คำเตือน : บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาของทุกภาคที่เคยออกฉายมา ตั้งแต่ Star Wars Episode 1-8
Kylo Ren ผู้สานต่อเจตนารมณ์ Darth Vader
หากไล่เรียงตั้งแต่ภาคแรกไควกอนจินน์ เชื่อเสมอมาว่า Anakin Skywalker จะเป็นผู้นำสมดุลมาสู่พลัง
ซึ่งต่อมา Darth Vader และกองทัพโคลนก็สังหารหมู่ ล้างบางเจไดเกลี้ยงสำนัก
หากมองที่จำนวน Sith และ Jedi ที่เหลืออยู่ ก็ถือว่าสมดุลนะ
ฝั่ง Sith เหลือ Darth Sedious และ Darth Vader
ฝั่ง Jedi เหลือ Yoda กับ Obiwan
สมดุลกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว เพราะตอนแรกมีแต่เจได เต็มไปหมด
มีสภาเจได มีศูนย์ฝึกเด็กรุ่นใหม่ที่จะเป็นเจได
พอ Anakin เข้าด้านมืด ก็ปราบซะเหี้ยนเตียนเลย
ซึ่ง Galaxy ก็ได้ระบอบการปกครองแบบจักรวรรดิมาแทนที่ระบอบสาธารณรัฐ
ซึ่งในภาค 8 นี้ การสังหาร Supreme Leader Snoke ของ Kylo Ren
ก็เป็นการนำสมดุลมาสู่พลังอีกเช่นกัน
เมื่อผู้ใช้ Force ด้านมืด และด้านสว่างเหลือเพียงอย่างละคน คือ Kylo Ren และ Rey
ที่สำคัญคือ การกระทำของ Kylo มันตรงกับสิ่งที่ Vader ต้องการจะทำกับ Darth Sedious
นั่นคือสังหารอาจารย์/ผู้นำของตนซะ และชักชวนผู้มี Force ที่กล้าแกร่งมาร่วมมือกับตน
เหมือนที่ Vader เคยชวน Luke มาร่วมมือกันปราบ Darth Sedious
โดยมีเป้าหมายคือปกครอง Galaxy นี้ด้วยกัน โดยไม่ต้องสนใจว่าจะเป็นเจไดหรือซิธ
The Last Jedi / The Last Sith
ปัจฉิมบทแห่งเจไดและซิธ
Jedi ความรัก ความโกรธ ความกลัว เป็นสิ่งต้องห้าม เพราะมันคือจุดกำเนิดของด้านมืดแห่งพลัง
Sith ไม่ห้ามให้มีความรัก ความโกรธ ความกลัว เพราะจะทำให้พลังมากขึ้นไปอีก แต่จะมีเพียง2เสมอ 1 อาจารย์ 1 ศิษย์
ขนบเก่าๆของนิกายเก่าๆ ที่ไม่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่อีกต่อไป
ทำไมต้องเลือกข้าง และห้ำหั่นกัน
ทุกครั้งที่เจไดเจอซิธต้องสู้กัน เจไดระดมพลเพื่อกำจัดซิธเมื่อครั้ง Episode 1-3 เพื่อให้ซิธหมดสิ้นไป
ซิธใช้กองกำลังไล่ล่า กวาดล้างเจไดที่เหลือรอดในช่วง Episode 4-6 เพื่อให้เจไดหมดสิ้นไป
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับตรงข้ามเสมอ
ยิ่งอยู่ด้านสว่าง และต้องการกำจัดความมืดมากเท่าไหร่
ก็ยิ่งทำให้ความมืดเข้มแข็งมากขึ้นเท่านั้น
Sith ที่ร้ายกาจหลายคน มาจาก Jedi ทั้งนั้น
Count Dooku เป็น Darth Tyranus
Anakin Skywalker เป็น Darth Vader
Ben Solo เป็น Kylo Ren
ในขณะที่ Jedi ระดับตำนานอย่าง Luke Skywalker เอง
ก็เกิดขึ้นในช่วงที่ความมืดเข้มแข็งถึงขีดสุด
เพราะมี Darth Vader และ Darth Sedious ครอบครองจักรวาล
เมื่อสัมผัสพลังได้ และใช้มันเป็นแต่โดนบังคับด้วยกติกาคร่ำครึ
การห้ามรัก ห้ามโกรธ ห้ามกลัว ทำให้อนาคินที่เป็นห่วงเพดเม่
ถลำลึกเข้าสู่ความมืดในจิตใจ และกลายเป็น Darth Vader ในที่สุด
