สวัสดีค่ะเอวี่บอดี้ สิ้นปีแบบนี้ร่างกายมันเรียกร้องการพักผ่อนเหลือเกิน วันดีคืนดีอยากหนีงานไปเที่ยว ด้วยความคิดที่อยากจะพาตัวเองไปพักผ่อนท้าลมหนาวแถบภาคเหนือ แต่วันหยุด วันลา ก็เหลือน้อยเต็มที บวกกับหาตั๋วโปรไม่ได้ ทริปนี้จึงมาลงเอยที่ จ.ระนอง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก จ.ภูเก็ตนัก
จ.ระนอง ตั้งอยู่ภาคใต้ของประเทศไทย การท่องเที่ยวของจังหวัดนี้กำลังเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก มีรีสอร์ทบรรยากาศดีเปิดใหม่มากมาย แถมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆก็ยังถูกโปรโมทออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยแรงจูงใจในทริปนี้ของเราก็คือ การไปลองนอนที่รีสอร์ทสไตล์แคมปิ้งท่ามกลางน้ำตกที่เพิ่งเปิดใหม่นั่นเอง
การเดินทางครั้งนี้เราเลือกการขับรถมาจากจ.ภูเก็ต ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 4-5 ชม. หรือเพื่อนๆชาวกรุงเทพ เดี๋ยวนี้สะดวกสบายมาก บินตรงมาเลย ใช้เวลาแค่1ชม.นิดๆ ก้ได้มาพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติแบบนี้แล้ว ลองมาดูกันค่ะว่า 2วัน1คืน เราจะไปไหนกันได้บ้าง
พร้อมแล้วออกรถไปกันเลย บรื้นนนนนนน
เราเริ่มออกเดินทางจากจ.ภูเก็ตประมาณ 10โมงเช้า ขับรถมาเรื่อยๆจนมาถึงจ.ระนอง ประมาณบ่ายสองโมงครึ่ง เราตัดสินใจแวะทานข้าวเที่ยงที่บ้านไร่ไออรุณ ที่นี่เป็นรีสอร์ทและร้านอาหารอีกที่หนึ่งที่ใครมาเที่ยวจ.ระนองก็ต้องแวะชมบรรยากาศสวยๆ
บ้านไร่ไออรุณ ตั้งอยู่ที่อ.กะเปอร์ซึ่งจะตั้งอยู่ก่อนถึงตัวเมืองระนอง(ถ้าขับรถมาจากภูเก็ต) แนะนำให้ปักGPSค่ะ เพราะแทบจะไม่มีป้ายบอกทางเลย เนื่องจากเราจองที่พักกับอีกรีสอร์ทนึงไว้แล้ว วันนี้เราเลยแค่แวะทานข้าว ชมบรรยากาศของรีสอร์ทนี้กันค่ะ
เมื่อเข้ามาถึงก็จะเป็นโซนต้อนรับก่อนเลยค่ะ มุมนี้จะมีการจำหน่ายผักสดๆจากฟาร์มของที่นี่
เราไปชมบรรยากาศรอบๆของโซนร้านอาหารกันค่ะ
โซนนี้คือดีมาก นั่งจิบกาแฟเอาเท้าแช่น้ำเย็นๆ
เนื่องจากเราสั่งอาหารด้วย ทางร้านเลยให้เรามานั่งโซนแปลงผักซึ่งติดกับครัว โซนนี้ก็บรรยากาศดีไปอีกแบบค่ะ
เราเลือกนั่งมุมนี้ค่ะ เป็นมุมที่เพิ่งสร้างเสร็จหมาดๆ นั่งห้อยค่ะ ชมวิวแปลงผักจากมุมสูง
