10 ที่เที่ยวใหม่ในฮอกไกโดที่ไม่ควรพลาด

กระทู้ข่าว
เซย์ไฮค่าทุกคน เราเชื่อว่าหลายคนเคยไปฮอกไกโดมาแล้ว เพราะฉะนั้นวันนี้เราจะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ในฮฮกไกโด แต่ก่อนจะพาไปชมที่เที่ยวใหม่ เรามาแนะนำให้รู้จักกับเกาะนี้กันก่อน

ฮอกไกโด (北海道, Hokkaidō) เป็นที่เกาะใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของประเทศญี่ปุ่น อยู่ทางภูมิภาคเหนือสุด มีอากาศเย็นและหนาวตลอดทั้งปี   เมืองหลักของเกาะฮอกไกโดคือซัปโปโร หลายคนคงจะได้ดูหนังเรื่อง แฟนเดย์ หรือแฟนกันแค่วันเดียว โดยนักแสดงนำอย่างเต๋อและมิว มาถ่ายทำที่ฮอกไกโด ทำให้คนไทยตามรอยมาเที่ยวมากมาย แต่รู้มั้ยว่าที่ฮอกไกโดยังมีเมืองอื่นๆ อีกหลายเมืองที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เราพามารู้จัก  10 ที่เที่ยวใหม่ในฮอกไกโดที่ไม่ควรพลาดกันดีกว่า

1. พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมไอนุ นิบุทานิ [ Nibutani Ainu Culture Museum ]
http://www.town.biratori.hokkaido.jp/biratori/nibutani/


ชนเผ่าไอนุ หรือที่ออกเสียงตามภาษาญี่ปุ่นว่า เอโนะ แปลเป็นไทยได้ว่า “มนุษย์” พวกเขาอาศัยอยู่ที่ฮอกไกโดนี้มายาวนานนับหมื่นปี นานกว่าที่จะมีผู้คนอื่น ๆ มาอาศัยอยู่บนประเทศญี่ปุ่นเสียอีก โดยพวกเขาอพยพมาจากดินแดนอันหนาวเหน็บที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งอย่างอลาสก้าและรัสเซีย ชาวชนเผ่าไอนุจะมีรูปร่างสูงใหญ่กว่าชาวญี่ปุ่นทั่วไป และมีการนับถือผี ศรัทธาและมีความเชื่อในสิ่งลี้ลับ ไม่มีการศึกษาเล่าเรียน ไม่มีภาษาเขียนเป็นของส่วนตัว มีเพียงภาษาพูดเอาไว้สื่อสารกัน พวกเขาทำมาหาเลี้ยงชีพด้วยการปลูกพืชผักต่าง ๆ ทางการเกษตร และออกล่าสัตว์ทะเลในช่วงที่ทะเลไม่เป็นน้ำแข็ง ส่วนเสื้อผ้าเครื่องนุ่มห่มที่ใช้นั้นก็ทำมาจากหนังสัตว์ บางส่วนก็ถักทอจากเส้นใยพืช

ที่พิพิธภัณฑ์นี้จะมีการจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ จำลองวิถึชีวิตความเป็นอยู่ของชาวไอนุไว้อย่างครบถ้วน เช่น ข้าวของเครื่องใช้ของชาวเผ่าไอนุ ทั้งเสื้อผ้าที่ทำมาจากหนังสัตว์ เสื้อผ้าที่ถักทอมาจากเส้นใยพืช เครื่องดนตรีประจำเผ่า ถัดมาจะเป็นภาพวาดที่แสดงชาวเผ่าไอนุที่แตกต่างจากชาวญี่ปุ่นโดยสิ้นเชิง ชนเผ่าไอนุผู้ชายจะมีรูปร่างสูงใหญ่ มีหนวดเครายาว ส่วนผู้หญิงนั้นจะนิยมการสักรอบริมฝีปากเป็นสีดำเพื่อแสดงความพร้อมว่าเธอออกเรือนได้แล้ว

นอกจากนั้นในทุกชั่วโมงจะมีการบรรยายและแสดงการดำเนินชีวิตในรูปแบบของชนเผ่าไอนุ เช่น การเต้นรำ การเล่นดนตรีพื้นเมือง การทำพิธีเซ่นไหว้เทพเจ้า  

ปัจจุบันมีชาวไอนุอยู่ในประเทศญี่ปุ่นประมาณ 25,000 คน และประชาการในเมืองบิระโทรินี้กว่า 75% เป็นชาวไอนุ นับได้ว่าเมืองบิระโทรินี้แทบจะเป็นเมืองหลวงของชาวไอนุเลยทีเดียว

ชาวไอนุเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่มีฐานะยากจนมากที่สุดในญี่ปุ่น โดยมีชาวไอนุเพียงร้อยละ 17 ที่จบการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย ในจำนวนนี้มีเพียงครึ่งหนึ่งที่จบจากมหาวิทยาลัยในระดับประเทศ และรัฐบาลญี่ปุ่นได้รับรองว่าชาวไอนุเป็นชนพื้นเมืองของญี่ปุ่นในปี พ.ศ. 2551 ปัจจุบันรัฐบาลญี่ปุ่นมีการส่งเสริมให้อนุรักษ์หมู่บ้านและชนเผ่าแห่งนี้ไว้ รวมทั้งเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปศึกษาชนเผ่าอันเก่าแก่ของประเทศญี่ปุ่นอย่างชนเผ่าไอนุแห่งนี้ด้วย

2. ระเบียงชมทะเลหมอกยามเช้า Unkai Terrace(Tomamu Resort)
http://www.town.biratori.hokkaido.jp/biratori/nibutani/

อุงไค ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า ทะเลหมอก  “อุงไค เทอเรส”  คือ จุดชมวิวทะเลหมอก ที่เหมือนเป็นสวรรค์บนโฮชิโนะ รีสอร์ท โทมามุ เมื่อเราได้มายืมอยู่บนจุดชมวิวที่นี่

อุงไค เทอเรส ไม่ได้อยู่บนเขาสูง ซึ่งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลเพียง 1,088 เมตร
อุงไค เทอเรสนี้เกิดมาจากความบังเอิญที่เจ้าหน้าที่บำรุงรักษากระเช้ากอนโดล่าสำหรับขึ้นไปเล่นสกี จะต้องขึ้นไปดูแลกระเช้ากอนโดล่าในช่วงเช้าของฤดูร้อน แล้วได้เห็นวิวทะเลหมอกที่มีความสวยงาม เลยเกิดความคิดที่ว่า มันคงน่าเสียดายที่จะมีแต่เฉพาะเจ้าหน้าที่เท่านั้น ที่จะได้เห็นวิวอันงดงาม ดังนั้นทางรีสอร์ทจึงเปิดอุงไค เทอเรสตั้งแต่ปี 2005 เพื่อให้ผู้เข้าพักได้สัมผัสกับวิวทะเลหมอกนี้ แขกผู้เข้าพักรีสอร์ทสามารถไปที่อุงไค เทอเรสได้ด้วยเคเบิลคาร์ เราแนะนำให้ตื่นแต่เช้า เพื่อเดินทางไปขึ้นเคเบิลคาร์ ซึ่งจะเปิดให้แขกได้ขึ้นไปชมทะเลหมอกตั้งแต่เวลาประมาณตี 4 และปิดให้บริการเวลา 7 โมงเช้า(เวลาเปิด-ปิดของเคเบิลคาร์มีการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล กรุณาเช็คเว็บไซด์ให้ละเอียดด้วยค่ะ) ช่วงที่จะได้เห็นทะเลหมอกคือช่วงประมาณเดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคมเท่านั้น โดยอาจมีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละปี  และสิ่งที่ต้องรู้เกี่ยวกับทะเลหมอกก็คือทะเลหมอกไม่คงที่ สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ถ้าสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย เราอาจจะไม่ได้เห็นทะเลหมอกเลย เจ้าหน้าที่เล่าว่าบางวันได้เห็น 100% บ้าง 70% บ้าง 20% บ้างแล้วแต่วัน อันนี้ต้องแล้วแต่ดวงจริงๆ แต่ถ้าได้เห็นทะลหมอกแบบเต็มๆ รับรองว่าทุกคนจะต้องตะลึงกับความงดงามของวิวพาโนราม่าตรงหน้าอย่างแน่นอน  


วิวของเมฆสีขาวที่ปกคลุมเหนือท้องฟ้า พร้อมแสงสีทองของพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า


3.Sahoro Bear Mountain
http://www.sahoro.co.jp/language/english


หมีพันธุ์สีน้ำตาล หรือที่คนญี่ปุ่นเรียกว่า “บิคุมะ” เป็นหมีที่มีเฉพาะในฮอกไกโด เจ้าหมีบิคุมะเป็นหมีที่แข็งแรงที่สุด ฉายาของมันคือ “ราชาแห่งผืนดิน”

ที่นี่เป็นฟาร์มแบบเปิด นักท่องเที่ยวสามารถเลือกชมหมีได้ 2 วิธี  คือ 1 เดินชมทางทางเดินลอยฟ้า หรือ high-rise walkway เป็นทางเดินยาวเข้าไปจะถึง bear point จุดที่เราสามารถดูนิทรรศการและดูหมีอาบน้ำใกล้ๆแบบเป็นห้องกระจกกั้นได้

