จากประสบการณ์ตรงหมาดๆ ของการแพ็คของขึ้นรถสองล้อคู่ใจ (ผู้ใดไม่ได้แว๊นเที่ยวก็อ่านได้) เป้าหมายเพื่อเที่ยวพักผ่อน และจะถ่ายวีดีโอเพื่อการลองทำรีวิวครั้งแรกของตนเองดูบ้าง แต่สุดท้ายเกือบไม่ได้อะไรกลับมานอกจากความรู้ใหม่ๆ จากข้อผิดพลาดมากมาย กลายเป็นได้รีวิวแนะนำข้อผิดพลาดมาเล่าสู่กันฟังแทนครับ หวังว่าจะเป็นประโยชร์กับเพื่อนๆ แบ็คแพ็คมือใหม่ที่กำลังจะเดินทาง หรือมือเก๋าที่อ่านแล้วอยากแนะนำอะไรที่ดีกว่าเพิ่มเติมครับ
ทริปนี้เริ่มต้นจากการที่ภรรยาไม่อยู่ หนูจึงร่าเริง วางแผนแว๊นเที่ยวทันใด ถถถถ ไม่รอช้าโทรหาพี่ร่วมทางหนึ่งคนทันที โดยแจ้งเป้าหมายตามที่เกริ่นไป คือการถ่ายทำรีวิวสถานที่ท่องเที่ยว สิ่งที่เตรียมไปส่วนใหญ่จึงเป็นอุปกรณ์ถ่ายทำดังภาพครับ
(จริงๆ รูปนี้ถ่ายเมื่อวันที่สี่ก่อนกลับบ้านครับ หลังจากคิดได้ว่า จะทำรีวิวเรื่องอะไรกันแน่)
กล้อง เลนส์ ไมค์ ขาแบบปลาหมึก โดรนเล็กและอุปกรณ์ แบต โกโปร อุปกรณ์ริคกับรถกับคน คอม และอื่นๆ อีกเล็กน้อย ทั้งหมดนี้รวมกับเสื้อผ้าแล้วต้องแพ็คลงบนเบาะรถให้ได้ ส่วนเต้นท์ไปเช่าอุทยานเอา โดยเป้าหมายคือเขตรักษาพันสัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ซึ่งกินพื้นที่จังหวัดตาก อุทัยธานี และกาญจนบุรี ซึ่งเราจะเข้าทางกาญจนบุรีกันครับ
วันที่1 ออกเดินทาง
ข้อผิดพลาดแรกคือ การเตรียมตัวแพ็คของ
(จากรูปด้านบน รถผมทางซ้าย จะเห็นว่ารถทางขวาเป็นระเบียบกว่า เพราะพี่เค้ามีประสบการณ์การมัดมาบ้างแล้ว)
นัดกันออกจากบ้านผมเก้าโมง ออกจริงเที่ยงครึ่ง เพราะ ไม่เคยซ้อมการจัดของ และมัดรวมของมาก่อนเลย การผูกมัดเชือกมัดกระเป๋าไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด กว่าจะหาวิธีการมัดที่รู้สึกปลอดภัย เวลาขี่แล้วไม่หล่นมันยากมาก ยิ่งต่อความมั่นใจด้วยแล้วเนี่ย...หึๆ แถมพอมัดเสร็จลืมของบางอย่างอีก ต้องแก้ใหม่ มัดใหม่ และมันก็จะไม่เหมือนเดิม T T แต่ก็ถือว่าการมัดครั้งแรกคือการซ้อมไปละกัน ดังนั้นแผนการเดินทางจึงล่าช้าไปมากกว่า 3 ชั่วโมง จากแค่การเก็บของ มัดรวมของบนหลังรถที่คิดว่าน่าจะง่ายด้วยประการฉะนี้แล
***ข้อควรกระทำ*** อย่าขี้เกียจซ้อมแพ็คของ แล้วลองผูกของดูสักครั้ง ดูตัวอย่างการมัดเชือกไว้ยิ่งดี การมัดของต้องแน่นหนา เพราะอันตรายถึงชีวิตทีเดียว
***ข้อแนะนำ*** เชือกมีประโยชน์มาก มีไว้หลายๆ เส้นดีกว่า เชือกแบบที่เหมือนเชือกผูกรองเท้านั่นแหละ แต่หนาและยาวกว่า ซื้อเป็นม้วนมาตัดใช้ได้
***ข้อแนะนำ*** เชือกแบบตาข่ายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้อีกชิ้น ประโยชน์สูงส่ง ไว้เสียบของต่างๆ ตั้งแต่ขวดน้ำยันรองเท้าแตะ อะไรก็ได้ เสียบเข้าไปฮะ
(ตัวอย่างจากรถพี่)
