The greatest showman
-สิ่งแรกที่ทำให้อยากดูมากๆ คือคำโปรยที่ว่าได้เบนจ์ พาเซ็ก กับ จัสติน พอลจาก La La Land มาเป็นผู้แต่งเพลงให้เรื่องนี้ ด้วยความที่เรารักลาลาแลนด์มาก แล้วจะพลาด the greatest showman ได้อย่างไร ด้วยความที่ไม่ได้รีเสิร์จอะไรมาก่อน ความรู้สึกที่ได้เลยต่างกว่าที่คิดไว้พอควร
-ประเด็นหลักของหนังคือเรื่องราวมของครอบครัวนึงที่ฝ่ายสามีอยากจะเปิดโชว์เป็นของตัวเอง อุปสรรคเยอะแยะไปหมดที่เกิดขึ้นจะต้องถูกแก้ปัญหาโดยเค้าไปพร้อมๆ กับคนดูอย่างเรา
-เอาจริงๆ เราว่าประเด็นหลายอย่างมันน่าสนใจมากๆ ทั้งเรื่องการเหยียดชนชั้น ความรัก ฐานะ ความฝัน การลงทุน หรือความหลงใหลในแสงสีและชื่อเสียง สิ่งที่น่าเสียดายเลยสำหรับ the greatest showman คือหนังใส่ประเด็นเข้ามาเยอะเกินไปจนเรารู้สึกว่าเอาไม่อยู่ซักประเด็น ความรู้สึกเราไปไม่สุด เพราะด้วยเวลาที่จำกัดทำให้หนังสามารถส่งต่อมาให้ได้แค่นี้
-แต่สิ่งที่กอบกู้มาได้คือหนังสามารถดึงเราให้เข้าไปมีส่วนร่วมกับการแสดงมิวสิคเคิลได้อย่างอิ่มเอิบและน่าประทับใจ คือทุกซีนที่มีการร้องเพลงหรือการเต้น ด้วยเสียงร้อง ซาวด์ performance ของนักแสดงทุกคน คือเราอิ่มมาก จุดที่ดีมากๆ ของหนังคือตรงนี้เลย รู้สึกว่าทุกคนเต็มที่ ทุกคนส่ง positive energy มาให้เราจนเหมือนได้ชาร์จแบตจนเต็ม
-เราไม่คิดว่าจะอิ่มได้ขนาดนี้ มีความสุขมาก แฮปปี้มากๆ หนังทำให้เรารู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในโลกของดนตรี การร้อง การเต้น แอบอยากให้ทุกคนบนโลกคุยกันแบบเต้นไปเต้นมา555555
-นักแสดงทุกคนคือดีมาก โดยเฉพาะเฮียโลแกน เห็นหน้าฮิวจ์ แจ็คแมนแล้วรู้สึกเหมือนเห็นโลแกนมาเต้นไปเต้นมาเลยทีเดียว55555 รวมทั้งมิเชลล์ วิลเลียมส์ด้วย ชอบนางอยู่แล้วยิ่งเอ็นจอยเข้าไปใหญ่ ซีนเต้นรำบนดาดฟ้าพร้อมกับ full moon นั้นเอาใจเราไปเต็มๆ มันโรแมนติก มันดีงาม มันอลังการ ให้พลังบางอย่างทางจิตใจมากๆ สิบสิบสิบ
-เพลงเพราะมากกกกก คงต้องแอบเอามาเทียบกับลาลาแลนด์เบาๆ ส่งนตัวชอบเพลงของนครดารามากกว่านิดหน่อย แต่เรื่องนี้ก็ไม่ใช่ย่อย ฟังแล้วติดหู ออกมาจากโรงยันั่งฮัมๆ จนถึงบ้านมาเปิด soundtracks ฟังเลย ทุกอย่างในเรื่องมันดูให้พลังไปหมดอ่ะ ยิ้มแบบหยุดไม่ได้
-ชอบเนื้อหานะ ทุกประเด็นมีอะไรให้เราคิดตาม แต่อย่างที่บอกว่ามันยังดูเยอะไปหมด ไม่ค่อยลงตัว แต่ถือว่าเล่ากระชับแล้วก็เข้าใจง่ายผ่านทางบทเพลงตามสไตล์ musical แต่บางจุดก็ยังมีการตั้งคำถามอยู่ในใจลึกๆ ดูไม่ค่อยเมกเซ้นส์ไปบ้างบางช่วง เว่อร์วังโชคดีไปซะหน่อย แต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้รับหลังจากดูจบแล้ว ถือว่าให้อภัยได้
-แอบชอบบทสรุปของหนังนะ เหมือนกับว่าได้ทิ้งท้ายอะไรไว้ให้เราดี
สรุปว่า อยากให้ได้ดูกัน เป็นหนังอีกเรื่องที่ดูไป ยิ้มไป ขนลุกไป ยังคงยืนยันว่าชอบซีนร้องเพลงทุกซีน การเต้น การถ่ายทำและมุมกล้องต่างๆ มันลงตัวมาก ความอลังการงานสร้างนี่ไม่ต้องพูดถึงเพราะมันปังจริงๆ เหมาะเป็นการดูส่งท้ายปีมากเว่อ
8/10
แค่นักวิจารณ์หนังกากๆ คนหนึ่ง
------------------------------
ถ้าชอบการรีวิวครั้งนี้ สามารถเข้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องหนังๆ พร้อมกับดูรีวิวอื่นๆ ได้ที่นี่เลย
เพจ แค่นักวิจารณ์หนังกากๆ คนหนึ่ง
https://m.facebook.com/justasuckreviewer/?locale2=th_TH
