ขอบคุณ
ที่มา TV & RADIO ท้อฟฟี่ แบรดชอว์ NOW & NEXT 2018
เพลิงพระนาง (ช่อง 7)
ความยากของการนำ เพลิงพระนาง กลับมาทำใหม่คือ เวอร์ชันเก่าเมื่อปี 2539 ทำได้ดีงามเหนือกาลเวลา และเป็นหนึ่งในมาสเตอร์พีซของประวัติศาสตร์ละครไทย ทั้งในด้านการสร้างและการแสดงที่นักแสดงทรงพลังกันยกทีม ใครจะไปแสดงได้อย่างพี่เหมียว-ชไมพรกัน จตุรภุช ในบทที่ดีที่สุดในชีวิต งานหนักจึงน่าจะอยู่ที่ อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ ที่มารับบทที่ไม่ได้จะลอยมาให้เล่นกันง่ายๆ แต่ถึงจุดนี้ต้องยืนปรบมือให้อั้มจริงๆ ต้องเรียกว่ามีการระเบิดแสนยานุภาพทางการแสดงให้เห็นกันทุกฉาก แม้กระทั่งฉากที่ต้องปะทะกับพี่เหมียว ชไมพร ก็ไม่โดนฆ่าตายคาจอ เราสัมผัสได้ถึงความแค้นที่อัดอั้นอยู่เต็มอกเจ้านางอนัญทิพย์ ที่พร้อมจะระเบิดออกมาได้ตลอดเวลา อั้มกลายเป็นเจ้านางอนัญทิพย์อย่างสมบูรณ์
นี่เป็นการแสดงที่ดีที่สุดของที่สุดในชีวิตนักแสดงของอั้ม พัชราภา จุดนี้ขอปรบมือให้กับอั้ม พร้อมส่งชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงนำยอดเยี่ยมในปีนี้อย่างไม่มีข้อกังขา ที่สำคัญละครเรื่องนี้น่าจะทำให้คนได้เห็นความสามารถของอั้มในฐานะ ‘นักแสดง’ และสื่อควรจะให้พื้นที่กับอั้มในด้านความสามารถมากกว่าให้พื้นที่เรื่องผู้ชายของเธอ
ด้านการแสดง อีกหนึ่งคนที่ควรได้รับการปรบมือให้ดังๆ คือ กระติ๊บ-ชวัลกร วรรธนพิสิฐกุล ในบทเจ้านางตองนวล ซึ่งแสดงได้ดีเหนือความคาดหมายมาก บทเจ้านางตองนวลเป็นบทที่ยากมาก เพราะทั้งเจ้าเล่ห์ เกรี้ยวกราด หยิ่งยโส ไม่ยอมใคร แต่ก็ต้องเผยความอ่อนไหวได้เช่นกัน และในบางฉากยังต้องอาศัยจังหวะการแสดงที่ดีเพื่อสร้างเสียงหัวเราะได้ ทั้งหมดนี้กระติ๊บทำให้เจ้านางตองนวลเป็นสีสันของเรื่อง และเป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อกับเจ้านางอนัญทิพย์จริงๆ เชื่อว่าชื่อของกระติ๊บจะไปถึงเวทีการประกาศรางวัลแน่นอน
ในเวอร์ชันนี้แก่นเรื่องของความแค้นที่ทำลายทุกสิ่งแม้กระทั้งชาติบ้านเมืองของตัวเองอาจจะถูกสื่อออกมาเบาบางลง แต่แทนที่ด้วยการบริหารความสัมพันธ์ระหว่างคนในวัง
วอร์ชันใหม่นี้ยังเป็นที่พูดถึงตั้งแต่ยังไม่ถ่ายทำด้วยซ้ำ ตั้งแต่เสื้อผ้าที่ตีความใหม่โดยผสมเอาหลายวัฒนธรรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาแทน บวกกับจินตนาการใหม่ บวกกับการตั้งเมืองทิพย์ให้เป็นเมืองสมมติที่ไม่ได้อิงกับประวัติศาสตร์พม่าใดๆ จึงเป็นที่วิจารณ์ในแง่ความถูกต้องทางประวัติศาสตร์ รวมทั้งงานด้านโปรดักชันที่มีเสาไฟโผล่มาบ้าง หรือมีงานศิลปะแบบเมืองสมมติเข้ามาจนสุดแสนจะแฟนตาซี โดยส่วนตัวแล้วผู้เขียนคิดว่าการตีความใหม่เป็นเรื่องน่าสนใจ แต่อยู่ที่การนำเสนอมากกว่าว่าจะไปถึงหรือเปล่า อันนี้อยู่ที่แล้วแต่ใครจะมอง
อีกเรื่องที่ควรได้รับการยกย่องคือเพลงและดนตรีประกอบละครที่เรียบเรียงโดย ทฤษฎี ณ พัทลุง สร้างความยิ่งใหญ่ให้กับละครมากขึ้นกว่าเดิม
ด้วยสเกลของละครเป็นละครที่ยิ่งใหญ่ระดับ Epic Drama ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำละครแบบนี้ขึ้นมาได้ กระนั้น
ต้องยอมรับว่าพลังการแสดงของอั้ม กระติ๊บ และทีมนักแสดง ทำให้ เพลิงพระนาง เวอร์ชัน 2560 เป็นละครอีกเรื่องที่ควรได้รับตำแหน่งละครแห่งปี และเป็นอีกหนึ่งละครรีเมกที่ทำใหม่แล้วไม่ขายหน้า แต่ควรได้รับเสียงชื่นชมจริงๆ
