Wonderfruit เป็นงานที่เราคุ้นหูดี แต่ไม่มีโอกาสได้ไปซักกะที จนปีนี้จับพลัดจับผลูได้ไปแบบกระทันหัน ประจวบเหมาะกับที่พี่ปุ่นมีงานต้องไปถ่ายรูปที่พัทยาพอดี๊...พอดี เราก็เลยได้ป๊ะกัน 'Wonderfruit' รู้ๆกันอยู่ว่าทุกคนที่ไปงาน Wonderfruit แต่งตัวเต็มม๊ากกก ความฮิปปี้ต้องมา ความเว่อร์วังมันต้องมี! แล้วคนที่เพิ่งรู้ตัว 1 วันก่อนที่จะต้องไปงานอย่างเราล่ะ เออะ...ถามว่ามีชุดเข้าตีมกับเค้ามั้ย? คือ...เสื้อผ้าเกือบทั้งราวของเราก็เป็น Uniqlo มันจะฮิปปี้มั้ยล่ะ!
สรุปเสื้อผ้าที่เห็นอยู่นี่ก็มาจาก
- เสื้อ รีบวิ่งไปซื้อใต้ตึกตอนพักทานข้าวไวๆ เอาวะ ตัวนี้ก็ได้
- กระโปรง Uniqlo เดชะบุญที่มันพอไปด้วยกันได้
- รองเท้าผ้าใบ Converse หุ้มข้อ จะลากบูธ Timberland ไปก็คงจะไม่ใช่
- สายรัดหัว ไปฉกเอาดาบหน้าได้ในงานจ้า เอาวะ ก็คงจะฮิปปี้พอไปวัดไปวากับเค้าได้บ้างล่ะ
จริงๆแล้ว
ลูกไผ่: "พี่ปุ่นๆ ไผ่อยากโชว์พุงอย่างเค้าบ้างอ่ะค่ะ Wonderfruit มันต้องโชว์พุงนะ"
พี่ปุ่น: "พุงห้อยๆอ่ะนะไผ่"
ลูกไผ่: "อะไรรร ไผ่ตัวเล็กนิดเดียว"
พี่ปุ่น: "ตัวเล็ก แต่พุงห้อยไง"
เออ โอเค จบเรื่องเสื้อผ้าเพียงเท่านี้!
-----------------------------------------
งานนี้เราบังเอิญไปป๊ะสาวสวยเพื่อนเราเอง นามว่า กิ๊ง ที่งาน กิ๊งเคยมางานนี้เมื่อปีที่แล้ว แล้วปีนี้ก็มาก่อนหน้าเราอีก เราก็เลยได้กิ๊งเป็นไกด์เล็กๆในงานให้เรา ผู้ซึ่งมางานนี้เป็นครั้งแรก
-----------------------------------------
งาน Wonderfruit ปีนี้จัดวันที่ 14-17 ธ.ค. เปิดตั้งแต่ 8:00 - 24:00 น.
ค่าบัตรเข้างาน: กิ๊งบอกว่าถ้าจองตั้งแต่แรกๆ ราคาบัตรน่าจะประมาณ 4,500 - 5,000 บาท แล้วราคาก็จะขึ้นเรื่อยๆ อย่างวันนี้ที่หน้างานบัตรก็ราคา 6,300 บาทแล้ว ปีหน้าใครจะไปก็รีบๆจองกันน้า
------------------------------------------
อ้อ นี่ๆ ตาล้องส่วนตัวเรา พี่ปุ่นไงจะใครล่ะ 5555
ปะ ไปดูกันดีกว่าว่าข้างใน Wonderfruit เป็นไงมั่ง
ทางเข้างานจ้า ก่อนจะเข้างานก็ต้องไปรับสายข้อมือที่ซุ้มลงทะเบียนกันก่อนเนอะ และก่อนที่จะรับสายข้อมูลก็ต้องลงทะเบียนออนไลน์กันก่อนด้วยนะ (อันนี้เราก็เพิ่งไปรู้ที่หน้างาน) ใครที่ยังไม่ได้ลงเบียนออนไลน์มา ก็เอามือถือ scan QR Code ที่หน้างาน แล้วก็ยืนจิ้มๆกันตรงนั้นแหละ เสร็จแล้วก็เอาไปยืนให้พนักงาน เค้าก็จะให้สายรัดข้อมือมาให้ สายนี้ใช้ตลอดงาน มันจะเป็นชิฟที่ใช้เข้างาน Top up เงิน (ที่นี่เค้าไม่ใช้เงินสดกันนะจ๊ะ) เพื่อใช้ซื้อของ ซื้ออาหารภายในงาน ห้ามตัดออกเด็ดขาด ใส่อาบน้ำได้เลย เราลองมาแล้ว
เรามาถึงแล้วจริงๆ นะ Wonderfruit!!!!!!!
