รีวิวทริป East USA เดินทางเมื่อวันที่ 29 Nov – 11 Dec 17 ที่ผ่านมาค่ะ
ทริปนี้เกิดขึ้นได้เพราะอ่านกระทู้รีวิว Harry Potter Theme Park ที่ Universal Studio Orlando จาก Pantip นี่แหละค่ะ เมื่อนานมากแล้วตั้งแต่ปี 2557 ตั้งแต่ Harry ที่USJ ยังไม่เปิดเลย เพราะถ้าเปิดแล้วก็คงไม่ต้องพยายามตะกายไปจนถึงอเมริกา
ติ่ง Harry ขั้นสุดอย่างเราและน้องสาวถึงกับตาลุก ความอยากสั่นระรัว ก็เลยเกิด Plan ของการไปอเมริกาขึ้นมาทันที จำได้ว่าอ่านกระทู้น่าจะปลายปี 2557 หลังจากนั้นก็ตั้งใจหาข้อมูลขอวีซ่ากันทันทีเลย เริ่มเตรียมเอกสารขอวีซ่าตั้งแต่ 28 มกราคม 2558 และรับอนุมัติวีซ่ามาในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2558 (จดวันที่ไว้เลย อิอิ) เคยเขียนรีวิว Viza ไว้ที่กระทู้นี้ค่ะ
https://ppantip.com/topic/33255727
และเมื่อตั้งใจจะไป Orlando ที่อยู่ฝั่ง East แล้วก็เลยตัดสินใจไป NYC และ Wachington DC ด้วยซะเลยเพื่อตอบสนองความติ่งให้ครบ ทั้ง Musical, ตามรอยหนังดังหลายๆเรื่อง (หลายเรื่องของ Marvel Universe และ Night at The Museum รวมถึงติ่ง Dan Brown อย่างเรื่อง The Lost Symbol)
แล้วด้วยสถานการณ์ผลิกผัน (ในตอนนั้น) น้องสาวได้งานใหม่เลยยังลางานไม่ได้ และหลังจากนั้นก็ติดเรื่องการทำวิทยานิพนธ์ Plan ก็เลยล่มไป ถึง 2 ปี จนในที่สุดก็ถึงเวลาที่รอคอยซะที เมื่อเงินพร้อม วันลาพร้อมทริปก็เริ่มได้
ไปทั้งหมด 3 เมืองค่ะ
New York
Washington DC
Orlando
รูปก็ตามมีตามเกิด ฝีมือไม่มี ถ้ารูปจะสวยก็ยกความดีให้อุปกรณ์ค่ะ Fuji XA2 / Go Pro hero 5 / มือถือ IPhone 6S
กระทู้นี้จะรีวิวทุกสิ่งอย่างที่เรานึกออกและคิดว่าจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆต่อไปนะคะ รายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่เรารู้สึกว่าหาข้อมูลยากต่างๆจะเอามารวมไว้ให้ในนี้ค่ะ คงจะยาวประมาณสัก 3-4 ep เดี๋ยวลองดูว่าสักกี่กระทู้ถึงจะจบค่ะ
เริ่มตั้งแต่จองตั๋ว
ตอนแรกที่แพลนทริปเราตั้งใจว่าจะใช้สายการบินจีน ระหว่าง China Eastern กับ China Southern สักเจ้านึง เพราะดูราคาประหยัดดี แต่ทำไปทำมา อ่านรีวิวนู้นนี่เยอะแยะ จนรู้สึกว่ามันจะไม่ค่อยสะดวกสักเท่าไหร่ เลยเฝ้าจ้องหาตั๋วมาเรื่อยๆ จนเจอ Emirate Routing: BKK – NYC – BKK ในช่วงเดือน มกราคม 60 ในราคา 30,xxx ซึ่งรู้สึกว่ารับได้ ก็เลยตัดสินใจกดมาทันที เรียกว่าจองตั๋วล่วงหน้ากันเกือบ 1 ปีเลยทีเดียว
(ซึ่งมารู้ตอนหลังว่า Emirate มีบินจากดูไบไปลง Orlando เลยด้วย ไม่ต้องแวะ NYC รู้สึกเสียดายมาก เพราะเราตั้งใจจะไป Orlando ก่อนอยู่แล้ว แต่ถ้าจะเปลี่ยนตั๋ว ต้องเสียค่าเปลี่ยนอีกเป็นหมื่นบาทก็เลยตัดสินใจไม่เปลี่ยน)
