ไม่เป็นไร ลงไปไม่กี่แสน ชีวิตต้องสู้กันไป คนที่กลัวไม่กล้าทำอะไร ก็จะไม่ร่ำรวยในชาตินี้ อย่างแน่นอน
ลุงเตือนแล้วไม่เชื่อ ไม่รู้อย่าไปยุ่ง
มันคืออะไร สาธยายธรรมโดยอาจารย์ XYZ
ในสมัยโบราณกาล ก่อนมนุษย์เราจะมีระบบเงินตรา มีธนบัตร มีเหรียญกษาปณ์ใช้ เราใช้ทองคำเป็นสิ่งมีค่าไว้เป็นสื่อกลางแลกเปลี่ยนสิ่งของต่าง ๆ นับแต่โบราณแล้ว เช่น เอาทองคำแลกข้าว เอาทองคำแลกที่ดิน หรือในทางกลับกันก็ได้ เพราะมนุษย์เราเห็นว่าทองคำเป็นสิ่งสวยงามมีค่าทำของประดับ หายาก ไม่เหมือนแร่ธาตุอื่น ๆ พอเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม คนก็สร้างระบบเงินตรา ธนบัตร เหรียญกษาปณ์ ขึ้นมา ใช้แทนค่าทองคำเพราะสะดวกสบายกว่า นี้จึงเป็นเหตุผลที่โลกเราใช้ทองคำเป็นตัวค้ำประกันธนบัตรหรือระบบเงินตราอย่างที่เห็นอยู่ทุกวันนี้ ที่ไหนมีแร่ธาตุทองคำที่นั้นก็รวยเละ เหมือนมีบ่อน้ำมัน ก็ทำเหมืองขุดแร่ทองมาหล่อเป็นทองคำแท่งไว้ค้ำประกันค่าเงิน หรือใช้เป็นทุนสำรองของประเทศก็ได้ หรือจะเปลี่ยนเป็นเงินธนบัตรพิมพ์เงินมาใช้ได้เลย
ไอ้บิตคอยนี้ก็เหมือนกัน คนสร้างชื่อ "ซาโตชิ นากาโมโต้" (ไม่รู้ญี่ปุ่นจริงหรือเก๊) ก็สร้าง "ทองคำในโลกดิจิตอล" ขึ้นมาเลียนแบบทองคำในโลกจริง เรียกชื่อทองคำตัวนี้ว่า "บิตคอย" มันถูกสร้างให้มีตัวตนโดยอัลกอริทึมทางคณิตศาสตร์ชั้นสูง แล้วเอาทองนี้ไปซุกซ่อนอยู่ในโลกดิจิตอลระบบใหม่ที่สร้างมาใหม่อีกเรียกว่า Blockchain หรือเป็นดินแดนดิจิตอลที่มีแร่ทองคำบิตคอยนี้ซ่อนอยู่ การขุดเหมืองทองคำดิจิตอลก็ต้องใช้หัวขุดหรือโปรแกรม ส่วนเครื่องขุดก็คือคอมพิวเตอร์ ไอ้โปรแกรมขุดก็จะพยายามถอดรหัสอัลกอริทีมที่อยู่ในระบบหรือดินแดน Blockchain นี้สกัดเอาแร่ทองคำดิจิตอลนี้ออกมาทีละนิด ๆ เหมือนเราเอารถแบคโฮหรือจอบไปเที่ยวเดินหาขุดดิน ขุดเขา แล้วเอาดินมาร่อนหาแร่ทองคำ ร่อนหาเพชรพลอยอะไรแบบนั้นแหละ แต่ต่างกันตรงที่เรากำลังทำมันในโลกดิจิตอลที่ไม่มีตัวตนจับต้องได้ก็แค่นั้นเอง เข้าใจกันยัง ?