ข้อผิดพลาดที่สอง เป็นผลพวงมาจากข้อแรกคือ การมัดของที่แน่นหนา แต่ไม่มีประสบการณ์การจัดของที่ดีพอ พยายามรวมทุกอย่างให้แพ็คอยู่รวมกันให้ได้มากที่สุด จะได้กระเป๋าเล็ก และไม่ต้องเอากระเป๋าไปเยอะ ผลคือหยิบของยากมาก เพราะมันแน่นไปหมด ยิ่งมัดอยู่บนหลังรถแล้วล่ะก็ ไม่แก้เชือกออกมาแน่นอน เพราะกว่าจะแก้ กว่าจะมัดใหม่ก็กินเวลาเป็นครึ่งชั่วโมงอย่างน้อย การเดินทางวันแรกจึงไม่ได้หยิบกล้องหลักมาถ่ายเลย นอกจากพยายามดึงโดรนน้อยออกมาหนึ่งครั้งถ้วน แล้วก็เข็ดกับการเอาเข้า-ออก เสียเวลา ยุ่งยากลำบากมาก เลยไม่ถ่ายอีกเลย แล้วรูปที่ถ่ายนั้นก็ไม่ได้มีประโยชน์ เพราะเป็นจุดที่เพิ่งเริ่มเห็นเขาเท่านั้น คือกะแวะถ่ายระหว่างทางไปเรื่อยๆ โดยเริ่มจากจุดนี้ แต่ก็กลายเป็นจุดจบไปด้วยซะอย่างนั้น
***ข้อควรกระทำ*** ควรวางแผน เก็บของอะไรก็ตามที่เราจะใช้บ่อย ให้หยิบง่ายที่สุด // ในที่นี้อุปกรณ์ถ่ายภาพควรจะอยู่ในที่ที่หยิบง่ายที่สุด สะดวกที่สุด ไม่ต้องสนว่ามันจะต้องรวมเก็บไปกับกระเป๋าไหนเพื่อประหยัดเนื้อที่เก็บ ไม่อย่างนั้นมันจะไม่มีประโยชร์ทันที จริงๆ กว่าผมจะหาที่วางให้มันได้ก็ปาไปวันที่สามแล้ว ผมเอาของทุกอย่างที่ไม่จำเป็นออกจากกระเป๋ากล้องทั้งหมด เหลือให้มันเพียงกล้องและไมค์หนึ่งตัว คือเอาให้โล่งเลยฮะ ที่ชาร์ต แบต สายโน่นนี่เอาออกไปเก็บที่อื่น ไม่ต้องมาเบียดเบียนพื้นที่ใดๆ
(รูปนี้คือ หลังจากผมเคลียร์ทุกอย่างออกไปแล้ว เหลือของในกระเป๋านี้แค่นี้เลยครับ หยิบง่ายมากขึ้นเยอะ กระเป๋านี้จะติดอยู่ที่ด้านซ้ายของมอไซค์ตามรูปด้านบนครับ)
ข้อผิดพลาดที่สาม เนื่องจากผมเป็นคนไม่ชอบวางแผนการเที่ยวมากนัก ชอบไปลุยเอาดาบหน้า แล้วจากการที่ออกจากบ้านสาย จึงไปไม่ถึงพื้นที่เป้าหมาย เราแวะพักที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลม ถึงที่นี่ประมาณสองทุ่ม โดยหารู้ไม่ว่าวันธรรมดาจะไม่มีของขาย ร้านอาหารร้านของชำปิดกันเร็วมาก เพราะไม่มีนักท่องเที่ยว เซเว่นก็ห่างประมาณสี่สิบกิโล ร้านอาหารที่อุทยานก็ปิดหมด นี่แหละการไม่วางแผน หรือถามผู้รู้บริเวณนั้นให้ดี // แต่ผมยังโชคดีที่ตระเวนดูร้านของชำที่เจ้าหน้าที่แนะนำ แล้วพอดีเจอร้านนึงแง้มๆ ประตูอยู่ คือปิดไปแล้วแต่ประตูยังแง้มๆ ไว้ เราจึงขอซื้อของต่างๆ ได้ ซึ่งเท่าที่มีก็บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขนมปัง น้ำ โค้กเท่านั้นล่ะ
***ข้อควรกระทำ*** วางแผนกันสักหน่อย อย่างน้อยวางแผนปากท้องให้มีแผนสองไว้ดีกว่าครับ
(ถึงกลางคืน จะเห็นอะไรเนาะ ความตั้งใจที่ว่า ต้องถึงที่หมายยามเย็นไม่เคยเป็นผลสักกะวันเดียวเลยครับ)
***note*** การเที่ยวอุทยานนอนเต็นท์ สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรขาดคือ
- รองเท้าแตะ เพราะจะทำให้เข้าห้องน้ำสะดวก ไม่ต้องเดินเท้าเปล่าให้แหยงเล่น ซึ่งผมก็ลืมแพ็คมาด้วยตามฟอร์ม เลยต้องยืมพี่ที่มาด้วยใช้ ก่อนจะไปหาซื้อได้ในวันที่สาม
- ไฟฉาย อย่าหวังพึ่งไฟมือถือเลย /// ไฟฉายที่ติดหน้าฝากได้ จะเวิร์คมากครับ ซึ่งผมไม่มี และก็หาซื้อได้ในวันที่สามเช่นกัน