เช่นเดียวกับ Ben Solo ที่กลายเป็น Kylo Ren
เพราะความหวาดกลัวต่อความมืดของ Luke
ที่เชื่อตามขนบของนิกายเจไดว่าด้านมืดในจิตใจนั้นเลวร้าย
โดยยังไม่ทันจะปรับปรุงแก้ไขจิตใจของ Ben สำเร็จเลย
ในขณะที่ Sith เองก็มีกฏแห่งสองที่จะมีเพียงแค่ “หนึ่งอาจารย์ หนึ่งศิษย์” เท่านั้น
ซึ่งโหดร้ายมากไม่แพ้กัน เราจะเห็นได้ชัดว่า Darth Sedious เอง
ก็พร้อมจะกำจัดศิษย์ที่หมดประโยชน์ทิ้ง เมื่อได้ศิษย์คนใหม่มา
ตั้งแต่ Count Dooku ที่โดนสังหารเพื่อให้ Anakin มีเพิ่มความมืดในจิตใจ
การยุให้ Luke ฆ่า Vader ทิ้งซะ ซึ่งก็เป็นเช่นเดียวกับ Vader ที่ขอให้ Luke ฆ่า Sidious ทิ้ง
นิกายนี้ ถ้าจะรับศิษย์เพิ่ม คือต้องฆ่าคนเก่าทิ้งก่อน
อาจารย์เจอศิษย์ใหม่น่าสนใจ = ฆ่าศิษย์ตัวเอง รับคนใหม่เข้านิกาย
ศิษย์อยากเป็นอาจารย์ = ฆ่าอาจารย์ตัวเองทิ้ง รับลูกศิษย์เข้านิกาย
ถ้าจากที่ผมเคยอ่านเจอมา กฎนี้เกิดจากแต่ก่อนมี Sith มากมาย
แต่ Sith นั้นมักมาก เลยไม่ได้สู้กับ Jedi อย่างเดียว แต่สู้กันเองด้วย
จึงตั้งกฎให้เหลือเพียงสองเท่านั้น
Kylo Ren เองทั้งหวาดกลัวและโกรธ Snoke เพราะตัวเองก็ทำผลงานไม่เคยเข้าตา
การคาดหวังจะสืบทอดตำแหน่งและครอบครองจักรวาลที่ดีที่สุด ก็คือกำจัด Snoke ซะ
การลงมือครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อกฎแห่งสอง แต่เป็นการทำเพื่อตัวเอง
เช่นเดียวกับที่เรย์เอง ที่สัมผัสกับด้านมืดบนเกาะ โดยไม่ได้สนใจว่านิกายเจไดจะว่าอย่างไรแล้ว
สำหรับผมมันเป็นเหมือนภาพสะท้อนของความเป็นคนรุ่นใหม่ที่รักอิสระดีนะ
เมื่อขนบเดิมๆมันไม่เวิร์คสำหรับ เรย์และเร็น ก็ไม่มีใครเดินตามรอยของสองนิกายนี้เลย
และนี่อาจจะเป็นสมดุลแห่งพลังของเรย์และเร็นที่มีทั้งด้านสว่างและด้านมืดในตัว (คนหนึ่งสว่างมากกว่า คนหนึ่งมืดมากกว่า)
ไม่มีใครปฏิเสธพลังของอีกด้าน (เหมือนโลโก้สัญลักษณ์เต๋าเลย ในขาวมีดำ ในดำมีขาว)
สงครามจักรวาล…แล้วไงต่อ?
ภาพล้อของสงครามระหว่างซิธและเจได ที่จบลงด้วยการเหลือเรย์และเร็นนั้น
ก็ไม่ต่างกันกับที่นักถอดรหัส/ต้มตุ๋นคิดว่า มันก็แค่การเลือกข้างระบอบการปกครองระหว่างจักรวรรดิ์ (เผด็จการ) กับ สาธารณรัฐ (ประชาธิปไตย)
ภาพใหญ่กว่านั้นคือนักค้าอาวุธก็ยังขายสินค้าได้ และอยู่สุขสบาย เล่นคาสิโนกันไปวันๆ
ในขณะที่ Galaxy ต้องมีการสู้รบกันเพียงเพราะอุดมการณ์ทางการเมืองที่แตกต่างกันเท่านั้น
ชีวิตของทุกคนบน Galaxyก็ยังต้องเดินหน้าต่อไป
ภาพกองกำลังกบฏในช่วงท้ายที่เหลือเพียงน้อยนิด แม้จะมองเป็นความหวัง
แต่ผมเชื่อว่า ในจักรวาลนั้นก็อาจจะมีคนมองว่านี่คือผู้ก่อความวุ่นวายในจักรวาล
เพราะ Galaxy ต้องเสียยานไปกี่ลำ เสียดาวไปกี่ดวง เพื่อปรับเปลี่ยนระบอบการปกครองอีกครั้ง
ทั้งนี้ผมไม่ได้บอกว่าของเดิมมันดีนะ แต่การที่ไม่มีคนมาช่วยในช่วงท้าย
