เรื่องที่จะเอามาถกเถียงกันในวันนี้ดูเป็นอะไรที่น่าปวกหัวปวด ผมรู้ดีว่าถึงเราจะพูดไปยังไงมันก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้เหรอแต่อย่างน้อยมันก็ได้ระบายโดยจะแบ่งเป็นหัวข้อเพื่อให้ง่ายต่อตัวผมเองในการคิดนึกเรียงลำดับเหตุการณ์
1.ในสาขาที่ผมเรียนนั้นมีจำนวนคนเรียนน้อยและเป็นสาขาเล็ก ๆ ที่อยู่ในคณะที่ใหญ่ ดังนั้นสาขาที่มีขนาดเล็กนั้นทุกคนในสาขาก็จะพบเห็นหน้าได้บ่อย ๆ
และจะมีการทำความเคารพทักทายกันตามแบบประเพณีไทยนั้นคือการ"ไหว้" ซึ้งตรงนี้มันเป็นเหมือนกฏที่ตั้งไว้ตั้งแต่รับน้องแล้ว ด้วยสาขาเรามันเล็กจึงทำให้รู้จักกันได้ง่ายได้พูดคุยกับรุ่นพี่ทุกชั้นปี ผมมองว่ามันเป็นสิ่งที่ดีอยู่ครับในการฝึกหัดตัวเราให้เองในเรื่องของการไหว้ผู้ใหญ่หรือแม้ไม่ใช่เฉพาะรุ่นพี่,อาจารย์นอกหรือในสาขาแม้กระทั่งภารโรงที่ค่อยดูแลสาขาของเรา555 อ่านไม่ผิดเหรอครับสาขาเราเหมือนครอบครัว ๆ หนึ่ง แต่ก็จะมีผู้ใหญ่บ้างคนที่ทำตัวไม่น่าเคารพเลยครับใครมันจะไปอยากไหว้ล่ะครับ ทำตัวเองเองพอเราไม่ไหว้ ก็บอกว่ารุ่นน้องมันไม่เคารพรุ่นพี่มัน มีกันอยู่แค่นี้ก็รัก ๆ กันไว้ แต่ขอโทษครับ พอสาขาเรามันเล็กรู้จักมักจี่กันหน่อยมันก็จะเห็น ธาตุแท้กันเงล่ะครับว่าใครมันน่าไหว้ใครมัน
2. อาจารย์ที่ค่อยจะแบ่งพรรคแบ่งพวก พยายามหาแนวร่วมอุดมการณ์เดียวกันมาเป็นพวก 555
พูดเรื่องนี้กับเพื่อนทีไร เพื่อนมีแต่ส่ายหน้าหนี ใครจะไปรู้ล่ะครับว่าอาจารย์ที่เราเคารพรักท่าน(แต่ก่อน) จะเป็นคนที่คิดเรื่องเด็ก ๆ แบบนี้ โดยอาจารย์ท่านนี้จะนำเรื่อง อาจารย์ที่ท่านเกลียดมาเล่าให้กับนักศึกษาฟังว่าอย่างนั้นอย่างนี้ ตอนนั้นเองผมก็หลงเชื่อในเรื่องที่แกพูดให้ฟัง ถึงเรื่องเสีย ๆ หาย ๆ พอเราเชื่อเข้าเราก็อยู่ฝั่งแก ซึ่งก็เนาะท่านเป็นถึงผู้หลักผู้ใหญ่ ก็น่าจะเป็นเรื่องจริง แต่ผมก็คิดกับเพื่อนอยู่ว่ามันเหมาะสมเหรอที่จะมาเล่าให้นักศึกษาฟังบางครั้ง มีถึงการทักแชทมาสนทนากันซึ่งมันดูเป็นเรื่องที่มันเด็ก ๆ มาโกรธเกลียดไรกัน ถึงจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่มันก็ผ่านมานานแล้วปล่อย ๆ มันไป จะเอาเรื่องพวกนั้นมาพูดให้นักศึกษาฟังมันก็กระไรอยู่
3. การประเมินงานของอาจารย์
