ช่วงฤดูกาลต่างๆ ของประเทศญี่ปุ่นย่อมมีเสน่ห์ที่แตกต่างกัน และหากพูดถึงใบไม้เปลี่ยนสีแล้ว ได้ยินคำเล่าลือมาว่าเกียวโตนั้นสวยที่สุด เราจึงจัดทริปไปเลย เที่ยว
4 วัน กับ 4 ทิศ ของเกียวโตในยามใบไม้เปลี่ยนสี และนี่คือภาพรวมๆ ของทริปใน 4 วันนี้ (19-22 พ.ย. 2017)
ถ้าใครชอบก็สามารถกดไลค์ให้กำลังใจเราสองคนในเฟซบุ๊คได้นะคะ
www.facebook.com/lazycoup
ก่อนอื่นเลยการไปเกียวโตต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง
1.สภาพอากาศ :: สามารถเข้าไปเช็ตได้ที่เว็บ
https://www.accuweather.com/en/jp/kyoto-shi/224436/month/224436?monyr=11/01/2017 ในช่วงที่เราไปอุณหภูมิอยู่ที่ 6-14 องศา และมีฝนตกในบางช่วง
2.การเดินทาง :: ควรวางแผนการเดินทางโดยการใช้
http://www.hyperdia.com/en/ โดยเราใช้ hyperdia ในการแพลนเรื่องการนั่งรถไฟใต้ดินเป็นหลัก และ
https://www.google.co.th/maps ส่วน google map เราเอาไว้บุ๊คมาร์กร้านอาหาร สถานที่เที่ยวสำคัญ โรงแรม และไว้คอยดูรถบัส ในช่วงระหว่างวัน (โหลดแอพไว้เลยก็ง่ายดีค่ะ)
3.บัตรโดยสารที่ใช้ :: ถ้าอยู่ในเกียวโตหลายวันก็แนะนำ kansai thru pass นะคะ เพราะสถานีส่วนใหญ่ จะไม่ค่อยเป็นของ JR สักเท่าไหร่
4.ตั๋วเครื่องบิน :: ตอนนี้กำลังปลื้มกับสายการบิน JAL เพราะราคาเที่ยวละ 8000 บาท แต่รวมน้ำหนักกระเป๋าโหลดได้ 2 ใบ ใบละ 23 กิโล (ตกคนละ 46 กิโล) แถมมีอาหารให้ทาน มีเกมส์ มีหนังบนเครื่องดู สบายมาก แต่อันนี้แล้วแต่เพื่อนๆ จองกันนะคะ เป็นความชอบส่วนตัวล้วนๆ
5.โหลดแอพพลิเคชั่น Payke ไว้ (เราใช้ android นะ) :: แอพนี้คือช่วยชีวิตเรามาก เพราะตอนไปญี่ปุ่นเราตากฝนและป่วย ร้านยาที่นู่นมีเยอะมาก ทั้ง matsumoto และ ดองกี้ แต่ถ้าเราอ่านไม่ออก คุยญี่ปุ่นกับคนขายไม่ได้ ก็เปิดแอพนี้สแกนบาร์โค้ดสินค้าได้เลย ว่าเป็นยาอะไร ช่วยอะไร ใช้ยังไง (ใช้ได้กับสินค้าทุกอย่างของญี่ปุ่น)
6.ที่พัก :: เราสองคนอยากได้ที่ดูฮิปๆ หน่อย มีออนเซ็นให้อาบ และก็ใกล้กับสถานีใต้ดิน (ไม่จำเป็นต้องเป็นสถานีเกียวโตก็ได้) เลยเลือก โรงแรม
Sakura Terrace the Atelier (ที่นี่ใกล้สถานี KUJO )
google map ::
https://goo.gl/maps/6hNHrML5G822
ข้อดี : ดูหนังจิบเบียร์ได้ในห้องรวมข้างล่าง บางคืนก็มีดนตรีแจ๊สมาเล่นสด มีกาแฟสด ชา ช็อคโกแลตให้บริการบดเล่นเองได้เลย และมีออนเซน
ข้อเสีย : ร้านอาหารละแวกนี้น้อย ไม่มีห้องน้ำในตัว ห้องเล็ก
7. อินเตอร์เน็ต : ใช้ sim2fly ของ AIS ราคา 399 บาท (ใช้คนละซิมกับแฟนเลย เพราะว่าชอบเดินแยกกันถ่ายรูป กลัวหากแชร์ hotspot หรือ
ใช้ samurai wifi สัญญาณอาจไม่ถึงกัน แล้วจะหากันไม่เจอค่ะ)
8.กล้องที่เราสองคนใช้คือ fuji xt2 (พี่คิม) และ Fuji xt20 (หนู)
เลนส์ส่วนใหญ่ 16-55 56 1.2 (พี่คิม) และ 18-55 55-200 และ voking 35 1.7 (หนู) สำหรับ 10-24 ใช้ถ่ายห้องพัก
////////////////////////////// แ พ ล น ท ริ ป .... 4 วัน 4 ทิศ /////////////////////////////////////////////
🍁🍂1st day – Eastern Kyoto :: Nanzenji & Eikando Temple
---------------------------------------------------------------------------------------------------
🍁🍂2nd day – Western Kyoto :: Arashiyama (Kameyama Koen, Bamboo Forest, Togetsukyo Bridge, Senkoji temple, Tenryuji Temple)
---------------------------------------------------------------------------------------------------
🍁🍂3rd day – Nothern Kyoto :: Enkoji Temple, Genkoan Temple และ Wife & Husband cafe
---------------------------------------------------------------------------------------------------
🍁🍂4th day – South Kyoto :: Tofukuji Temple , Fushimi Inari
