จุดเริ่มต้นของการเที่ยวครั้งนี้มาจากบังเอิญเจอ page ใน Facebook แชร์โปรโมชั่นตั๋วเครื่องบินของสายการบิน HK Express
ผมมีเวลาเลยลองกดไปดูเล่นๆ เจอราคาถูกแสนถูก ถูกกว่านั่งเครื่องไปกลับ ภูเก็ต-กรุงเทพ เลยกดจองมา 1 booking โดยไม่ลังเล
ราคาที่ได้มาคือ สองพันเก้าร้อยสิบสี่บาทถ้วน (จองล่วงหน้าประมาณ 5 เดือน)
หลังจากได้ตั๋วก็นอนกระดิกเท้ารอ แพลนไว้ว่าค่อยจองโรงแรมก่อนเดินทางซักเดือนนึง ที่เที่ยวค่อยคิดก่อนไปซักอาทิตย์นึง
พอจะเดินทางจริง อยากจะไปที่ที่มันแตกต่างจากคนอื่น ไม่เน้นกิน ไม่เน้นช็อป
ขอไปที่ที่มันลุยๆ แต่จะให้ลุยทั้ง 4 วัน ก็คงไม่ไหว เลยได้บทสรุป ดังนี้
วันที่ 1 :: 8 ธ.ค.60 --- Lion Rock
วันที่ 2 :: 9 ธ.ค.60 --- Ocean Park
วันที่ 3 :: 10 ธ.ค.60 --- Ngong Ping และ Sunset Peak
วันที่ 4 :: 11 ธ.ค.60 --- Victoria Peak และ .... (ตอนนั้นยังคิดไม่ออก)
เรามาเริ่มเดินทางกัน
สายการบิน HK Express เป็น low-cost airlines สู่ 3 จุดหมายในประเทศไทย คือ ภูเก็ต (วันละ 1 ไฟลท์) เชียงใหม่ (วันละ 1 ไฟลท์) และเชียงราย (สัปดาห์ละ 2 ไฟลท์ ทุกวันจันทร์และวันศุกร์)
สำหรับที่ภูเก็ต UO764 ออกจากภูเก็ต เวลา 03.45 น. ถึงฮ่องกงเวลา 08.05 น.
ทำการบินด้วยเครื่องบินแบบ Airbus A320 ทุกวันอังคาร พุธ พฤหัส และ Airbus A321 ทุกวันจันทร์ ศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์
counter check in เปิดตอนเที่ยงคืนสี่สิบห้า มันก็จะดูมืดๆ หน่อย
ได้ราคาแบบถูกๆ ดังนั้น กระเป๋าไม่ต้องโหลด
สำหรับซิมใช้ช่วงที่อยู่ฮ่องกงคือ abc mobile เน็ตโอเค อาจจะช้าบ้างในบางจุดบน lion rock และ sunset peak
ลองโทรกลับไทย สัญญาณโอเค ถือว่าผ่าน
ภาพที่ทุกคนต้อง post ลง FB หรือ IG เวลาไปต่างประเทศ
สำหรับที่นั่ง ไม่แคบจนเกินไป รู้สึกอึดอัดน้อยกว่า Cathay Dragon ที่เดินทางครั้งล่าสุด
พร้อมถอย รู้สึกช่วงหลังๆ จะค่อนข้างตรงเวลา (อาจจะมี delay แบบรุนแรงบ้าง เป็นครั้งคราว)
ได้เวลาหลับ
ตื่นมาอีกที เจอฟ้าใสๆที่ฮ่องกงแล้ว
ลงมาจากเครื่อง สัมผัสได้ถึงอากาศเย็นๆ อุณหภูมิเช้าวันนั้น ประมาณ 16 องศา
ออกจากสนามบิน เวลาเร็วกว่าที่วางแผนไว้ค่อนข้างมาก
เข้าไปในเมือง เอากระเป๋าฝากไว้ที่โรงแรม ซื้อของสนองความอยากของตนเองนิดหน่อย กินข้าวให้อิ่ม
แล้วมาเริ่มผจญภัย LION ROCK กัน