มันสะท้อนอะไรหลายๆอย่างว่า หลายคนเริ่มยอมจำนนกับระบบไปแล้ว
และบางคนอาจจะไม่อยากสูญเสียเพิ่มเติม
หากมีการรบกันอีก ชาวบ้านไม่รู้อิโหน่อิเหน่บนดาวต่างๆ อาจจะถูกลูกหลง
เสียบ้านเกิด เสียชีวิตจากการถล่มดาวก็เป็นได้ เพียงเพราะกบฏอยู่บนดาวของตัวเอง
มันจึงไม่แปลกที่ Phasma จะมองว่า Finn เป็นคนทรยศ
ในขณะที่ Rose มอง Finn เป็นฮีโร่
เพราะถ้าไม่มี Finn สงครามนี้อาจจะจบไปด้วยความพ่ายแพ้ของกองกำลังต่อต้านอย่างราบคาบแล้ว
Poe กับ Holdo มีมุมมองที่แตกต่างกันในการนำทัพกบฏ
คนหนึ่งอยากรบให้ชนะ แต่อีกคนแม้จะดูอ่อนแอและไม่ทำอะไร เพราะปิดบังแผนในช่วงแรก
สุดท้ายแล้วก็มีแผนเพื่อรักษากองกำลังให้อยู่รอด เพื่อเป็นประกายไฟให้คนรุ่นหลังต่อไป
เพื่อให้รู้ว่าครั้งหนึ่งมีกองกำลังต่อต้าน ที่ไม่ยินยอมต่อระบอบจักรวรรดิ
และสุดท้ายแล้ว Poe ก็เริ่มมองเห็นว่าการรักษาคนไว้เป็นสิ่งที่สำคัญกว่าชัยชนะในสงคราม
นายพล Hux กับ Kylo Ren การช่วงชิงความเป็นใหญ่ในจักรวาล
สองคนนี้เป็นเหมือนขั้วอำนาจที่มีบารมีพอๆกัน
(และไร้บารมีพอๆกันเมื่ออยู่ต่อหน้า Snoke โดนเล่นงานซะหมดสภาพ)
เมื่อไม่มี Snoke ทั้งสองคนต่างก็ต้องการเป็นใหญ่
ช่วงแรก การแสดงความไม่ยอมรับของ Hux นั้น ทำให้ Kylo Ren ต้องสั่งสอนว่า
ถึงปกติจะกระจอกกว่า Snoke แต่ก็เหนือกว่าเอ็งนะเฟ้ย
ผมเชื่อว่าในภาคต่อ ก็น่าจะมีประเด็นความขัดแย้งและต้องการเป็นใหญ่ของ Hux แน่นอน
เพราะตอนที่พบศพของ Snoke ผมคิดว่า Hux ก็เตรียมจะจัดการ Kylo Ren เลย แต่ดันลุกขึ้นมาซะก่อน
Snoke กับ ความประมาท แต่นี่คือวิถีแห่งซิธ
เอาเข้าจริงในหนังระบุแค่ว่า Snoke เป็น Dark Side ผมก็ไม่ชัวร์นะว่าควรจะเรียกว่าเป็นซิธดีมั้ย
(ก็ถ้าซิธมีแค่สอง ตอนจบภาค6 ก็อาจจะถือว่าหมดสิ้นไปแล้ว นอกจากมีคนที่กำลังถูกฝึกสอนมาเพื่อให้มาปราบซิเดียส หรือเวเดอร์)
ผมเชื่อว่าหลายคนขัดใจกับการตายสุดง่ายของ Snoke
แต่มันเป็นส่วนที่ผมชอบมากๆของหนังภาคนี้เลยครับ
เพราะที่ผ่านมาซิธนั้นแข็งแกร่งแต่มักจะตายด้วยความประมาท
Darth Maul ประมาทโอบีวันที่ตกไปอยู่บนปากบ่อ ถูกฟันขาดสองท่อน
Count Dooku ที่ไม่ทันได้คิดว่า Darth Sidious จะไม่ช่วยเหลือตน และปล่อยให้อนาคินสังหารตนต่อหน้าต่อตา
Darth Sidious ที่มัวแต่สนใจจะเล่นงาน Luke จนพลาดโดน Vader เล่นงานทีเผลอ
ซึ่งส่วนมากก็จะตายด้วยกฎแห่งสองของซิธนั่นแหละ (หนึ่งอาจารย์ หนึ่งศิษย์)
มันเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ซิธตั้งตนอยู่บนความไม่ประมาท และนี่อาจจะเป็นหนึ่งในแก่นของซิธเลย
ในบรรดาตัวละครซิธทั้งหมดที่มีมา ผมคิดว่า Darth Sidious เป็นตัวละครที่ฉลาดและขี้ระแวงที่สุดแล้ว
ฉากที่โดนเล่นงานนั้น เพราะกำลังจัดการกับLuke อยู่ด้วย
แต่ถ้าดูไปถึงแผนการจริงๆ Sidious เองก็รู้ว่า Vader จะใช้ Luke มาจัดการตนเช่นกัน จึงได้ตั้งใจจะจัดการ Vader อยู่แล้ว