ข้างในจะเป็นลานโล่งกว้าง มีซุ้มต่างๆ วางกระจายๆกันไป เค้ามีแผนที่ภายในงานแจกสำหรับคนที่กลัวหลง ไปหยิบเอาได้ตามซุ้ม Top up เงินค่ะ
แต่ละซุ้มก็จะตกแต่งเป็นแนวฮิปปี้ๆ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นบาร์นั่งชิลๆ ซุ้มใหญ่หน่อยก็จะมีดีเจมาเปิดเพลงให้แด๊นซ์กัน
เข้างานมาแล้ว ความฮิปปี้มันต้องมาดิ! มันต้องมาแอ๊คฮิปปี้กันซะหน่อย
ผ่านทางเข้างานมานิดนึงก็จะเจอซุ้มชิงช้า ให้เราไปนั่งแกว่งชิลๆ เห็นแดดร้อนๆงี้ พอได้ไปนั่งแล้ว เฮ้ย มันลมเย็นชิลจริงๆแฮะ
ซุ้มให้นั่งมีหลายซุ้มมาก แล้วแต่จะเลือกเลยค่ะว่าอยากทานอะไร อยากนั่งชิลสไตล์ไหน
ผ้าสีสันฉูดฉาดก็ดูจะเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับงานนี้
บนรถบัสที่เราบอกว่าแทบจะเป็น Singnature ของงานไปแล้ว ตอนแรกเราก็นึกว่าเค้าให้นักดนตรีอะไรไปนั่งเล่นดนตรีโชว์ด้านบน แต่จริงๆแล้ว เปล่าค่า! เค้ามีบันไดลิงให้ทุกคนปีนขึ้นไปนั่งชิลๆรับลมด้านบนได้ (ถ้ามีที่ว่างอ่ะนะ)
สกิลการปีนเราอาจจะยังไม่แข็งแรง นั่งชิลในรถไปก่อนละกันเนอะ 5555
โซนขายเสื้อผ้า เครื่องประดับเค้าก็มีนะคะ ทุกตัวล้วนแล้วแต่เข้ากับตีมงาน เหมาะกับคนเตรียมเสื้อผ้าไม่ทันแบบเรา ซื้อแล้วเปลี่ยนมันในนี้แหละ อย่างเราก็ได้สายรัดหัวที่นี่มาเส้นนึง พี่คนขายน่ารักมาก พี่เค้าชอบพูดกับลูกค้าทุกคนว่า "ไว้แวะมาถ่ายรูปกันน้า สนุกดี"
เดินๆไปเราจะเจอรถของ Green Peace วิ่งๆจอดๆเป็นพักๆในงาน หัวนกที่เห็นแต่ละหัวด้านในจะมีเสียงนกและกลิ่นของป่าที่นกตัวนั้นๆอาศัยอยู่แตกต่างกัน ไอเดียดีมากๆ
ซุ้มนี้เป็นซุ้มอาหารที่ค่อนข้างใหญ่หน่อย คนมากระจุกที่นี่อยู่เยอะพอสมควร น่าจะเติมพลังก่อนไปแด๊นซ์กันคืนนี้
เราเห็นสองสาวนี้นั่งทานอยู่ด้านนอก ทานไป เต้นไป น่ารักดี
เดินกันมาพักใหญ่ เราก็มาเจอซุ้ม Moonlight ของแสงโสม รอบๆซุ้มจะมีที่นั่ง เอ๊ะ หรือเรียกว่าที่นอนดี วางอยู่รอบซุ้มเลย
คือที่นอนนี่มันดูน่าสบายเกินห้ามใจจริงๆ ขอนอนพักแพพ 555
ใช่ว่าข้างในงานเค้าจะมีแต่ซุ้มบาร์ อาหาร เครื่องดื่ม ของขายอย่างเดียวนะ เค้ายังมีพวกซุ้มกิจกรรมให้คนมาลองทำ Workshop อยู่หลายซุ้มเลย