เสียดายไม่ได้ถ่ายภาพอาหารมาเลย เพราะหิวมากค่ะ พอพนักงานเอามาเสิร์ฟก็ลุยกันเลยค่ะ มื้อนี้หมดไป7ร้อยกว่าบาทค่ะ เมนูที่สั่งมีดังนี้ค่ะ
1. ข้าวราดกระเพราะหมู 2 จาน
2. ข้าวผัดหมู 1 จาน
3. แกงจืดเต้าหู้หมูสับ 1 ถ้วย
4. ยำสาหร่ายทะเล 1 จาน
5. ชามะนาว น้ำมะนาว และ น้ำปั่น
ราคาอาหารก็อยู่ที่ราวๆ 60-180 บาท น้ำ 30 บาทขึ้นไปค่ะ ถือว่าราคาพอรับได้ ถ้าไม่ได้พักที่นี่ก็สามารถเดินเล่นได้แค่บริเวณนี้นะคะ เคยเห็นรูปโซนที่พักในรีวิว มีมุมสวยๆอีกเพียบเลยค่ะ ไว้วันหลังถ้ามีโอกาสจะมาลองมาค้างคืนที่นี่แน่นอน
โบกมือลาบ้านไร่ไออรุณ ได้เวลาเดินทางต่อไปยังที่พักคืนนี้ของเราแล้วค่ะ ขับรถมาอีก 25นาทีก็จะถึงอ.เมือง จ. ระนอง ซึ่งเป็นที่ตั้งของ โตนเพชร กรีนเนอรี การ์เด้น ที่พักสไตล์แคมปิ้งที่เราตั้งใจจะมาพักในคืนนี้ค่ะ
ห้องพักของที่นี่จะมีแบบเต๊นท์และแบบบ้านพักค่ะ โดยตอนนี้บ้านพักมีเพียง 1 หลัง นอนได้ประมาณ 4-6 คน และอีก1หลังกำลังสร้างอยู่ค่ะ นอกนั้นจะเป็นเต๊นท์ที่นอนได้ตั้งแต่ 2-6คนค่ะ พอดีคืนที่เราไปมีกรุ๊ปใหญ่ค่ะ จึงเหลือแค่ที่พักแบบเต๊นท์แคมปิ้ง ราคาอยู่ที่ 600บาทต่อคน รวมอาหารเช้าและอาหารเย็น ราคานี้ถือว่าคุ้มมากค่ะ
พอมาถึง พนักงานก็จะเอาน้ำเวลคัมดริ้งค์มาเสิร์ฟให้ จากรสชาติแล้วน่าจะเป็นน้ำมะนาวผสมน้ำหวาน ดื่มให้พอสดชื่นได้ค่ะ
ไปดูบรรยากาศรอบๆที่พักกันค่ะ มองไปทางไหนก็มีแต่ความร่มรื่น
แอบถ่ายมาค่ะ เป็นซุ้มอาหารที่ทางรีสอร์ทเตรียมไว้ให้กับกรุ๊ปในคืนนี้
มาดูทางฝั่งเต๊นท์ของเราบ้าง
ที่จริงอยากนอนกระโจมสีขาวค่ะ(ถ่ายรูปสวยกว่า
) แต่เต็มแล้ว เราเลยได้นอนเต๊นท์แคมปิ้งแทน ซึ่งขนาดจะใหญ่กว่ากระโจมขาวหน่อยนึง ตอนที่มาถึงทางรีสอร์ทถามเราว่าต้องการให้เสริมเต๊นท์เพิ่มมั้ย เพราะเรามากัน3คน กลัวจะอึดอัดเกินไป เราเลยตัดสินใจขอกางเพิ่มไปก่อนค่ะ ตอนกลางคืนจะนอนด้วยกันหรือแยกย้ายค่อยว่ากันอีกที
อันนี้ด้านในเต๊นท์ค่ะ ค่อนข้างสะดวกสบาย มีที่นอน ผ้าห่ม ปลั๊กไฟ และพัดลม
เนื่องจากตอนที่เราจอง ทางรีสอร์ทส่งรูปมาให้ดู ที่นอนมันค่อนข้างหนากว่านี้ พอมาถึงเราเลยสอบทางทางพี่เตย ซึ่งเป็นเจ้าของรีสอร์ท พี่เตยแจ้งว่าปกติถ้าเป็นเต๊นท์แคมปิ้งจะจัดเป็นที่นอนปิคนิกแบบนี้ให้ แต่เราก็ยืนยันว่าตอนที่คุยกันทางเฟสเป็นที่นอนที่หนากว่านี้จริงๆ พี่เตยเลยขอไปเช็คที่บ้านก่อนว่ามีที่นอนแบบหนาเหลืออีกมั้ย แต่ก็ไม่มีแล้วค่ะ แกเลยเอาผ้านวมมาให้เราแทน อันนี้ขอชื่นชมทางรีสอร์ทนะคะ ที่ไม่นิ่งนอนใจกับคำขอของลูกค้า