- แก้วน้ำ เอาไว้ดื่มนั่นแหละครับ ไม่มีก็เศร้าอยู่ไม่น้อย คงต้องตัดขวดทำแก้วอีกตามฟอร์ม
- ดีแทค ไม่ต้องหวัง (แอบตำหนิ) จากการไปเที่ยวแถวๆ เขา พวกตะเข็บชายแดนที่ผ่านมา ดีแทคไม่เคยเข้าถึง ต้องหวังพึ่งค่ายอื่นเสมอ เสียใจ
วันที่2 ผมเดินทางจากอุทยานมาเที่ยวที่อ.สังขระบุรี เพื่อพบกับความผิดพลาดที่สี่
(จ๋อย เจ็บ)
ข้อผิดพลาดที่สี่ คือ การซื้ออุปกรณ์บางอย่างมาเพื่อใช้กับทริปครั้งแรก โดยที่เราไม่รู้จัก ไม่เคยใช้มันมาก่อน ไม่เคยซ้อม เป็นเรื่องเสี่ยงมากกกกถึงขั้นเสียใจ สำหรับผมคือ ผมซื้ออแดปเตอร์กล้องมาใหม่ เพื่อจะได้ให้กล้องโซนี่ผมใช้กับเลนส์แคนน่อนได้ ซึ่งเลนส์นี้เป็นระยะเลนส์ที่สามารถเอาไปตัวเดียวก็พอได้ ปัญหาคือ ก่อนเดินทางผมต้องอัพเดทเฟิร์มแวร์ให้กล้องก่อน ซึ่งไม่เคยอัพเดทเลย อัพเสร็จลองใช้ก็เห็นว่าโอเคแล้ว ก็เลยแพ็คไป ปรากฏว่า วันที่สองของการเดินทาง เอากล้องคู่ใจไปใช้ไม่นานกล้องก็แฮงค์ วงจรช็อต พังครับ วันแรกไม่ได้ถ่าย วันนี้ได้ถ่ายนิดหน่อยพังซะ สรุปกล้องที่ดีที่สุดที่ติดตัวมามันจบแล้ว
***ข้อควรกระทำ*** อุปกรณ์ใดๆ เราควรทดลองใช้ และซ้อมมันก่อนเสมอ ไม่งั้นอาจจะโชคร้ายเหมือนผม ยังดีนะที่เกิดกับการท่องเที่ยวส่วนตัว ถ้าเป็นการไปทำงานแล้วเจอแบบนี้ล่ะก็ เจ็บปวดรวดร้าวระบบ
เมื่อกล้องพัง การทำรีวิวแบบ VLOG ครั้งแรกของผมจึงจบไปด้วย โดยหารู้ไม่ว่า จริงๆ ยังมีอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ได้เหมือนกันอีกอย่าง แต่ตอนนั้นลืม ซึ่งก็คือมือถือนั่นเอง จะเห็นได้ว่า รูปเกือบทั้งหมดที่ลงไว้ในนี้คือรูปจากมือถือครับ
วันที่3 เมื่อไม่มีกล้องหลักเราจึงงัดโกโปรขึ้นมา
ข้อผิดพลาดที่ห้า คือ ไม่สำรวจตรวจสอบอุปกรณ์ใดๆ ผลคืออุปกรณ์ยึดกล้องโกโปรกับรถ ใช้งานไม่ได้ พังไปเกือบหมดแล้ว สรุปจึงเหลือตัวยึดโกโปรกับคนหนึ่งอัน กับใส่บนขาตั้งกล้องหนึ่งอัน ส่วนที่จับแฮนด์ ที่หนีบจุดต่างๆ เจ๊งหมด อ๊ะ อย่างน้อยก็ได้ภาพมาบ้างล่ะ
***ข้อควรกระทำ*** หาเวลาเช็คของก่อนเดินทางสักสองวัน เพราะยังไปหาซื้อมาทดแทนได้ ถ้าพบว่าขาดอะไร
แต่ แต่ แต่ แต่แล้วก็บอบช้ำถึงขีดสุดเมื่อ มินิเอสดีการ์ดที่ใส่ไว้ในโกโปรหายระหว่างรอโหลดภาพ ผมจึงไม่เหลือภาพใดๆ จากโกโปร บาดเจ็บซ้ำซ้อนจริงๆ
***ข้อควรกระทำ*** เมื่อจบทริปควรโหลดการ์ดทันที อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง
นี่คือรูปเดียวที่เอ๊กพอร์ทเข้ามือถือไว้ตอนไปเที่ยวเพื่ออวดคนทางบ้าน
รูปผู้ต้องสงสัยตัวการในการขโมยของ
หลังจากนั้นเราก็เดินทางสู่เป้าหมายสูงสุด เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร (เสียดายไม่เหลือรูปสักใบ T T) พวกเราไม่เคยมีใครเคยไปสักครั้ง ดูรีวิวก็พอรู้ว่าทางไม่ดี ซึ่งก็ตรงเป้าเรา รถเราๆ น่าจะลุยได้น่า ถึงประสบการณ์ไม่มีแต่ก็พร้อมลอง และแล้วก็...
