ผมไม่ใช่แฟนประจำของวงนี้นะครับ (ชื่อสมาชิกวงผมยังจำไม่ค่อยได้เลย) พอดีผมเคยฟังเพลง One way ticket แล้วชอบมาก สบโอกาสกับมาเปิดการแสดงที่เบอร์ลินพอดี แถมเป็นฮอลล์เล็กราคาไม่แพงมากด้วย ผมเลยได้โอกาสดู live ของพวกเขา
ดูแล้วก็เลยโพสต์ลง Facebook ไว้เป็นจดหมายเหตุของครั้งหนึ่งในชีวิต แต่พิมพ์ไปพิมพ์มามันก็ยาวขึ้นเรื่อยๆ เลยตัดสินใจก๊อปมาตั้งเป็นกระทู้ที่นี่ เผื่อมีใครอยากอ่านอยากคุยกันบ้าง รูปกับคลิปผมก็ถ่ายมาบ้างแต่ตามเน็ตคงมีเยอะแยะแล้ว
คอนเสิร์ตจัดที่ฮอลล์ Huxley’s Neue Welt แถวย่านชุมชนชาวเติร์กแถบฝั่งตะวันออกเก่าของกรุงเบอร์ลิน ฮอลล์ไม่ใหญ่มาก จุได้ประมาณ 1,500 คน ผมไปก่อนประตูเปิดราวๆหนึ่งชั่วโมง เพราะเป็นฮอล์แบบ free seat เข้าก่อนได้เลือกที่ก่อน ปรากฎว่ามีคนต่อแถวอยู่ก่อนหน้าแล้วประมาณห้าร้อยคน ระหว่างที่ผมต่อแถวรอประตูเปิดเท่าที่สังเกตดูก็น่าทึ่งเหมือนกันว่ามีแฟนวง One Ok Rock เยอะขนาดนี้ แน่นอนว่ามีชาวญี่ปุ่นพอสมควร (ผู้หญิงน่ารักซะ 95%) คงประมาณหนึ่งในสิบของทั้งหมดได้ แต่ฝรั่งที่เป็นแฟนของวงก็มีไม่น้อย (สังเกตจากการใส่เสื้อยืดทัวร์ของวง) ส่วนใหญ่ก็น่าจะวัยรุ่นจนถึงยี่สิบต้นๆ แต่แก่กว่านั้นก็เยอะเหมือนกัน ที่เจ๋งสุดคือคุณลุงฝรั่งน่าจะวัยใกล้เกษียณแล้ว ใส่เสื้อทัวร์ของวงภาษาญี่ปุ่นด้วย (เสียดายดูปีไม่ทัน) คงติดตามกันมานาน
เรื่องน่ารักระหว่างรอคือ ผู้ชมอายุต่ำกว่าสิบแปดปีห้ามเข้าถ้าไม่มีผู้ปกครอง ดังนั้นเลยมีป๊ะป๋ามาดูคอนพร้อมลูกสาวกับเพื่อนๆ มากันแบบนี้หลายกรุ๊ปมาก ระหว่างรอก็คุยเล่นกับเด็กๆดี แต่พอมีแก๊งเด็กผู้ชายเดินผ่าน ป๊ะป๋ากอดอดทำหน้าเข้มใส่ตลอด (ผมเห็นหลายรอบจนต้องแอบหันหลังไปขำ)
ระหว่างรออากาศก็ค่อนข้างแย่ อุณหภูมิประมาณหนึ่งองศาและมีฝนปรอย แต่ทุกคนก็แต่งตัวมาพร้อมรับมืออยู่แล้ว พอประตูเปิดก็ทยอยกันเข้าไป ฮอล์มีสองชั้น ชั้นล่างปิดใช้งานวันนี้ น่าจะเป็นฮอลล์เล็กสำหรับพวกคอนเสิร์ตเล็กๆ เลยเดินขึ้นไปชั้นบน ก็จัดการต่อแถวฝากเสื้อกันหนาวก่อน (ค่าฝากสองยูโร) แล้วก็เข้าห้องน้ำ (ค่าเข้าห้าสิบเซ็นต์) แล้วก็เข้าไปจับจองที่ยืนในฮอลล์ โซนด้านหน้ากับอัฒจันทร์ด้านข้างโดนจองไปหมดแล้ว แต่มีชั้นลอยด้านหลังที่ยังโล่งอยู่ เลยไปยึดระเบียงชั้นลอยด้านหลังแถวๆมิกเซอร์ จะได้เห็นเวทีเต็มๆและเดาเอาว่าคงเป็นโซนที่เสียงจะแจ๋วที่สุด