พักเล่นน้ำตกเย็นๆกันก่อนค่ะ
นี่เป็นอาหารเย็นที่ทางรีสอร์ทเตรียมไว้ให้ค่ะ เป็นบาร์บีคิวซีฟู้ด กุ้ง หอย ปู ปลา มาหมดค่ะ เพียงพอกับเราทั้งสามคน แถมยังขอเพิ่มได้อีกค่ะ ใจดีมากๆ
คำแนะนำ: ไม่เหมาะกับคนนอนหลับยากนะคะ เพราะคุณจะได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมพัด ใบไม้พลิ้วไหว หยดน้ำค้างหล่น และห้องน้ำจะเป็นห้องน้ำรวมค่ะ แบ่งเป็น4ห้อง(เท่าที่เห็นนะคะ) ในห้องน้ำจะเป็นแบบปูนเปลือย ด้านในจะมีทั้งฝักบัวและชักโครกค่ะ ความสะอาดโดยรวมถือว่าใช้ได้ เว้นช่วงที่กรุ๊ปมาลงค่ะ อาจจะต้องรอคิวกันนิดนึง
เช้าแล้ว ได้เวลาโบกมือลา โตนเพชร กรีนเนอรี การ์เด้น
เราไม่ได้ทานอาหารเช้าของที่นี่ค่ะ เนื่องจากมีความผิดพลาดทางการสื่อสารระหว่างทางเรากับพนักงานที่มาเชคอินให้ เราเลยไม่ทราบว่าต้องไปทานอาหารเช้าที่บริเวณส่วนกลางของรีสอร์ท เช้าวันนั้นเราขับรถออกมาหาอาหารเช้าทานเองและแวะเที่ยวตามทางไปด้วยค่ะ ไปเริ่มกันที่แรกค่ะ ขับรถมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองระนอง ไม่เกินครึ่งชม. จะได้เจอกับภูเขาหญ้า
ภูเข้าหญ้าจะมีทั้งสีเขียวและสีทองนะคะ ขึ้นอยู่กับช่วงที่เราไป อันนี้เป็นช่วงเดือนธันวาคมค่ะ ออกเป็นสีเหลืองทอง
ถ่ายรูปกับภูเขาหญ้าจนตัวไหม้เกรียมได้ที่ ขอไปนั่งจิบอะไรเย็นๆที่ร้านกาแฟดีกว่าค่ะ
ร้านกาแฟแห่งนี้ชื่อว่า ร้านกาแฟคุ้นลิ้น ห้วยค้างคาว ขายเครื่องดื่มและพวกขนมปังปิ้ง แซนด์วิชแบบง่ายๆค่ะ สามารถสั่งเครื่องดื่มของทางร้านและลงไปนั่งทานด้านล่าง ซึ่งเป็นเหมือนน้ำตกเล็กๆได้เลย ราคาก็ไม่แพงนะคะ เครื่องดื่มอยู่ที่50-60บาท
คำแนะนำ: ระวังจะสับสนกับร้านอาหารคุ้นลิ้น ที่ตั้งอยู่ในสวนสาธารณะรักษะวารินนะคะ คนละที่กันค่ะ
ที่นั่งด้านล่างมีแค่4-5โต๊ะนะคะ ลักษณะเป็นแคร่ นั่งเล่นได้ชิลล์ๆ เอาเท่าแช่น้ำเย็นๆ เพลินๆ
หลังจากแช่น้ำเย็นแล้ว เราก็ไปแช่น้ำร้อนกันต่อค่ะ ขับรถย้อนเข้าเมืองมานิดนึง ก็จะเจอกับบ่อน้ำร้อนสวนสาธารณะรักษะวาริน
ที่นี่เป็นบ่อน้ำร้อนจากธรรมชาติค่ะ เห็นบ่อแบบนี้ไม่ใช่กระโดดลงไปแช่เลยนะคะ จะมีโซนให้เราแช่เท้าได้เท่านั้นค่ะ บรรยากาศตอนเที่ยงๆนั่งแช่บ่อน้ำร้อน ร้อนดีค่ะ 555