ข้อผิดพลาดที่หก คือ ห้ามเด็ดขาด ถ้าพบว่าโซ่รถหย่อน ห้ามเด็ดขาดที่จะขับต่อไปโดยที่คิดว่าไม่เป็นหรอก เพราะมันจะเป็นครับ ซึ่งเหตุการณ์ของผมก็คือ รถพี่ที่มาด้วยกันนั้นโซ่หย่อนมาตั้งแต่แรกแล้ว คือเคยแก้แล้วแต่ก็หย่อนอีก เลยนึกว่าเป็นสไตล์รถรึเปล่าเพราะที่ศูนย์ก็แก้ไม่หาย (แอบตำหนิ) เราก็เลยขับกันไป วันแรกๆ ทางเรียบๆ ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่พอเข้าเขตทุ่งใหญ่เท่านั้นแหละ ทางแบบโหดมาก สวยแต่ทารุณรถพอควร เป็นหลุมเป็นบ่อ เป็นหินเล็กหินใหญ่หินแหลม แล้วเมื่อรถกระแทกบ่อยๆ เข้า โซ่ที่หย่อนมันก็ตกออกจากเฟืองหลังกลางทาง ทีแรกไม่เป็นไร พี่เขาก็ใส่กลับเข้าไปที่เฟืองล้อหลัง เหมือนเวลาจักรยานโซ่หลุด แต่พอขับต่อได้อีกนิดเดียว คราวนี้โซ่ตกในเฟืองหน้าในส่วนห้องเครื่องเลย รถก็ชะงักหยุดกระทันหันเพราะโซ่ติดสิครับ เมื่อล้อมันล็อคตายและน้ำหนักรถที่เยอะก็ไม่อาจทานได้ ล้มสิครับ โชคดีในโชคร้ายคือ ทางที่ไม่ดีทำให้เราขับกันช้ามาก เราจึงไม่เป็นไร แต่ถ้าเราขับกันมาเร็วๆ แล้วโซ่ติดล่ะก็ไม่อยากจะคิดเลย มีกระเด็นกระดอน กระจายแน่ครับ
***ข้อควรกระทำ*** เช็ครถก่อนเสมอ อะไรที่ไม่สบายใจ ไม่ปกติต้องแก้ครับ
ตอนนั้นหลังจากเกิดปัญหา ก็ต้องจอดรถข้างทางในป่าเขา และเราก็ไม่มีใครมีความรู้ใดๆ อุปกรณ์ก็ไม่มีสักชิ้น โชคดีที่มีพี่เจ้าหน้าที่อุทยานขับกระบะผ่านมาพอดีสามคน เค้าบอกว่า ปัญหานี้เจอประจำ แกก็ไปหาเครื่องมือจากบ้านแถวนั้นมา ยกรถขึ้นด้วยการเอาหินค้ำกับเชือกผูกให้ล้อหลังลอย ถอดฝาเครื่อง ขันโซ่ ต่อโซ่ ดึงโซ่ ไม่รู้เรียกว่าอะไรดี แล้วก็จัดการเอาเข้าเฟืองตามปกติ ปิดฝาเครื่อง จบ โซ่ตึงอย่างกับรถใหม่ ขอบคุณพี่เจ้าหน้าที่มากครับ
ปล. ตั้งแต่ตอนนั้นจนปัจจุบัน โซ่ยังไม่หย่อนอีกเลย ไม่รู้ว่าพี่เค้าทำอย่างไร แล้วทำไมศูนย์จึงทำไม่ได้อย่างพี่เขา ตั้งวันเดียวอีกวันหย่อนคืออะไร
(จริงๆ จุดที่รถเสียเป็นทางลาดชัน เต็มไปด้วยหิน เหมือนเวลาเดินขึ้นน้ำตกครับ พี่เจ้าหน้าที่เลยช่วยกันยกขึ้นรถลงมาตรงจุดที่ซ่อมสะดวก)
ข้อแนะนำ จำร้านสองข้างทางที่เราขับผ่านมาไว้ด้วยครับ เป็นประโยชน์สูง // จริงๆ ตอนที่รถเสีย ผมจำได้ว่ามีร้านซ่อมแบบชาวบ้านอยู่ตรงชุมชนเมื่อก่อนเข้าเขตสักแปดโลแม้ว ผมเลยขี่กลับไปตามช่าง แต่พอกลับมาเจอพี่ก็ปรากฏว่าพี่เจ้าหน้าที่อุทยานมาช่วยได้แล้ว เลยจ่ายค่าเสียเวลาไปแทนครับ)
สรุปพอรถเสียเราจึงเข้าไปที่ทุ่งใหญ่ไม่ทัน เพราะทางไม่ดี เวลาไม่พอ ตอนนั้นจะมืดแล้ว เลยต้องขับกลับทางเดิมไปนอนที่ อุทยานลำคลองงู สถานที่ที่ไม่ได้คิดไว้ แต่ชอบมาก
เดี๋ยวมาต่อวันที่ 4 อีกนิดหน่อยนะครับ กับอุทยานแห่งชาติลำคลองงู
(จริงๆ มาถึงมืดอีกตามฟอร์ม // ขอภาพเก๊กๆ สักใบครับ)