ที่นี้ในโลกแห่งความจริงทองคำมันมีจำกัด ไอ้ทองคำเสมือนในโลกดิจิตอลหรือทองบิตคอยมันก็มีจำกัด หน่วยทองบิตคอยนี้เป็นเหรียญคือ 1 เหรียญหรือ 1 บิตคอย ซึ่งมีจำกัดแค่ 21 ล้านเหรียญ ไอ้ 1 เหรียญบิตคอย เอามาแบ่งซอยย่อย ๆ ได้เล็กสุดคือ 1 ซาโตชิ ซึ่ง 1 เหรียญบิตคอยเท่ากับ 100,000,000 ซาโตชิ ตอนนี้เรากำลังอยู่ในยุคบุกเบิก ง่าย ๆ ก็เหมือนคนสมัยก่อนที่อยู่ในยุคตื่นทองวิ่งหาขุดทองกันนั่นแหละ ไม่ต่างกันเลย ! น้ำขึ้นให้รับตัก รีบขุดก่อนทองหมด ! ถ้าขุดกัน
หมดแล้วก็ต้องซื้ออย่างเดียวเท่านั้น ราคาก็จะสูงมาก ๆ ซื้อไม่ไหว ไม่อยากขุดก็ซื้อเลยก็ได้จากคนที่ขุดทองบิตคอยมาได้แล้ว ถ้ามีตังมากก็ซื้อทีละ 1 เหรียญหรือซื้อเป็นหน่วยย่อยซาโตชิก็ได้แล้วแต่มากน้อยตามกำลัง การจะขุดสกัดร่อนทองดิจิตอลนี้ทีละซาโตชิ ๆ จนรวมได้เป็น 1 เหรียญบิตคอย มันใช้เวลานานมาก ๆ และต้องใช้เงินลงทุนสูงกับค่าอุปกรณ์ ค่าคอม ค่าไฟ ค่าเวลาต่าง ๆ เป็นต้นทุนนั่นแหละก็เหมือนไปขุดแร่จริง ๆ ของฟรีไม่มีในโลก ยังอีกนานมาก ๆ กว่าจะหมด 21 ล้านเหรียญบิตคอย ไอ้คนคิดบิตคอยนี้ฉลาดผัก!
มันเห็นว่าในเมื่อโลกแห่งความจริงที่มีตัวตนจับได้มีทองคำเป็นตัวต้นมากำหนดระบบเงินตราต่างๆ ทุกวันนี้ได้ ทำไมโลกไร้ตัวตนดิจิตอลจะมีทองคำของโลกดิจิตอลขึ้นมาไม่ได้บ้าง? และระบบเงินตราโลกถูก ธนาคาร รัฐบาล พ่อค้าคนกลางแม่มารับประทานหัวคิวค่าธรรมเนียมเยอะ มันก็เลยสร้างระบบเงินใหม่ แต่การจะทำระบบเงินใหม่ก็ต้องให้น่าเชื่อถือแบบโลกจริง คือต้องมีทองคำมาค้ำเงิน ก็แม่สร้างทองคำเสมือนในดิจิตอลมาค้ำเงินสกุลใหม่เสียเลยสิ ไม่ต้องง้อทองคำจริงๆ ไงแม่ฉลาดผัก! แล้วมันก็ให้เราเอาไอ้ทองคำดิจิตอลนี้มาแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินจริงๆ ที่เราใช้กันอยู่ได้ด้วยเพราะคนมีความต้องการใช้เงินชนิดนี้เพราะสะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องผ่านคนกลาง และระบบ Blockchain นี้มั่นคงปลอดภัยไว้ใจได้ไม่ถูกแฮกได้ เอาจริงๆ มันเหมือนพวกเรากำลังย้อนยุคกลับไปหายุคแรกของทองคำในโลกจริงกันเลยไง เข้าใจยัง ?