เพราะฉะนั้นขอแนะนำให้มาช่วงเช้าหรือเย็นค่ะ ถ้าใครอยากจะแช่บ่อน้ำร้อนทั้งตัว บริเวณรอบๆนี้ก็มีเหมือนกับศูนย์สุขภาพ เพื่อนๆสามารถใช้บริการได้ ภายในจะมีบ่อน้ำร้อนแบบสระ แบบจากุซซี่ และซาวน์น่า จขกทเคยไปใช้บริการมา ราคาประมาณ2-3ร้อยบาท อยู่ได้ประมาณ1ชม. ค่ะ ขอย้ำว่าแค่1ชม. ก็เพียงพอแล้วค่ะ เพราะร้อนเหลือเกิน
นอกจากนี้ที่จ.ระนองก็ยังมีที่เที่ยวอื่นๆที่น่าสนใจอีกเยอะแยะเลยค่ะ แต่เนื่องจากเวลาไม่เพียงพอ เราจึงขอลิสต์สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอื่นๆไว้ด้านล่างนะคะ
1. เกาะนาวโอพี >> อันนี้อยากโดนมากค่ะ เขาว่าน้ำใส ปลาสวยๆเพียบเลย ไว้มีโอกาสจะไปแน่นอนค่ะ
2. เกาะพยาม>>อันนี้จขกท เคยไปมาแล้วนะคะ เขาบอกว่าเป็นมัลดีฟส์เมืองไทย แต่ส่วนตัวคิดว่าไม่ถึงขนาดนั้นค่ะ เป็นเกาะที่เงียบสงบมาก เหมาะแก่การไปพักผ่อน นั่งๆนอนๆ ตอนเราไปเห็นฝรั่งเอายาทาเล็บมานั่งทาที่หน้าหาด น่าจะว่างมากๆอ่ะคะ
ใครชอบความเป็นส่วนตัวไม่วุ่นวาย น่าจะชอบเกาะนี้ค่ะ
3. น้ำตกหงาว>>เป็นน้ำตกที่สูงมากๆ ด้านบนมีลานจอกเฮลิคอปเตอร์ด้วยนะคะ ขึ้นไปถ่ายรูปได้ ได้ฟีลเหมือนอยู่ในมิวสิควีดิโอที่นางเอกยืนอยู๋กลางลานจอดแล้วมีกล้องหมุนไปรอบๆอ่ะค่ะ
4. อุทยานแห่งชาติแหลมสน>>นอกจากจะเป็นชายหาดแล้ว ที่นี่ยังเป็นแหล่งศึกษาพันธุ์ไม้ป่าชายหาดอีกมากมาย เดินชมไปเพลินๆ ได้ความรู้ไปในตัวอีกด้วยค่ะ
5. เกาะสอง ประเทศพม่า>>นั่งเรือข้ามฟากไปแป๊ปเดียวก็ถึงค่ะ คนไทยจ่ายค่าผ่านด่านแค่20บาทเท่านั้น ตอนจขกทไป ไม่ได้เที่ยวที่เกาะสองนะคะ แต่นั่งเรือข้ามฟากไปเล่นคาสิโนที่ อันดามันคลับที่เกาะสองค่ะ เรือข้ามฟากฟรีนะคะ ใครสนใจจะไปเที่ยวก็สามารถซื้อทัวร์ได้ที่อันดามันคลับเลย หรือใครจะแวะเสี่ยงดวงอย่างเดียวก็ได้อยู่ค่ะ
ป.ล. ขออภัยที่ไม่มีภาพประกอบนะคะ เนื่องจากถ่ายไว้ในโทรศัพท์เครื่องเก่า และไม่ได้เก็บสำรองไว้เลย เสียดายภาพความทรงจำดีๆเหมือนกันค่ะ
ได้เวลากลับภูเก็ตแล้วค่ะ เพราะวันพรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว ขอลากันด้วยภาพนี้นะคะ ถ่ายจากสะพานในบริเวณบ่อน้ำร้อนสวนสาธารณะรักษะวาริน
บ๊ายบายค่ะ จนกว่าจะพบกันใหม่ ไปแวะพูดคุยกันได้เหมือนเดิมนะคะ