{เรื่องโดย Somnarong kantachavana // แจ้งก่อนครับ เพราะกระทู้ก่อนหน้าภรรยาเป็นคนเขียน}
edit // แก้คำผิดครับ
แชร์ประสบการณ์ เมียไม่อยู่หนูออกทริป รวมข้อผิดผลาดของการแบ็คแพ็คเที่ยวเพื่อทดลองทำรีวิว จนเกือบไม่ได้อะไรกลับมา
ทริปนี้เริ่มต้นจากการที่ภรรยาไม่อยู่ หนูจึงร่าเริง วางแผนแว๊นเที่ยวทันใด ถถถถ ไม่รอช้าโทรหาพี่ร่วมทางหนึ่งคนทันที โดยแจ้งเป้าหมายตามที่เกริ่นไป คือการถ่ายทำรีวิวสถานที่ท่องเที่ยว สิ่งที่เตรียมไปส่วนใหญ่จึงเป็นอุปกรณ์ถ่ายทำดังภาพครับ
(จริงๆ รูปนี้ถ่ายเมื่อวันที่สี่ก่อนกลับบ้านครับ หลังจากคิดได้ว่า จะทำรีวิวเรื่องอะไรกันแน่)
กล้อง เลนส์ ไมค์ ขาแบบปลาหมึก โดรนเล็กและอุปกรณ์ แบต โกโปร อุปกรณ์ริคกับรถกับคน คอม และอื่นๆ อีกเล็กน้อย ทั้งหมดนี้รวมกับเสื้อผ้าแล้วต้องแพ็คลงบนเบาะรถให้ได้ ส่วนเต้นท์ไปเช่าอุทยานเอา โดยเป้าหมายคือเขตรักษาพันสัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ซึ่งกินพื้นที่จังหวัดตาก อุทัยธานี และกาญจนบุรี ซึ่งเราจะเข้าทางกาญจนบุรีกันครับ
วันที่1 ออกเดินทาง
ข้อผิดพลาดแรกคือ การเตรียมตัวแพ็คของ
(จากรูปด้านบน รถผมทางซ้าย จะเห็นว่ารถทางขวาเป็นระเบียบกว่า เพราะพี่เค้ามีประสบการณ์การมัดมาบ้างแล้ว)
นัดกันออกจากบ้านผมเก้าโมง ออกจริงเที่ยงครึ่ง เพราะ ไม่เคยซ้อมการจัดของ และมัดรวมของมาก่อนเลย การผูกมัดเชือกมัดกระเป๋าไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด กว่าจะหาวิธีการมัดที่รู้สึกปลอดภัย เวลาขี่แล้วไม่หล่นมันยากมาก ยิ่งต่อความมั่นใจด้วยแล้วเนี่ย...หึๆ แถมพอมัดเสร็จลืมของบางอย่างอีก ต้องแก้ใหม่ มัดใหม่ และมันก็จะไม่เหมือนเดิม T T แต่ก็ถือว่าการมัดครั้งแรกคือการซ้อมไปละกัน ดังนั้นแผนการเดินทางจึงล่าช้าไปมากกว่า 3 ชั่วโมง จากแค่การเก็บของ มัดรวมของบนหลังรถที่คิดว่าน่าจะง่ายด้วยประการฉะนี้แล
***ข้อควรกระทำ*** อย่าขี้เกียจซ้อมแพ็คของ แล้วลองผูกของดูสักครั้ง ดูตัวอย่างการมัดเชือกไว้ยิ่งดี การมัดของต้องแน่นหนา เพราะอันตรายถึงชีวิตทีเดียว
***ข้อแนะนำ*** เชือกมีประโยชน์มาก มีไว้หลายๆ เส้นดีกว่า เชือกแบบที่เหมือนเชือกผูกรองเท้านั่นแหละ แต่หนาและยาวกว่า ซื้อเป็นม้วนมาตัดใช้ได้
***ข้อแนะนำ*** เชือกแบบตาข่ายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้อีกชิ้น ประโยชน์สูงส่ง ไว้เสียบของต่างๆ ตั้งแต่ขวดน้ำยันรองเท้าแตะ อะไรก็ได้ เสียบเข้าไปฮะ
(ตัวอย่างจากรถพี่)