ส่วนจะแลกเปลี่ยนเท่าไรทองบิตคอยก็แล้วแต่หลักอุปสงค์อุปทานต่อรองกันเองเลย ไม่มีใครในโลกนี้จะมาควบคุมกำหนดได้อีก ตาสว่างแล้วนะ
bitcoin บิตคอยน์ เพื่อนชวน ลงไปเยอะ ชีวิตดับอนาจ รับวันปีใหม่
ลุงเตือนแล้วไม่เชื่อ ไม่รู้อย่าไปยุ่ง
มันคืออะไร สาธยายธรรมโดยอาจารย์ XYZ
ในสมัยโบราณกาล ก่อนมนุษย์เราจะมีระบบเงินตรา มีธนบัตร มีเหรียญกษาปณ์ใช้ เราใช้ทองคำเป็นสิ่งมีค่าไว้เป็นสื่อกลางแลกเปลี่ยนสิ่งของต่าง ๆ นับแต่โบราณแล้ว เช่น เอาทองคำแลกข้าว เอาทองคำแลกที่ดิน หรือในทางกลับกันก็ได้ เพราะมนุษย์เราเห็นว่าทองคำเป็นสิ่งสวยงามมีค่าทำของประดับ หายาก ไม่เหมือนแร่ธาตุอื่น ๆ พอเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม คนก็สร้างระบบเงินตรา ธนบัตร เหรียญกษาปณ์ ขึ้นมา ใช้แทนค่าทองคำเพราะสะดวกสบายกว่า นี้จึงเป็นเหตุผลที่โลกเราใช้ทองคำเป็นตัวค้ำประกันธนบัตรหรือระบบเงินตราอย่างที่เห็นอยู่ทุกวันนี้ ที่ไหนมีแร่ธาตุทองคำที่นั้นก็รวยเละ เหมือนมีบ่อน้ำมัน ก็ทำเหมืองขุดแร่ทองมาหล่อเป็นทองคำแท่งไว้ค้ำประกันค่าเงิน หรือใช้เป็นทุนสำรองของประเทศก็ได้ หรือจะเปลี่ยนเป็นเงินธนบัตรพิมพ์เงินมาใช้ได้เลย
ไอ้บิตคอยนี้ก็เหมือนกัน คนสร้างชื่อ "ซาโตชิ นากาโมโต้" (ไม่รู้ญี่ปุ่นจริงหรือเก๊) ก็สร้าง "ทองคำในโลกดิจิตอล" ขึ้นมาเลียนแบบทองคำในโลกจริง เรียกชื่อทองคำตัวนี้ว่า "บิตคอย" มันถูกสร้างให้มีตัวตนโดยอัลกอริทึมทางคณิตศาสตร์ชั้นสูง แล้วเอาทองนี้ไปซุกซ่อนอยู่ในโลกดิจิตอลระบบใหม่ที่สร้างมาใหม่อีกเรียกว่า Blockchain หรือเป็นดินแดนดิจิตอลที่มีแร่ทองคำบิตคอยนี้ซ่อนอยู่ การขุดเหมืองทองคำดิจิตอลก็ต้องใช้หัวขุดหรือโปรแกรม ส่วนเครื่องขุดก็คือคอมพิวเตอร์ ไอ้โปรแกรมขุดก็จะพยายามถอดรหัสอัลกอริทีมที่อยู่ในระบบหรือดินแดน Blockchain นี้สกัดเอาแร่ทองคำดิจิตอลนี้ออกมาทีละนิด ๆ เหมือนเราเอารถแบคโฮหรือจอบไปเที่ยวเดินหาขุดดิน ขุดเขา แล้วเอาดินมาร่อนหาแร่ทองคำ ร่อนหาเพชรพลอยอะไรแบบนั้นแหละ แต่ต่างกันตรงที่เรากำลังทำมันในโลกดิจิตอลที่ไม่มีตัวตนจับต้องได้ก็แค่นั้นเอง เข้าใจกันยัง ?