สาขาที่เราเรียนนั้นมันอยู่ในแขนงที่เกี่ยวข้องกับศิลปะ นักศึกษาแต่ล่ะคนเมื่อได้รับมอบหมายงานจากท่านอาจารย์มาแล้วนั้น แน่นอนครับว่าแต่ล่ะคนไม่มีใครน้อยหน้าใครครับ งานแต่ล่ะคนออกมาสุด ๆ ทั้งนั้น คนที่เรียนศิลปะน่าจะเข้าใจอารมณ์อะไรแบบนี้ดีแบบทำงานแข่งกันเอางานมาฆ่ากัน555 ตอนตรวจงานนั้น ทุกคนก็จะนำงานมีเรียงโชว์กันว่าใครเจ๋งกว่ากัน นั้นล่ะครับถ้าใครที่งานไม่ดีเอามาส่งแน่นอนมาวางเทียบใกล้ ๆ กับเพื่อนที่งานดีกว่าก็มีความรู้สึกกดดันตัวเองหน่อย ๆ แน่นอนครับหรือผมจะคิดอยู่คนเดียว555 เพราะอย่างเพื่อนผมแต่ล่ะคนจะทุมเทกับงานมาก คิดงาน,คิดแบบ ทำแบบกลับหอดึก ๆ ไม่มีเวลาจะนอนเลย ถึงกับมีสโลแกน "นอนน้อยแต่ก็นอนนะ"555 พออะไรที่เราหวังไว้มาก ๆ อย่างงานที่เราคิดไว้ว่าอาจารย์ต้องชอบเพราะมันดี
เราทุ่มเท แต่ทำไมต้องมาแพ้ไอ้คนที่มันทำงานเผางานในวันส่งได้ ไอ้คนที่มันทุ่มเทโดนอาจารย์ตำหนิงานนั้นนี้ แต่ไอ้คนเผางานมาส่งแบบโคตรพ่อโคตรแม่เผามาส่งในวันที่นัดส่งงานคะแนนดีกว่า บ่เข้าใจ งานศิลปะผมเข้าใจอยู่ความงามแต่ล่ะคนไม่เหมือนกัน แต่ผมยอมรับอยู่ว่างานที่เพื่อนที่เผามานั้นสวยก็จริง แต่ แต่ อย่างน้อยมันก็ต้องอยู่กับงานหน่อย,พรีเซนท์งานได้หน่อย ไอ้นี้คือไรอาจารย์มองว่างานทำออกมาดี แล้วไอ้คนที่มันตั้งใจทำโดนว่า 55
ก็นี้ล่ะครับเรื่องที่จะมาเอาระบายของเด็กศิลป์นอนน้อยอย่างผม
เด็กอาร์ตขอระบายหน่อย
1.ในสาขาที่ผมเรียนนั้นมีจำนวนคนเรียนน้อยและเป็นสาขาเล็ก ๆ ที่อยู่ในคณะที่ใหญ่ ดังนั้นสาขาที่มีขนาดเล็กนั้นทุกคนในสาขาก็จะพบเห็นหน้าได้บ่อย ๆ
และจะมีการทำความเคารพทักทายกันตามแบบประเพณีไทยนั้นคือการ"ไหว้" ซึ้งตรงนี้มันเป็นเหมือนกฏที่ตั้งไว้ตั้งแต่รับน้องแล้ว ด้วยสาขาเรามันเล็กจึงทำให้รู้จักกันได้ง่ายได้พูดคุยกับรุ่นพี่ทุกชั้นปี ผมมองว่ามันเป็นสิ่งที่ดีอยู่ครับในการฝึกหัดตัวเราให้เองในเรื่องของการไหว้ผู้ใหญ่หรือแม้ไม่ใช่เฉพาะรุ่นพี่,อาจารย์นอกหรือในสาขาแม้กระทั่งภารโรงที่ค่อยดูแลสาขาของเรา555 อ่านไม่ผิดเหรอครับสาขาเราเหมือนครอบครัว ๆ หนึ่ง แต่ก็จะมีผู้ใหญ่บ้างคนที่ทำตัวไม่น่าเคารพเลยครับใครมันจะไปอยากไหว้ล่ะครับ ทำตัวเองเองพอเราไม่ไหว้ ก็บอกว่ารุ่นน้องมันไม่เคารพรุ่นพี่มัน มีกันอยู่แค่นี้ก็รัก ๆ กันไว้ แต่ขอโทษครับ พอสาขาเรามันเล็กรู้จักมักจี่กันหน่อยมันก็จะเห็น ธาตุแท้กันเงล่ะครับว่าใครมันน่าไหว้ใครมัน
