>>>ก่อนตัดสินใจไปสัมผัสความน่ารักของฮอยอันนั้น ก็มีความลังเลใจอยู่มากเกี่ยวกับเวียดนามที่จะไปว่าที่ไหนคู่ควรกับความรู้สึกของทริปนี้

ระหว่างซาปาสมญาสวิตเซอร์เเลนด์เเห่งอุษาคเนย์ เเละฮอยอันที่เขาว่ากันว่าน่ารักนักน่ารักหนา
เเละเเล้วสวิตเซอร์เเลนด์เเห่งอุษาคเนย์ ก็พ่ายเเพ้เเก่ความcuteของ ''ฮอยอัน''

ก่อนเริ่มเดินทางเราวาง map trip คร่าวๆโดยการหารีวิวว่าใกล้ๆฮอยอันมีอะไรน่าสนใจอีก?? เรามีเวลาทั้งหมด 4 วัน 3 คืน (จะพูดจริงๆคือ 3 วันเพราะเช้าวันสุดท้ายตื่นมากินข้าวเเล้วต้องไปแอร์พอร์ตเลย) ..เราพบว่ามี 2 เมืองคือดานังซึ่งเป็นปลายทางของไฟล์นี้อยู่เเล้ว เเละเว้ซึ่งเป็นเมืองหลวงเก่าของเวียดนามเเละเป็นมรดกโลกคล้ายๆกับฮอยอันจะมีปราสาทหินเเละพระราชวังโบราณ เราคิดว่าปราสาทหินเก่ากับเราเคมีไม่น่าจะเข้ากันเท่าไหร่ เลยลองหาข้อมูลต่อว่า..เเล้วดานังมีอะไรน่าสนใจ?? นอกจากสะพานมังกร หรือDragon bridge

เเล้วเราก็เจอกับชื่อ"บาน่า ฮิลส์ (Ba na Hills)" จุดหมายเเรกของเวียดนามที่เราจะไปเยือนในครั้งนี้

เราเริ่มต้นไฟล์จากกทม.ตอน10.10น. ถึงดอนเมืองตอน 9 โมงImmigrationคนมหาศาล กว่าจะฝ่าฝูงชนจนถึงหน้าgateได้ก็เกือบboarding time:'(
พอเครื่อง take off ก็เตรียมตัวนอน หมอนพร้อม ผ้าพร้อม แต่ด้วยว่ากทม-ดานังเป็นเส้นใหม่ที่หางแดงเพิ่งเปิดให้บริการ คนเลยอาจจะยังไม่มาก เครื่องที่ใช้ก็อาจจะน่ารักหน่อย ความสั่นไหวเมื่อเครื่องเคลื่อนที่ผ่านเกลียวเมฆเลยอยู่เป็นเพื่อนเราตลอดการเดินทาง ><!!

ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.30 นาที ก็ได้พบหน้าเจ้าบ้านเเล้ว (ยังกับนั่งไปหาดใหญ่) ..เราจองเเท็กซี่ออนไลน์ไว้จากคำเเนะนำในรีวิว ผ่านเว็บไซต์ dichungtaxi.com

เป็นแบบPostpaidจ่ายตรงกับdriver จองไว้2ขา คือ 1.จากairportไปบาน่า 2.จากบาน่าไปฮอยอัน ...ที่เลือกจองออนไลน์เพราะว่าเราinboxคุยกับBa na hills tourism service นางเเนะค่าแท๊กซี่ให้ว่าจากแอร์พอร์ตน่าจะประมาณ 400.000ดอง เเต่ในเว็บฯเเจ้งไว้ 320.000ดอง เลยว่าเอานี้เเหละจะได้ไม่เสียเวลารอ เเล้วก็ไม่ต้องหัวเสียเผื่อโดนโกง ส่วนจากบาน่าไปฮอยอัน เว็บฯราคา445.000ดอง ถ้าไปเรียกที่นู้นก็น่าจะประมาณ 500.000ดอง เอามัน2ขาเลยถูกแพงกว่ากันไม่เท่าไหร่

...เเล้วความสนุกก็มาเยือนตอนจะออกจากสนามบิน แท็กซี่ที่จองไว้อยู่ไหนกัน?!??