นี่เป็นการเข้าคอนเสิร์ตฮอลล์ในเยอรมันครั้งที่สี่ ทุกที่เหมือนกันหมดคือมีบาร์ขายเบียร์ขายเครื่องเครื่องดื่มอยู่ในฮอลล์ ที่นี่มีทั้งสองฟากฝั่งของฮอลล์เลย พอเต้นและฟังเพลงเหนื่อยๆก็แวบออกมาซื้อเครื่องดื่มแล้วไปลุยต่อได้ พอใกล้เวลาเริ่มคนก็มีประมาณ 80% ของพื้นที่ในฮอลล์ เนื่องจากงานนี้บัตร sold out แสดงว่าเขาขายบัตรตามความจุไม่มีเสกบัตรมายัดคนเพิ่ม ซึ่งเป็นเรื่องดี เพราะความหนาแน่นของผู้ชมกำลังดีไม่โหรงเหรงและไม่แน่นเกินไป
วงเปิดคือวง Crown the Empire เป็นวงแนวฮาร์คคอร์เล่นมันส์มาก ว้ากทุกเพลง เพลงช้าก็ยังว้าก ฟังกีต้าร์แล้วริทึ่มเขาไม่แพ้อีโบล่าของไทยเลย แต่ลีดยังด้อยกว่าอยู่หน่อย เสียงนักร้องนำก็เจ๋งมากจะนุ่มนวลจะกรีดร้องจะว้ากก็ถึงหมด (ว่าจะเทียบกับแน้ปแต่ฝรั่งเขาแน่นกว่าเยอะ)
หลังจากนั้นก็ถึงเวลาของอาหารจานหลักอย่าง One Ok Rock
- เป็นครั้งแรกที่ได้ดูวง J-rock แบบสดๆ สิ่งแรกเห็นตอนเปิดตัวเลยคือพวกนี้หล่อและเท่มากๆๆๆ ด้วยหน้าตาอาจมีมือกีต้าร์คนเดียวที่หล่อสุดๆ แต่พอแต่ละคนอยู่บนเวทีแล้วออร่ามันเฉิดฉายมาก โดยเฉพาะมือเบสทรงผมกับหนวดอย่างกับสองวงพาราดอกซ์ แต่ที่เห็นบนเวทีนี้คือร็อคสตาร์ที่โคตรเท่ โดยรวมแล้วฝีมือและซาวน์ที่ออกมา ไม่แพ้คอนเสิร์ตใหญ่ๆที่เคยดูมาเลย ที่สำคัญคือลีลาการเล่นกีต้าร์กับเบสนี่สมเป็นวง J-rock ชั้นนำจริงๆ
- แต่สิ่งที่เจ๋งของวงที่สุดของวงนี้คือนักร้องนำ ตัวเล็กนิดเดียวแต่ร้องเสียงเต็มหมด แถมวิ่งกระโดดกระเด้งกระดอนไปทั่วเวที มีม้านั่งไว้กลางเวทีด้วย ไม่ได้เอาไว้นั่ง แต่เอาไว้ตอนท่อนพีคของเพลงแกจะสปรินท์มาแล้วกระโดดเพื่อบินไปจากม้านั่ง (ดูไปก็กลัวข้อเท้าจะพลิกตอนลงมาก) ที่เหลือเชื่อคือจะวิ่งวุ่นแค่ไหนแต่เสียงไม่มีตก และคุณภาพไม่ได้ดร็อปไปจากไฟล์ดิจิตอลเลย (ได้อารมณ์กว่าด้วยซ้ำ) เหลือเชื่อเหมือนกันว่าขึ้นคอนเสิร์ตอย่างน้อยวันเว้นวันมาเป็นเดือนแล้ว ยังเจ๋งได้ขนาดนี้
