เราคงไม่ต้องอธิบายสภาวะอุตสาหกรรมหนังไทยในปี 2560 ให้มากความเลย เอาแค่สั้น ๆ ว่าปีนี้แย่กว่าปีก่อน เพราะไม่ค่อยมีหนังไทยเรื่องใดที่เรียกความคึกคักได้อย่างอลังการและน่าพอใจในสายตาของคนอย่างเรา
ถึงแม้จะหงอยเหงาแต่ในปีนี้ก็มีหนังที่ทำให้เราเกิดความภาคภูมิใจอย่างยิ่ง นั่นก็คือหนังวัยรุ่นระทึกขวัญอย่างเรื่อง "ฉลาดเกมส์โกง" ที่กวาดรายได้รวมแล้วก็นับพันล้านบาท และยังมีการทำนายทายทักว่าหนังเรื่องดังกล่าวจะกวาดรางวัลเกือบทุกสาขาจนแทบไม่ต้องมองเรื่องอื่นไปเลย ทว่ายังมีหนังอินดี้อย่างเช่นเรื่อง "Die Tomorrow" ที่อาจจะได้เข้าชิงรางวัลด้วยเช่นกัน ส่วนหนังจำพวกตลกทั้งหลายแหล่ก็อาจมีสิทธิ์เข้าชิงรางวัลตามไปด้วย แม้ว่าตัวหนังจะดูด้อยหรืออย่างไรก็ตามใจคนดู แต่จะได้รางวัลสักมากน้อยหรือไม่มีเลยต้องรอติดตามอีกเช่นกัน
เรามาสรุปค่ายหนังที่มีผลงานออกมาได้ยลในปีนี้...เริ่มที่ค่ายหลักอย่าง "สหมงคลฟิล์ม" มีทั้งสิ้น 7 เรื่อง ซึ่งรวมถึงหนังร่วมทุนอย่าง "Thailand Only" และหนังกรณีพิเศษอีก 2 เรื่องอย่าง "เปรต อาบัติ" และ "ของขวัญ" ขณะที่ "พระนครฟิลม์" ก็มีรวมกัน 2 เรื่อง คือ "ดอกฟ้า_หมาแจ๊ส" และ "Thailand Only" อีกเช่นกัน
ส่วน "จีดีเอช" ฉายไปแล้ว 2 เรื่อง คือ "ฉลาดเกมส์โกง" กับ "เพื่อน..ที่ระลึก" เช่นเดียวกับ "ทรานส์ฟอร์เมชั่น ฟิล์ม" ก็มีอยู่ 2 เรื่องเช่นกันคือ "มิสเตอร์เฮิร์ท มือวางอันดับเจ็บ" เมื่อตอนต้นปี กับ "เปรมิกา ป่าราบ" ที่กำลังเก็บเงินข้ามปี
ส่วนที่น่าแปลกใจแสนแต่ไม่ค่อยฮือฮานักก็คือค่ายหนังเล็ก ๆ อย่าง "โลโก้ โมชั่น พิคเจอร์" และ "ทาเลนท์ วัน" ที่ฉายไปแล้วรายละ 3 เรื่อง ซึ่งทุกเรื่องทำรายได้ไม่ดีเท่าที่ควร
ค่ายดังที่มีผลงานเพียงเรื่องเดียวก็มีเจ้าเก่าอย่าง "ไฟว์สตาร์" กับ "School Tales เรื่องผีมีอยู่ว่า", "เอ็ม เทอร์ตี้ไนน์" กับ "สลัมบอยซอยตื๊ด", ของพี่พชร์กับ "กัดกระชากเกรียน" รวมถึงหน้าใหม่อย่าง "เทค ไทยแลนด์" กับ "สาระแนเลิฟยูววว" ที่ออกมาแป้กอย่างไม่น่าให้อภัย
