หลังจากนั้นผมก็ทักไปหามันทุกๆวันทุกๆคืน จนเริ่มมั่นใจว่าผมต้องการจริงจังกับผู้ชายคนนี้ ในระหว่างนั้นผมได้แอบมองโต๊ะเรียนของมันเพื่อการนำของมาให้
ไม่ใช่พวกตุ๊กตาหรอกนะครับส่วนใหญ่จะเป็นของกินซะมากกว่า 555 ทั้งผลไม้ ขนม หรือซูซิผมก็เปย์ให้หมดอ่ะ(เพิ่งรู้ว่าตัวเองเป็นสายเปย์ก็ปีนั้นแหละครับ) จนวันหนึ่งไม่สามารถเก็บอารมณ์ความรู้สุกนั่นได้แล้วครับก็เลยทักมันไป
‘เฮ้! พี่มีความรักว่ะ”
‘จริงรึพี่? ใครอ่ะ’
ก็คุณ-ไงครับ...
‘แต่ความรักของพี่มันเป็นบาปจนเกินอภัย’
‘ความรักไม่มีอะไรที่ผิดนี่ครับ’
‘แต่ว่ามันผิด’
‘มันผิดยังไงครับ?’
‘ก็คนที่พี่ชอบมันคือนายไง...’
มันอ่านและก็เงียบไปสักพักก่อนจะตอบกลับมาว่า ‘...บ้า อย่ามาล้อเล่นกับผมแบบนี้นะ’
‘ฝันดี’
‘เดี๋ยวสิพี่!’
ช่วงนั้นเป็นวันหยุดผมยังคงทักไปตามปกติทุกๆวันแต่ครั้งนี้มันแตกต่างไปเพราะมันไม่ยอมตอบอะไรผมเลยแม้แต่น้อย ทำเพียงแค่อ่านเฉย ผมเลยจำใจต้องยอมพิมพ์ไปหามันว่าพี่ล้อเล่น มันเลยพิมพ์ตอบกลับมาว่าวันหลังอย่ามาล้อเล่นอะไรแบบนี้อีกนะไม่งั้นผมโกรธจริงๆแน่ ผมก็ตอบเออตามปกติแต่ในใจนี่สิแสนจะเจ็บปวด...
ผมทักไปหามันน้อยลงเพื่อรักษาระยะห่างของผมกับมันแต่ทำยังไงผมก็ลืมมันไม่ได้ จนในที่สุดผมก็ทะลึ่งเอาของขวัญเป็นช่อดอกไม้ทำมือไปยัดในกระเป๋ามันในวันเกิดของมัน นั่นแหละที่ผมเจ็บจนร้องไห้ มันพิมพ์มาบอกผมว่า
‘ของขวัญนี่แค่คำว่าพี่น้องกันใช่ไหมครับ? ถ้ามันใช่ผมก็พอจะรับไว้ได้ แต่ถ้านอกเหนือจากนั้นผมไม่รับ ศาสนาผมเขาให้แต่งงานเพียงแค่ครั้งเดียวและไม่อนุญาตให้เพศเดียวกันเขาคบกัน แม่ผมด่าผมมากวันนี้’
…เจ็บวนนุชๆ
หลังจากนั้นผมต้องใช้เวลาทำใจไปหลายเดือนและไม่กล้าทักไป หน้าผมก็ไม่กล้ามอง มันเดินมาทางไหนผมก็จะต้องรีบวิ่งหลบไปอีกทางแต่ก็ยังมีใจกลับพิมไปหามันว่า ‘พี่เห็นว่านายชอบดอกกุหลาบเลยเอาไปให้เพราะไม่รู้จะให้ใคร’ และปฏิญาณกับตัวไว้ว่าจะตัดใจจากมันให้ได้ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆเลย...