สำหรับสถานี MTR ที่ใกล้ที่สุด คือ สถานี Wong Tai Sin
แผนที่การเดินทางจริงของวันนี้เป็นไปตามรูปด้านล่าง
สีแดงคือเส้นทางขาไป ส่วนสีฟ้าคือเส้นทางขากลับ
ขาไปดูไกลกว่าขากลับซักหน่อย เพราะหาทางขึ้นไม่เจอ ได้แต่เดินตามๆเค้าไป
ออกจากสถานี เดินผ่านตรงท่ารถที่มีรถมินิบัสจอดอยู่เยอะๆ
เส้นทางช่วงแรก ยังเดินได้สบายๆ
พอถึงตรงนี้ ถนนจะเริ่มชันขึ้น แต่เอาวะ กินข้าวมาอิ่มแล้ว แค่นี้ สบ๊ายยยย
มาถึงตรงนี้ ยังไม่สูงเท่าไหร่ แต่เริ่มเหนื่อยแฮะ
นี่ขนาดยังไม่เข้าป่าเลย เริ่มลังเลว่านี่ตรูคิดถูกหรือคิดผิดหว่า
ผ่านโค้งนี้ไป ถนนจะแคบลง และเริ่มเข้าสู่ดงต้นไม้
หันไปดูตึกข้างๆ หูววววว สูงแฮะ แต่พอคิดว่าจุดหมายปลายทางมันสูงกว่าตึกนี้อีกนะ
โอ้ยยยยย ท้อแท้สุดๆ
Heart rate ณ ตอนนั้น รู้ซึ้งเลยว่าไม่ค่อยออกกำลังกายมันเป็นแบบนี้นี่เอง
เดินไป เดินไป เดินไป มีต้นไม้ตลอดทาง อากาศเย็น แต่หลังชุ่มไปด้วยเหงื่อ
ณ ตอนนั้นเหนื่อยสุดๆ รู้สึกว่าไม่น่าใส่ของในเป้มาเยอะเลย
หันไปเห็นคุณลุงคุณป้าชาวฮ่องกง ทำไมเค้าเดินกันชิวจัง?
เอาวะ!! สู้โว้ย!!!
เดินไป เดินไป เดินไป เดินๆๆๆๆๆ
มาถึงตรงนี้เหมือนเจอจุด check point มีป้ายบอกระยะทาง อีกไม่ถึง 2 กิโล ฝันเริ่มใกล้เป็นจริงขึ้นมา
แต่เห็นสภาพเส้นทางแล้ว มันไม่ง่ายอย่างที่คิด T^T
บันไดแบบนี้ เหมือนจะเดินง่าย แต่ผมว่ามันปวดขามากๆ
ขึ้นมาถึงจุดแรกที่มองเห็นวิว หูยยยย สวยอ่ะ
มาตอนบ่าย มันก็จะย้อนแสงนิดๆ
ภาพรวมถือว่า ผ่าน! มีกำลังใจเดินต่อ
ปัญหาของการไปเที่ยวคนเดียวคือ ไม่มีคนถ่ายรูปให้
แต่ไม่เป็นไร ตั้งกล้องเอาก็ได้วะ
เส้นทางนี้อยู่ใน MacLeHose Trail Section 5
ขอแชะเสา M102 เป็นที่ระลึก
มาถึงตรงนี้ ก็จะเจอแดด กับต้นไม้ร่มๆ สลับกันไป ท่องไว้ในใจว่า เดินไป เดินไป เดินไป เดินไป เดิน แล้วก็เดินไป
เจอเสา M103
อ่าวเห้ย เจอทางแยก
ผมเดินมาจาก Sha Tin Pass แสดงว่าจากจุด check point เมื่อกี๊ ผ่านมา 1 กิโลแล้ว
เหลืออีกไม่ถึงครึ่งทาง หึหึหึ
แต่ก็สงสัยว่า อีกทางนึง (Sha Tin Pass Estate) มันไปไหน เก็บความสงสัยไว้พิสูจน์ตอนขากลับแล้วกัน
Beacon Hill คืออะไรไม่รู้ แต่ดูอีกไกล น่าจะไปไม่ถึง ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกไว้ก่อน
มาถึง M104 แล้ว
ถึงทางแยกอีกครั้ง เลี้ยวซ้ายขึ้นไปยัง Lion rock peak
อีกแค่ครึ่งกิโลเอ๊งงงงงง