ส่วน Snoke ซึ่งกดขี่ข่มเหงทั้ง Kylo Ren และ นายพล Hux
กลับใช้แต่อำนาจโดยไม่ระแวดระวังภัยรอบตัวเองเท่าไหร่เลย
ตำนานของ Luke Skywalker กับความผิดพลาดที่ทำให้เห็นว่าตำนานเป็นเพียงแค่เรื่องเล่าเท่านั้น
ส่วนหนึ่งที่ผมชอบประเด็นของ Luke ในภาคนี้คือการพูดถึงข้อผิดพลาของ Luke ที่ทำให้เกิด Kylo Ren
ไม่เพียงแต่จะเป็นการย้ำจุดด้อยของบัญญัติแห่งเจไดแล้ว ยังเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงข้อผิดพลาดของคนเก่งๆ
การเป็นคนเก่ง เป็นตำนาน มีวีรกรรมระดับจักรวาล ไม่ได้แปลว่า Luke จะไม่พลาด
ไม่ได้แปลว่า Luke จะทำทุกอย่างได้ราบรื่น ทุกคนสามารถพลาดได้นั่นเป็นเรื่องธรรมดา
Yoda บอกกับ Luke Skywalker ว่าเราอาจจะเสียเบน (Kylo Ren) ไป แต่กับเรย์เราจะเสียไปไม่ได้อีก
แม้ Luke จะพลาดพลั้ง แต่ก็ไม่ใช่ว่า Luke จะพลาดไปตลอด
การผิดหวังจากการอบรมศิษย์คนแรกของตัวเอง ไม่ได้แปลว่าคนอื่นๆจะต้องล้มเหลวเหมือนกัน จนเลิกสอนไปเลย
และแม้แต่การผิดพลาดของข้อบัญญัติเจไดที่บัญญัติขึ้นด้วยความกลัวด้านมืดมากเกินไป
จนทำให้ลุคเห็นว่าไม่ควรมีคนสืบสานต่อเพราะอาจจะทำให้เกิดซิธขึ้นมาอีก Yoda เองก็ลงมือเผาวิหารด้วยตนเองเลย
ข้อผิดพลาดในอดีตเป็นสิ่งสำคัญที่ควรถ่ายทอดต่อให้ศิษย์ เพื่อให้พัฒนาและปรับปรุงไปได้ไกลกว่าเดิม
แม้ว่าการเรียนของเรย์ดูจะครึ่งๆกลางๆ แต่สุดท้ายเรย์ก็สามารถก้าวข้ามความมืดในใจไปได้
แม้จะมีความมืดปะปนอยู่ก็ตาม เพราะเรย์ไม่ได้ปฏิเสธมัน แต่เรียนรู้ที่จะอยู่กับมันต่อไป
Force เป็นสิ่งที่มีอยูแล้ว Jedi และ Sith เป็นเพียงผู้ฝึกฝนเพื่อใช้มัน
นี่คือประเด็นนึงที่ผมชอบมากซึ่งหนังได้ถ่ายทอดผ่านเลอาที่ไม่เคยฝึก Jedi แต่สามารถใช้ Force ได้
เช่นเดียวกับเด็กในฟาร์มตอนท้ายที่ใช้ Force ดึงไม้ถูพื้น
(จริงๆถ้ามองเรื่องโทรจิต หรือความรู้สึกที่สื่อถึงกันของเลอากับลุค ผมคิดว่าเลอาใช้ Force ได้นานแล้ว แต่ภาคนี้ชัดเป็นพิเศษ)
ผมคิดว่ามันเหมือนหลักศาสนาที่แท้จริงแล้ว หลักหลายๆอย่างมีอยู่แล้ว เช่น เกิด แก่ เจ็บ ตาย
ไม่ว่าจะอยู่ศาสนาใดก็ต้องเจอ เพราะมันเป็นเรื่องธรรมชาติ
เพียงแต่เรื่องเหล่านี้ได้ถูกบัญญัติเข้าตามศาสนาต่างๆ และมีวิธีการปฏิบัติและรับมือกับเรื่องเหล่านั้นที่แตกต่างกัน
ถ้าวันนี้บนโลกไม่มีศาสนา มนุษย์เราก็ยังต้องเกิด แก่ เจ็บ และตายอยู่เช่นเดิม
เพียงแค่ศาสนานำมาเรียบเรียงเป็นคำสอนให้เราเข้าใจได้ง่ายขึ้น
ดังนั้นตำนานของ Star Wars บทใหม่ที่อาจจะไม่มีเรื่องราวของนิกายเจไดและซิธแล้ว
ก็ยังสามารถมีเรื่องราวของ Force ให้เราได้ติดตามกันได้เช่นกัน
ขอบคุณที่อ่านมาจนจบนะครับ
ขออนุญาตฝากบล็อกและเว็บของผมไว้สักเล็กน้อย
เผื่อใครสนใจติดตามอ่านบทความรีวิวหนังเรื่องอื่นๆนะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Fan Page
