Bcp vs Ptg
Business Model เริ่มกระจายความเสี่ยงจากโรงกลั่น+ขายน้ำมัน > ไฟฟ้า ไบโอ ค้าปลีก และลิเธียม ส่วน Ptg ยังอยู่ระหว่างพัฒนาธุรกิจขายน้ำมันเดิม เน้นขยายปั้มในเส้นถนนรองจน Market Share กว่า 80% แล้ว อดีตเคยเป็นบริษัทโตไวเนื่องฐานยังเล็ก แต่ปัจจุบันมีการไล่ราคาจนมูลค่ากิจการสูงกว่า Bcp ในปี 59 แต่ ยอดขายน้อยกว่า Bcp กว่าเท่าตัว "กำไรสุทธิน้อยกว่าเกือบสี่เท่าตัว"

ปัจจุบันคงมีหลายคนคงคิดในแง่ความสมเหตุสมผล ราคา Ptg เลยถูกสาดลงมา 30% บริษัทเด่นในสายรองจริง แต่ธุรกิจขายน้ำมันพบว่า Margin ต่ำตมมาก ถ้าจะเพิ่มธุรกิจใหม่ๆ เช่น ค้าปลีก (แบบ Jiffy, 7-11, Spar) คงต้องเปิดให้ได้มากกว่า 100 สาขากว่าจะคุ้มทุน หรือถ้าจะขายกาแฟแก้วละ 50-60 ชาวบ้านตัวเล็กๆ เขาจะกินกันหรือเปล่า ...กำลังซื้อในถนนสายรอง บริษัทใหญ่ๆ ที่เขาพิจารณาไม่ทำ ก็เพราะโอกาสเจ๊งสูง ...Ptg นี่ก็รับเซ้งมาจากปั้มเล็กๆ ที่เจ๊งมาเหมือนกัน (ลองนึกภาพปั้มหลอดได้) ...ถ้าจะไปธุรกิจไบโอ คงต้องเริ่มสร้าง Connection กับกลุ่มเกษตรกรใหม่ ซึ่ง Bcp เขาบุกเบิกและจับจองกลุ่มไบโอดีเซลไว้นานและได้เป็นกลุ่มใหญ่แล้ว

ราคาปัจจุบัน
-P/E Bcp ยังต่ำ 10 มี Growth ที่ค่อนข้างไว้ใจได้ และกระจายความเสี่ยง, Ptg ความเสี่ยงสูงยังไป 35 เท่าแล้ว
-P/B Bcp ที่ว่าแน่ๆ ยังแค่ 1.29, Ptg ไป 7.22 เท่า... ราคาคาดการณ์ซื้อขายอย่างกับ Super Stock (ส่วนของผู้ถือหุ้น Bcp 4.2 หมื่นล้าน ส่วน Ptg 4.8 พันล้าน มูลค่ากิจการกว่า 65% ของ Bcp เข้าไปแล้ว)

ถ้าจะพิจารณาในแง่การลงทุน ต้องคุยกันตอนราคา Ptg ในช่วง 4-6 บาท แต่ตอนนี้ผมยังมองอนาคตไม่ออกในกลยุทธ์ป่าล้อมเมืองของผู้บริหาร ที่อนาคตจะมากินแชร์ในถนนสายหลักมากขึ้น ...ด้วยกำไรที่น้อยนิด จะนำงบลงทุนไปขยายกิจการสู้กับเจ้าใหญ่ๆ ก็ต้องกู้ ต้องเพิ่มทุน ถ้าสู้ไม่ได้... ตัวเลขบรรทัดสุดท้ายเกิดแดงเมื่อไหร่ ภาพก็อาจกลายเป็นบริษัทที่เคยใหญ่ก็ได้ ...ยังไงต้องติดตามด้วยว่าคุณประชา ท่านจะยังถืออยู่หรือไม่ในอนาคต