Facebook
https://www.facebook.com/dreamcatchertrips/
Instagram
https://www.instagram.com/dreamcatchertrips/
[CR] ทริปเขียวเขียว คืนเดียวก็เที่ยวได้ ภูเก็ต-ระนอง 2วัน1คืน
จ.ระนอง ตั้งอยู่ภาคใต้ของประเทศไทย การท่องเที่ยวของจังหวัดนี้กำลังเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก มีรีสอร์ทบรรยากาศดีเปิดใหม่มากมาย แถมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆก็ยังถูกโปรโมทออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยแรงจูงใจในทริปนี้ของเราก็คือ การไปลองนอนที่รีสอร์ทสไตล์แคมปิ้งท่ามกลางน้ำตกที่เพิ่งเปิดใหม่นั่นเอง
การเดินทางครั้งนี้เราเลือกการขับรถมาจากจ.ภูเก็ต ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 4-5 ชม. หรือเพื่อนๆชาวกรุงเทพ เดี๋ยวนี้สะดวกสบายมาก บินตรงมาเลย ใช้เวลาแค่1ชม.นิดๆ ก้ได้มาพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติแบบนี้แล้ว ลองมาดูกันค่ะว่า 2วัน1คืน เราจะไปไหนกันได้บ้าง
พร้อมแล้วออกรถไปกันเลย บรื้นนนนนนน
เราเริ่มออกเดินทางจากจ.ภูเก็ตประมาณ 10โมงเช้า ขับรถมาเรื่อยๆจนมาถึงจ.ระนอง ประมาณบ่ายสองโมงครึ่ง เราตัดสินใจแวะทานข้าวเที่ยงที่บ้านไร่ไออรุณ ที่นี่เป็นรีสอร์ทและร้านอาหารอีกที่หนึ่งที่ใครมาเที่ยวจ.ระนองก็ต้องแวะชมบรรยากาศสวยๆ
บ้านไร่ไออรุณ ตั้งอยู่ที่อ.กะเปอร์ซึ่งจะตั้งอยู่ก่อนถึงตัวเมืองระนอง(ถ้าขับรถมาจากภูเก็ต) แนะนำให้ปักGPSค่ะ เพราะแทบจะไม่มีป้ายบอกทางเลย เนื่องจากเราจองที่พักกับอีกรีสอร์ทนึงไว้แล้ว วันนี้เราเลยแค่แวะทานข้าว ชมบรรยากาศของรีสอร์ทนี้กันค่ะ
เมื่อเข้ามาถึงก็จะเป็นโซนต้อนรับก่อนเลยค่ะ มุมนี้จะมีการจำหน่ายผักสดๆจากฟาร์มของที่นี่
เราไปชมบรรยากาศรอบๆของโซนร้านอาหารกันค่ะ
โซนนี้คือดีมาก นั่งจิบกาแฟเอาเท้าแช่น้ำเย็นๆ
เนื่องจากเราสั่งอาหารด้วย ทางร้านเลยให้เรามานั่งโซนแปลงผักซึ่งติดกับครัว โซนนี้ก็บรรยากาศดีไปอีกแบบค่ะ
เราเลือกนั่งมุมนี้ค่ะ เป็นมุมที่เพิ่งสร้างเสร็จหมาดๆ นั่งห้อยค่ะ ชมวิวแปลงผักจากมุมสูง
เสียดายไม่ได้ถ่ายภาพอาหารมาเลย เพราะหิวมากค่ะ พอพนักงานเอามาเสิร์ฟก็ลุยกันเลยค่ะ มื้อนี้หมดไป7ร้อยกว่าบาทค่ะ เมนูที่สั่งมีดังนี้ค่ะ
1. ข้าวราดกระเพราะหมู 2 จาน