BKK - Dubai 6 ชั่วโมง : เวลาต่อเครื่อง 1 ชั่วโมง 45 นาที (Boeing 777-300ER)
Flight แรก เสริฟ อาหาร 1 มื้อ และ Snack อีก 1 อย่าง เครื่องดื่มสามารถขอได้ตลอดเวลาค่ะ
ตอนออกจาก กทม เครื่อง Delay ไปประมาณ 20 นาที ก็มีแอบกังวลเพราะเวลาต่อเครื่องน้อย แต่ปรากฎว่ากัปตันซิ่งค่ะ สุดท้ายตอนลงจอดถึงก่อนเวลาจริงไป 10 นาทีเลยก็สบายๆ เดินไปผ่าน Security Check ก็ไกลใช้ได้นะคะ (นี่เราไม่ต้องเปลี่ยน Terminal นะ) ซึ่งมี 3จุด สำหรับ Route อเมริกา
จุดที่1 คือ ของสนามบิน Scan กระเป๋าปกติ (วันนั้นที่เราลงแถวไม่ยาวค่ะ)
จุดที่ 2 คือ ตอบคำถามตรงก่อนเข้า Gate ก็เป็นคำถามทั่วๆไปกระเป๋าที่ถือมาเป็นของคุณใช่มั้ย / คุณpack กระเป๋าด้วยตัวเองหรือเปล่า อะไรประมาณนี้ (ตรงนี้เราแอบฟังคำถามไม่รู้เรื่อง ก็เดาๆเอา ตอบผิดๆถูกๆ สุดท้ายก็ผ่านมาได้ค่ะ มีลุ้นตื่นเต้นดี ฮ่าๆๆๆ)
จุดที่ 3 เป็นการตรวจของในกระเป๋าอีกรอบหลังจากผ่านเข้า gate ไปแล้ว เราโดนพาเข้าในฉากเพื่อลูบตัวด้วยและก็สอบถามว่าไปไหน ทำอะไร ซึ่งตรงนี้คิดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของอเมริกาโดยตรงเลยค่ะ เหมือนเป็นการคัดกรองคำตอบรอบนึงก่อนที่เราจะไปตอบที่ ตม ตอนเข้าประเทศจริง
ขั้นตอนทั้งหมดนี้ก็ใช้เวลาประมาณ 45 นาที เหลือเวลาให้นั่งรอก่อนประกาศขึ้นเครื่องอีกพอสมควร เข้าห้องน้ำ ล้างหน้าแปรงฟันได้สบายค่ะ
Dubai – NYC 14 ชั่วโมง (A380)
Flight ยาว เสิร์ฟอาหารเยอะมากค่ะ อาหารร้อน 2 มื้อ อาหารว่างเป็นพิซซ่าอีก 1 มื้อ เรียกว่ากินแล้วนอน นอนแล้วตื่นมากินกันพุงกางเลยทีเดียว
เมนูค่ะ
หน้าตาอาหารประมาณนี้
กลางคืนบนเครื่องมีดาวส่วนตัวให้ดูด้วยนะ อิอิ
นอนกันยาวไปค่ะ
เครื่องลง JFK 7:25 am เร็วกว่าเวลาจริงเกือบ 1 ชั่วโมงค่ะ (เวลาตามตั๋วที่จองคือ 8:15 am)
JFK Airport
ได้ยินคำร่ำลือมานาน เรื่องคิวอันยาวเหยียดของ JFK ก็เตรียมตัวเตรียมใจต่อแถวมาพอสมควร แต่เอาเข้าจริงไม่นานนะคะ Flight เราลง 7:25 ไม่มีแถวเลย ก่อนถึง ตม ต้องเดินไปกรอกข้อมูลผ่านตู้อัตโนมัติ ข้อมูลก็พวกข้อมูลส่วนตัว เอา Passport เสียบเข้าไปในเครื่องจะอ่านเอง มาไฟล์ทอะไร มากับใคร เอาอาหารมามั้ยอะไรงี้ค่ะ เป็นข้อมูลเดียวกับในใบ custom ที่แอร์แจกให้กรอกบนเครื่องบินก่อนลง พอกรอกเสร็จที่ตู้จะให้เราถ่ายรูปค่ะ ตรงนี้ระวังหน่อย ถอดแว่นแกะผ้าพันคอให้เรียบร้อย ระวังคนข้างหลังที่เข้าแถวต่อจากเราโผล่หน้าเข้ามา ต้องถ่ายซ้ำใหม่ 2-3 รอบ
ก็แอบยากเหมือนกันสำหรับคนที่ไม่เคยเจอ งงค่ะ แต่ก็ค่อยๆอ่านไป ตอบไป ก็ใช้เวลาประมาณ 3-4 นาทีได้ค่ะ พอตอบเสร็จปุ๊บ เจ้าเครื่องนี้จะออกเอกสารคัดกรองเรามาก่อนเลยค่ะ ถ้าเอกสารออกมาไม่มีกากบาท ก็ไปเข้าแถวผ่าน ตม ปกติ