ผ่านมาอีกปีหนึ่งเป็นปีสุดท้ายของผม ในช่วงทำใจได้ก็มีหน้ากลับไปทักมัน แต่เพื่อนสนิทมันบอกว่าเฟสมันโดนสแปมเลยห่างกันอีก แล้วผมก็ได้เฟสใหม่มันมา แต่ไม่ได้คุยอะไรกันหรอกครับ เฮ้อเศร้า...
ทุกๆวันก็ได้แค่มองมันจากไกลๆ อยากคุยแต่ไม่กล้าเดินเข้าไปหา อยากเหลือเกินแต่ก็เหมือนมีบางอย่างห้ามผมเอาไว้จนมาถึงเหตุการณ์ล่าสุดนี้...
ขอทำใจแปปนะฮะคือมันฟินมากกกกกกก >///<
มันกิจกรรมโรงเรียนกลับมาอีกครั้ง และวันนี้แหละผมตั้งสินใจว่าจะเอาของขวัญให้มันเป็นชิ้นสุดท้ายเพื่อบอกลา เพื่อตัดใจ และเพื่อลาขาด ผมเดินไปนัดเวลากับมันว่าเสร็จงานแล้วช่วยมาคุยกันหน่อย มันก็ตอบตกลงด้วยสีหน้าปกติเหมือนกับว่าเราสองคนก็เคยกันตามปกติ...
และแล้วช่วงเวลานั้นก็มาถึง ผมมองหามันรอบโรงเรียนแต่ไม่เจอจนกระทั่งผมมีลางสังหรณ์บางอย่างมันกระตุ้นให้ผมวิ่งไปที่หน้าโรงเรียน ซึ่งผมก็คิดถูก...ผมเห็นมันกำลังเข็นรถกำลังจะออกไปจากโรงเรียน นั่นแหละครับสปีด 4x100
ผมวิ่งไปหามันด้วยความเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้และปรากฏว่าต้องไปหอบแฮกๆอย่างกับหมาขาดน้ำต่อหน้ามัน...น่าอายชะมัด บัดxบจริงๆชีวิตตูที่ต้องวิ่งมาหาผู้ชาย T///T ทั้งอาย ทั้งเขิน ทั้งโมโหและทั้งรัก...
‘วิ่งมาขนาดนี้เหนื่อยไหมพี่ 555’
‘ยังจะถามอีกหรอ’ผมหอบไปสักแปปแล้วเงยหน้าขึ้นมา
-วรนุชเอ๊ยหล่อแอนิมอลๆจริงๆนะ-เนี่ย >///<
‘ดอกไม้นี่พี่ให้ได้รึเปล่า...’
ผมต้องถามมันก่อนเพราะเมื่อปีก่อนผมเคยให้ดอกไม้กับมัน แล้วดูสิ่งที่มันตอบผมกลับมาสิ...
‘ได้ครับ’
ฮะ!? หูกูเพี้ยนป่ะ?
ผมยื่นดอกไม้ให้มันล้วมันก็ทำท่าจะติดเครื่องรถผมเลยค้าเอาไว้ก่อน
‘'มยื่นดอกไม้ให้มันล้วมันก็ทำท่าจะติดเครื่องรถผมเลยค้าเอาไว้ก่อน
ี่มันตอบผมกลับมาสิ...
แล้วก็มีนี่ด้วย’
ผมเปิดกระเป๋าเอารูปที่วาดเองให้มันไป มันก็เอาสอดดอกไม้กระดาของผมไว้กับยางของรูปวาด ผมก็คว้าของขวัญชิ้นใหญ่ออกมาอีกจากกระเป๋า(ผมล่ะรักกระเป๋าใบนี้จริงๆ ยัดอะไรเข้าไปก็รับได้ทุกอย่าง…)
‘โ..ก็คว้าของขวัญชิ้นใหญ่ออกมาอีกจากกระเป๋า(ผมล่ะรักกระเป๋าใบนี้จริงๆ ยัดอะไรเข้าไปก็รับได้ทุกอย่างห! เยอะจังพี่’
‘ในนี้มีอยู่ 4 อย่างนะ ข้อสอบ TCAS ที่นายต้องเจอ สรุปภาษาไทย แล้วก็สอบเข้าครู’
‘ขอบคุณครับ’ผมรับไปในขณะที่ผมก้มหน้างุด
‘คือพี่…’
‘???’