https://www.facebook.com/mereviewth/
Website
http://mereview.in.th/
บทวิเคราะห์ Star Wars VIII The Last Jedi (SPOIL จัดหนักจัดเต็ม)
Kylo Ren ผู้สานต่อเจตนารมณ์ Darth Vader
หากไล่เรียงตั้งแต่ภาคแรกไควกอนจินน์ เชื่อเสมอมาว่า Anakin Skywalker จะเป็นผู้นำสมดุลมาสู่พลัง
ซึ่งต่อมา Darth Vader และกองทัพโคลนก็สังหารหมู่ ล้างบางเจไดเกลี้ยงสำนัก
หากมองที่จำนวน Sith และ Jedi ที่เหลืออยู่ ก็ถือว่าสมดุลนะ
ฝั่ง Sith เหลือ Darth Sedious และ Darth Vader
ฝั่ง Jedi เหลือ Yoda กับ Obiwan
สมดุลกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว เพราะตอนแรกมีแต่เจได เต็มไปหมด
มีสภาเจได มีศูนย์ฝึกเด็กรุ่นใหม่ที่จะเป็นเจได
พอ Anakin เข้าด้านมืด ก็ปราบซะเหี้ยนเตียนเลย
ซึ่ง Galaxy ก็ได้ระบอบการปกครองแบบจักรวรรดิมาแทนที่ระบอบสาธารณรัฐ
ซึ่งในภาค 8 นี้ การสังหาร Supreme Leader Snoke ของ Kylo Ren
ก็เป็นการนำสมดุลมาสู่พลังอีกเช่นกัน
เมื่อผู้ใช้ Force ด้านมืด และด้านสว่างเหลือเพียงอย่างละคน คือ Kylo Ren และ Rey
ที่สำคัญคือ การกระทำของ Kylo มันตรงกับสิ่งที่ Vader ต้องการจะทำกับ Darth Sedious
นั่นคือสังหารอาจารย์/ผู้นำของตนซะ และชักชวนผู้มี Force ที่กล้าแกร่งมาร่วมมือกับตน
เหมือนที่ Vader เคยชวน Luke มาร่วมมือกันปราบ Darth Sedious
โดยมีเป้าหมายคือปกครอง Galaxy นี้ด้วยกัน โดยไม่ต้องสนใจว่าจะเป็นเจไดหรือซิธ
The Last Jedi / The Last Sith
ปัจฉิมบทแห่งเจไดและซิธ
Jedi ความรัก ความโกรธ ความกลัว เป็นสิ่งต้องห้าม เพราะมันคือจุดกำเนิดของด้านมืดแห่งพลัง
Sith ไม่ห้ามให้มีความรัก ความโกรธ ความกลัว เพราะจะทำให้พลังมากขึ้นไปอีก แต่จะมีเพียง2เสมอ 1 อาจารย์ 1 ศิษย์
ขนบเก่าๆของนิกายเก่าๆ ที่ไม่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่อีกต่อไป
ทำไมต้องเลือกข้าง และห้ำหั่นกัน
ทุกครั้งที่เจไดเจอซิธต้องสู้กัน เจไดระดมพลเพื่อกำจัดซิธเมื่อครั้ง Episode 1-3 เพื่อให้ซิธหมดสิ้นไป
ซิธใช้กองกำลังไล่ล่า กวาดล้างเจไดที่เหลือรอดในช่วง Episode 4-6 เพื่อให้เจไดหมดสิ้นไป
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับตรงข้ามเสมอ
ยิ่งอยู่ด้านสว่าง และต้องการกำจัดความมืดมากเท่าไหร่
ก็ยิ่งทำให้ความมืดเข้มแข็งมากขึ้นเท่านั้น
Sith ที่ร้ายกาจหลายคน มาจาก Jedi ทั้งนั้น
Count Dooku เป็น Darth Tyranus
Anakin Skywalker เป็น Darth Vader
Ben Solo เป็น Kylo Ren
ในขณะที่ Jedi ระดับตำนานอย่าง Luke Skywalker เอง
ก็เกิดขึ้นในช่วงที่ความมืดเข้มแข็งถึงขีดสุด
เพราะมี Darth Vader และ Darth Sedious ครอบครองจักรวาล
เมื่อสัมผัสพลังได้ และใช้มันเป็นแต่โดนบังคับด้วยกติกาคร่ำครึ
การห้ามรัก ห้ามโกรธ ห้ามกลัว ทำให้อนาคินที่เป็นห่วงเพดเม่
ถลำลึกเข้าสู่ความมืดในจิตใจ และกลายเป็น Darth Vader ในที่สุด