2. ข้าวผัดหมู 1 จาน
3. แกงจืดเต้าหู้หมูสับ 1 ถ้วย
4. ยำสาหร่ายทะเล 1 จาน
5. ชามะนาว น้ำมะนาว และ น้ำปั่น
ราคาอาหารก็อยู่ที่ราวๆ 60-180 บาท น้ำ 30 บาทขึ้นไปค่ะ ถือว่าราคาพอรับได้ ถ้าไม่ได้พักที่นี่ก็สามารถเดินเล่นได้แค่บริเวณนี้นะคะ เคยเห็นรูปโซนที่พักในรีวิว มีมุมสวยๆอีกเพียบเลยค่ะ ไว้วันหลังถ้ามีโอกาสจะมาลองมาค้างคืนที่นี่แน่นอน
โบกมือลาบ้านไร่ไออรุณ ได้เวลาเดินทางต่อไปยังที่พักคืนนี้ของเราแล้วค่ะ ขับรถมาอีก 25นาทีก็จะถึงอ.เมือง จ. ระนอง ซึ่งเป็นที่ตั้งของ โตนเพชร กรีนเนอรี การ์เด้น ที่พักสไตล์แคมปิ้งที่เราตั้งใจจะมาพักในคืนนี้ค่ะ
ห้องพักของที่นี่จะมีแบบเต๊นท์และแบบบ้านพักค่ะ โดยตอนนี้บ้านพักมีเพียง 1 หลัง นอนได้ประมาณ 4-6 คน และอีก1หลังกำลังสร้างอยู่ค่ะ นอกนั้นจะเป็นเต๊นท์ที่นอนได้ตั้งแต่ 2-6คนค่ะ พอดีคืนที่เราไปมีกรุ๊ปใหญ่ค่ะ จึงเหลือแค่ที่พักแบบเต๊นท์แคมปิ้ง ราคาอยู่ที่ 600บาทต่อคน รวมอาหารเช้าและอาหารเย็น ราคานี้ถือว่าคุ้มมากค่ะ
พอมาถึง พนักงานก็จะเอาน้ำเวลคัมดริ้งค์มาเสิร์ฟให้ จากรสชาติแล้วน่าจะเป็นน้ำมะนาวผสมน้ำหวาน ดื่มให้พอสดชื่นได้ค่ะ
ไปดูบรรยากาศรอบๆที่พักกันค่ะ มองไปทางไหนก็มีแต่ความร่มรื่น
แอบถ่ายมาค่ะ เป็นซุ้มอาหารที่ทางรีสอร์ทเตรียมไว้ให้กับกรุ๊ปในคืนนี้
มาดูทางฝั่งเต๊นท์ของเราบ้าง
ที่จริงอยากนอนกระโจมสีขาวค่ะ(ถ่ายรูปสวยกว่า ) แต่เต็มแล้ว เราเลยได้นอนเต๊นท์แคมปิ้งแทน ซึ่งขนาดจะใหญ่กว่ากระโจมขาวหน่อยนึง ตอนที่มาถึงทางรีสอร์ทถามเราว่าต้องการให้เสริมเต๊นท์เพิ่มมั้ย เพราะเรามากัน3คน กลัวจะอึดอัดเกินไป เราเลยตัดสินใจขอกางเพิ่มไปก่อนค่ะ ตอนกลางคืนจะนอนด้วยกันหรือแยกย้ายค่อยว่ากันอีกที
อันนี้ด้านในเต๊นท์ค่ะ ค่อนข้างสะดวกสบาย มีที่นอน ผ้าห่ม ปลั๊กไฟ และพัดลม
เนื่องจากตอนที่เราจอง ทางรีสอร์ทส่งรูปมาให้ดู ที่นอนมันค่อนข้างหนากว่านี้ พอมาถึงเราเลยสอบทางทางพี่เตย ซึ่งเป็นเจ้าของรีสอร์ท พี่เตยแจ้งว่าปกติถ้าเป็นเต๊นท์แคมปิ้งจะจัดเป็นที่นอนปิคนิกแบบนี้ให้ แต่เราก็ยืนยันว่าตอนที่คุยกันทางเฟสเป็นที่นอนที่หนากว่านี้จริงๆ พี่เตยเลยขอไปเช็คที่บ้านก่อนว่ามีที่นอนแบบหนาเหลืออีกมั้ย แต่ก็ไม่มีแล้วค่ะ แกเลยเอาผ้านวมมาให้เราแทน อันนี้ขอชื่นชมทางรีสอร์ทนะคะ ที่ไม่นิ่งนอนใจกับคำขอของลูกค้า