เดินขึ้นมาได้นิดเดียว เจอที่ให้พอนั่งพักได้ใต้เสาไฟฟ้าแรงสูง ณ จุดนี้ ไม่ไหวแล้วจริงๆ ขอนั่งพักก่อน
จากเสาไฟฟ้าอันนี้ ถึงข้างบน อีกแค่ประมาณ 400 ขั้นเอง (ลองนับตอนขาลง)
ลองหันหลัง วิวสวยดีแฮะ แต่หันบ่อยๆ ก็ไม่ไหว ผมกลัวความสูง
เห็นระยะทางที่เหลือแล้วต๊อแต๊
บอกตัวเองว่ามาถึงขั้นนี้แล้ว ยังไงก็ต้องไหว
เจอคนเดินสวนลงมา เลยถามไปว่าอีกไกลมั้ย เค้าบอกว่าอีกนิดเดียวแล้ว โอ้ย เหนื่อย เหนื่อย และเหนื่อย!!!
และสุดท้าย...
ถึงแล้วโว้ยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!
Altitude แค่ 495 เมตร ทำไมรู้สึกหมดพลังขนาดนี้
เหลือบไปมองป้ายด้านหลัง
ห้ะ!! ยังเหลืออีก 250 เมตร!
ขอนั่งพักดื่มด่ำบรรยากาศให้หายเหนื่อยก่อน
ไม่มีคนถ่ายให้ ก็ต้องช่วยตัวเอง
ไม่กล้าขยับไปมากกว่า กลัวความสูงจริงๆครับ ขาสั่นพั่บๆๆๆ
ข้างๆมีป้ายเตือน ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ จริงป้ะ?
วิวที่ได้ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่
[CR] ไปเสียเหงื่อที่ Hong Kong ::: Part I - LION ROCK
จุดเริ่มต้นของการเที่ยวครั้งนี้มาจากบังเอิญเจอ page ใน Facebook แชร์โปรโมชั่นตั๋วเครื่องบินของสายการบิน HK Express
ผมมีเวลาเลยลองกดไปดูเล่นๆ เจอราคาถูกแสนถูก ถูกกว่านั่งเครื่องไปกลับ ภูเก็ต-กรุงเทพ เลยกดจองมา 1 booking โดยไม่ลังเล
ราคาที่ได้มาคือ สองพันเก้าร้อยสิบสี่บาทถ้วน (จองล่วงหน้าประมาณ 5 เดือน)
หลังจากได้ตั๋วก็นอนกระดิกเท้ารอ แพลนไว้ว่าค่อยจองโรงแรมก่อนเดินทางซักเดือนนึง ที่เที่ยวค่อยคิดก่อนไปซักอาทิตย์นึง
พอจะเดินทางจริง อยากจะไปที่ที่มันแตกต่างจากคนอื่น ไม่เน้นกิน ไม่เน้นช็อป
ขอไปที่ที่มันลุยๆ แต่จะให้ลุยทั้ง 4 วัน ก็คงไม่ไหว เลยได้บทสรุป ดังนี้
วันที่ 1 :: 8 ธ.ค.60 --- Lion Rock
วันที่ 2 :: 9 ธ.ค.60 --- Ocean Park
วันที่ 3 :: 10 ธ.ค.60 --- Ngong Ping และ Sunset Peak
วันที่ 4 :: 11 ธ.ค.60 --- Victoria Peak และ .... (ตอนนั้นยังคิดไม่ออก)
เรามาเริ่มเดินทางกัน
สายการบิน HK Express เป็น low-cost airlines สู่ 3 จุดหมายในประเทศไทย คือ ภูเก็ต (วันละ 1 ไฟลท์) เชียงใหม่ (วันละ 1 ไฟลท์) และเชียงราย (สัปดาห์ละ 2 ไฟลท์ ทุกวันจันทร์และวันศุกร์)
สำหรับที่ภูเก็ต UO764 ออกจากภูเก็ต เวลา 03.45 น. ถึงฮ่องกงเวลา 08.05 น.