- ทัวร์นี้เป็นทัวร์ของอัลบั้ม Ambitions ดังนั้นเพลงในอัลบั้มก็เล่น(เกือบ)หมด (ขาดเพลง one way ticket ซึ่งก็เซ็งนิดหน่อยเพราะชอบเพลงนี้ที่สุดในอัลบั้ม) มีเพลงเร็วจากอัลบั้มเก่าๆมาแทรกสักสองสามเพลง (เสียดายไม่มี Wherever you are) เท่าที่ฟังทุกเพลงต้องมี backing track ช่วย (อยู่แล้วเพราะอัลบั้มนี้เน้นซาวน์อิเล็กทรอนิคเหลือเกิน) แต่น่าประทับใจมากที่ใน live นี้เสียงกีต้าร์กับเบสโดดออกมาเลย ที่ยอดกว่าคือนักร้องนำที่ท่ามกลางความเอ็ดตะโรเกินธรรมดาของกีต้าร์กับเบส เสียงแกยังทะลุมาเหนือกว่าทำให้โชว์ใน live มันเจ๋งและทรงพลังกว่าฟังจากใน track หลายเท่า
แต่ข้อเสียก็มีอยู่บ้าง
- หลังจบเพลงต้องหยุดประมาณครึ่งนาทีแทบทุกเพลง ไม่รู้ว่าเป็นแนวการเล่นของวงนี้ หรือเพราะต้องเซ็ต backing track หรือเพราะต้องเปลี่ยนกีต้าร์กับเบส (กีต้าร์กับเบสอย่างละสี่ห้าตัวเรียงกันอยู่ข้างกลองบนเวที) แต่ผลเสียคืออารมณ์มันไม่ต่อเนื่อง
- นักร้องนำยังพูดไม่ค่อยเก่ง คือการเอนเตอร์เทนคนดูช่วงร้องเพลงนี่ระดับโลกแล้ว แต่ช่วงรอยต่อเพลงนี่ปล่อย dead air บ่อยไปนิด
- Silent moment กว่าหนึ่งนาทีในเพลง Take What You Want เป็นไอเดียที่ไม่ดีนัก เหตุการณ์คือหลังจากจัดหนักมาตั้งแต่ต้น ก็เข้าโหมดคูลดาวน์ช่วงกลางคอนเสิร์ตด้วยเพลง Hard to Love จากนั้นก็เข้าเพลง Take What You Want แบบช้าๆที่ท่อนเวิร์สพอจบท่อนทุกคนบนเวทีก็หยุดนิ่ง (Silent moment) ประมาณหนึ่งนาทีกว่า แล้วนักร้องนำก็ค่อยกรีดเสียงท่อน “Can you hear me? I'm trying to hear you” ซึ่งควรจะเป็นช่วงเวลาที่เจ๋งมาก ถ้าไม่ใช่เพราะว่าช่วง Silent moment นั้นแทนที่คนดูจะเงียบดันเป็นช่วงที่คนดูตะโกนแซววง หรือไม่ก็ตะโกนอะไรฮาๆโต้ตอบกันไปมา ซึ่งก็พอจะเข้าใจได้ เพราะคนดูที่เลือดลมกำลังสูบฉีด เอาเพลงกลางๆมาคั่นเพลงเดียวมันไม่น่าจะคูลดาวน์พอ ผลเลยออกมาอย่างที่เห็น (เห็นว่าช่วงนี้ในที่อื่นๆก็เจอปัญหาคล้ายๆกัน)