[SR] The greatest showman : มันมีความสุขมากเว่ออออ
-สิ่งแรกที่ทำให้อยากดูมากๆ คือคำโปรยที่ว่าได้เบนจ์ พาเซ็ก กับ จัสติน พอลจาก La La Land มาเป็นผู้แต่งเพลงให้เรื่องนี้ ด้วยความที่เรารักลาลาแลนด์มาก แล้วจะพลาด the greatest showman ได้อย่างไร ด้วยความที่ไม่ได้รีเสิร์จอะไรมาก่อน ความรู้สึกที่ได้เลยต่างกว่าที่คิดไว้พอควร
-ประเด็นหลักของหนังคือเรื่องราวมของครอบครัวนึงที่ฝ่ายสามีอยากจะเปิดโชว์เป็นของตัวเอง อุปสรรคเยอะแยะไปหมดที่เกิดขึ้นจะต้องถูกแก้ปัญหาโดยเค้าไปพร้อมๆ กับคนดูอย่างเรา
-เอาจริงๆ เราว่าประเด็นหลายอย่างมันน่าสนใจมากๆ ทั้งเรื่องการเหยียดชนชั้น ความรัก ฐานะ ความฝัน การลงทุน หรือความหลงใหลในแสงสีและชื่อเสียง สิ่งที่น่าเสียดายเลยสำหรับ the greatest showman คือหนังใส่ประเด็นเข้ามาเยอะเกินไปจนเรารู้สึกว่าเอาไม่อยู่ซักประเด็น ความรู้สึกเราไปไม่สุด เพราะด้วยเวลาที่จำกัดทำให้หนังสามารถส่งต่อมาให้ได้แค่นี้
-แต่สิ่งที่กอบกู้มาได้คือหนังสามารถดึงเราให้เข้าไปมีส่วนร่วมกับการแสดงมิวสิคเคิลได้อย่างอิ่มเอิบและน่าประทับใจ คือทุกซีนที่มีการร้องเพลงหรือการเต้น ด้วยเสียงร้อง ซาวด์ performance ของนักแสดงทุกคน คือเราอิ่มมาก จุดที่ดีมากๆ ของหนังคือตรงนี้เลย รู้สึกว่าทุกคนเต็มที่ ทุกคนส่ง positive energy มาให้เราจนเหมือนได้ชาร์จแบตจนเต็ม
-เราไม่คิดว่าจะอิ่มได้ขนาดนี้ มีความสุขมาก แฮปปี้มากๆ หนังทำให้เรารู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในโลกของดนตรี การร้อง การเต้น แอบอยากให้ทุกคนบนโลกคุยกันแบบเต้นไปเต้นมา555555
-นักแสดงทุกคนคือดีมาก โดยเฉพาะเฮียโลแกน เห็นหน้าฮิวจ์ แจ็คแมนแล้วรู้สึกเหมือนเห็นโลแกนมาเต้นไปเต้นมาเลยทีเดียว55555 รวมทั้งมิเชลล์ วิลเลียมส์ด้วย ชอบนางอยู่แล้วยิ่งเอ็นจอยเข้าไปใหญ่ ซีนเต้นรำบนดาดฟ้าพร้อมกับ full moon นั้นเอาใจเราไปเต็มๆ มันโรแมนติก มันดีงาม มันอลังการ ให้พลังบางอย่างทางจิตใจมากๆ สิบสิบสิบ
-เพลงเพราะมากกกกก คงต้องแอบเอามาเทียบกับลาลาแลนด์เบาๆ ส่งนตัวชอบเพลงของนครดารามากกว่านิดหน่อย แต่เรื่องนี้ก็ไม่ใช่ย่อย ฟังแล้วติดหู ออกมาจากโรงยันั่งฮัมๆ จนถึงบ้านมาเปิด soundtracks ฟังเลย ทุกอย่างในเรื่องมันดูให้พลังไปหมดอ่ะ ยิ้มแบบหยุดไม่ได้
-ชอบเนื้อหานะ ทุกประเด็นมีอะไรให้เราคิดตาม แต่อย่างที่บอกว่ามันยังดูเยอะไปหมด ไม่ค่อยลงตัว แต่ถือว่าเล่ากระชับแล้วก็เข้าใจง่ายผ่านทางบทเพลงตามสไตล์ musical แต่บางจุดก็ยังมีการตั้งคำถามอยู่ในใจลึกๆ ดูไม่ค่อยเมกเซ้นส์ไปบ้างบางช่วง เว่อร์วังโชคดีไปซะหน่อย แต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้รับหลังจากดูจบแล้ว ถือว่าให้อภัยได้
-แอบชอบบทสรุปของหนังนะ เหมือนกับว่าได้ทิ้งท้ายอะไรไว้ให้เราดี
สรุปว่า อยากให้ได้ดูกัน เป็นหนังอีกเรื่องที่ดูไป ยิ้มไป ขนลุกไป ยังคงยืนยันว่าชอบซีนร้องเพลงทุกซีน การเต้น การถ่ายทำและมุมกล้องต่างๆ มันลงตัวมาก ความอลังการงานสร้างนี่ไม่ต้องพูดถึงเพราะมันปังจริงๆ เหมาะเป็นการดูส่งท้ายปีมากเว่อ
8/10
แค่นักวิจารณ์หนังกากๆ คนหนึ่ง
------------------------------
ถ้าชอบการรีวิวครั้งนี้ สามารถเข้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องหนังๆ พร้อมกับดูรีวิวอื่นๆ ได้ที่นี่เลย
เพจ แค่นักวิจารณ์หนังกากๆ คนหนึ่ง
https://m.facebook.com/justasuckreviewer/?locale2=th_TH