มุมนี้คือ Solar Stage เป็นซุ้มที่มีดีเจมาเปิดเพลงให้แดนซ์ๆ กัน
อ๊ะ อยู่กันจนถึงดึก แต่ละซุ้มก็เริ่มเปิดไฟกัน ซุ้มที่ดูเงียบ เหมือนจะไม่มีอะไรเมื่อตอนกลางวันก็เริ่มโชว์ของกันแล้ว
นี่ไง สาวสวยเพื่อนเรา ผู้พาเราผู้มาครั้งแรกแบบเอ๋อๆเที่ยว
นี่ไง ที่เราบอกว่ากลางคืนแต่ละซุ้มก็จะให้อีกความรู้สึกจากตอนกลางวัน อย่างซุ้ม Moonlight ที่เราไปนอนเกลือกกลิ้งเมื่อตอนกลางวันชิลๆนี่ก็เหมือนกัน ตอนกลางคืนก็จะให้อารมณ์บาร์ มีคนเดินมาซื้อเครื่องดื่มนั่งจิบชิล์กันเยอะเลย
ซุ้มอาหารเมื่อตอนกลางวันก็เช่นกัน คนละอารมณ์เลย
ละอย่างซุ้มนี้ก็เหมือนกัน ตอนกลางวันมันคือซุ้มไหนหว่า 555
เดินจนทั่วงานตั้งแต่มีแสงยังแสงหมดละ ขอถ่ายภาพกับไกด์จำเป็นเราอีกซักรูปก่อนแยกย้าย
เจอกันใหม่นะ Wonderfruit
ฝากติดตามรีวิวอื่นๆที่เพจเราด้วยนะค้า =>
https://www.facebook.com/wherewegopage/
[CR] เมื่อฉันแปลงร่างเป็น สาวฮิปปี้ ที่งาน Wonderfruit 2017
Wonderfruit เป็นงานที่เราคุ้นหูดี แต่ไม่มีโอกาสได้ไปซักกะที จนปีนี้จับพลัดจับผลูได้ไปแบบกระทันหัน ประจวบเหมาะกับที่พี่ปุ่นมีงานต้องไปถ่ายรูปที่พัทยาพอดี๊...พอดี เราก็เลยได้ป๊ะกัน 'Wonderfruit' รู้ๆกันอยู่ว่าทุกคนที่ไปงาน Wonderfruit แต่งตัวเต็มม๊ากกก ความฮิปปี้ต้องมา ความเว่อร์วังมันต้องมี! แล้วคนที่เพิ่งรู้ตัว 1 วันก่อนที่จะต้องไปงานอย่างเราล่ะ เออะ...ถามว่ามีชุดเข้าตีมกับเค้ามั้ย? คือ...เสื้อผ้าเกือบทั้งราวของเราก็เป็น Uniqlo มันจะฮิปปี้มั้ยล่ะ!
สรุปเสื้อผ้าที่เห็นอยู่นี่ก็มาจาก
- เสื้อ รีบวิ่งไปซื้อใต้ตึกตอนพักทานข้าวไวๆ เอาวะ ตัวนี้ก็ได้
- กระโปรง Uniqlo เดชะบุญที่มันพอไปด้วยกันได้
- รองเท้าผ้าใบ Converse หุ้มข้อ จะลากบูธ Timberland ไปก็คงจะไม่ใช่
- สายรัดหัว ไปฉกเอาดาบหน้าได้ในงานจ้า เอาวะ ก็คงจะฮิปปี้พอไปวัดไปวากับเค้าได้บ้างล่ะ
จริงๆแล้ว
ลูกไผ่: "พี่ปุ่นๆ ไผ่อยากโชว์พุงอย่างเค้าบ้างอ่ะค่ะ Wonderfruit มันต้องโชว์พุงนะ"
พี่ปุ่น: "พุงห้อยๆอ่ะนะไผ่"
ลูกไผ่: "อะไรรร ไผ่ตัวเล็กนิดเดียว"
พี่ปุ่น: "ตัวเล็ก แต่พุงห้อยไง"
เออ โอเค จบเรื่องเสื้อผ้าเพียงเท่านี้!