เช่นเดียวกับ Ben Solo ที่กลายเป็น Kylo Ren
เพราะความหวาดกลัวต่อความมืดของ Luke
ที่เชื่อตามขนบของนิกายเจไดว่าด้านมืดในจิตใจนั้นเลวร้าย
โดยยังไม่ทันจะปรับปรุงแก้ไขจิตใจของ Ben สำเร็จเลย
ในขณะที่ Sith เองก็มีกฏแห่งสองที่จะมีเพียงแค่ “หนึ่งอาจารย์ หนึ่งศิษย์” เท่านั้น
ซึ่งโหดร้ายมากไม่แพ้กัน เราจะเห็นได้ชัดว่า Darth Sedious เอง
ก็พร้อมจะกำจัดศิษย์ที่หมดประโยชน์ทิ้ง เมื่อได้ศิษย์คนใหม่มา
ตั้งแต่ Count Dooku ที่โดนสังหารเพื่อให้ Anakin มีเพิ่มความมืดในจิตใจ
การยุให้ Luke ฆ่า Vader ทิ้งซะ ซึ่งก็เป็นเช่นเดียวกับ Vader ที่ขอให้ Luke ฆ่า Sidious ทิ้ง
นิกายนี้ ถ้าจะรับศิษย์เพิ่ม คือต้องฆ่าคนเก่าทิ้งก่อน
อาจารย์เจอศิษย์ใหม่น่าสนใจ = ฆ่าศิษย์ตัวเอง รับคนใหม่เข้านิกาย
ศิษย์อยากเป็นอาจารย์ = ฆ่าอาจารย์ตัวเองทิ้ง รับลูกศิษย์เข้านิกาย
ถ้าจากที่ผมเคยอ่านเจอมา กฎนี้เกิดจากแต่ก่อนมี Sith มากมาย
แต่ Sith นั้นมักมาก เลยไม่ได้สู้กับ Jedi อย่างเดียว แต่สู้กันเองด้วย
จึงตั้งกฎให้เหลือเพียงสองเท่านั้น
Kylo Ren เองทั้งหวาดกลัวและโกรธ Snoke เพราะตัวเองก็ทำผลงานไม่เคยเข้าตา
การคาดหวังจะสืบทอดตำแหน่งและครอบครองจักรวาลที่ดีที่สุด ก็คือกำจัด Snoke ซะ
การลงมือครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อกฎแห่งสอง แต่เป็นการทำเพื่อตัวเอง
เช่นเดียวกับที่เรย์เอง ที่สัมผัสกับด้านมืดบนเกาะ โดยไม่ได้สนใจว่านิกายเจไดจะว่าอย่างไรแล้ว
สำหรับผมมันเป็นเหมือนภาพสะท้อนของความเป็นคนรุ่นใหม่ที่รักอิสระดีนะ
เมื่อขนบเดิมๆมันไม่เวิร์คสำหรับ เรย์และเร็น ก็ไม่มีใครเดินตามรอยของสองนิกายนี้เลย
และนี่อาจจะเป็นสมดุลแห่งพลังของเรย์และเร็นที่มีทั้งด้านสว่างและด้านมืดในตัว (คนหนึ่งสว่างมากกว่า คนหนึ่งมืดมากกว่า)
ไม่มีใครปฏิเสธพลังของอีกด้าน (เหมือนโลโก้สัญลักษณ์เต๋าเลย ในขาวมีดำ ในดำมีขาว)
สงครามจักรวาล…แล้วไงต่อ?
ภาพล้อของสงครามระหว่างซิธและเจได ที่จบลงด้วยการเหลือเรย์และเร็นนั้น
ก็ไม่ต่างกันกับที่นักถอดรหัส/ต้มตุ๋นคิดว่า มันก็แค่การเลือกข้างระบอบการปกครองระหว่างจักรวรรดิ์ (เผด็จการ) กับ สาธารณรัฐ (ประชาธิปไตย)
ภาพใหญ่กว่านั้นคือนักค้าอาวุธก็ยังขายสินค้าได้ และอยู่สุขสบาย เล่นคาสิโนกันไปวันๆ
ในขณะที่ Galaxy ต้องมีการสู้รบกันเพียงเพราะอุดมการณ์ทางการเมืองที่แตกต่างกันเท่านั้น
ชีวิตของทุกคนบน Galaxyก็ยังต้องเดินหน้าต่อไป
ภาพกองกำลังกบฏในช่วงท้ายที่เหลือเพียงน้อยนิด แม้จะมองเป็นความหวัง
แต่ผมเชื่อว่า ในจักรวาลนั้นก็อาจจะมีคนมองว่านี่คือผู้ก่อความวุ่นวายในจักรวาล
เพราะ Galaxy ต้องเสียยานไปกี่ลำ เสียดาวไปกี่ดวง เพื่อปรับเปลี่ยนระบอบการปกครองอีกครั้ง
ทั้งนี้ผมไม่ได้บอกว่าของเดิมมันดีนะ แต่การที่ไม่มีคนมาช่วยในช่วงท้าย