ทำการบินด้วยเครื่องบินแบบ Airbus A320 ทุกวันอังคาร พุธ พฤหัส และ Airbus A321 ทุกวันจันทร์ ศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์
counter check in เปิดตอนเที่ยงคืนสี่สิบห้า มันก็จะดูมืดๆ หน่อย
ได้ราคาแบบถูกๆ ดังนั้น กระเป๋าไม่ต้องโหลด
สำหรับซิมใช้ช่วงที่อยู่ฮ่องกงคือ abc mobile เน็ตโอเค อาจจะช้าบ้างในบางจุดบน lion rock และ sunset peak
ลองโทรกลับไทย สัญญาณโอเค ถือว่าผ่าน
ภาพที่ทุกคนต้อง post ลง FB หรือ IG เวลาไปต่างประเทศ
สำหรับที่นั่ง ไม่แคบจนเกินไป รู้สึกอึดอัดน้อยกว่า Cathay Dragon ที่เดินทางครั้งล่าสุด
พร้อมถอย รู้สึกช่วงหลังๆ จะค่อนข้างตรงเวลา (อาจจะมี delay แบบรุนแรงบ้าง เป็นครั้งคราว)
ได้เวลาหลับ
ตื่นมาอีกที เจอฟ้าใสๆที่ฮ่องกงแล้ว
ลงมาจากเครื่อง สัมผัสได้ถึงอากาศเย็นๆ อุณหภูมิเช้าวันนั้น ประมาณ 16 องศา
ออกจากสนามบิน เวลาเร็วกว่าที่วางแผนไว้ค่อนข้างมาก
เข้าไปในเมือง เอากระเป๋าฝากไว้ที่โรงแรม ซื้อของสนองความอยากของตนเองนิดหน่อย กินข้าวให้อิ่ม
แล้วมาเริ่มผจญภัย LION ROCK กัน
สำหรับสถานี MTR ที่ใกล้ที่สุด คือ สถานี Wong Tai Sin
แผนที่การเดินทางจริงของวันนี้เป็นไปตามรูปด้านล่าง
สีแดงคือเส้นทางขาไป ส่วนสีฟ้าคือเส้นทางขากลับ
ขาไปดูไกลกว่าขากลับซักหน่อย เพราะหาทางขึ้นไม่เจอ ได้แต่เดินตามๆเค้าไป
ออกจากสถานี เดินผ่านตรงท่ารถที่มีรถมินิบัสจอดอยู่เยอะๆ
เส้นทางช่วงแรก ยังเดินได้สบายๆ
พอถึงตรงนี้ ถนนจะเริ่มชันขึ้น แต่เอาวะ กินข้าวมาอิ่มแล้ว แค่นี้ สบ๊ายยยย
มาถึงตรงนี้ ยังไม่สูงเท่าไหร่ แต่เริ่มเหนื่อยแฮะ
นี่ขนาดยังไม่เข้าป่าเลย เริ่มลังเลว่านี่ตรูคิดถูกหรือคิดผิดหว่า
ผ่านโค้งนี้ไป ถนนจะแคบลง และเริ่มเข้าสู่ดงต้นไม้
หันไปดูตึกข้างๆ หูววววว สูงแฮะ แต่พอคิดว่าจุดหมายปลายทางมันสูงกว่าตึกนี้อีกนะ
โอ้ยยยยย ท้อแท้สุดๆ
Heart rate ณ ตอนนั้น รู้ซึ้งเลยว่าไม่ค่อยออกกำลังกายมันเป็นแบบนี้นี่เอง
เดินไป เดินไป เดินไป มีต้นไม้ตลอดทาง อากาศเย็น แต่หลังชุ่มไปด้วยเหงื่อ
ณ ตอนนั้นเหนื่อยสุดๆ รู้สึกว่าไม่น่าใส่ของในเป้มาเยอะเลย
หันไปเห็นคุณลุงคุณป้าชาวฮ่องกง ทำไมเค้าเดินกันชิวจัง?