อย่างไรก็ตาม วงนี้เป็นวงที่เล่นสดได้เจ๋งมาก อยากให้หาโอกาสไปดู live สักครั้งนึงในชีวิต รับรองว่าไม่ผิดหวัง
ไปดู Concert One Ok Rock มาที่ Berlin
ดูแล้วก็เลยโพสต์ลง Facebook ไว้เป็นจดหมายเหตุของครั้งหนึ่งในชีวิต แต่พิมพ์ไปพิมพ์มามันก็ยาวขึ้นเรื่อยๆ เลยตัดสินใจก๊อปมาตั้งเป็นกระทู้ที่นี่ เผื่อมีใครอยากอ่านอยากคุยกันบ้าง รูปกับคลิปผมก็ถ่ายมาบ้างแต่ตามเน็ตคงมีเยอะแยะแล้ว
คอนเสิร์ตจัดที่ฮอลล์ Huxley’s Neue Welt แถวย่านชุมชนชาวเติร์กแถบฝั่งตะวันออกเก่าของกรุงเบอร์ลิน ฮอลล์ไม่ใหญ่มาก จุได้ประมาณ 1,500 คน ผมไปก่อนประตูเปิดราวๆหนึ่งชั่วโมง เพราะเป็นฮอล์แบบ free seat เข้าก่อนได้เลือกที่ก่อน ปรากฎว่ามีคนต่อแถวอยู่ก่อนหน้าแล้วประมาณห้าร้อยคน ระหว่างที่ผมต่อแถวรอประตูเปิดเท่าที่สังเกตดูก็น่าทึ่งเหมือนกันว่ามีแฟนวง One Ok Rock เยอะขนาดนี้ แน่นอนว่ามีชาวญี่ปุ่นพอสมควร (ผู้หญิงน่ารักซะ 95%) คงประมาณหนึ่งในสิบของทั้งหมดได้ แต่ฝรั่งที่เป็นแฟนของวงก็มีไม่น้อย (สังเกตจากการใส่เสื้อยืดทัวร์ของวง) ส่วนใหญ่ก็น่าจะวัยรุ่นจนถึงยี่สิบต้นๆ แต่แก่กว่านั้นก็เยอะเหมือนกัน ที่เจ๋งสุดคือคุณลุงฝรั่งน่าจะวัยใกล้เกษียณแล้ว ใส่เสื้อทัวร์ของวงภาษาญี่ปุ่นด้วย (เสียดายดูปีไม่ทัน) คงติดตามกันมานาน
เรื่องน่ารักระหว่างรอคือ ผู้ชมอายุต่ำกว่าสิบแปดปีห้ามเข้าถ้าไม่มีผู้ปกครอง ดังนั้นเลยมีป๊ะป๋ามาดูคอนพร้อมลูกสาวกับเพื่อนๆ มากันแบบนี้หลายกรุ๊ปมาก ระหว่างรอก็คุยเล่นกับเด็กๆดี แต่พอมีแก๊งเด็กผู้ชายเดินผ่าน ป๊ะป๋ากอดอดทำหน้าเข้มใส่ตลอด (ผมเห็นหลายรอบจนต้องแอบหันหลังไปขำ)
ระหว่างรออากาศก็ค่อนข้างแย่ อุณหภูมิประมาณหนึ่งองศาและมีฝนปรอย แต่ทุกคนก็แต่งตัวมาพร้อมรับมืออยู่แล้ว พอประตูเปิดก็ทยอยกันเข้าไป ฮอล์มีสองชั้น ชั้นล่างปิดใช้งานวันนี้ น่าจะเป็นฮอลล์เล็กสำหรับพวกคอนเสิร์ตเล็กๆ เลยเดินขึ้นไปชั้นบน ก็จัดการต่อแถวฝากเสื้อกันหนาวก่อน (ค่าฝากสองยูโร) แล้วก็เข้าห้องน้ำ (ค่าเข้าห้าสิบเซ็นต์) แล้วก็เข้าไปจับจองที่ยืนในฮอลล์ โซนด้านหน้ากับอัฒจันทร์ด้านข้างโดนจองไปหมดแล้ว แต่มีชั้นลอยด้านหลังที่ยังโล่งอยู่ เลยไปยึดระเบียงชั้นลอยด้านหลังแถวๆมิกเซอร์ จะได้เห็นเวทีเต็มๆและเดาเอาว่าคงเป็นโซนที่เสียงจะแจ๋วที่สุด