นักเขียนดัง .ท้อฟฟี่ แบรดชอว์ ยกให้ #เพลิงพระนาง เป็นละครแห่งปี และชม อั้ม พัชราภา นี่คือการแสดงที่สุดในชีวิตของอั้ม
เพลิงพระนาง (ช่อง 7)
ความยากของการนำ เพลิงพระนาง กลับมาทำใหม่คือ เวอร์ชันเก่าเมื่อปี 2539 ทำได้ดีงามเหนือกาลเวลา และเป็นหนึ่งในมาสเตอร์พีซของประวัติศาสตร์ละครไทย ทั้งในด้านการสร้างและการแสดงที่นักแสดงทรงพลังกันยกทีม ใครจะไปแสดงได้อย่างพี่เหมียว-ชไมพรกัน จตุรภุช ในบทที่ดีที่สุดในชีวิต งานหนักจึงน่าจะอยู่ที่ อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ ที่มารับบทที่ไม่ได้จะลอยมาให้เล่นกันง่ายๆ แต่ถึงจุดนี้ต้องยืนปรบมือให้อั้มจริงๆ ต้องเรียกว่ามีการระเบิดแสนยานุภาพทางการแสดงให้เห็นกันทุกฉาก แม้กระทั่งฉากที่ต้องปะทะกับพี่เหมียว ชไมพร ก็ไม่โดนฆ่าตายคาจอ เราสัมผัสได้ถึงความแค้นที่อัดอั้นอยู่เต็มอกเจ้านางอนัญทิพย์ ที่พร้อมจะระเบิดออกมาได้ตลอดเวลา อั้มกลายเป็นเจ้านางอนัญทิพย์อย่างสมบูรณ์
นี่เป็นการแสดงที่ดีที่สุดของที่สุดในชีวิตนักแสดงของอั้ม พัชราภา จุดนี้ขอปรบมือให้กับอั้ม พร้อมส่งชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงนำยอดเยี่ยมในปีนี้อย่างไม่มีข้อกังขา ที่สำคัญละครเรื่องนี้น่าจะทำให้คนได้เห็นความสามารถของอั้มในฐานะ ‘นักแสดง’ และสื่อควรจะให้พื้นที่กับอั้มในด้านความสามารถมากกว่าให้พื้นที่เรื่องผู้ชายของเธอ
ด้านการแสดง อีกหนึ่งคนที่ควรได้รับการปรบมือให้ดังๆ คือ กระติ๊บ-ชวัลกร วรรธนพิสิฐกุล ในบทเจ้านางตองนวล ซึ่งแสดงได้ดีเหนือความคาดหมายมาก บทเจ้านางตองนวลเป็นบทที่ยากมาก เพราะทั้งเจ้าเล่ห์ เกรี้ยวกราด หยิ่งยโส ไม่ยอมใคร แต่ก็ต้องเผยความอ่อนไหวได้เช่นกัน และในบางฉากยังต้องอาศัยจังหวะการแสดงที่ดีเพื่อสร้างเสียงหัวเราะได้ ทั้งหมดนี้กระติ๊บทำให้เจ้านางตองนวลเป็นสีสันของเรื่อง และเป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อกับเจ้านางอนัญทิพย์จริงๆ เชื่อว่าชื่อของกระติ๊บจะไปถึงเวทีการประกาศรางวัลแน่นอน
ในเวอร์ชันนี้แก่นเรื่องของความแค้นที่ทำลายทุกสิ่งแม้กระทั้งชาติบ้านเมืองของตัวเองอาจจะถูกสื่อออกมาเบาบางลง แต่แทนที่ด้วยการบริหารความสัมพันธ์ระหว่างคนในวัง
วอร์ชันใหม่นี้ยังเป็นที่พูดถึงตั้งแต่ยังไม่ถ่ายทำด้วยซ้ำ ตั้งแต่เสื้อผ้าที่ตีความใหม่โดยผสมเอาหลายวัฒนธรรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาแทน บวกกับจินตนาการใหม่ บวกกับการตั้งเมืองทิพย์ให้เป็นเมืองสมมติที่ไม่ได้อิงกับประวัติศาสตร์พม่าใดๆ จึงเป็นที่วิจารณ์ในแง่ความถูกต้องทางประวัติศาสตร์ รวมทั้งงานด้านโปรดักชันที่มีเสาไฟโผล่มาบ้าง หรือมีงานศิลปะแบบเมืองสมมติเข้ามาจนสุดแสนจะแฟนตาซี โดยส่วนตัวแล้วผู้เขียนคิดว่าการตีความใหม่เป็นเรื่องน่าสนใจ แต่อยู่ที่การนำเสนอมากกว่าว่าจะไปถึงหรือเปล่า อันนี้อยู่ที่แล้วแต่ใครจะมอง
อีกเรื่องที่ควรได้รับการยกย่องคือเพลงและดนตรีประกอบละครที่เรียบเรียงโดย ทฤษฎี ณ พัทลุง สร้างความยิ่งใหญ่ให้กับละครมากขึ้นกว่าเดิม
ด้วยสเกลของละครเป็นละครที่ยิ่งใหญ่ระดับ Epic Drama ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำละครแบบนี้ขึ้นมาได้ กระนั้น ต้องยอมรับว่าพลังการแสดงของอั้ม กระติ๊บ และทีมนักแสดง ทำให้ เพลิงพระนาง เวอร์ชัน 2560 เป็นละครอีกเรื่องที่ควรได้รับตำแหน่งละครแห่งปี และเป็นอีกหนึ่งละครรีเมกที่ทำใหม่แล้วไม่ขายหน้า แต่ควรได้รับเสียงชื่นชมจริงๆ