"อภิมหาสงครามปัจฉิมบทแห่งเจได" (No Spoil)
หลังจากเฝ้ารอคอยมานานกว่า 2 ปีบัดนี้ Star Wars: The Last Jedi ก็ได้เข้าโรงฉายกันเรียบร้อยแม้จะไม่ได้ Hype หรือคาดหวังอะไรมากมายกับภาคนี้แต่สิ่งที่ได้รับกลับมามันมากมายเกินคณานับหักทุกอย่างที่เคยคิดมาสร้างความสดใหม่ให้กับเฟรนไชส์ Star Wars ไปในแนวทางใหม่ที่น่าสนใจกว่าเดิม
กับ Star Wars ภาคที่ 8 ก็บอกเลยว่าเนื้อเรื่องถูกเปิดเผยน้อยมาก ๆ เรารู้แค่ว่ากองทัพ First Order ยังไล่ล่าพวก Resistance ที่เหลือซึ่งต่อจากภาคที่ 7 และในขณะเดียวกันอีกฟากฝั่งของสงคราม เรย์ ได้พบกับ ปรมาจารย์เจได ลุค สกายวอล์คเกอร์ และได้ขอร้องเขาให้ช่วยเพื่อเป็นความหวังใหม่ของกองกำลัง Resistance
ด้วยเนื้อเรื่องที่ปิดมิดแบบนี้พอมาเจอในหนังจริงก็ยิ่งตื่นเต้นเพราะสิ่งที่มีในหนังมันมากกว่าเนื้อเรื่อง การดำเนินเรื่องมีหลาย ๆ อย่างที่เหนือความคาดหมายไม่เดินตามขนบแบบ Star Wars ที่ผ่าน ๆ มามันฉีกแนวทางที่จำเจเดิม ๆ แต่ในขณะเดียวกันมันก็ดูลงตัวซะงั้นจะไม่ว่าบังเอิญหรือตั้งใจก็เถอะมันก็เลยทำให้เป็น 150 นาทีที่สนุกเพลินมาก
การพัฒนาตัวละครก็เป็นอีกสิ่งที่ต้องพูดเพราะในภาคนี้ทุกตัวละครไม่ว่าตัวละครหลักหรือรองมีพัฒนาการแบบก้าวกระโดดมาก ตัวละครมีหลากหลายมิติขึ้นเช่น
เรย์ - เราจะได้รู้จักตัวตนของเธอมากขึ้นปริศนาของเธอจะค่อย ๆ คลี่คลายพ่อแม่ของเธอเป็นใครเราก็จะได้รู้กันแต่ต้องบอกเลยว่าให้โยนทฤษฎีมโนทั้งหลายทิ้งไปให้หมดเลย
โพ ดาเมรอน - มีบุคลิกชัดเจนขึ้น เท่ขึ้น ไม่แบนราบเหมือนภาค 7 เขาจะมีมิติตัวละครที่น่าสนใจไม่เหมือนคนขับ X-Wings ดาด ๆ ทั่วไปแน่นอน
ฟินน์ - เจ้าคนทรยศคนนี้แม้ว่าบทบาทในภาค 8 อาจดูดรอปไปบ้างแต่ก็เป็นตัวละครที่มีความสำคัญเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในเรื่อง
โรส - ตัวละครใหม่ที่ดูเหมือนจะเป็นส่วนเกินแต่ไม่เลยครับการมาของตัวละครนี้ดูลงตัวเข้ากับสถานการณ์ในเรื่องได้ดีและเคมีการแสดงคู่กับ ฟินน์ ก็โอเคอยู่นะ
ไคโล เรน - ไอ้หนุ่มหัวร้อนของกองทัพ First Order จะไม่ดูอ่อนด๋อยเหมือนภาคที่ 7 อีกต่อไปตัวเขาจะมีความมุ่งมั่นมากขึ้น ทะเยอทะยานมากขึ้นน่าจะเป็นตัวละครเดียวที่มีพัฒนาการโดดเด่นมากที่สุดและก็เป็นตัวละครที่น่าสงสารมากที่สุดเช่นกันและคุณจะต้องตกใจ+อึ้งกับความมุ่งมั่นของเขาแน่นอน!