---------------------------------------------------------------------------------------------------
[CR] สรุปทริป 4 วัน 4 ทิศ กับใบไม้เปลี่ยนสี ที่ เกียวโต << Lazy Coup >>
ถ้าใครชอบก็สามารถกดไลค์ให้กำลังใจเราสองคนในเฟซบุ๊คได้นะคะ www.facebook.com/lazycoup
ก่อนอื่นเลยการไปเกียวโตต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง
1.สภาพอากาศ :: สามารถเข้าไปเช็ตได้ที่เว็บ https://www.accuweather.com/en/jp/kyoto-shi/224436/month/224436?monyr=11/01/2017 ในช่วงที่เราไปอุณหภูมิอยู่ที่ 6-14 องศา และมีฝนตกในบางช่วง
2.การเดินทาง :: ควรวางแผนการเดินทางโดยการใช้ http://www.hyperdia.com/en/ โดยเราใช้ hyperdia ในการแพลนเรื่องการนั่งรถไฟใต้ดินเป็นหลัก และ https://www.google.co.th/maps ส่วน google map เราเอาไว้บุ๊คมาร์กร้านอาหาร สถานที่เที่ยวสำคัญ โรงแรม และไว้คอยดูรถบัส ในช่วงระหว่างวัน (โหลดแอพไว้เลยก็ง่ายดีค่ะ)
3.บัตรโดยสารที่ใช้ :: ถ้าอยู่ในเกียวโตหลายวันก็แนะนำ kansai thru pass นะคะ เพราะสถานีส่วนใหญ่ จะไม่ค่อยเป็นของ JR สักเท่าไหร่
4.ตั๋วเครื่องบิน :: ตอนนี้กำลังปลื้มกับสายการบิน JAL เพราะราคาเที่ยวละ 8000 บาท แต่รวมน้ำหนักกระเป๋าโหลดได้ 2 ใบ ใบละ 23 กิโล (ตกคนละ 46 กิโล) แถมมีอาหารให้ทาน มีเกมส์ มีหนังบนเครื่องดู สบายมาก แต่อันนี้แล้วแต่เพื่อนๆ จองกันนะคะ เป็นความชอบส่วนตัวล้วนๆ
5.โหลดแอพพลิเคชั่น Payke ไว้ (เราใช้ android นะ) :: แอพนี้คือช่วยชีวิตเรามาก เพราะตอนไปญี่ปุ่นเราตากฝนและป่วย ร้านยาที่นู่นมีเยอะมาก ทั้ง matsumoto และ ดองกี้ แต่ถ้าเราอ่านไม่ออก คุยญี่ปุ่นกับคนขายไม่ได้ ก็เปิดแอพนี้สแกนบาร์โค้ดสินค้าได้เลย ว่าเป็นยาอะไร ช่วยอะไร ใช้ยังไง (ใช้ได้กับสินค้าทุกอย่างของญี่ปุ่น)
6.ที่พัก :: เราสองคนอยากได้ที่ดูฮิปๆ หน่อย มีออนเซ็นให้อาบ และก็ใกล้กับสถานีใต้ดิน (ไม่จำเป็นต้องเป็นสถานีเกียวโตก็ได้) เลยเลือก โรงแรม Sakura Terrace the Atelier (ที่นี่ใกล้สถานี KUJO )
google map :: https://goo.gl/maps/6hNHrML5G822
ข้อดี : ดูหนังจิบเบียร์ได้ในห้องรวมข้างล่าง บางคืนก็มีดนตรีแจ๊สมาเล่นสด มีกาแฟสด ชา ช็อคโกแลตให้บริการบดเล่นเองได้เลย และมีออนเซน
ข้อเสีย : ร้านอาหารละแวกนี้น้อย ไม่มีห้องน้ำในตัว ห้องเล็ก
7. อินเตอร์เน็ต : ใช้ sim2fly ของ AIS ราคา 399 บาท (ใช้คนละซิมกับแฟนเลย เพราะว่าชอบเดินแยกกันถ่ายรูป กลัวหากแชร์ hotspot หรือ
ใช้ samurai wifi สัญญาณอาจไม่ถึงกัน แล้วจะหากันไม่เจอค่ะ)
8.กล้องที่เราสองคนใช้คือ fuji xt2 (พี่คิม) และ Fuji xt20 (หนู)
เลนส์ส่วนใหญ่ 16-55 56 1.2 (พี่คิม) และ 18-55 55-200 และ voking 35 1.7 (หนู) สำหรับ 10-24 ใช้ถ่ายห้องพัก
////////////////////////////// แ พ ล น ท ริ ป .... 4 วัน 4 ทิศ /////////////////////////////////////////////
🍁🍂1st day – Eastern Kyoto :: Nanzenji & Eikando Temple
---------------------------------------------------------------------------------------------------
🍁🍂2nd day – Western Kyoto :: Arashiyama (Kameyama Koen, Bamboo Forest, Togetsukyo Bridge, Senkoji temple, Tenryuji Temple)
---------------------------------------------------------------------------------------------------
🍁🍂3rd day – Nothern Kyoto :: Enkoji Temple, Genkoan Temple และ Wife & Husband cafe
---------------------------------------------------------------------------------------------------
🍁🍂4th day – South Kyoto :: Tofukuji Temple , Fushimi Inari
---------------------------------------------------------------------------------------------------