ข้อผิดพลาดที่สอง เป็นผลพวงมาจากข้อแรกคือ การมัดของที่แน่นหนา แต่ไม่มีประสบการณ์การจัดของที่ดีพอ พยายามรวมทุกอย่างให้แพ็คอยู่รวมกันให้ได้มากที่สุด จะได้กระเป๋าเล็ก และไม่ต้องเอากระเป๋าไปเยอะ ผลคือหยิบของยากมาก เพราะมันแน่นไปหมด ยิ่งมัดอยู่บนหลังรถแล้วล่ะก็ ไม่แก้เชือกออกมาแน่นอน เพราะกว่าจะแก้ กว่าจะมัดใหม่ก็กินเวลาเป็นครึ่งชั่วโมงอย่างน้อย การเดินทางวันแรกจึงไม่ได้หยิบกล้องหลักมาถ่ายเลย นอกจากพยายามดึงโดรนน้อยออกมาหนึ่งครั้งถ้วน แล้วก็เข็ดกับการเอาเข้า-ออก เสียเวลา ยุ่งยากลำบากมาก เลยไม่ถ่ายอีกเลย แล้วรูปที่ถ่ายนั้นก็ไม่ได้มีประโยชน์ เพราะเป็นจุดที่เพิ่งเริ่มเห็นเขาเท่านั้น คือกะแวะถ่ายระหว่างทางไปเรื่อยๆ โดยเริ่มจากจุดนี้ แต่ก็กลายเป็นจุดจบไปด้วยซะอย่างนั้น
***ข้อควรกระทำ*** ควรวางแผน เก็บของอะไรก็ตามที่เราจะใช้บ่อย ให้หยิบง่ายที่สุด // ในที่นี้อุปกรณ์ถ่ายภาพควรจะอยู่ในที่ที่หยิบง่ายที่สุด สะดวกที่สุด ไม่ต้องสนว่ามันจะต้องรวมเก็บไปกับกระเป๋าไหนเพื่อประหยัดเนื้อที่เก็บ ไม่อย่างนั้นมันจะไม่มีประโยชร์ทันที จริงๆ กว่าผมจะหาที่วางให้มันได้ก็ปาไปวันที่สามแล้ว ผมเอาของทุกอย่างที่ไม่จำเป็นออกจากกระเป๋ากล้องทั้งหมด เหลือให้มันเพียงกล้องและไมค์หนึ่งตัว คือเอาให้โล่งเลยฮะ ที่ชาร์ต แบต สายโน่นนี่เอาออกไปเก็บที่อื่น ไม่ต้องมาเบียดเบียนพื้นที่ใดๆ
(รูปนี้คือ หลังจากผมเคลียร์ทุกอย่างออกไปแล้ว เหลือของในกระเป๋านี้แค่นี้เลยครับ หยิบง่ายมากขึ้นเยอะ กระเป๋านี้จะติดอยู่ที่ด้านซ้ายของมอไซค์ตามรูปด้านบนครับ)
ข้อผิดพลาดที่สาม เนื่องจากผมเป็นคนไม่ชอบวางแผนการเที่ยวมากนัก ชอบไปลุยเอาดาบหน้า แล้วจากการที่ออกจากบ้านสาย จึงไปไม่ถึงพื้นที่เป้าหมาย เราแวะพักที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลม ถึงที่นี่ประมาณสองทุ่ม โดยหารู้ไม่ว่าวันธรรมดาจะไม่มีของขาย ร้านอาหารร้านของชำปิดกันเร็วมาก เพราะไม่มีนักท่องเที่ยว เซเว่นก็ห่างประมาณสี่สิบกิโล ร้านอาหารที่อุทยานก็ปิดหมด นี่แหละการไม่วางแผน หรือถามผู้รู้บริเวณนั้นให้ดี // แต่ผมยังโชคดีที่ตระเวนดูร้านของชำที่เจ้าหน้าที่แนะนำ แล้วพอดีเจอร้านนึงแง้มๆ ประตูอยู่ คือปิดไปแล้วแต่ประตูยังแง้มๆ ไว้ เราจึงขอซื้อของต่างๆ ได้ ซึ่งเท่าที่มีก็บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขนมปัง น้ำ โค้กเท่านั้นล่ะ
***ข้อควรกระทำ*** วางแผนกันสักหน่อย อย่างน้อยวางแผนปากท้องให้มีแผนสองไว้ดีกว่าครับ
(ถึงกลางคืน จะเห็นอะไรเนาะ ความตั้งใจที่ว่า ต้องถึงที่หมายยามเย็นไม่เคยเป็นผลสักกะวันเดียวเลยครับ)
***note*** การเที่ยวอุทยานนอนเต็นท์ สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรขาดคือ
- รองเท้าแตะ เพราะจะทำให้เข้าห้องน้ำสะดวก ไม่ต้องเดินเท้าเปล่าให้แหยงเล่น ซึ่งผมก็ลืมแพ็คมาด้วยตามฟอร์ม เลยต้องยืมพี่ที่มาด้วยใช้ ก่อนจะไปหาซื้อได้ในวันที่สาม
- ไฟฉาย อย่าหวังพึ่งไฟมือถือเลย /// ไฟฉายที่ติดหน้าฝากได้ จะเวิร์คมากครับ ซึ่งผมไม่มี และก็หาซื้อได้ในวันที่สามเช่นกัน
- แก้วน้ำ เอาไว้ดื่มนั่นแหละครับ ไม่มีก็เศร้าอยู่ไม่น้อย คงต้องตัดขวดทำแก้วอีกตามฟอร์ม