นี่เป็นการเข้าคอนเสิร์ตฮอลล์ในเยอรมันครั้งที่สี่ ทุกที่เหมือนกันหมดคือมีบาร์ขายเบียร์ขายเครื่องเครื่องดื่มอยู่ในฮอลล์ ที่นี่มีทั้งสองฟากฝั่งของฮอลล์เลย พอเต้นและฟังเพลงเหนื่อยๆก็แวบออกมาซื้อเครื่องดื่มแล้วไปลุยต่อได้ พอใกล้เวลาเริ่มคนก็มีประมาณ 80% ของพื้นที่ในฮอลล์ เนื่องจากงานนี้บัตร sold out แสดงว่าเขาขายบัตรตามความจุไม่มีเสกบัตรมายัดคนเพิ่ม ซึ่งเป็นเรื่องดี เพราะความหนาแน่นของผู้ชมกำลังดีไม่โหรงเหรงและไม่แน่นเกินไป
วงเปิดคือวง Crown the Empire เป็นวงแนวฮาร์คคอร์เล่นมันส์มาก ว้ากทุกเพลง เพลงช้าก็ยังว้าก ฟังกีต้าร์แล้วริทึ่มเขาไม่แพ้อีโบล่าของไทยเลย แต่ลีดยังด้อยกว่าอยู่หน่อย เสียงนักร้องนำก็เจ๋งมากจะนุ่มนวลจะกรีดร้องจะว้ากก็ถึงหมด (ว่าจะเทียบกับแน้ปแต่ฝรั่งเขาแน่นกว่าเยอะ)
หลังจากนั้นก็ถึงเวลาของอาหารจานหลักอย่าง One Ok Rock
- เป็นครั้งแรกที่ได้ดูวง J-rock แบบสดๆ สิ่งแรกเห็นตอนเปิดตัวเลยคือพวกนี้หล่อและเท่มากๆๆๆ ด้วยหน้าตาอาจมีมือกีต้าร์คนเดียวที่หล่อสุดๆ แต่พอแต่ละคนอยู่บนเวทีแล้วออร่ามันเฉิดฉายมาก โดยเฉพาะมือเบสทรงผมกับหนวดอย่างกับสองวงพาราดอกซ์ แต่ที่เห็นบนเวทีนี้คือร็อคสตาร์ที่โคตรเท่ โดยรวมแล้วฝีมือและซาวน์ที่ออกมา ไม่แพ้คอนเสิร์ตใหญ่ๆที่เคยดูมาเลย ที่สำคัญคือลีลาการเล่นกีต้าร์กับเบสนี่สมเป็นวง J-rock ชั้นนำจริงๆ
- แต่สิ่งที่เจ๋งของวงที่สุดของวงนี้คือนักร้องนำ ตัวเล็กนิดเดียวแต่ร้องเสียงเต็มหมด แถมวิ่งกระโดดกระเด้งกระดอนไปทั่วเวที มีม้านั่งไว้กลางเวทีด้วย ไม่ได้เอาไว้นั่ง แต่เอาไว้ตอนท่อนพีคของเพลงแกจะสปรินท์มาแล้วกระโดดเพื่อบินไปจากม้านั่ง (ดูไปก็กลัวข้อเท้าจะพลิกตอนลงมาก) ที่เหลือเชื่อคือจะวิ่งวุ่นแค่ไหนแต่เสียงไม่มีตก และคุณภาพไม่ได้ดร็อปไปจากไฟล์ดิจิตอลเลย (ได้อารมณ์กว่าด้วยซ้ำ) เหลือเชื่อเหมือนกันว่าขึ้นคอนเสิร์ตอย่างน้อยวันเว้นวันมาเป็นเดือนแล้ว ยังเจ๋งได้ขนาดนี้