ใครที่จองเเท๊กซี่ไว้คนขับจะมายืนรอหน้าประตู พร้อมป้ายชื่อ เราก็กวาดตามองหาชื่อตัวเองรอบเเรกเอ๊ะ!ไม่มีเว้ย สงสัยยังไม่ถึงเวลานัด อะๆงั้นไปเเลกตังค์ก่อนละกัน (Tips: เเนะนำว่าให้เเลกเป็นUSDมาเเล้วมาเเลกดองที่สนามบินเรทจะดีกว่าใช้เงินไทยเเลกหน่อย**)

โซนเเลกเงินจะอยู่ด้านนอก ออกจากประตูเลี้ยวซ้าย  เเต่ละร้านเรทไม่เท่ากันนะ ยังไงลองเดินถามๆดู Feeส่วนมากก็ไม่คิดเหมือนกันทุกร้าน ส่วนSimมือถือถ้าใครจะซื้อออกมาจากimmigrationก็เห็นเลยก่อนออกประตู มีหลายแบบลองเลือกดูตามการใช้งาน Unlimited  Internet มีตั้งเเต่4-5USD ุ ถ้าเอาเเบบโทรด้วยเน็ตด้วยก็ 7USDขึ้นไปเเล้วเเต่ระยะเวลาที่เราเลือก  **เเนะนำคือ ถ้าจะใช้ให้ซื้อเเบบโทรได้ด้วย เเจ้งเขาเลยว่าอยู่กี่วัน เพราะบางทีโทรได้ก็มีประโยชน์ต่อชีวิตยามคับขัน เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังอีกที**

เเลกเงินเสร็จได้ดองกลับมาเป็นฟ่อนเลย5555 เดินกลับมาหาชื่อตัวเองต่อเพราะใกล้เวลานัดเต็มที เดินดูมันทีละป้ายเลยละกัน ไมมีเเต่ชื่อเกาหลี!! ป้ายที่ดูน่าจะเป็นชื่อคนไทยมีอยู่ป้ายเดียว เเต่เดี๋ยวนั้นไม่ใช่ชื่อตรู!!!! เเค่ลงท้ายชื่อเหมือนกัน ตึ่ง! คิดว่าต้องไม่ใช่ไม่ใช่เเน่ๆ เพราะคำหน้านี่ไปไกลมากก เลยว่าเติมพลังด้วยข้าวเหนียวหมูที่หิ้วข้ามฟ้ามาก่อนดีกว่า นั่งจกมันตรงบันไดหน้าทางออกนี้เเหละเผื่อเขามาจะได้เห็นชัดๆ (คิดในใจว่าอะไรจะตรงเวลาขนาดนั้น มารอหน่อยไม่ได้ไง๋) นั่งจนเลยเวลา อีป้ายที่ลงท้ายชื่อเหมือนเราก็ยังอยู่ เหมือนรอความหวังเช่นเดียวกับเรา เพื่อนเลยตัดสินใจเดินเอาbookingไปให้นางดู ปรากฏว่าใช่จ๊ะ!! OMG นี่คือต่างคนต่างรอกันอยู่ตรงหน้า เเล้วประเด็นคือยูไปเอาชื่อนี้มาจากหนายยยยยย5555 (นางบอกนางเขียนผิด อะจ๊ะๆๆ) เเล้วใครคือ TREERAPORN!! เเล้วตอนนี้ TREERAPORN ได้แท็กซี่ออกจากสนามบินรึยัง??T..T
Tips: Flight บินตรงจากกทม. มาดังนังตอนนี้มี 2 สายการบิน คือหางเเดงกับพี่สาวบางกอกคนสวย นอกนั้นก็จะอ้อมๆหน่อย ต้องลองดูเอาตามสะดวกเพราะไฟล์transitบางสายก็ถูกกว่าบินตรง ส่วนเราเลือกบินตรงเพราะเวลาน้อยเเละวันจำกัดเพื่อเพื่อนร่วมทริป ราคาตั๋วเลยทะยานไปถึง 4,200 บาท (หากเลือกช่วงดีๆ2พันต้นๆก็มีนะที่เห็น)