- ดีแทค ไม่ต้องหวัง (แอบตำหนิ) จากการไปเที่ยวแถวๆ เขา พวกตะเข็บชายแดนที่ผ่านมา ดีแทคไม่เคยเข้าถึง ต้องหวังพึ่งค่ายอื่นเสมอ เสียใจ
วันที่2 ผมเดินทางจากอุทยานมาเที่ยวที่อ.สังขระบุรี เพื่อพบกับความผิดพลาดที่สี่
(จ๋อย เจ็บ)
ข้อผิดพลาดที่สี่ คือ การซื้ออุปกรณ์บางอย่างมาเพื่อใช้กับทริปครั้งแรก โดยที่เราไม่รู้จัก ไม่เคยใช้มันมาก่อน ไม่เคยซ้อม เป็นเรื่องเสี่ยงมากกกกถึงขั้นเสียใจ สำหรับผมคือ ผมซื้ออแดปเตอร์กล้องมาใหม่ เพื่อจะได้ให้กล้องโซนี่ผมใช้กับเลนส์แคนน่อนได้ ซึ่งเลนส์นี้เป็นระยะเลนส์ที่สามารถเอาไปตัวเดียวก็พอได้ ปัญหาคือ ก่อนเดินทางผมต้องอัพเดทเฟิร์มแวร์ให้กล้องก่อน ซึ่งไม่เคยอัพเดทเลย อัพเสร็จลองใช้ก็เห็นว่าโอเคแล้ว ก็เลยแพ็คไป ปรากฏว่า วันที่สองของการเดินทาง เอากล้องคู่ใจไปใช้ไม่นานกล้องก็แฮงค์ วงจรช็อต พังครับ วันแรกไม่ได้ถ่าย วันนี้ได้ถ่ายนิดหน่อยพังซะ สรุปกล้องที่ดีที่สุดที่ติดตัวมามันจบแล้ว
***ข้อควรกระทำ*** อุปกรณ์ใดๆ เราควรทดลองใช้ และซ้อมมันก่อนเสมอ ไม่งั้นอาจจะโชคร้ายเหมือนผม ยังดีนะที่เกิดกับการท่องเที่ยวส่วนตัว ถ้าเป็นการไปทำงานแล้วเจอแบบนี้ล่ะก็ เจ็บปวดรวดร้าวระบบ
เมื่อกล้องพัง การทำรีวิวแบบ VLOG ครั้งแรกของผมจึงจบไปด้วย โดยหารู้ไม่ว่า จริงๆ ยังมีอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ได้เหมือนกันอีกอย่าง แต่ตอนนั้นลืม ซึ่งก็คือมือถือนั่นเอง จะเห็นได้ว่า รูปเกือบทั้งหมดที่ลงไว้ในนี้คือรูปจากมือถือครับ
วันที่3 เมื่อไม่มีกล้องหลักเราจึงงัดโกโปรขึ้นมา
ข้อผิดพลาดที่ห้า คือ ไม่สำรวจตรวจสอบอุปกรณ์ใดๆ ผลคืออุปกรณ์ยึดกล้องโกโปรกับรถ ใช้งานไม่ได้ พังไปเกือบหมดแล้ว สรุปจึงเหลือตัวยึดโกโปรกับคนหนึ่งอัน กับใส่บนขาตั้งกล้องหนึ่งอัน ส่วนที่จับแฮนด์ ที่หนีบจุดต่างๆ เจ๊งหมด อ๊ะ อย่างน้อยก็ได้ภาพมาบ้างล่ะ
***ข้อควรกระทำ*** หาเวลาเช็คของก่อนเดินทางสักสองวัน เพราะยังไปหาซื้อมาทดแทนได้ ถ้าพบว่าขาดอะไร
แต่ แต่ แต่ แต่แล้วก็บอบช้ำถึงขีดสุดเมื่อ มินิเอสดีการ์ดที่ใส่ไว้ในโกโปรหายระหว่างรอโหลดภาพ ผมจึงไม่เหลือภาพใดๆ จากโกโปร บาดเจ็บซ้ำซ้อนจริงๆ
***ข้อควรกระทำ*** เมื่อจบทริปควรโหลดการ์ดทันที อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง
นี่คือรูปเดียวที่เอ๊กพอร์ทเข้ามือถือไว้ตอนไปเที่ยวเพื่ออวดคนทางบ้าน
รูปผู้ต้องสงสัยตัวการในการขโมยของ
หลังจากนั้นเราก็เดินทางสู่เป้าหมายสูงสุด เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร (เสียดายไม่เหลือรูปสักใบ T T) พวกเราไม่เคยมีใครเคยไปสักครั้ง ดูรีวิวก็พอรู้ว่าทางไม่ดี ซึ่งก็ตรงเป้าเรา รถเราๆ น่าจะลุยได้น่า ถึงประสบการณ์ไม่มีแต่ก็พร้อมลอง และแล้วก็...