2. อาจารย์ที่ค่อยจะแบ่งพรรคแบ่งพวก พยายามหาแนวร่วมอุดมการณ์เดียวกันมาเป็นพวก 555
พูดเรื่องนี้กับเพื่อนทีไร เพื่อนมีแต่ส่ายหน้าหนี ใครจะไปรู้ล่ะครับว่าอาจารย์ที่เราเคารพรักท่าน(แต่ก่อน) จะเป็นคนที่คิดเรื่องเด็ก ๆ แบบนี้ โดยอาจารย์ท่านนี้จะนำเรื่อง อาจารย์ที่ท่านเกลียดมาเล่าให้กับนักศึกษาฟังว่าอย่างนั้นอย่างนี้ ตอนนั้นเองผมก็หลงเชื่อในเรื่องที่แกพูดให้ฟัง ถึงเรื่องเสีย ๆ หาย ๆ พอเราเชื่อเข้าเราก็อยู่ฝั่งแก ซึ่งก็เนาะท่านเป็นถึงผู้หลักผู้ใหญ่ ก็น่าจะเป็นเรื่องจริง แต่ผมก็คิดกับเพื่อนอยู่ว่ามันเหมาะสมเหรอที่จะมาเล่าให้นักศึกษาฟังบางครั้ง มีถึงการทักแชทมาสนทนากันซึ่งมันดูเป็นเรื่องที่มันเด็ก ๆ มาโกรธเกลียดไรกัน ถึงจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่มันก็ผ่านมานานแล้วปล่อย ๆ มันไป จะเอาเรื่องพวกนั้นมาพูดให้นักศึกษาฟังมันก็กระไรอยู่
3. การประเมินงานของอาจารย์
สาขาที่เราเรียนนั้นมันอยู่ในแขนงที่เกี่ยวข้องกับศิลปะ นักศึกษาแต่ล่ะคนเมื่อได้รับมอบหมายงานจากท่านอาจารย์มาแล้วนั้น แน่นอนครับว่าแต่ล่ะคนไม่มีใครน้อยหน้าใครครับ งานแต่ล่ะคนออกมาสุด ๆ ทั้งนั้น คนที่เรียนศิลปะน่าจะเข้าใจอารมณ์อะไรแบบนี้ดีแบบทำงานแข่งกันเอางานมาฆ่ากัน555 ตอนตรวจงานนั้น ทุกคนก็จะนำงานมีเรียงโชว์กันว่าใครเจ๋งกว่ากัน นั้นล่ะครับถ้าใครที่งานไม่ดีเอามาส่งแน่นอนมาวางเทียบใกล้ ๆ กับเพื่อนที่งานดีกว่าก็มีความรู้สึกกดดันตัวเองหน่อย ๆ แน่นอนครับหรือผมจะคิดอยู่คนเดียว555 เพราะอย่างเพื่อนผมแต่ล่ะคนจะทุมเทกับงานมาก คิดงาน,คิดแบบ ทำแบบกลับหอดึก ๆ ไม่มีเวลาจะนอนเลย ถึงกับมีสโลแกน "นอนน้อยแต่ก็นอนนะ"555 พออะไรที่เราหวังไว้มาก ๆ อย่างงานที่เราคิดไว้ว่าอาจารย์ต้องชอบเพราะมันดี
เราทุ่มเท แต่ทำไมต้องมาแพ้ไอ้คนที่มันทำงานเผางานในวันส่งได้ ไอ้คนที่มันทุ่มเทโดนอาจารย์ตำหนิงานนั้นนี้ แต่ไอ้คนเผางานมาส่งแบบโคตรพ่อโคตรแม่เผามาส่งในวันที่นัดส่งงานคะแนนดีกว่า บ่เข้าใจ งานศิลปะผมเข้าใจอยู่ความงามแต่ล่ะคนไม่เหมือนกัน แต่ผมยอมรับอยู่ว่างานที่เพื่อนที่เผามานั้นสวยก็จริง แต่ แต่ อย่างน้อยมันก็ต้องอยู่กับงานหน่อย,พรีเซนท์งานได้หน่อย ไอ้นี้คือไรอาจารย์มองว่างานทำออกมาดี แล้วไอ้คนที่มันตั้งใจทำโดนว่า 55
ก็นี้ล่ะครับเรื่องที่จะมาเอาระบายของเด็กศิลป์นอนน้อยอย่างผม