ลุค & เลอา - การมาของตัวละครรุ่นเก๋าก็ยังประทับใจเช่นเคยโดยเฉพาะ ลุค ที่เขาได้มีบทพูดแล้ว (ฮา) มีส่วนสำคัญทั้งเรื่องไม่ได้มาแวบ ๆ แถมการปรากฏตัวของเจไดคนนี้มันเป็นอะไรที่เท่ สุดยอดมาก ๆ มาเหนือโคตร Beyond สำแดงพลังของเจไดให้เห็นมากกว่าแค่กวัดแกว่งไลต์เซเบอร์ถ้าเป็นภาษาเกมก็ต้องบอกเลยว่า "นี่แหละเทพทรูตัวจริง"
ในส่วนของฉากแอ็คชั่นก็เป็นภาคที่ใส่มาไม่เยอะเท่าไหร่แต่มาทีนี่ก็ถือว่าโคตรสุดเรียกได้ว่าการมาของฉากแอ็คชั่นแต่ละครั้งมันส่งผลต่อเนื้อเรื่องมันไม่ได้ใส่มาดาด ๆ และดูเหมือนผู้กำกับจะใส่ใจกับฉากแอ็คชั่นในเรื่องมาก ๆ จะเป็นฉากต่อสู้บนอวกาศก็เจ๋งหรือการดวลไลต์เซเบอร์ก็ดูจริงจัง ดุดัน เล่นถึงตาย!!
งานภาพฉากต่าง ๆ แม้จะไม่ได้เรียนหรือมีความรู้เรื่องนี้โดยตรงแต่ก็รู้สึกว่าภาพที่ถ่ายออกมาในภาค 8 ดูสวยงามสื่อถึงอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครได้แม้ไม่ต้องพูดหรือฉากบางฉากที่ใช้แค่ความเงียบก็สื่อสารได้ว่าในห้วงขณะนั้นมันรู้สึกอย่างไร
ก็ยังมีอีกหลายประเด็นมาก ๆ ที่อยากจะรีวิวแต่มันจะสปอยล์แน่ ๆ ก็เอาเป็นว่า Star Wars: The Last Jedi มีความแปลกใหม่ตรงที่การเดินเรื่องมีจุดพลิกผันไปมาตลอด หากคุณคิดว่าเรื่องจะไปทางนั้นมันจะไปอีกทางและทางที่เปลี่ยนมันก็เลี้ยวไปอีกทางอีกทำให้เราเดาไม่ได้เลยว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นข้างหน้า จงปล่อยให้หนังมันพาเราไปตามทางของมันเถอะก็เหมือนกับคำพูดของลุคที่เคยพูดในตัวอย่างไว้ว่า
"มันจะไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดหรอก!"
"9.5/10" (A+ Rank)
ที่มา -
https://www.facebook.com/myinnermovie
[Review] - Star Wars: The Last Jedi
หลังจากเฝ้ารอคอยมานานกว่า 2 ปีบัดนี้ Star Wars: The Last Jedi ก็ได้เข้าโรงฉายกันเรียบร้อยแม้จะไม่ได้ Hype หรือคาดหวังอะไรมากมายกับภาคนี้แต่สิ่งที่ได้รับกลับมามันมากมายเกินคณานับหักทุกอย่างที่เคยคิดมาสร้างความสดใหม่ให้กับเฟรนไชส์ Star Wars ไปในแนวทางใหม่ที่น่าสนใจกว่าเดิม
กับ Star Wars ภาคที่ 8 ก็บอกเลยว่าเนื้อเรื่องถูกเปิดเผยน้อยมาก ๆ เรารู้แค่ว่ากองทัพ First Order ยังไล่ล่าพวก Resistance ที่เหลือซึ่งต่อจากภาคที่ 7 และในขณะเดียวกันอีกฟากฝั่งของสงคราม เรย์ ได้พบกับ ปรมาจารย์เจได ลุค สกายวอล์คเกอร์ และได้ขอร้องเขาให้ช่วยเพื่อเป็นความหวังใหม่ของกองกำลัง Resistance
ด้วยเนื้อเรื่องที่ปิดมิดแบบนี้พอมาเจอในหนังจริงก็ยิ่งตื่นเต้นเพราะสิ่งที่มีในหนังมันมากกว่าเนื้อเรื่อง การดำเนินเรื่องมีหลาย ๆ อย่างที่เหนือความคาดหมายไม่เดินตามขนบแบบ Star Wars ที่ผ่าน ๆ มามันฉีกแนวทางที่จำเจเดิม ๆ แต่ในขณะเดียวกันมันก็ดูลงตัวซะงั้นจะไม่ว่าบังเอิญหรือตั้งใจก็เถอะมันก็เลยทำให้เป็น 150 นาทีที่สนุกเพลินมาก