เราออกจากสนามบินมุ่งหน้าสู่จุดหมายเเรก "Ba na Hills" จากสนามบินใช้เวลาประมาณ 30-45นาที ระยะทางประมาณ20กว่ากิโล ทางขึ้นเขานิดหน่อยก่อนถึงสถานีcable car ที่นี่คนไทยยังไม่ค่อยนิยมมากนัก ส่วนมากจะเป็นทัวร์อาม่า ทัวร์โอปป้า เเละหนุ่มสาวชาวเวียด

"Ba na hills" เป็นสิ่งก่อสร้างที่ตั้งอยู่บนยอดเขา มีหลายอย่างทั้งวัด โรงเเรม สวนสนุก สวนดอกไม้ เเละอื่นๆอีกมากมาย ความพิเศษของบาน่าคือไม่ใช่เเค่ขึ้นไปบนเขาลูกเดียวเเล้วเจอทุกอย่างไง มันจะเเบบไปถึงเขาลูกนี้ก็นั่งcable carไปอีกเขาเพื่อดูดอกไม้ นั่งไปไหว้พระอีกเขา นั่งไปเล่นสวนสนุกอีกเขา คือมีความอลังอยู่เบาๆ55 เเละด้วยเวียดนามมีความเป็นมาเป็นไปเกี่ยวเนื่องกับฝรั่งเศษในช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่1 บาน่าฮิลส์แห่งนี้ก็เป็นหนึ่งความทรงจำอันเป็นรูปธรรมที่เจ้าอาณานิคมอย่างฝรั่งเศษฝากไว้ให้ชาวเวียดรุ่นหลังได้นึกถึง สิ่งก่อสร้างต่างๆบนบาน่าฮิลส์เลยเป็นสไตล์ฝรั่งเศษเกือบทั้งหมด ที่โด่งดังเเละติดหูนักท่องเที่ยวก็คงเป็น French Villageจุดหมายหลักในการมาบาน่าของเราในครั้งนี้


Tips: Bà Nà Hills Cable Car ได้รับการบันทึกสถิติโลกโดยกินเนสส์ เอาไว้ถึง 4 หมวดความเป็นที่สุด
1. Longest non-stop single tract cable car กระเช้าไฟฟ้าแบบไม่มีการหยุดแวะ (แบบเคเบิลเดี่ยว) ระยะทางยาวที่สุดในโลก 5,801 เมตร
2. Highest ascent by a non-stop single-track cable car กระเช้าไฟฟ้าแบบไม่มีการหยุดแวะ (แบบเคเบิลเดี่ยว) ระยะจากฐานสู่ยอดสูงที่สุดในโลก 1,368 เมตร
3. Longest non-stop cable กระเช้าไฟฟ้าที่สายเคเบิลยาวที่สุดในโลก 11,587 เมตร
4. Heaviest cable roll กระเช้าไฟฟ้าที่สายเคเบิลหนักที่สุดในโลก 141.24 ตัน(Ref.http://www.culturedcreatuXres.co/vietnam-ba-na-hill-cable-car/)
ออ..ลืมบอกไปว่าบาน่าฮิลส์ไม่มีรถประจำทางหรือshuttle busมาถึงนะ ต้องหาเเท็กซี่โอนลี่!! หรือไม่ก็ซื้อone day trip เเต่สำหรับเราคิดว่าเวลา 4-5ชม.
น่าจะพอสำหรับที่นี่ มาถึงเราได้ขึ้นcable car รอบประมาณ13.30น. ผู้ใหญ่ราคา 650.000ดอง(ตีกลมๆประมาณ1,000บาทไทย) สำหรับนักท่องเที่ยว
เด็กก็ถูกลง ชาวเวียดก็อีกราคา(เหมือนประเทศไทยเเลนด์ เเหะๆ) กระเช้าก็ all day run นะไม่ต้องห่วง น่าจะหมดประมาณ 2-3 ทุ่ม
(ลองเช็คในเว็บ http://banahills.sunworld.vn/en/ หรือ FB: https://www.facebook.com/HIEUPHAMBIDV/ อินบ๊อกซ์ไปสอบถามนางได้นางยินดีให้คำตอบเเบบน่าร๊ากกก)

เส้นทางcable carที่เราใช้คือ Suoi mo station ซึ่งเป็นสถานีตีนดอย (ตีนดอยมี 2 สถานีคืออันนี้ที่เราจะใช้ขาขึ้น กับอีกอันที่เราจะลงตอนขาลง งงม่ะ??