ข้อผิดพลาดที่หก คือ ห้ามเด็ดขาด ถ้าพบว่าโซ่รถหย่อน ห้ามเด็ดขาดที่จะขับต่อไปโดยที่คิดว่าไม่เป็นหรอก เพราะมันจะเป็นครับ ซึ่งเหตุการณ์ของผมก็คือ รถพี่ที่มาด้วยกันนั้นโซ่หย่อนมาตั้งแต่แรกแล้ว คือเคยแก้แล้วแต่ก็หย่อนอีก เลยนึกว่าเป็นสไตล์รถรึเปล่าเพราะที่ศูนย์ก็แก้ไม่หาย (แอบตำหนิ) เราก็เลยขับกันไป วันแรกๆ ทางเรียบๆ ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่พอเข้าเขตทุ่งใหญ่เท่านั้นแหละ ทางแบบโหดมาก สวยแต่ทารุณรถพอควร เป็นหลุมเป็นบ่อ เป็นหินเล็กหินใหญ่หินแหลม แล้วเมื่อรถกระแทกบ่อยๆ เข้า โซ่ที่หย่อนมันก็ตกออกจากเฟืองหลังกลางทาง ทีแรกไม่เป็นไร พี่เขาก็ใส่กลับเข้าไปที่เฟืองล้อหลัง เหมือนเวลาจักรยานโซ่หลุด แต่พอขับต่อได้อีกนิดเดียว คราวนี้โซ่ตกในเฟืองหน้าในส่วนห้องเครื่องเลย รถก็ชะงักหยุดกระทันหันเพราะโซ่ติดสิครับ เมื่อล้อมันล็อคตายและน้ำหนักรถที่เยอะก็ไม่อาจทานได้ ล้มสิครับ โชคดีในโชคร้ายคือ ทางที่ไม่ดีทำให้เราขับกันช้ามาก เราจึงไม่เป็นไร แต่ถ้าเราขับกันมาเร็วๆ แล้วโซ่ติดล่ะก็ไม่อยากจะคิดเลย มีกระเด็นกระดอน กระจายแน่ครับ
***ข้อควรกระทำ*** เช็ครถก่อนเสมอ อะไรที่ไม่สบายใจ ไม่ปกติต้องแก้ครับ
ตอนนั้นหลังจากเกิดปัญหา ก็ต้องจอดรถข้างทางในป่าเขา และเราก็ไม่มีใครมีความรู้ใดๆ อุปกรณ์ก็ไม่มีสักชิ้น โชคดีที่มีพี่เจ้าหน้าที่อุทยานขับกระบะผ่านมาพอดีสามคน เค้าบอกว่า ปัญหานี้เจอประจำ แกก็ไปหาเครื่องมือจากบ้านแถวนั้นมา ยกรถขึ้นด้วยการเอาหินค้ำกับเชือกผูกให้ล้อหลังลอย ถอดฝาเครื่อง ขันโซ่ ต่อโซ่ ดึงโซ่ ไม่รู้เรียกว่าอะไรดี แล้วก็จัดการเอาเข้าเฟืองตามปกติ ปิดฝาเครื่อง จบ โซ่ตึงอย่างกับรถใหม่ ขอบคุณพี่เจ้าหน้าที่มากครับ
ปล. ตั้งแต่ตอนนั้นจนปัจจุบัน โซ่ยังไม่หย่อนอีกเลย ไม่รู้ว่าพี่เค้าทำอย่างไร แล้วทำไมศูนย์จึงทำไม่ได้อย่างพี่เขา ตั้งวันเดียวอีกวันหย่อนคืออะไร
(จริงๆ จุดที่รถเสียเป็นทางลาดชัน เต็มไปด้วยหิน เหมือนเวลาเดินขึ้นน้ำตกครับ พี่เจ้าหน้าที่เลยช่วยกันยกขึ้นรถลงมาตรงจุดที่ซ่อมสะดวก)
ข้อแนะนำ จำร้านสองข้างทางที่เราขับผ่านมาไว้ด้วยครับ เป็นประโยชน์สูง // จริงๆ ตอนที่รถเสีย ผมจำได้ว่ามีร้านซ่อมแบบชาวบ้านอยู่ตรงชุมชนเมื่อก่อนเข้าเขตสักแปดโลแม้ว ผมเลยขี่กลับไปตามช่าง แต่พอกลับมาเจอพี่ก็ปรากฏว่าพี่เจ้าหน้าที่อุทยานมาช่วยได้แล้ว เลยจ่ายค่าเสียเวลาไปแทนครับ)
สรุปพอรถเสียเราจึงเข้าไปที่ทุ่งใหญ่ไม่ทัน เพราะทางไม่ดี เวลาไม่พอ ตอนนั้นจะมืดแล้ว เลยต้องขับกลับทางเดิมไปนอนที่ อุทยานลำคลองงู สถานที่ที่ไม่ได้คิดไว้ แต่ชอบมาก
เดี๋ยวมาต่อวันที่ 4 อีกนิดหน่อยนะครับ กับอุทยานแห่งชาติลำคลองงู
(จริงๆ มาถึงมืดอีกตามฟอร์ม // ขอภาพเก๊กๆ สักใบครับ)
{เรื่องโดย Somnarong kantachavana // แจ้งก่อนครับ เพราะกระทู้ก่อนหน้าภรรยาเป็นคนเขียน}
edit // แก้คำผิดครับ