เมื่อคืน กลับมาจากงานน้อง พยายามข่มตานอนยังไงก็นอนไม่หลับ
หกโมงเช้า ลุกมาเข้าห้องน้ำ มองเห็นเงาตัวเองในกระจก สงสัยว่าเราคงเป็นพี่น้องกับหมีแพนด้าแน่ๆ
มานั่งกินกาแฟอยู่ที่ที่ทำงาน ความคิดเหตุการณ์ต่างๆ พากันแล่นเข้ามาในสมองเป็นฉากๆ
- เรื่องดราม่าปืนสวัสดิการ ที่มีการโพสตัดพ้อหน่วยงาน
ปืน เป็นอาวุธที่มีคมสองด้าน นอกจากจะฆ่าศัตรูแล้ว มันยังอาจหันมาฆ่าตัวเราเองได้ ทั้งทางตรงและทางอ้อม
คนที่ร้องขออยากมีปืน มีวุฒิภาวะทางอารมณ์และความคิดมากแค่ไหน มีความยับยั้งชั่งใจมากพอไหม
มันเป็นเรื่องที่พิสูจน์เป็นรูปธรรมไม่ได้ แม้ความรับผิดชอบในการใช้อาวุธปืน ยังก้ำกึ่งในการตัดสินใจ ว่าเจตนาหรือไม่
- เรื่องดราม่าในเว็บบอร์ดพันทิป เกี่ยวกับการฟ้องร้องคดีหมิ่นประมาท
หลักเหตุผลของการบังคับใช้กฎหมายนี้ เราเอาแบบอย่างมาจากอเมริกา
ซึ่งมีหลักในการป้องกันการละเมิดสิทธิส่วนที่เป็น
เรื่องส่วนตัว ของ
บุคลสาธารณะ
โดยผู้ที่เสี่ยงที่จะกระทำความผิดมากที่สุดคือ
สื่อ
แต่สำหรับการพิพาทระหว่างบุคคลต่อบุคคล มักจะไม่ค่อยมีให้เห็น ยกเว้นการกระทำโดยการโฆษณาในเรื่องส่วนตัว
สำหรับประเทศไทย เกิดการฟ้องร้องข้อหาหมิ่นประมาทกันมากมาย ตั้งแต่เรื่องหยุมหยิมเล็กน้อย ไปจนถึงเรื่องใหญ่โตกว้างขวางของบุคคลที่มีชื่อเสียง
จากเรื่องนี้ จึงมีนิยามความหมายของคำว่า
บุคคลสาธาณะ ขึ้นมา (สามารถค้นหาอ่านได้ตามเว็บไซท์ทั่วไป)
บุคคลสาธารณะคือใคร อย่างไร ใครบ้างที่เข้าข่ายบุคคลสาธารณะ
การค้าคดีความหมิ่นประมาท จำเป็นต้องล้วงลึกเรื่องส่วนตัวหลายๆ เรื่อง ออกมาหักล้างกันทั้งสองฝ่าย
การฟ้อง คำฟ้องต้องละเอียด ไม่คลุมเคลือ ข้อความใดที่เป็นการหมิ่นประมาท หมิ่นอย่างไร เสียชื่อเสียงอย่างไร
คำหมิ่นประมาท จะไม่ใช่เฉพาะความรู้สึกของผู้ถูกหมิ่นเท่านั้น แต่ต้องรู้สึกได้ถึงการหมิ่น โดยวิญญูชนทั่วไปด้วย
ที่สำคัญ จะต้องมีการพิสูจน์การมีตัวตน ของทั้งผู้หมิ่นและผู้ถูกหมิ่น ว่าเป็นใคร มีสถานะอย่างไรในสังคมนั้นๆ
และการพิจารณาของศาล จะดูที่เจตนา และดูที่ลักษณะถ้อยความ
ชีวิตของคนเรา เดินอยู่บนความไม่แน่นอน
หากวันวันหนึ่ง คู่พิพาทได้ตายจากเราไป ทิ้งให้เราครุ่นคิดแต่เรื่องคดีความ โดยเฉพาะคู่พิพาทที่เคยคบหาเป็นเพื่อนกันมาก่อน
วันนั้น ผู้ที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง อาจจะคร่ำครวญอยู่ในใจ ว่า
ยังไม่ได้ปรับความเข้าใจกันเลย ยังไม่ได้อภัยให้กันเลย
ตราบเท่าที่ยังมีชีวิต รักกันไว้เถิด ไม่ใช่เรื่องเสียหายที่ศัตรูจะเปลี่ยนมารักกัน
นั่นก็เพราะ ทุกคนเกิดมาบนผื่นแผ่นดินเดียวกัน อาจจะกินข้าวที่ปลูกในนาแปลงเดียวกันก็ได้
มีอะไรหลายๆ อย่าง ที่เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวอย่างเดียวกัน
ความต่างในความคิด คือมุมมองของอีกด้าน ไม่ใช่การตัดสินผิดถูก
แล้วเราจะมาโกรธเคือง อาฆาตแค้น กันทำไม
เพราะไม่รู้ว่า ต่อไปอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง และเราก็ไม่สามารถห้ามไม่ให้มันเกิดขึ้นได้