เอาจริงคือมันอยู่ตึกเดียวกันเเค่ชั้นบนกะชั้นล่าง) ใครเอากระเป๋าเดินทางไปเขามีluggage roomให้ฝากตรงสถานี ฟรีไม่คิดเงิน -------> Bana stationเป็นสถานี

กลางดอย สามารถเลือกไปต่อได้หลายเส้น จะไปbig Buddha/สวนดอกไม้ หรือจะต่อกระเช้ากล้วยที่ Debay station ไปFrench villageเลยก็ได้ (เราเลือกทางนี้)

---------> Morin Station ก็ถึงFrench villageเเล้ววว เย้! // ตอนกลับเรานั่งจาก L'Indochine station ---------> Thac toc tein station ซึ่งเป็นเส้นทางที่ได้รับ Guinness World Records ว่าเป็นcable car ที่ยาวเเละnon stop ที่สุดในโลกกกกกกกก0_0 เเละเป็นสถานีตีนดอยอีกสถานีที่เราบอกไปตอนต้น
Suoi mo station - Bana station,Debay station - Morin Station,L'Indochine station
- Thac toc tein station

วันที่เราไปฟ้าจะมัวๆหน่อย มีละอองฝนปรอยๆนิดๆ รูปเลยออกมาตุ่นๆตามสไตล์ หลังจากขึ้นมาจากสถานีต้นทาง เรานั่งcableกล้วยจากDebay stationต่อมา French villageเลย เดินออกจากMorin Stationปุ๊ปก็พบกับอากง อาม่า อาเหล่าม่า เเละหนุ่มสาวชาวเวียดที่มาคอยตอนรับอย่างเเน่นขนัด หราาา???

>>> เเละเเล้วก็ถึงบาน่าฮิลส์อย่างOfficial เดินสำรวจกันหน่อยดีฟ่า ข้างบนอากาศดีนะเเต่เเดดร้อนหน่อยๆ เเล้วคนก็เยอะมากกกกกกกกกกกกก มีอาหารการกินให้เลือกมากมายคนขายเป็นฝรั่งทั้งหมด มีการเเสดงเป็นสไตล์คานิวัลแบบยุโรปๆ คือ conceptแน่นมากไม่มีหลุด++

จริงๆบนบาน่าฮิลส์มีหลายจุดให้เที่ยวชมอย่างที่บอก ตอนลงเครื่องเจอคุณป้า-คุณลุงคู่นึง ถามไถ่กันไปมาพอรู้ว่าเราไปบาน่าเเค่ครึ่งวัน แกยังว่าจะพอเหรอต้องซักวันนึงถึงจะเต็มอิ่ม เอาจริงเราก็ไม่เถียงว่าถ้าใช้เวลา 1 วันเต็มบนบาน่าคุณจะไปได้ทุกยอดดอยที่cable carไป เเต่บางจุดมันจะเป็นเเบบสวนดอกไม้อะไรเทือกนั้นซึ่งเราว่าเราไม่ค่อยอิน5555 หรือบางคนจะเล่นเครื่องเล่นก็ต้องใช้เวลาเพราะบางเครื่องเเถวยาวมาก เหมือนRoller coaster เเบบmanual ที่ให้ไหลตามเเรงโน้มถ่วงก็เเถวยาวขึ้นมาด้านบน เราเลยสละสิทธิ์เอาเเค่เดินเล่นเก็บบรรยากาศชิลๆครึ่งวันกำลังดี

ด้านบนสามารถเดินขึ้นไปจุดชมวิวที่เป็นเจดีย์ทรงจีนๆ มองลงมาจะเห็นFrench villageได้ทั้งเมือง เเละเป็นนจุดสูงสุดของบาน่าฮิลส์ เเต่ความสูงเเค่ที่1,487ม.เองงง......เด็กๆ555 ขนาดสูงเเค่นี้ยังถือว่าอากาศดีใช้ได้เลย มีหมอกไหลเอื่อยตามลมปกปิดเเละเปิดเผยให้เราได้เห็นวิวเมืองดานังเมืองท่าที่ยิ่งใหญ่เเละรุ่งเรืองในอดีตอยู่เป็นระยะๆ^^