มันสะท้อนอะไรหลายๆอย่างว่า หลายคนเริ่มยอมจำนนกับระบบไปแล้ว
และบางคนอาจจะไม่อยากสูญเสียเพิ่มเติม
หากมีการรบกันอีก ชาวบ้านไม่รู้อิโหน่อิเหน่บนดาวต่างๆ อาจจะถูกลูกหลง
เสียบ้านเกิด เสียชีวิตจากการถล่มดาวก็เป็นได้ เพียงเพราะกบฏอยู่บนดาวของตัวเอง
มันจึงไม่แปลกที่ Phasma จะมองว่า Finn เป็นคนทรยศ
ในขณะที่ Rose มอง Finn เป็นฮีโร่
เพราะถ้าไม่มี Finn สงครามนี้อาจจะจบไปด้วยความพ่ายแพ้ของกองกำลังต่อต้านอย่างราบคาบแล้ว
Poe กับ Holdo มีมุมมองที่แตกต่างกันในการนำทัพกบฏ
คนหนึ่งอยากรบให้ชนะ แต่อีกคนแม้จะดูอ่อนแอและไม่ทำอะไร เพราะปิดบังแผนในช่วงแรก
สุดท้ายแล้วก็มีแผนเพื่อรักษากองกำลังให้อยู่รอด เพื่อเป็นประกายไฟให้คนรุ่นหลังต่อไป
เพื่อให้รู้ว่าครั้งหนึ่งมีกองกำลังต่อต้าน ที่ไม่ยินยอมต่อระบอบจักรวรรดิ
และสุดท้ายแล้ว Poe ก็เริ่มมองเห็นว่าการรักษาคนไว้เป็นสิ่งที่สำคัญกว่าชัยชนะในสงคราม
นายพล Hux กับ Kylo Ren การช่วงชิงความเป็นใหญ่ในจักรวาล
สองคนนี้เป็นเหมือนขั้วอำนาจที่มีบารมีพอๆกัน
(และไร้บารมีพอๆกันเมื่ออยู่ต่อหน้า Snoke โดนเล่นงานซะหมดสภาพ)
เมื่อไม่มี Snoke ทั้งสองคนต่างก็ต้องการเป็นใหญ่
ช่วงแรก การแสดงความไม่ยอมรับของ Hux นั้น ทำให้ Kylo Ren ต้องสั่งสอนว่า
ถึงปกติจะกระจอกกว่า Snoke แต่ก็เหนือกว่าเอ็งนะเฟ้ย
ผมเชื่อว่าในภาคต่อ ก็น่าจะมีประเด็นความขัดแย้งและต้องการเป็นใหญ่ของ Hux แน่นอน
เพราะตอนที่พบศพของ Snoke ผมคิดว่า Hux ก็เตรียมจะจัดการ Kylo Ren เลย แต่ดันลุกขึ้นมาซะก่อน
Snoke กับ ความประมาท แต่นี่คือวิถีแห่งซิธ
เอาเข้าจริงในหนังระบุแค่ว่า Snoke เป็น Dark Side ผมก็ไม่ชัวร์นะว่าควรจะเรียกว่าเป็นซิธดีมั้ย
(ก็ถ้าซิธมีแค่สอง ตอนจบภาค6 ก็อาจจะถือว่าหมดสิ้นไปแล้ว นอกจากมีคนที่กำลังถูกฝึกสอนมาเพื่อให้มาปราบซิเดียส หรือเวเดอร์)
ผมเชื่อว่าหลายคนขัดใจกับการตายสุดง่ายของ Snoke
แต่มันเป็นส่วนที่ผมชอบมากๆของหนังภาคนี้เลยครับ
เพราะที่ผ่านมาซิธนั้นแข็งแกร่งแต่มักจะตายด้วยความประมาท
Darth Maul ประมาทโอบีวันที่ตกไปอยู่บนปากบ่อ ถูกฟันขาดสองท่อน
Count Dooku ที่ไม่ทันได้คิดว่า Darth Sidious จะไม่ช่วยเหลือตน และปล่อยให้อนาคินสังหารตนต่อหน้าต่อตา
Darth Sidious ที่มัวแต่สนใจจะเล่นงาน Luke จนพลาดโดน Vader เล่นงานทีเผลอ
ซึ่งส่วนมากก็จะตายด้วยกฎแห่งสองของซิธนั่นแหละ (หนึ่งอาจารย์ หนึ่งศิษย์)
มันเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ซิธตั้งตนอยู่บนความไม่ประมาท และนี่อาจจะเป็นหนึ่งในแก่นของซิธเลย
ในบรรดาตัวละครซิธทั้งหมดที่มีมา ผมคิดว่า Darth Sidious เป็นตัวละครที่ฉลาดและขี้ระแวงที่สุดแล้ว
ฉากที่โดนเล่นงานนั้น เพราะกำลังจัดการกับLuke อยู่ด้วย
แต่ถ้าดูไปถึงแผนการจริงๆ Sidious เองก็รู้ว่า Vader จะใช้ Luke มาจัดการตนเช่นกัน จึงได้ตั้งใจจะจัดการ Vader อยู่แล้ว