แต่ถ้ามีกากบาทออกมาก็เรียนเชิญอีกแถวที่มีปัญหาค่ะ (แถวมีปัญหาแอบคิวยาว แล้วเดินช้าด้วยค่ะ) ของเรากับน้องไม่มีกากบาทค่ะ ก็ไปเข้าแถวปกติ รอไม่นานอีกไม่เกิน 10 นาที ก็ถึงเจ้าหน้าที่ พี่น้องเข้าไปพร้อมกันเลยค่ะ ถามคำถามอีกนิดหน่อย มากี่วัน เที่ยวไหนบ้าง มากับใคร แค่นั้น ก็ปั้มผ่านโลดดดด
สรุปเวลาที่ใช้ตั้งแต่ลงสนามบินจนผ่าน ตมออกมาประมาณ 30 นาทีค่ะ
เรื่องเลื่อนวันเดินทางไม่ตรงกับตอนไปขอวีซ่า ไม่มีปัญหานะคะ ไม่ถามอะไรสักคำค่ะ ของเราเลื่อนตั้ง 2 ปี
เดี๋ยวมีต่อในความเห็นนะคะ - To be Continue
[CR] Review ทุกสิ่งเท่าที่จะนึกออกของทริป USA : New york, Wachington DC, Orlando - ep. 1 การเดินทางจาก BKK - New York
ทริปนี้เกิดขึ้นได้เพราะอ่านกระทู้รีวิว Harry Potter Theme Park ที่ Universal Studio Orlando จาก Pantip นี่แหละค่ะ เมื่อนานมากแล้วตั้งแต่ปี 2557 ตั้งแต่ Harry ที่USJ ยังไม่เปิดเลย เพราะถ้าเปิดแล้วก็คงไม่ต้องพยายามตะกายไปจนถึงอเมริกา
ติ่ง Harry ขั้นสุดอย่างเราและน้องสาวถึงกับตาลุก ความอยากสั่นระรัว ก็เลยเกิด Plan ของการไปอเมริกาขึ้นมาทันที จำได้ว่าอ่านกระทู้น่าจะปลายปี 2557 หลังจากนั้นก็ตั้งใจหาข้อมูลขอวีซ่ากันทันทีเลย เริ่มเตรียมเอกสารขอวีซ่าตั้งแต่ 28 มกราคม 2558 และรับอนุมัติวีซ่ามาในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2558 (จดวันที่ไว้เลย อิอิ) เคยเขียนรีวิว Viza ไว้ที่กระทู้นี้ค่ะ https://ppantip.com/topic/33255727
และเมื่อตั้งใจจะไป Orlando ที่อยู่ฝั่ง East แล้วก็เลยตัดสินใจไป NYC และ Wachington DC ด้วยซะเลยเพื่อตอบสนองความติ่งให้ครบ ทั้ง Musical, ตามรอยหนังดังหลายๆเรื่อง (หลายเรื่องของ Marvel Universe และ Night at The Museum รวมถึงติ่ง Dan Brown อย่างเรื่อง The Lost Symbol)
แล้วด้วยสถานการณ์ผลิกผัน (ในตอนนั้น) น้องสาวได้งานใหม่เลยยังลางานไม่ได้ และหลังจากนั้นก็ติดเรื่องการทำวิทยานิพนธ์ Plan ก็เลยล่มไป ถึง 2 ปี จนในที่สุดก็ถึงเวลาที่รอคอยซะที เมื่อเงินพร้อม วันลาพร้อมทริปก็เริ่มได้
ไปทั้งหมด 3 เมืองค่ะ
New York
Washington DC
Orlando
รูปก็ตามมีตามเกิด ฝีมือไม่มี ถ้ารูปจะสวยก็ยกความดีให้อุปกรณ์ค่ะ Fuji XA2 / Go Pro hero 5 / มือถือ IPhone 6S
กระทู้นี้จะรีวิวทุกสิ่งอย่างที่เรานึกออกและคิดว่าจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆต่อไปนะคะ รายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่เรารู้สึกว่าหาข้อมูลยากต่างๆจะเอามารวมไว้ให้ในนี้ค่ะ คงจะยาวประมาณสัก 3-4 ep เดี๋ยวลองดูว่าสักกี่กระทู้ถึงจะจบค่ะ
เริ่มตั้งแต่จองตั๋ว
