อยากถามผู้รู้+แชร์ประสบการณ์

กระทู้คำถาม
วันนี้ จขกท ได้มีโอกาสไปโอมาน เราบินจากกรุงเทพ แต่สามีบินจากสวิสเซอร์แลนด์
เรากับสามีอยู่ที่สวิสเซอร์แลนด์ แต่เรากลับมาบ้านมาหาครอบครัวและแพลนกันไว้ว่าจะไปเที่ยวที่โอมาน
เราก้อไปเช็คอินตามปรกติที่เคาน์เตอร์ T/Uเกือบสุดท้ายเลย แต่ที่ไม่ปรกติคือทางเคาน์เตอร์เช็คอิน ถามหาบัตรเครดิตที่จ่ายค่าตั๋ว
ประเด็นคือเราไม่ได้ซื้อเอง สามีเราซื้อให้ เค้าให้เลขาเค้าซื้อด้วยซ้ำพอจองได้ไรได้เค้าก้อ forward email มาให้เรา
ทางเคาน์เตอร์บอกว่าต้องใช้บัตรเครดิตของผู้ที่ซื้อให้เท่านั้น เพื่อที่เค้าจะปลดล็อกเที่ยวบินให้เรา
เราก้อไม่เข้าใจว่าทำไมต้องขอเลขหน้าบัตรเครดิตเพราะเราไม่เคยเจอที่สายการบินไหนถามหาบัตรเครดิตเลย (แม้ว่าจะเป็นบัตรเครดิตเราเองก้อตาม)
ทีนี้เราก้อยังต้องโทรหาสามีเพื่อให้เค้าส่งหน้าบัตรมาให้ แต่จะให้ทำยังไง เวลาที่ไทย 8 โมงเช้า
แต่ที่สวิงอ่ะเพิ่งจะตี 2 เค้าก้อนอนแล้วป่ะ? ทางเคาน์เตอร์ก้อเรียกคนที่เหมือนเป็น ผจก ให้มาคุย เค้าย้ำเราว่าสายการบินทุกที่
จะต้องขอดูบัตรเครดิตที่ต้องตรงกับคนที่จะบิน ไม่ว่าใครซื้อให้จะต้องขอ copy หน้าเลขบัตรเค้ามา ส่วนตัวเราไม่เคยโดนขอนะ
เพราะบินบ่อยมากและทุกครั้งสามีจะเป็นคนซื้อตั๋วให้ตลอด ทางคุณ ผจก. ก้อเถียงเราว่าเค้าทำงานที่นี่มา 10 ปี
เค้ายืนยันว่าทุกสานการบินจะต้องขอดูบัตรเครดิตเพื่อยืนยันและปลดล็อกให้ผู้โดยสาร เราก้อเถียงเค้าอ่ะว่าเราเพิ่งจะบินมาจากสวิส
เค้าไม่เห็นขออะไรเลย มีแค่พาสปอร์ตกับใบจอง (ถ้ามี)แค่นั้นเอง ไอ้เราก้อเครียดเพราะสามีหลับและตั้งปิดเสียงไว้
ทำไงล่ะ น้องผู้หญิงบอกว่าเรามี 2 ทาง
1. คือเราต้องเปลี่ยนเที่ยวบินเป็นในวัดถัดไป หรือ
2. เราต้องซื้อตั๋วใหม่แล้วขอ refund คืน
เราก้อห่วงเวลาเพราะ ไฟลท์เรา 9 โมง แต่ตอนนั้น 8 โมงนิดแล้วเราต้องเอากระเป๋าไปซื้อตั๋วใหม่
พี่ที่เค้าออกตั๋วให้เห็นว่าเรากังวลเพราะคิวที่ต่อกันในช่อง security ทัวร์ลงยาวเหยียดพี่เค้าก้อบอก
ให้ลองถามที่เคาน์เตอร์ว่าน้อง ผญ จะให้ใบ fastract หรือป่าว
กว่าจะเช็คอินใหม่อะไรใหม่ เราตั้งใจที่จะขอโทษคุณ ผจก. กับน้อง ผญ. ที่เราเหวี่ยงใส่นางทั้งคู่ เราก้อถามน้องเค้าว่าแถวยาวขนาดนี้ขึ้นเครื่องไม่ทันแน่เลย
นางก้อบอกว่าเค้ามีช่องสำหรับคนไทยโดยเฉพาะ เราจะเช็คอินกระเป๋าแค่ 1 ใบ น้องผญ บอกว่า
ไฟสายพานที่โหลดกระเป๋าปิดแล้ว ต้องไปโหลดกระเป๋าในช่อง oversize ในวินาทีที่ให้เราเอากระเป๋าไปโหลดที่นั่น
คำพูดที่เตรียมจะขอโทษคือกลืนลงไปเลย
เราเชื่อนางไง เราก้อไป ปรากฏว่าแถวยาวมากอย่างที่เราคาด
เราต้องยอมเสียมารยาทเพื่อที่จะแซงคิวให้เราไปก่อน เราโชว์ตั๋ว เค้าก้อเข้าใจนะเลยยอมให้เราไปก่อน
ทางขึ้นเครื่องที่ประตู D4 ซึ่งมันเป็น final call แล้ว รีบค่ะ วิ่งหน้าตั้งไปเลย
คือเข้าใจอารมณ์ใช่ไหมค่ะ ไม่เคยใช้เวลาเช็คอินนานเกือบครึ่ง ชม.
ทั้งที่เวลาขนาดนี้เราได้ทั้งอาหารเช้า กาแฟ และอารมณ์ดีที่พร้อมจะบิน
แต่ต้องมาตกม้าตายเพราะเรื่องโชว์บัตรเครดิต ของผู้ซื้อ
เราเข้าใจค่ะว่าคุณทำตามหน้าที่ เราจะโทษใครล่ะ
1. โทษสามีที่สั่งเลขาให้ซื้อตั๋วแล้วไม่บอกเรื่องต้องโชว์บัตรเครดิต
2. โทษสามีที่เค้าก้อไม่เคยรู้เรื่องแบบนี้ ทั้งที่เค้าบินไปทั่วโลกแล้วทุกครั้งบริษัทเป็นคนออกค่าตั๋วให้
3. โทษพนักงานที่เค้าต้องทำตามหน้าที่ ที่เราก้อไม่รู้ว่าต้องโชว์
4. หรือโทษตัวเองที่เราหาข้อมูลเกี่ยวกับ Visa on arrival แต่ก้อไม่มีข้อมูลตรงนี้บอกไว้
5. หรือว่าวันนี้คือวันซวยคะ?
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่