2 นั่งรถบัสเข้าชมแบบสวนสัตว์เปิด เข้าไปจนถึง bear point แล้วขากลับจะนั่งรถบัสรอบต่อไป หรือ เดินขึ้นทางเดินลอยฟ้ากลับมา

สำหรับทางที่นั่งรถบัสเข้าไป ในป่าจะเป็นทางแบบ off road เราจะเห็นหมีใช้ชีวิตจริงอยู่ในป่า นอนอาบน้ำเล่นโคลน ซึ่งคนขับรถบัสจะเป็นคนบรรยายว่าเจ้าหมีตัวไหน ชื่ออะไร บนรถบัสจะมีป้ายประกาศ ที่บอกชื่อและข้อมูลของเจ้าหมีแต่ละตัว พร้อมรูปของมันด้วย แต่ดูๆ แล้ว เจ้าหมีที่นี่หน้าตาเหมือนกันทุกตัวเลย

ส่วนคนที่เดินชมจากทางลอยฟ้า จะคอยเช็คข้อมูลว่าหมีแต่ละตัวอยู่ตรงจุดไหนได้ เพราะเจ้าหมีทุกตัวที่นี่จะมีชิพที่เป็นเหมือนสร้อยคอ QR code ไว้ เราสามารถเปิดเช็คดูจากเพจของสวนหมี ว่าตอนนี้มีหมีอยู่ที่ตำแหน่งไหน ซึ่งแผนที่ของหมีจะอัพเดททุก 1 นาที ทำให้เราสามารถรู้ที่จะเดินไปดูได้

อ้อ! ที่นี่เปิดตั้งแต่เดือน พ.ค. ถึง ต.ค. เท่านั้น นอนนั้นถือว่าเป็นช่วงหมีจำศีลจ้ะ

4. สวนดอกไม้ชิกิไซ โนะ โอะกะ  
http://www.shikisainooka.jp/green/


สวนดอกไม้ชิกิไซ โนะ โอะกะ (Shikisai-no-oka) ในเมืองบิเอะ  เป็นเนิน 4 ฤดู ที่มีโรลคุงและ โรลจัง หุ่นฟางขนาดใหญ่ สัญลักษณ์ของสวน ชิกิไซ โนะ โอกะคอยต้อนรับนักท่องเที่ยวอยู่หน้าฟาร์ม นักท่องเที่ยวสามารถชมดอกไม้นานาพันธุ์ รวมถึงดอกลาเวนเดอร์ และทุ่งดอกไม้หลากสี ที่ทางสวนไล่สีได้สวยงามนอกจากนี้ยังมีกิจกรรมหลายอย่างเช่น ขับรถ ATV รถไฟชมฟาร์ม หรือฟาร์มเลี้ยง Alpaca และในช่วงฤดูหนาวจะเปิดเป็นลานสกี พร้อมกิจกรรมต่างๆ อีกมากมาย

เวลาเปิดให้บริการ

เดือนเมษายน, เดือนพฤษภาคมและเดือนตุลาคม 9:00 – 17:00น.
เดือนมิถุนายนถึงเดือนกันยายน 8:30 – 18:00น.
เดือนพฤศจิกายน 9:00 – 16:30น.
เดือนธันวาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ 9:00 – 16:00น.
เดือนมีนาคม 9:00 – 16:30น.

5. บ่อน้ำสีฟ้าชิโรงาเนะ (Shirogane Blue Pond)
https://www.biei-hokkaido.jp/ja/sightseeing/shirogane-blue-pond/


อีกสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่ง ที่อยู่ในเมืองเมืองบิเอะเช่นกัน
สระมรกด Blue Pond หรือ “บ่อน้ำสีฟ้า” มีความสวยงามและเงียบสงบมาก มีสีฟ้าสดใสแปลกตา สามารถมาชมได้ทั้งปี บ่อนํ้าแห่งนี้ (ความจริงเป็นแอ่งนํ้าขนาดใหญ่) เพิ่งจะเกิดขึ้นจากการกั้นเขื่อนเพื่อป้องกันไม่ให้โคลนภูเขาไฟที่เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟ Tokachi เมื่อปี ค.ศ.1988 ไหลเข้าสู่เมือง

เอกลักษณ์ที่สำคัญของบ่อนํ้าที่นี่ คือ ก้นบ่อนํ้าจะมีแร่ธาตุที่เกิดจากโคลนภูเขาไฟทำให้มีสีฟ้า หรือเขียวมรกตสดใส ท่ามกลางตอไม้ที่โผล่ออกมาจากพื้นผิวนํ้า เป็นความงามที่มีมนต์เสน่ห์ไปอีกแบบ ในแต่ละฤดูกาลความงามของบ่อนํ้าแห่งนี้ก็จะสวยงามแตกต่างกันไปคนละแบบ