พักเล่นน้ำตกเย็นๆกันก่อนค่ะ
นี่เป็นอาหารเย็นที่ทางรีสอร์ทเตรียมไว้ให้ค่ะ เป็นบาร์บีคิวซีฟู้ด กุ้ง หอย ปู ปลา มาหมดค่ะ เพียงพอกับเราทั้งสามคน แถมยังขอเพิ่มได้อีกค่ะ ใจดีมากๆ
คำแนะนำ: ไม่เหมาะกับคนนอนหลับยากนะคะ เพราะคุณจะได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมพัด ใบไม้พลิ้วไหว หยดน้ำค้างหล่น และห้องน้ำจะเป็นห้องน้ำรวมค่ะ แบ่งเป็น4ห้อง(เท่าที่เห็นนะคะ) ในห้องน้ำจะเป็นแบบปูนเปลือย ด้านในจะมีทั้งฝักบัวและชักโครกค่ะ ความสะอาดโดยรวมถือว่าใช้ได้ เว้นช่วงที่กรุ๊ปมาลงค่ะ อาจจะต้องรอคิวกันนิดนึง
เช้าแล้ว ได้เวลาโบกมือลา โตนเพชร กรีนเนอรี การ์เด้น
เราไม่ได้ทานอาหารเช้าของที่นี่ค่ะ เนื่องจากมีความผิดพลาดทางการสื่อสารระหว่างทางเรากับพนักงานที่มาเชคอินให้ เราเลยไม่ทราบว่าต้องไปทานอาหารเช้าที่บริเวณส่วนกลางของรีสอร์ท เช้าวันนั้นเราขับรถออกมาหาอาหารเช้าทานเองและแวะเที่ยวตามทางไปด้วยค่ะ ไปเริ่มกันที่แรกค่ะ ขับรถมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองระนอง ไม่เกินครึ่งชม. จะได้เจอกับภูเขาหญ้า
ภูเข้าหญ้าจะมีทั้งสีเขียวและสีทองนะคะ ขึ้นอยู่กับช่วงที่เราไป อันนี้เป็นช่วงเดือนธันวาคมค่ะ ออกเป็นสีเหลืองทอง
ถ่ายรูปกับภูเขาหญ้าจนตัวไหม้เกรียมได้ที่ ขอไปนั่งจิบอะไรเย็นๆที่ร้านกาแฟดีกว่าค่ะ
ร้านกาแฟแห่งนี้ชื่อว่า ร้านกาแฟคุ้นลิ้น ห้วยค้างคาว ขายเครื่องดื่มและพวกขนมปังปิ้ง แซนด์วิชแบบง่ายๆค่ะ สามารถสั่งเครื่องดื่มของทางร้านและลงไปนั่งทานด้านล่าง ซึ่งเป็นเหมือนน้ำตกเล็กๆได้เลย ราคาก็ไม่แพงนะคะ เครื่องดื่มอยู่ที่50-60บาท
คำแนะนำ: ระวังจะสับสนกับร้านอาหารคุ้นลิ้น ที่ตั้งอยู่ในสวนสาธารณะรักษะวารินนะคะ คนละที่กันค่ะ
ที่นั่งด้านล่างมีแค่4-5โต๊ะนะคะ ลักษณะเป็นแคร่ นั่งเล่นได้ชิลล์ๆ เอาเท่าแช่น้ำเย็นๆ เพลินๆ
หลังจากแช่น้ำเย็นแล้ว เราก็ไปแช่น้ำร้อนกันต่อค่ะ ขับรถย้อนเข้าเมืองมานิดนึง ก็จะเจอกับบ่อน้ำร้อนสวนสาธารณะรักษะวาริน
ที่นี่เป็นบ่อน้ำร้อนจากธรรมชาติค่ะ เห็นบ่อแบบนี้ไม่ใช่กระโดดลงไปแช่เลยนะคะ จะมีโซนให้เราแช่เท้าได้เท่านั้นค่ะ บรรยากาศตอนเที่ยงๆนั่งแช่บ่อน้ำร้อน ร้อนดีค่ะ 555