-----------------------------------------
งานนี้เราบังเอิญไปป๊ะสาวสวยเพื่อนเราเอง นามว่า กิ๊ง ที่งาน กิ๊งเคยมางานนี้เมื่อปีที่แล้ว แล้วปีนี้ก็มาก่อนหน้าเราอีก เราก็เลยได้กิ๊งเป็นไกด์เล็กๆในงานให้เรา ผู้ซึ่งมางานนี้เป็นครั้งแรก
-----------------------------------------
งาน Wonderfruit ปีนี้จัดวันที่ 14-17 ธ.ค. เปิดตั้งแต่ 8:00 - 24:00 น.
ค่าบัตรเข้างาน: กิ๊งบอกว่าถ้าจองตั้งแต่แรกๆ ราคาบัตรน่าจะประมาณ 4,500 - 5,000 บาท แล้วราคาก็จะขึ้นเรื่อยๆ อย่างวันนี้ที่หน้างานบัตรก็ราคา 6,300 บาทแล้ว ปีหน้าใครจะไปก็รีบๆจองกันน้า
------------------------------------------
อ้อ นี่ๆ ตาล้องส่วนตัวเรา พี่ปุ่นไงจะใครล่ะ 5555
ปะ ไปดูกันดีกว่าว่าข้างใน Wonderfruit เป็นไงมั่ง
ทางเข้างานจ้า ก่อนจะเข้างานก็ต้องไปรับสายข้อมือที่ซุ้มลงทะเบียนกันก่อนเนอะ และก่อนที่จะรับสายข้อมูลก็ต้องลงทะเบียนออนไลน์กันก่อนด้วยนะ (อันนี้เราก็เพิ่งไปรู้ที่หน้างาน) ใครที่ยังไม่ได้ลงเบียนออนไลน์มา ก็เอามือถือ scan QR Code ที่หน้างาน แล้วก็ยืนจิ้มๆกันตรงนั้นแหละ เสร็จแล้วก็เอาไปยืนให้พนักงาน เค้าก็จะให้สายรัดข้อมือมาให้ สายนี้ใช้ตลอดงาน มันจะเป็นชิฟที่ใช้เข้างาน Top up เงิน (ที่นี่เค้าไม่ใช้เงินสดกันนะจ๊ะ) เพื่อใช้ซื้อของ ซื้ออาหารภายในงาน ห้ามตัดออกเด็ดขาด ใส่อาบน้ำได้เลย เราลองมาแล้ว
เรามาถึงแล้วจริงๆ นะ Wonderfruit!!!!!!!
ข้างในจะเป็นลานโล่งกว้าง มีซุ้มต่างๆ วางกระจายๆกันไป เค้ามีแผนที่ภายในงานแจกสำหรับคนที่กลัวหลง ไปหยิบเอาได้ตามซุ้ม Top up เงินค่ะ
แต่ละซุ้มก็จะตกแต่งเป็นแนวฮิปปี้ๆ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นบาร์นั่งชิลๆ ซุ้มใหญ่หน่อยก็จะมีดีเจมาเปิดเพลงให้แด๊นซ์กัน
เข้างานมาแล้ว ความฮิปปี้มันต้องมาดิ! มันต้องมาแอ๊คฮิปปี้กันซะหน่อย
ผ่านทางเข้างานมานิดนึงก็จะเจอซุ้มชิงช้า ให้เราไปนั่งแกว่งชิลๆ เห็นแดดร้อนๆงี้ พอได้ไปนั่งแล้ว เฮ้ย มันลมเย็นชิลจริงๆแฮะ
ซุ้มให้นั่งมีหลายซุ้มมาก แล้วแต่จะเลือกเลยค่ะว่าอยากทานอะไร อยากนั่งชิลสไตล์ไหน
ผ้าสีสันฉูดฉาดก็ดูจะเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับงานนี้