6. โรงงานผลิตชีส Furano Chees Factory
http://www.furano-cheese.jp

เป็นโรงงานผลิตชีสที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมขั้นตอนการผลิตชีสท้องถิ่นคาเมมเบิร์ท(camaembert) ผ่านทางกระจก นักท่องเที่ยวสามารถลิ้มรสตัวอย่างชีสในร้านค้าของโรงงานได้

ที่นี่มีชีสพิเศษ คือ ชีสสีดำ ที่ทำจากหมึกของปลาหมึก
นอกจากนักท่องเที่ยวจะสามารถชม ชิม และซื้อผลิตภัณฑ์จากนมและชีสชนิดต่างๆ กลับบ้านได้แล้ว ที่นี่ยังเปิดโอกาสให้ทดลองทำชีสกันสดๆ จากน้ำนมอีกด้วย ซึ่งเราเองก็ได้เข้าร่วม workshop ด้วย

เริ่มต้นเวิร์กช็อป ก็ต้องล้างมือให้สะอาด ผูกผ้ากันเปื้อนสักหน่อย หากผิดคิวขึ้นมาจะได้ไม่เลอะชุด (ความจริงก็ไม่ได้มีอะไรเลอะขนาดนั้น แต่คงทำเพื่อให้เข้าบรรยากาศและมาตรฐานความสะอาดมากกว่า) แล้วก็ฟังคำอธิบายขั้นตอนจากเจ้าหน้าที่

ขั้นตอนคร่าวๆก็คือ เริ่มจากการเอาน้ำนมสดมาอุ่นให้ร้อน ใส่หัวเชื้อจุลินทรีย์ที่จะทำให้เกิดปฏิกิริยาในการแปรรูปจากนมเป็นชีสเข้าไป คนซ้ำไปมาสักพักจนได้ที่ ใส่เกลือเพื่อปรุงรส แล้วก็นำไปแช่ให้เย็นลง ระหว่างนี้เราก็ไปเพนท์ลายกล่องสำหรับใส่ชีสสสส ด้านหลังห้องจะมีที่ให้แสดงฝีมือทางด้านศิลปะ มีปากกกาเมจิกหลากสีให้ละเลงเล่นได้


ขอบอกเลยว่าสนุกและทำไม่ยาก ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็ได้ชีสแบบที่เราเห็นวางขายตาม supermarket แล้ว ใครมีเวลาอยากให้ลองมา workshop กัน สนุกและได้ชีสฝีมือตัวเองกลับบ้านเป็นของที่ระลึกอีกด้วย

ภายในบริเวณเดียวกัน ยังมีโรงงานไอศครีม โรงงานพิซซ่า ซึ่งสามารถเข้าร่วมทำworkshop ในการผลิตเนย ไอศครีม ขนมปัง ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งการ workshop ไม่ต้องจองล่วงหน้า ยกเว้นการทำขนมปังต้องสำรองล่วงหน้าก่อนค่ะ

7.  ภูเขาโทคาจิ [ Tokachi-dake Observatory Mountain ]
https://www.biei-hokkaido.jp/ja/sightseeing/mt-tokachi-obesevatory/


จุดชมวิวยอดเขา Tokachidake สุดทางถนนสาย Panorama ที่เมืองบิเอ (Biei) ที่นี่เป็นจุดที่ถ่ายรูปที่นักท่องเที่ยวชื่อชอบ โดยเฉพาะในช่วงพระอาทิตย์ตกจะทอแสงสีส้มไปยังยอดเขาที่เรายืนชมวิวอยู่พอดี

ยอดเขา Takachidake เป็นภูเขาไฟที่ยังดับไม่สนิท ช่วงหน้าหนาวจะมีมีหิมะปกคลุม และบางทีจะมีควันพวยพุ่งออกมาจากภูเขาไฟ เป็นบรรยากาศที่หาได้ยาก

ช่วงที่เราไปที่นี่ยังไม่หนาวมาก บนยอดเขา Tokachidake นี้ยังมีหิมะปกคลุมอยู่บ้าง ตัดกับดินหินสีน้ำตาลเข้ม ส่วนถ้าใครไปเที่ยวในช่วงฤดูร้อนก็จะได้เห็นทุ่งหญ้าสีเขียวขจี แต่ถ้ามาในช่วงฤดูใบไม้ร่วงก็จะได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสีแดงสลับเหลืองส้มไปทั่ว แนะนำว่าถ้าใครมีโอกาสขับหรือนั่งรถเที่ยวตามเส้นทางสาย Panorama ของบิเอแล้ว ควรจะแวะมาถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกดินที่นี่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่