เพราะฉะนั้นขอแนะนำให้มาช่วงเช้าหรือเย็นค่ะ ถ้าใครอยากจะแช่บ่อน้ำร้อนทั้งตัว บริเวณรอบๆนี้ก็มีเหมือนกับศูนย์สุขภาพ เพื่อนๆสามารถใช้บริการได้ ภายในจะมีบ่อน้ำร้อนแบบสระ แบบจากุซซี่ และซาวน์น่า จขกทเคยไปใช้บริการมา ราคาประมาณ2-3ร้อยบาท อยู่ได้ประมาณ1ชม. ค่ะ ขอย้ำว่าแค่1ชม. ก็เพียงพอแล้วค่ะ เพราะร้อนเหลือเกิน
นอกจากนี้ที่จ.ระนองก็ยังมีที่เที่ยวอื่นๆที่น่าสนใจอีกเยอะแยะเลยค่ะ แต่เนื่องจากเวลาไม่เพียงพอ เราจึงขอลิสต์สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอื่นๆไว้ด้านล่างนะคะ
1. เกาะนาวโอพี >> อันนี้อยากโดนมากค่ะ เขาว่าน้ำใส ปลาสวยๆเพียบเลย ไว้มีโอกาสจะไปแน่นอนค่ะ
2. เกาะพยาม>>อันนี้จขกท เคยไปมาแล้วนะคะ เขาบอกว่าเป็นมัลดีฟส์เมืองไทย แต่ส่วนตัวคิดว่าไม่ถึงขนาดนั้นค่ะ เป็นเกาะที่เงียบสงบมาก เหมาะแก่การไปพักผ่อน นั่งๆนอนๆ ตอนเราไปเห็นฝรั่งเอายาทาเล็บมานั่งทาที่หน้าหาด น่าจะว่างมากๆอ่ะคะ ใครชอบความเป็นส่วนตัวไม่วุ่นวาย น่าจะชอบเกาะนี้ค่ะ
3. น้ำตกหงาว>>เป็นน้ำตกที่สูงมากๆ ด้านบนมีลานจอกเฮลิคอปเตอร์ด้วยนะคะ ขึ้นไปถ่ายรูปได้ ได้ฟีลเหมือนอยู่ในมิวสิควีดิโอที่นางเอกยืนอยู๋กลางลานจอดแล้วมีกล้องหมุนไปรอบๆอ่ะค่ะ
4. อุทยานแห่งชาติแหลมสน>>นอกจากจะเป็นชายหาดแล้ว ที่นี่ยังเป็นแหล่งศึกษาพันธุ์ไม้ป่าชายหาดอีกมากมาย เดินชมไปเพลินๆ ได้ความรู้ไปในตัวอีกด้วยค่ะ
5. เกาะสอง ประเทศพม่า>>นั่งเรือข้ามฟากไปแป๊ปเดียวก็ถึงค่ะ คนไทยจ่ายค่าผ่านด่านแค่20บาทเท่านั้น ตอนจขกทไป ไม่ได้เที่ยวที่เกาะสองนะคะ แต่นั่งเรือข้ามฟากไปเล่นคาสิโนที่ อันดามันคลับที่เกาะสองค่ะ เรือข้ามฟากฟรีนะคะ ใครสนใจจะไปเที่ยวก็สามารถซื้อทัวร์ได้ที่อันดามันคลับเลย หรือใครจะแวะเสี่ยงดวงอย่างเดียวก็ได้อยู่ค่ะ
ป.ล. ขออภัยที่ไม่มีภาพประกอบนะคะ เนื่องจากถ่ายไว้ในโทรศัพท์เครื่องเก่า และไม่ได้เก็บสำรองไว้เลย เสียดายภาพความทรงจำดีๆเหมือนกันค่ะ
ได้เวลากลับภูเก็ตแล้วค่ะ เพราะวันพรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว ขอลากันด้วยภาพนี้นะคะ ถ่ายจากสะพานในบริเวณบ่อน้ำร้อนสวนสาธารณะรักษะวาริน
บ๊ายบายค่ะ จนกว่าจะพบกันใหม่ ไปแวะพูดคุยกันได้เหมือนเดิมนะคะ
Facebook https://www.facebook.com/dreamcatchertrips/
Instagram https://www.instagram.com/dreamcatchertrips/