และหน้าใหม่อีกหนึ่งที่ลืมไม่ได้อย่าง "ที โมเมนต์" กับ "โอเวอร์ไซส์ ทลายพุง" เรียกว่าเป็นค่ายหนังไฟแรงที่ถึงจะเสียเวลารอคอยเป็นแรมปี แต่ก็ได้ผลงานดีมีคุณภาพที่แปลกใหม่และน่าสนใจ เราก็หวังว่าอาจได้เห็นผลงานจากค่ายนี้อย่างไม่ต้องเสียเวลาเฝ้ารอจนเกินไป ขอเป็นกำลังใจให้กับเฮียวิสูตรแล้วกัน ไม่อยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางแตกแยกหรือปิดตัว ถ้าทำอย่างนั้นเราจะเสียดายมากนะ
สำหรับรายได้การเข้าฉายหนังในปีนี้ แชมป์สูงสุดอย่างโดดเดี่ยวก็คือ "ฉลาดเกมส์โกง" แน่นอนไม่ต้องบอกใคร รองลงมาที่ตามห่างไม่ไกลนักก็คือ "ส่ม ภัค เสี่ยน" และ "มิสเตอร์เฮิร์ท มือวางอันดับเจ็บ" ซึ่งเป็นหนังตลกทั้งคู่ ตามมาด้วย "เพื่อน..ที่ระลึก", "Thailand Only", "โอเวอร์ไซส์ ทลายพุง", "ทองดีฟันขาว" นอกนั้นได้แค่ล้านนิด ๆ แสนนิด ๆ หมื่นนิด ๆ และพันนิด ๆ
...ก็หวังว่าในปี 2561 อาจจะมองเห็นสภาวะตลาดหนังไทยในทางที่ดีขึ้นกว่าเดิมก็ได้ แต่ถ้ายังเหมือนเดิม หรือแย่ลงกว่าเดิม ก็เตรียมประหยัดค่าดูหนังได้เลย โรงหนังจะผุดขึ้นใหม่อีกกี่แห่ง จะลบภาพความหะรูหะราแบบตะวันตกแล้วมาผสมผสานเอกลักษณ์ความเป็นไทยด้วยไหม แล้วหนังไทยเรื่องใดจะมาปลุกกระแสให้วงการหนังกลับมีชีวิตชีวาอย่างสำราญใจในทุก ๆ ด้าน จะเป็นของค่ายไหน และหนังเรื่องนั้นอาจทำให้ตลาดหนังระดับสากลต้องตะลึงอีกปีหนึ่งก็เป็นได้นะ สวัสดี...ปีใหม่.
มองหนังไทยปี'60 และก้าวต่อไปที่น่าปรารถนา
ถึงแม้จะหงอยเหงาแต่ในปีนี้ก็มีหนังที่ทำให้เราเกิดความภาคภูมิใจอย่างยิ่ง นั่นก็คือหนังวัยรุ่นระทึกขวัญอย่างเรื่อง "ฉลาดเกมส์โกง" ที่กวาดรายได้รวมแล้วก็นับพันล้านบาท และยังมีการทำนายทายทักว่าหนังเรื่องดังกล่าวจะกวาดรางวัลเกือบทุกสาขาจนแทบไม่ต้องมองเรื่องอื่นไปเลย ทว่ายังมีหนังอินดี้อย่างเช่นเรื่อง "Die Tomorrow" ที่อาจจะได้เข้าชิงรางวัลด้วยเช่นกัน ส่วนหนังจำพวกตลกทั้งหลายแหล่ก็อาจมีสิทธิ์เข้าชิงรางวัลตามไปด้วย แม้ว่าตัวหนังจะดูด้อยหรืออย่างไรก็ตามใจคนดู แต่จะได้รางวัลสักมากน้อยหรือไม่มีเลยต้องรอติดตามอีกเช่นกัน
เรามาสรุปค่ายหนังที่มีผลงานออกมาได้ยลในปีนี้...เริ่มที่ค่ายหลักอย่าง "สหมงคลฟิล์ม" มีทั้งสิ้น 7 เรื่อง ซึ่งรวมถึงหนังร่วมทุนอย่าง "Thailand Only" และหนังกรณีพิเศษอีก 2 เรื่องอย่าง "เปรต อาบัติ" และ "ของขวัญ" ขณะที่ "พระนครฟิลม์" ก็มีรวมกัน 2 เรื่อง คือ "ดอกฟ้า_หมาแจ๊ส" และ "Thailand Only" อีกเช่นกัน