ส่วน Snoke ซึ่งกดขี่ข่มเหงทั้ง Kylo Ren และ นายพล Hux
กลับใช้แต่อำนาจโดยไม่ระแวดระวังภัยรอบตัวเองเท่าไหร่เลย
ตำนานของ Luke Skywalker กับความผิดพลาดที่ทำให้เห็นว่าตำนานเป็นเพียงแค่เรื่องเล่าเท่านั้น
ส่วนหนึ่งที่ผมชอบประเด็นของ Luke ในภาคนี้คือการพูดถึงข้อผิดพลาของ Luke ที่ทำให้เกิด Kylo Ren
ไม่เพียงแต่จะเป็นการย้ำจุดด้อยของบัญญัติแห่งเจไดแล้ว ยังเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงข้อผิดพลาดของคนเก่งๆ
การเป็นคนเก่ง เป็นตำนาน มีวีรกรรมระดับจักรวาล ไม่ได้แปลว่า Luke จะไม่พลาด
ไม่ได้แปลว่า Luke จะทำทุกอย่างได้ราบรื่น ทุกคนสามารถพลาดได้นั่นเป็นเรื่องธรรมดา
Yoda บอกกับ Luke Skywalker ว่าเราอาจจะเสียเบน (Kylo Ren) ไป แต่กับเรย์เราจะเสียไปไม่ได้อีก
แม้ Luke จะพลาดพลั้ง แต่ก็ไม่ใช่ว่า Luke จะพลาดไปตลอด
การผิดหวังจากการอบรมศิษย์คนแรกของตัวเอง ไม่ได้แปลว่าคนอื่นๆจะต้องล้มเหลวเหมือนกัน จนเลิกสอนไปเลย
และแม้แต่การผิดพลาดของข้อบัญญัติเจไดที่บัญญัติขึ้นด้วยความกลัวด้านมืดมากเกินไป
จนทำให้ลุคเห็นว่าไม่ควรมีคนสืบสานต่อเพราะอาจจะทำให้เกิดซิธขึ้นมาอีก Yoda เองก็ลงมือเผาวิหารด้วยตนเองเลย
ข้อผิดพลาดในอดีตเป็นสิ่งสำคัญที่ควรถ่ายทอดต่อให้ศิษย์ เพื่อให้พัฒนาและปรับปรุงไปได้ไกลกว่าเดิม
แม้ว่าการเรียนของเรย์ดูจะครึ่งๆกลางๆ แต่สุดท้ายเรย์ก็สามารถก้าวข้ามความมืดในใจไปได้
แม้จะมีความมืดปะปนอยู่ก็ตาม เพราะเรย์ไม่ได้ปฏิเสธมัน แต่เรียนรู้ที่จะอยู่กับมันต่อไป
Force เป็นสิ่งที่มีอยูแล้ว Jedi และ Sith เป็นเพียงผู้ฝึกฝนเพื่อใช้มัน
นี่คือประเด็นนึงที่ผมชอบมากซึ่งหนังได้ถ่ายทอดผ่านเลอาที่ไม่เคยฝึก Jedi แต่สามารถใช้ Force ได้
เช่นเดียวกับเด็กในฟาร์มตอนท้ายที่ใช้ Force ดึงไม้ถูพื้น
(จริงๆถ้ามองเรื่องโทรจิต หรือความรู้สึกที่สื่อถึงกันของเลอากับลุค ผมคิดว่าเลอาใช้ Force ได้นานแล้ว แต่ภาคนี้ชัดเป็นพิเศษ)
ผมคิดว่ามันเหมือนหลักศาสนาที่แท้จริงแล้ว หลักหลายๆอย่างมีอยู่แล้ว เช่น เกิด แก่ เจ็บ ตาย
ไม่ว่าจะอยู่ศาสนาใดก็ต้องเจอ เพราะมันเป็นเรื่องธรรมชาติ
เพียงแต่เรื่องเหล่านี้ได้ถูกบัญญัติเข้าตามศาสนาต่างๆ และมีวิธีการปฏิบัติและรับมือกับเรื่องเหล่านั้นที่แตกต่างกัน
ถ้าวันนี้บนโลกไม่มีศาสนา มนุษย์เราก็ยังต้องเกิด แก่ เจ็บ และตายอยู่เช่นเดิม
เพียงแค่ศาสนานำมาเรียบเรียงเป็นคำสอนให้เราเข้าใจได้ง่ายขึ้น
ดังนั้นตำนานของ Star Wars บทใหม่ที่อาจจะไม่มีเรื่องราวของนิกายเจไดและซิธแล้ว
ก็ยังสามารถมีเรื่องราวของ Force ให้เราได้ติดตามกันได้เช่นกัน
ขอบคุณที่อ่านมาจนจบนะครับ
ขออนุญาตฝากบล็อกและเว็บของผมไว้สักเล็กน้อย
เผื่อใครสนใจติดตามอ่านบทความรีวิวหนังเรื่องอื่นๆนะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้