วันนี้เป็นน้องใหม่หัดรีวิว เห็นคนไปเที่ยวกันแล้วมารีวิวสนุกดี  ก็อยากทำบ้าง อิ อิ แต่ไม่รู้จะพูดรู้เรื่องป่าวนะ 555  
ต้องบอกก่อนว่าทริปนี้ตัวเราเดินทางไปเที่ยวกับพี่ๆ แก๊งค์ 2 ล้อมายเฟรนด์ แต่พี่ ๆ เค้าเริ่มเดินทางกันตั้งแต่
คืนวันศุกร์ ที่ 8 ธันวาคม 2560 ประมาณเที่ยงคืน แต่ตัวเรายังต้องทำงานวันที่ 9 เลยต้องบินตามไปเช้าวันที่ 10
กับเพื่อนสาว  เราเดินทางไปกับสายการบินเวียตเจ็ท (ต้องยอมรับว่าเพิ่งเคยได้ยินชื่อสายการบินนี้เป็นครั้งแรก
แอบไปส่องดูในพันทิปอยู่เหมือนกันว่าจะพาตัวเราไปรอดถึงเชียงรายมั้ย 555) เที่ยวบิน สุวรรณภูมิ-เชียงราย  
6.35 น.ถึง เชียงราย 7.55 น.ราคาตั๋ว 1,080 บาท (รวมหมดทุกอย่างละ) ต้องขึ้นรถไปขึ้นเครื่องนะจ๊ะ
แต่อยากบอกว่าแอร์แต่งตัวน่ารักดี (ถ้าเปลี่ยนเสื้อเป็นเกาะอกหรือสายเดียว แล้วกางเกงสั้นกว่านี้อีกหน่อยบินเพลิน 555)
และบินตรงเวลามาก แอบประทับใจนิดนึง  ระหว่างนั่งตัวเราก็แอบบรรยากาศยามเช้า และก็ถ่ายภาพอาหารบนเครื่อง
มาฝากด้วย                                                                                                                                                    






7.50 น. ถึงสนามบินแม่ฟ้าหลวงโดยสวัสดิภาพ ระหว่างนั่งรอพี่ๆ ขับรถมารับจากภูซาง จ.พะเยา เค้าใช้เวลาวิ่งจากภูซาง มาถึงเชียงรายประมาณ 2 ชั่วโมง ทางลำบากนิดนึงเพราะกำลังซ่อมแซม  รออยู่ในสนามบินถ่ายรูปเล่นไปหาของกินไป มาเชียงรายทั้งทีต้องไม่พลาดกาแฟดอยช้าง แต่ทั้งตัวเราและเพื่อนสาวไม่กินกาแฟ เลยบอกเค้าอยากอยากลองชิมการแฟดอยช้างแต่ไม่กินกาแฟ จะสั่งไรดี 555 เลยได้โกโก้ร้อน 75 บาท กับชาเขียวร้อน 75 บาท และ Macadamia Cheese Cake 1 อัน 100 บาท ก็อร่อยนะ



ประมาณ 8.30 น. ออกจากสนามบิน เรามีเวลาเที่ยวเชียงรายแค่ไม่นาน เพราะพี่อีกกลุ่ม รออยู่ที่ภูซาง เพื่อเดินทางไปภูลังกาพร้อมกัน เรามาเริ่มจุดหมายปลายทางแรกของเชียงรายกันเลย

นั่นคือ วัดร่องขุน  โอ้แม่เจ้า !!! สวยงามตามท้องเรื่องมากเลย ลักษณะเด่นของวัด คือ พระอุโบสถถูกแต่งด้วย ลวดลายกระจกสีเงินแวววาวเป็นเชิงชั้นลดหลั่นกันไป หน้าบันประดับ ด้วยพญานาคมีงวงงาดูแปลกตา ภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถเป็นฝีมือภาพเขียนของอาจารย์เอง เพื่อนสาวเจอ อ.เฉลิมชัยด้วย ได้ถ่ายรูปพร้อมลายเซ็นต์  อิจฉาเลย ตัวเราไม่เจอมัวแต่เดินซึมซับความสวยงามอยู่ตรงไหนไม่รู้ 555
“ผมหวังที่จะสร้างงานพุทธศิลป์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของผม ให้ปรากฏเป็นงานศิลปะที่ยิ่งใหญ่ชิ้นหนึ่งของโลกมนุษย์นี้ให้ได้เพื่อ ประกาศความยิ่งใหญ่ของประเทศชาติของผมไปสู่มวลมนุษยชาติทั้งโลก ผมจึงตั้งความปรารถนาที่จะถวายชีวิตใช้ช่วงเวลาที่ดีที่สุด ของตนเอง สร้างงานพุทธศิลป์เพื่อเป็นงานประจำรัชกาลที่ 9 ให้ได้และจะถวายชีวิตไปจนตายคาวัด ” คือคำกล่าวของ อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินชื่อดังผู้ออกแบบและก่อสร้างวัดร่องขุ่น อันมีชื่อเสียงโด่งดัง อ. เฉลิมชัย มีแรงบันดาลใจในการสร้างวัดแห่งนี้อยู่ 3 สิ่งต่อไปนี้คือ
1. ชาติ : ด้วยความรักบ้านเมือง รักงานศิลป์ จึงหวังสร้างงานศิลปะที่ยิ่งใหญ่ไว้เป็นสมบัติของแผ่นดิน
2. ศาสนา : ธรรมะได้เปลี่ยนชีวิตของอาจารย์เฉลิมชัยจากจิตที่ร้อนกลายเป็นเย็น จึงขออุทิศตนให้แก่พระพุทธศาสนา
3. พระมหากษัตริย์ : จากการเข้าเฝ้าฯ ถวายงานพระองค์ท่านหลายครั้ง ทำให้อาจารย์เฉลิมชัยรักพระองค์ท่านมาก จากการพบเห็นพระอัจฉริยะภาพทางศิลปะและพระเมตตาของพระองค์ท่าน จนบังเกิดความตื้นตันและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ










เวลามีน้อย ต้องลา อ.เฉลิมชัย แต่เพียงเท่านี้ขอบคุณที่สร้างสรรค์งานศิลปที่สวยงามให้เราได้ชื่นชมกัน   จุดหมายปลายทางต่อไป
คือ ไร่สิงห์  ระยะทางห่างจาก วัดร่องขุน ประมาณ 5.35 km. วิ่งรถมาแปปเดียวก็มาเจอพี่สิงห์สีทองตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ด้านหน้าของไร่
เวลามีน้อยนิดหาที่จอดรถได้ปุปพุ่งตัวกันไปหาพี่สิงห์อย่างรวดเร็วถ่าย ๆๆๆ รูป แล้วก็ขึ้นรถกลับ ก่อนเดินทางหาที่เที่ยวในตัวเมืองไว้เยอะมาก  
วัดร่องเสือเต้น วัดพระแก้ว วัดพระสิงห์ ร้านขนมจีน บ้านดำฯลฯ แต่สุดท้ายเวลาไม่พอ เพราะจุดหมายปลายทางต่อไปของเรายังอีกยาวไกล
นั่นคือ  บ้านทะเลหมอก ภูลังกา  มีโอกาสคงต้องกลับมาเยือนกันอีกสักครั้ง