รักกันไว้เถิด อะไรจะเกิดมันห้ามไม่ได้
หกโมงเช้า ลุกมาเข้าห้องน้ำ มองเห็นเงาตัวเองในกระจก สงสัยว่าเราคงเป็นพี่น้องกับหมีแพนด้าแน่ๆ
มานั่งกินกาแฟอยู่ที่ที่ทำงาน ความคิดเหตุการณ์ต่างๆ พากันแล่นเข้ามาในสมองเป็นฉากๆ
- เรื่องดราม่าปืนสวัสดิการ ที่มีการโพสตัดพ้อหน่วยงาน
ปืน เป็นอาวุธที่มีคมสองด้าน นอกจากจะฆ่าศัตรูแล้ว มันยังอาจหันมาฆ่าตัวเราเองได้ ทั้งทางตรงและทางอ้อม
คนที่ร้องขออยากมีปืน มีวุฒิภาวะทางอารมณ์และความคิดมากแค่ไหน มีความยับยั้งชั่งใจมากพอไหม
มันเป็นเรื่องที่พิสูจน์เป็นรูปธรรมไม่ได้ แม้ความรับผิดชอบในการใช้อาวุธปืน ยังก้ำกึ่งในการตัดสินใจ ว่าเจตนาหรือไม่
- เรื่องดราม่าในเว็บบอร์ดพันทิป เกี่ยวกับการฟ้องร้องคดีหมิ่นประมาท
หลักเหตุผลของการบังคับใช้กฎหมายนี้ เราเอาแบบอย่างมาจากอเมริกา
ซึ่งมีหลักในการป้องกันการละเมิดสิทธิส่วนที่เป็นเรื่องส่วนตัว ของบุคลสาธารณะ
โดยผู้ที่เสี่ยงที่จะกระทำความผิดมากที่สุดคือสื่อ
แต่สำหรับการพิพาทระหว่างบุคคลต่อบุคคล มักจะไม่ค่อยมีให้เห็น ยกเว้นการกระทำโดยการโฆษณาในเรื่องส่วนตัว
สำหรับประเทศไทย เกิดการฟ้องร้องข้อหาหมิ่นประมาทกันมากมาย ตั้งแต่เรื่องหยุมหยิมเล็กน้อย ไปจนถึงเรื่องใหญ่โตกว้างขวางของบุคคลที่มีชื่อเสียง
จากเรื่องนี้ จึงมีนิยามความหมายของคำว่า บุคคลสาธาณะ ขึ้นมา (สามารถค้นหาอ่านได้ตามเว็บไซท์ทั่วไป)
บุคคลสาธารณะคือใคร อย่างไร ใครบ้างที่เข้าข่ายบุคคลสาธารณะ
การค้าคดีความหมิ่นประมาท จำเป็นต้องล้วงลึกเรื่องส่วนตัวหลายๆ เรื่อง ออกมาหักล้างกันทั้งสองฝ่าย
การฟ้อง คำฟ้องต้องละเอียด ไม่คลุมเคลือ ข้อความใดที่เป็นการหมิ่นประมาท หมิ่นอย่างไร เสียชื่อเสียงอย่างไร
คำหมิ่นประมาท จะไม่ใช่เฉพาะความรู้สึกของผู้ถูกหมิ่นเท่านั้น แต่ต้องรู้สึกได้ถึงการหมิ่น โดยวิญญูชนทั่วไปด้วย
ที่สำคัญ จะต้องมีการพิสูจน์การมีตัวตน ของทั้งผู้หมิ่นและผู้ถูกหมิ่น ว่าเป็นใคร มีสถานะอย่างไรในสังคมนั้นๆ
และการพิจารณาของศาล จะดูที่เจตนา และดูที่ลักษณะถ้อยความ
ชีวิตของคนเรา เดินอยู่บนความไม่แน่นอน
หากวันวันหนึ่ง คู่พิพาทได้ตายจากเราไป ทิ้งให้เราครุ่นคิดแต่เรื่องคดีความ โดยเฉพาะคู่พิพาทที่เคยคบหาเป็นเพื่อนกันมาก่อน
วันนั้น ผู้ที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง อาจจะคร่ำครวญอยู่ในใจ ว่า
ยังไม่ได้ปรับความเข้าใจกันเลย ยังไม่ได้อภัยให้กันเลย
ตราบเท่าที่ยังมีชีวิต รักกันไว้เถิด ไม่ใช่เรื่องเสียหายที่ศัตรูจะเปลี่ยนมารักกัน
นั่นก็เพราะ ทุกคนเกิดมาบนผื่นแผ่นดินเดียวกัน อาจจะกินข้าวที่ปลูกในนาแปลงเดียวกันก็ได้
มีอะไรหลายๆ อย่าง ที่เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวอย่างเดียวกัน
ความต่างในความคิด คือมุมมองของอีกด้าน ไม่ใช่การตัดสินผิดถูก
แล้วเราจะมาโกรธเคือง อาฆาตแค้น กันทำไม
เพราะไม่รู้ว่า ต่อไปอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง และเราก็ไม่สามารถห้ามไม่ให้มันเกิดขึ้นได้