ที่นี้ในโลกแห่งความจริงทองคำมันมีจำกัด ไอ้ทองคำเสมือนในโลกดิจิตอลหรือทองบิตคอยมันก็มีจำกัด หน่วยทองบิตคอยนี้เป็นเหรียญคือ 1 เหรียญหรือ 1 บิตคอย ซึ่งมีจำกัดแค่ 21 ล้านเหรียญ ไอ้ 1 เหรียญบิตคอย เอามาแบ่งซอยย่อย ๆ ได้เล็กสุดคือ 1 ซาโตชิ ซึ่ง 1 เหรียญบิตคอยเท่ากับ 100,000,000 ซาโตชิ ตอนนี้เรากำลังอยู่ในยุคบุกเบิก ง่าย ๆ ก็เหมือนคนสมัยก่อนที่อยู่ในยุคตื่นทองวิ่งหาขุดทองกันนั่นแหละ ไม่ต่างกันเลย ! น้ำขึ้นให้รับตัก รีบขุดก่อนทองหมด ! ถ้าขุดกันหมดแล้วก็ต้องซื้ออย่างเดียวเท่านั้น ราคาก็จะสูงมาก ๆ ซื้อไม่ไหว ไม่อยากขุดก็ซื้อเลยก็ได้จากคนที่ขุดทองบิตคอยมาได้แล้ว ถ้ามีตังมากก็ซื้อทีละ 1 เหรียญหรือซื้อเป็นหน่วยย่อยซาโตชิก็ได้แล้วแต่มากน้อยตามกำลัง การจะขุดสกัดร่อนทองดิจิตอลนี้ทีละซาโตชิ ๆ จนรวมได้เป็น 1 เหรียญบิตคอย มันใช้เวลานานมาก ๆ และต้องใช้เงินลงทุนสูงกับค่าอุปกรณ์ ค่าคอม ค่าไฟ ค่าเวลาต่าง ๆ เป็นต้นทุนนั่นแหละก็เหมือนไปขุดแร่จริง ๆ ของฟรีไม่มีในโลก ยังอีกนานมาก ๆ กว่าจะหมด 21 ล้านเหรียญบิตคอย ไอ้คนคิดบิตคอยนี้ฉลาดผัก!
มันเห็นว่าในเมื่อโลกแห่งความจริงที่มีตัวตนจับได้มีทองคำเป็นตัวต้นมากำหนดระบบเงินตราต่างๆ ทุกวันนี้ได้ ทำไมโลกไร้ตัวตนดิจิตอลจะมีทองคำของโลกดิจิตอลขึ้นมาไม่ได้บ้าง? และระบบเงินตราโลกถูก ธนาคาร รัฐบาล พ่อค้าคนกลางแม่มารับประทานหัวคิวค่าธรรมเนียมเยอะ มันก็เลยสร้างระบบเงินใหม่ แต่การจะทำระบบเงินใหม่ก็ต้องให้น่าเชื่อถือแบบโลกจริง คือต้องมีทองคำมาค้ำเงิน ก็แม่สร้างทองคำเสมือนในดิจิตอลมาค้ำเงินสกุลใหม่เสียเลยสิ ไม่ต้องง้อทองคำจริงๆ ไงแม่ฉลาดผัก! แล้วมันก็ให้เราเอาไอ้ทองคำดิจิตอลนี้มาแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินจริงๆ ที่เราใช้กันอยู่ได้ด้วยเพราะคนมีความต้องการใช้เงินชนิดนี้เพราะสะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องผ่านคนกลาง และระบบ Blockchain นี้มั่นคงปลอดภัยไว้ใจได้ไม่ถูกแฮกได้ เอาจริงๆ มันเหมือนพวกเรากำลังย้อนยุคกลับไปหายุคแรกของทองคำในโลกจริงกันเลยไง เข้าใจยัง ?
ส่วนจะแลกเปลี่ยนเท่าไรทองบิตคอยก็แล้วแต่หลักอุปสงค์อุปทานต่อรองกันเองเลย ไม่มีใครในโลกนี้จะมาควบคุมกำหนดได้อีก ตาสว่างแล้วนะ