เอาวะ!! สู้โว้ย!!!
เดินไป เดินไป เดินไป เดินๆๆๆๆๆ
มาถึงตรงนี้เหมือนเจอจุด check point มีป้ายบอกระยะทาง อีกไม่ถึง 2 กิโล ฝันเริ่มใกล้เป็นจริงขึ้นมา
แต่เห็นสภาพเส้นทางแล้ว มันไม่ง่ายอย่างที่คิด T^T
บันไดแบบนี้ เหมือนจะเดินง่าย แต่ผมว่ามันปวดขามากๆ
ขึ้นมาถึงจุดแรกที่มองเห็นวิว หูยยยย สวยอ่ะ
มาตอนบ่าย มันก็จะย้อนแสงนิดๆ
ภาพรวมถือว่า ผ่าน! มีกำลังใจเดินต่อ
ปัญหาของการไปเที่ยวคนเดียวคือ ไม่มีคนถ่ายรูปให้
แต่ไม่เป็นไร ตั้งกล้องเอาก็ได้วะ
เส้นทางนี้อยู่ใน MacLeHose Trail Section 5
ขอแชะเสา M102 เป็นที่ระลึก
มาถึงตรงนี้ ก็จะเจอแดด กับต้นไม้ร่มๆ สลับกันไป ท่องไว้ในใจว่า เดินไป เดินไป เดินไป เดินไป เดิน แล้วก็เดินไป
เจอเสา M103
อ่าวเห้ย เจอทางแยก
ผมเดินมาจาก Sha Tin Pass แสดงว่าจากจุด check point เมื่อกี๊ ผ่านมา 1 กิโลแล้ว
เหลืออีกไม่ถึงครึ่งทาง หึหึหึ
แต่ก็สงสัยว่า อีกทางนึง (Sha Tin Pass Estate) มันไปไหน เก็บความสงสัยไว้พิสูจน์ตอนขากลับแล้วกัน
Beacon Hill คืออะไรไม่รู้ แต่ดูอีกไกล น่าจะไปไม่ถึง ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกไว้ก่อน
มาถึง M104 แล้ว
ถึงทางแยกอีกครั้ง เลี้ยวซ้ายขึ้นไปยัง Lion rock peak
อีกแค่ครึ่งกิโลเอ๊งงงงงง
เดินขึ้นมาได้นิดเดียว เจอที่ให้พอนั่งพักได้ใต้เสาไฟฟ้าแรงสูง ณ จุดนี้ ไม่ไหวแล้วจริงๆ ขอนั่งพักก่อน
จากเสาไฟฟ้าอันนี้ ถึงข้างบน อีกแค่ประมาณ 400 ขั้นเอง (ลองนับตอนขาลง)
ลองหันหลัง วิวสวยดีแฮะ แต่หันบ่อยๆ ก็ไม่ไหว ผมกลัวความสูง
เห็นระยะทางที่เหลือแล้วต๊อแต๊
บอกตัวเองว่ามาถึงขั้นนี้แล้ว ยังไงก็ต้องไหว
เจอคนเดินสวนลงมา เลยถามไปว่าอีกไกลมั้ย เค้าบอกว่าอีกนิดเดียวแล้ว โอ้ย เหนื่อย เหนื่อย และเหนื่อย!!!
และสุดท้าย...
ถึงแล้วโว้ยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!
Altitude แค่ 495 เมตร ทำไมรู้สึกหมดพลังขนาดนี้
เหลือบไปมองป้ายด้านหลัง
ห้ะ!! ยังเหลืออีก 250 เมตร!
ขอนั่งพักดื่มด่ำบรรยากาศให้หายเหนื่อยก่อน
ไม่มีคนถ่ายให้ ก็ต้องช่วยตัวเอง
ไม่กล้าขยับไปมากกว่า กลัวความสูงจริงๆครับ ขาสั่นพั่บๆๆๆ
ข้างๆมีป้ายเตือน ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ จริงป้ะ?
วิวที่ได้ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น