การพัฒนาตัวละครก็เป็นอีกสิ่งที่ต้องพูดเพราะในภาคนี้ทุกตัวละครไม่ว่าตัวละครหลักหรือรองมีพัฒนาการแบบก้าวกระโดดมาก ตัวละครมีหลากหลายมิติขึ้นเช่น
เรย์ - เราจะได้รู้จักตัวตนของเธอมากขึ้นปริศนาของเธอจะค่อย ๆ คลี่คลายพ่อแม่ของเธอเป็นใครเราก็จะได้รู้กันแต่ต้องบอกเลยว่าให้โยนทฤษฎีมโนทั้งหลายทิ้งไปให้หมดเลย
โพ ดาเมรอน - มีบุคลิกชัดเจนขึ้น เท่ขึ้น ไม่แบนราบเหมือนภาค 7 เขาจะมีมิติตัวละครที่น่าสนใจไม่เหมือนคนขับ X-Wings ดาด ๆ ทั่วไปแน่นอน
ฟินน์ - เจ้าคนทรยศคนนี้แม้ว่าบทบาทในภาค 8 อาจดูดรอปไปบ้างแต่ก็เป็นตัวละครที่มีความสำคัญเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในเรื่อง
โรส - ตัวละครใหม่ที่ดูเหมือนจะเป็นส่วนเกินแต่ไม่เลยครับการมาของตัวละครนี้ดูลงตัวเข้ากับสถานการณ์ในเรื่องได้ดีและเคมีการแสดงคู่กับ ฟินน์ ก็โอเคอยู่นะ
ไคโล เรน - ไอ้หนุ่มหัวร้อนของกองทัพ First Order จะไม่ดูอ่อนด๋อยเหมือนภาคที่ 7 อีกต่อไปตัวเขาจะมีความมุ่งมั่นมากขึ้น ทะเยอทะยานมากขึ้นน่าจะเป็นตัวละครเดียวที่มีพัฒนาการโดดเด่นมากที่สุดและก็เป็นตัวละครที่น่าสงสารมากที่สุดเช่นกันและคุณจะต้องตกใจ+อึ้งกับความมุ่งมั่นของเขาแน่นอน!
ลุค & เลอา - การมาของตัวละครรุ่นเก๋าก็ยังประทับใจเช่นเคยโดยเฉพาะ ลุค ที่เขาได้มีบทพูดแล้ว (ฮา) มีส่วนสำคัญทั้งเรื่องไม่ได้มาแวบ ๆ แถมการปรากฏตัวของเจไดคนนี้มันเป็นอะไรที่เท่ สุดยอดมาก ๆ มาเหนือโคตร Beyond สำแดงพลังของเจไดให้เห็นมากกว่าแค่กวัดแกว่งไลต์เซเบอร์ถ้าเป็นภาษาเกมก็ต้องบอกเลยว่า "นี่แหละเทพทรูตัวจริง"
ในส่วนของฉากแอ็คชั่นก็เป็นภาคที่ใส่มาไม่เยอะเท่าไหร่แต่มาทีนี่ก็ถือว่าโคตรสุดเรียกได้ว่าการมาของฉากแอ็คชั่นแต่ละครั้งมันส่งผลต่อเนื้อเรื่องมันไม่ได้ใส่มาดาด ๆ และดูเหมือนผู้กำกับจะใส่ใจกับฉากแอ็คชั่นในเรื่องมาก ๆ จะเป็นฉากต่อสู้บนอวกาศก็เจ๋งหรือการดวลไลต์เซเบอร์ก็ดูจริงจัง ดุดัน เล่นถึงตาย!!
งานภาพฉากต่าง ๆ แม้จะไม่ได้เรียนหรือมีความรู้เรื่องนี้โดยตรงแต่ก็รู้สึกว่าภาพที่ถ่ายออกมาในภาค 8 ดูสวยงามสื่อถึงอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครได้แม้ไม่ต้องพูดหรือฉากบางฉากที่ใช้แค่ความเงียบก็สื่อสารได้ว่าในห้วงขณะนั้นมันรู้สึกอย่างไร
ก็ยังมีอีกหลายประเด็นมาก ๆ ที่อยากจะรีวิวแต่มันจะสปอยล์แน่ ๆ ก็เอาเป็นว่า Star Wars: The Last Jedi มีความแปลกใหม่ตรงที่การเดินเรื่องมีจุดพลิกผันไปมาตลอด หากคุณคิดว่าเรื่องจะไปทางนั้นมันจะไปอีกทางและทางที่เปลี่ยนมันก็เลี้ยวไปอีกทางอีกทำให้เราเดาไม่ได้เลยว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นข้างหน้า จงปล่อยให้หนังมันพาเราไปตามทางของมันเถอะก็เหมือนกับคำพูดของลุคที่เคยพูดในตัวอย่างไว้ว่า
"มันจะไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดหรอก!"
"9.5/10" (A+ Rank)
ที่มา - https://www.facebook.com/myinnermovie