- ทัวร์นี้เป็นทัวร์ของอัลบั้ม Ambitions ดังนั้นเพลงในอัลบั้มก็เล่น(เกือบ)หมด (ขาดเพลง one way ticket ซึ่งก็เซ็งนิดหน่อยเพราะชอบเพลงนี้ที่สุดในอัลบั้ม) มีเพลงเร็วจากอัลบั้มเก่าๆมาแทรกสักสองสามเพลง (เสียดายไม่มี Wherever you are) เท่าที่ฟังทุกเพลงต้องมี backing track ช่วย (อยู่แล้วเพราะอัลบั้มนี้เน้นซาวน์อิเล็กทรอนิคเหลือเกิน) แต่น่าประทับใจมากที่ใน live นี้เสียงกีต้าร์กับเบสโดดออกมาเลย ที่ยอดกว่าคือนักร้องนำที่ท่ามกลางความเอ็ดตะโรเกินธรรมดาของกีต้าร์กับเบส เสียงแกยังทะลุมาเหนือกว่าทำให้โชว์ใน live มันเจ๋งและทรงพลังกว่าฟังจากใน track หลายเท่า
แต่ข้อเสียก็มีอยู่บ้าง
- หลังจบเพลงต้องหยุดประมาณครึ่งนาทีแทบทุกเพลง ไม่รู้ว่าเป็นแนวการเล่นของวงนี้ หรือเพราะต้องเซ็ต backing track หรือเพราะต้องเปลี่ยนกีต้าร์กับเบส (กีต้าร์กับเบสอย่างละสี่ห้าตัวเรียงกันอยู่ข้างกลองบนเวที) แต่ผลเสียคืออารมณ์มันไม่ต่อเนื่อง
- นักร้องนำยังพูดไม่ค่อยเก่ง คือการเอนเตอร์เทนคนดูช่วงร้องเพลงนี่ระดับโลกแล้ว แต่ช่วงรอยต่อเพลงนี่ปล่อย dead air บ่อยไปนิด
- Silent moment กว่าหนึ่งนาทีในเพลง Take What You Want เป็นไอเดียที่ไม่ดีนัก เหตุการณ์คือหลังจากจัดหนักมาตั้งแต่ต้น ก็เข้าโหมดคูลดาวน์ช่วงกลางคอนเสิร์ตด้วยเพลง Hard to Love จากนั้นก็เข้าเพลง Take What You Want แบบช้าๆที่ท่อนเวิร์สพอจบท่อนทุกคนบนเวทีก็หยุดนิ่ง (Silent moment) ประมาณหนึ่งนาทีกว่า แล้วนักร้องนำก็ค่อยกรีดเสียงท่อน “Can you hear me? I'm trying to hear you” ซึ่งควรจะเป็นช่วงเวลาที่เจ๋งมาก ถ้าไม่ใช่เพราะว่าช่วง Silent moment นั้นแทนที่คนดูจะเงียบดันเป็นช่วงที่คนดูตะโกนแซววง หรือไม่ก็ตะโกนอะไรฮาๆโต้ตอบกันไปมา ซึ่งก็พอจะเข้าใจได้ เพราะคนดูที่เลือดลมกำลังสูบฉีด เอาเพลงกลางๆมาคั่นเพลงเดียวมันไม่น่าจะคูลดาวน์พอ ผลเลยออกมาอย่างที่เห็น (เห็นว่าช่วงนี้ในที่อื่นๆก็เจอปัญหาคล้ายๆกัน)
อย่างไรก็ตาม วงนี้เป็นวงที่เล่นสดได้เจ๋งมาก อยากให้หาโอกาสไปดู live สักครั้งนึงในชีวิต รับรองว่าไม่ผิดหวัง