บนรถบัสที่เราบอกว่าแทบจะเป็น Singnature ของงานไปแล้ว ตอนแรกเราก็นึกว่าเค้าให้นักดนตรีอะไรไปนั่งเล่นดนตรีโชว์ด้านบน แต่จริงๆแล้ว เปล่าค่า! เค้ามีบันไดลิงให้ทุกคนปีนขึ้นไปนั่งชิลๆรับลมด้านบนได้ (ถ้ามีที่ว่างอ่ะนะ)
สกิลการปีนเราอาจจะยังไม่แข็งแรง นั่งชิลในรถไปก่อนละกันเนอะ 5555
โซนขายเสื้อผ้า เครื่องประดับเค้าก็มีนะคะ ทุกตัวล้วนแล้วแต่เข้ากับตีมงาน เหมาะกับคนเตรียมเสื้อผ้าไม่ทันแบบเรา ซื้อแล้วเปลี่ยนมันในนี้แหละ อย่างเราก็ได้สายรัดหัวที่นี่มาเส้นนึง พี่คนขายน่ารักมาก พี่เค้าชอบพูดกับลูกค้าทุกคนว่า "ไว้แวะมาถ่ายรูปกันน้า สนุกดี"
เดินๆไปเราจะเจอรถของ Green Peace วิ่งๆจอดๆเป็นพักๆในงาน หัวนกที่เห็นแต่ละหัวด้านในจะมีเสียงนกและกลิ่นของป่าที่นกตัวนั้นๆอาศัยอยู่แตกต่างกัน ไอเดียดีมากๆ
ซุ้มนี้เป็นซุ้มอาหารที่ค่อนข้างใหญ่หน่อย คนมากระจุกที่นี่อยู่เยอะพอสมควร น่าจะเติมพลังก่อนไปแด๊นซ์กันคืนนี้
เราเห็นสองสาวนี้นั่งทานอยู่ด้านนอก ทานไป เต้นไป น่ารักดี
เดินกันมาพักใหญ่ เราก็มาเจอซุ้ม Moonlight ของแสงโสม รอบๆซุ้มจะมีที่นั่ง เอ๊ะ หรือเรียกว่าที่นอนดี วางอยู่รอบซุ้มเลย
คือที่นอนนี่มันดูน่าสบายเกินห้ามใจจริงๆ ขอนอนพักแพพ 555
ใช่ว่าข้างในงานเค้าจะมีแต่ซุ้มบาร์ อาหาร เครื่องดื่ม ของขายอย่างเดียวนะ เค้ายังมีพวกซุ้มกิจกรรมให้คนมาลองทำ Workshop อยู่หลายซุ้มเลย
มุมนี้คือ Solar Stage เป็นซุ้มที่มีดีเจมาเปิดเพลงให้แดนซ์ๆ กัน
อ๊ะ อยู่กันจนถึงดึก แต่ละซุ้มก็เริ่มเปิดไฟกัน ซุ้มที่ดูเงียบ เหมือนจะไม่มีอะไรเมื่อตอนกลางวันก็เริ่มโชว์ของกันแล้ว
นี่ไง สาวสวยเพื่อนเรา ผู้พาเราผู้มาครั้งแรกแบบเอ๋อๆเที่ยว
นี่ไง ที่เราบอกว่ากลางคืนแต่ละซุ้มก็จะให้อีกความรู้สึกจากตอนกลางวัน อย่างซุ้ม Moonlight ที่เราไปนอนเกลือกกลิ้งเมื่อตอนกลางวันชิลๆนี่ก็เหมือนกัน ตอนกลางคืนก็จะให้อารมณ์บาร์ มีคนเดินมาซื้อเครื่องดื่มนั่งจิบชิล์กันเยอะเลย
ซุ้มอาหารเมื่อตอนกลางวันก็เช่นกัน คนละอารมณ์เลย
ละอย่างซุ้มนี้ก็เหมือนกัน ตอนกลางวันมันคือซุ้มไหนหว่า 555
เดินจนทั่วงานตั้งแต่มีแสงยังแสงหมดละ ขอถ่ายภาพกับไกด์จำเป็นเราอีกซักรูปก่อนแยกย้าย
เจอกันใหม่นะ Wonderfruit
ฝากติดตามรีวิวอื่นๆที่เพจเราด้วยนะค้า => https://www.facebook.com/wherewegopage/