‘คือแบบว่า…’
‘ครับ…’
‘คือ...’
วรนุชเมื่อไหร่กูจะพูดออกไปวะ!?
‘อะไรครับ?’
‘พี่ชอบนายนะ!!!’
Eแอนิมอลกูพูดไปแล้ววววววววววววว!!!!!!!
‘รู้แล้วครับ’
‘ฮะ!?’
มันไม่ตอบคำถามแต่มันก็ขึ้นคร่อมรถและพูดอวยพรให้ผมในวันปีใหม่ ผมก็โบกมือลาแล้วบอกโชคดีตามมารยาทก่อนที่มันจะขับรถออกไป ต่อจากนั้นคือผมงี้โครตอายและเขินรีบวิ่งกลับเข้าในโรงเรียน
‘ฮิ้วๆ อะไรน่ะพี่’รุ่นน้องที่รู้จักทักผม
‘ฮิ้ววรนุชอะไรล่ะ >///<’
‘ผมถ่ายภาพไว้ด้วยนะเว้ย’
‘-แอนิมอล!!!’
ผมต่อยท้อง-เด็กนี่ไปหนึ่งทีโทษฐานทำให้ผมเขินคือ-เด็กนี้มันก็รู้อ่ะครับว่าผมชอบมันแล้วมันก็ชอบแซวและโชว์ภาพที่ถ่ายให้ผมดู อื้อหื้อ! แล้วเพื่อนมันก็เดินมาแต่มันไม่รู้เรื่อง ผมก็เดินบิดตัวไปมาด้วยความเขินและความโล่ง -ห่าเอ๊ย! กูอุตสาห์จะให้วันนี้เป็นวันบอกลา -ทำแบบนี้-ให้ความหวังกูทางอ้อมนะ-ห่าเอ๊ย! >///<
หลังจากกลับมาจากโรงเรียนผมก็ทำงานบ้านไปไม่สนใจอะไรแต่ในหัวก็นึกถึงแต่มัน แล้วเข้าไปอาบน้ำล้างภาพมันในสมองออกไปไกลๆ พอเปิดประตูออกมาก็เจอถุงใบใหญ่วางอยู่ก็ถามแม่ว่ามันคืออะไร
‘เด็กคนนั้นเอามาให้ตอนเข้าไปอาบน้ำน่ะ’
‘ฮะ!?’
…………….อ้ากกกกกกกก >///<
‘เขาบอกว่าลูกเอาของไปให้เขาเยอะแล้ว แม่ของเขาบอกว่ามีเยอะเลยให้เอามาฝาก’
วรนุช แอนิบอล ห่าราก ผีบ้า
ในหัวของผมตอนนั้นต่างคิดคำด่าสารพัดออกมาและมองถุงใหญ่ๆนั้นด้วยความเขินที่มีหน้าของมันติดอยู่ ซาตานช่วยด้วย! มันให้ความหวังกูรึเปล่าว้า!!!
จบครับ!!!
เอาล่ะมาคุยกันหน่อยเถอะนะครับ -คำว่า ‘รู้แล้ว’ นั่นมันหมายความว่าอะไรครับ? คือมาลองนึกย้อนดูดีๆ ถ้ามันไม่ชอบผู้ชาย ศาสนาและแม่ห้าม ทำไมมันถึงไม่พูดว่าไม่ชอบผมตรงๆเลยล่ะครับ เพราะความเกรงใจอย่างนั้นเหรอ? และผมไม่รู้ด้วยครับว่าจตอนมันพูดมันยิ้มรึเปล่า เพราะแฟนเก่าเพื่อนมันบอกว่าถ้ามันยิ้มมีโอกาสสูงที่มันจะคิด
เดี๋ยวต้องใส่ต่อถ้ามีคนสนใจนะครับ