ส่วน "จีดีเอช" ฉายไปแล้ว 2 เรื่อง คือ "ฉลาดเกมส์โกง" กับ "เพื่อน..ที่ระลึก" เช่นเดียวกับ "ทรานส์ฟอร์เมชั่น ฟิล์ม" ก็มีอยู่ 2 เรื่องเช่นกันคือ "มิสเตอร์เฮิร์ท มือวางอันดับเจ็บ" เมื่อตอนต้นปี กับ "เปรมิกา ป่าราบ" ที่กำลังเก็บเงินข้ามปี
ส่วนที่น่าแปลกใจแสนแต่ไม่ค่อยฮือฮานักก็คือค่ายหนังเล็ก ๆ อย่าง "โลโก้ โมชั่น พิคเจอร์" และ "ทาเลนท์ วัน" ที่ฉายไปแล้วรายละ 3 เรื่อง ซึ่งทุกเรื่องทำรายได้ไม่ดีเท่าที่ควร
ค่ายดังที่มีผลงานเพียงเรื่องเดียวก็มีเจ้าเก่าอย่าง "ไฟว์สตาร์" กับ "School Tales เรื่องผีมีอยู่ว่า", "เอ็ม เทอร์ตี้ไนน์" กับ "สลัมบอยซอยตื๊ด", ของพี่พชร์กับ "กัดกระชากเกรียน" รวมถึงหน้าใหม่อย่าง "เทค ไทยแลนด์" กับ "สาระแนเลิฟยูววว" ที่ออกมาแป้กอย่างไม่น่าให้อภัย
และหน้าใหม่อีกหนึ่งที่ลืมไม่ได้อย่าง "ที โมเมนต์" กับ "โอเวอร์ไซส์ ทลายพุง" เรียกว่าเป็นค่ายหนังไฟแรงที่ถึงจะเสียเวลารอคอยเป็นแรมปี แต่ก็ได้ผลงานดีมีคุณภาพที่แปลกใหม่และน่าสนใจ เราก็หวังว่าอาจได้เห็นผลงานจากค่ายนี้อย่างไม่ต้องเสียเวลาเฝ้ารอจนเกินไป ขอเป็นกำลังใจให้กับเฮียวิสูตรแล้วกัน ไม่อยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางแตกแยกหรือปิดตัว ถ้าทำอย่างนั้นเราจะเสียดายมากนะ
สำหรับรายได้การเข้าฉายหนังในปีนี้ แชมป์สูงสุดอย่างโดดเดี่ยวก็คือ "ฉลาดเกมส์โกง" แน่นอนไม่ต้องบอกใคร รองลงมาที่ตามห่างไม่ไกลนักก็คือ "ส่ม ภัค เสี่ยน" และ "มิสเตอร์เฮิร์ท มือวางอันดับเจ็บ" ซึ่งเป็นหนังตลกทั้งคู่ ตามมาด้วย "เพื่อน..ที่ระลึก", "Thailand Only", "โอเวอร์ไซส์ ทลายพุง", "ทองดีฟันขาว" นอกนั้นได้แค่ล้านนิด ๆ แสนนิด ๆ หมื่นนิด ๆ และพันนิด ๆ
...ก็หวังว่าในปี 2561 อาจจะมองเห็นสภาวะตลาดหนังไทยในทางที่ดีขึ้นกว่าเดิมก็ได้ แต่ถ้ายังเหมือนเดิม หรือแย่ลงกว่าเดิม ก็เตรียมประหยัดค่าดูหนังได้เลย โรงหนังจะผุดขึ้นใหม่อีกกี่แห่ง จะลบภาพความหะรูหะราแบบตะวันตกแล้วมาผสมผสานเอกลักษณ์ความเป็นไทยด้วยไหม แล้วหนังไทยเรื่องใดจะมาปลุกกระแสให้วงการหนังกลับมีชีวิตชีวาอย่างสำราญใจในทุก ๆ ด้าน จะเป็นของค่ายไหน และหนังเรื่องนั้นอาจทำให้ตลาดหนังระดับสากลต้องตะลึงอีกปีหนึ่งก็เป็นได้นะ สวัสดี...ปีใหม่.