ตอนแรกที่แพลนทริปเราตั้งใจว่าจะใช้สายการบินจีน ระหว่าง China Eastern กับ China Southern สักเจ้านึง เพราะดูราคาประหยัดดี แต่ทำไปทำมา อ่านรีวิวนู้นนี่เยอะแยะ จนรู้สึกว่ามันจะไม่ค่อยสะดวกสักเท่าไหร่ เลยเฝ้าจ้องหาตั๋วมาเรื่อยๆ จนเจอ Emirate Routing: BKK – NYC – BKK ในช่วงเดือน มกราคม 60 ในราคา 30,xxx ซึ่งรู้สึกว่ารับได้ ก็เลยตัดสินใจกดมาทันที เรียกว่าจองตั๋วล่วงหน้ากันเกือบ 1 ปีเลยทีเดียว
(ซึ่งมารู้ตอนหลังว่า Emirate มีบินจากดูไบไปลง Orlando เลยด้วย ไม่ต้องแวะ NYC รู้สึกเสียดายมาก เพราะเราตั้งใจจะไป Orlando ก่อนอยู่แล้ว แต่ถ้าจะเปลี่ยนตั๋ว ต้องเสียค่าเปลี่ยนอีกเป็นหมื่นบาทก็เลยตัดสินใจไม่เปลี่ยน)
BKK - Dubai 6 ชั่วโมง : เวลาต่อเครื่อง 1 ชั่วโมง 45 นาที (Boeing 777-300ER)
Flight แรก เสริฟ อาหาร 1 มื้อ และ Snack อีก 1 อย่าง เครื่องดื่มสามารถขอได้ตลอดเวลาค่ะ
ตอนออกจาก กทม เครื่อง Delay ไปประมาณ 20 นาที ก็มีแอบกังวลเพราะเวลาต่อเครื่องน้อย แต่ปรากฎว่ากัปตันซิ่งค่ะ สุดท้ายตอนลงจอดถึงก่อนเวลาจริงไป 10 นาทีเลยก็สบายๆ เดินไปผ่าน Security Check ก็ไกลใช้ได้นะคะ (นี่เราไม่ต้องเปลี่ยน Terminal นะ) ซึ่งมี 3จุด สำหรับ Route อเมริกา
จุดที่1 คือ ของสนามบิน Scan กระเป๋าปกติ (วันนั้นที่เราลงแถวไม่ยาวค่ะ)
จุดที่ 2 คือ ตอบคำถามตรงก่อนเข้า Gate ก็เป็นคำถามทั่วๆไปกระเป๋าที่ถือมาเป็นของคุณใช่มั้ย / คุณpack กระเป๋าด้วยตัวเองหรือเปล่า อะไรประมาณนี้ (ตรงนี้เราแอบฟังคำถามไม่รู้เรื่อง ก็เดาๆเอา ตอบผิดๆถูกๆ สุดท้ายก็ผ่านมาได้ค่ะ มีลุ้นตื่นเต้นดี ฮ่าๆๆๆ)
จุดที่ 3 เป็นการตรวจของในกระเป๋าอีกรอบหลังจากผ่านเข้า gate ไปแล้ว เราโดนพาเข้าในฉากเพื่อลูบตัวด้วยและก็สอบถามว่าไปไหน ทำอะไร ซึ่งตรงนี้คิดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของอเมริกาโดยตรงเลยค่ะ เหมือนเป็นการคัดกรองคำตอบรอบนึงก่อนที่เราจะไปตอบที่ ตม ตอนเข้าประเทศจริง
ขั้นตอนทั้งหมดนี้ก็ใช้เวลาประมาณ 45 นาที เหลือเวลาให้นั่งรอก่อนประกาศขึ้นเครื่องอีกพอสมควร เข้าห้องน้ำ ล้างหน้าแปรงฟันได้สบายค่ะ
Dubai – NYC 14 ชั่วโมง (A380)
Flight ยาว เสิร์ฟอาหารเยอะมากค่ะ อาหารร้อน 2 มื้อ อาหารว่างเป็นพิซซ่าอีก 1 มื้อ เรียกว่ากินแล้วนอน นอนแล้วตื่นมากินกันพุงกางเลยทีเดียว
เมนูค่ะ
หน้าตาอาหารประมาณนี้
กลางคืนบนเครื่องมีดาวส่วนตัวให้ดูด้วยนะ อิอิ
นอนกันยาวไปค่ะ
เครื่องลง JFK 7:25 am เร็วกว่าเวลาจริงเกือบ 1 ชั่วโมงค่ะ (เวลาตามตั๋วที่จองคือ 8:15 am)
JFK Airport
ได้ยินคำร่ำลือมานาน เรื่องคิวอันยาวเหยียดของ JFK ก็เตรียมตัวเตรียมใจต่อแถวมาพอสมควร แต่เอาเข้าจริงไม่นานนะคะ Flight เราลง 7:25 ไม่มีแถวเลย ก่อนถึง ตม ต้องเดินไปกรอกข้อมูลผ่านตู้อัตโนมัติ ข้อมูลก็พวกข้อมูลส่วนตัว เอา Passport เสียบเข้าไปในเครื่องจะอ่านเอง มาไฟล์ทอะไร มากับใคร เอาอาหารมามั้ยอะไรงี้ค่ะ เป็นข้อมูลเดียวกับในใบ custom ที่แอร์แจกให้กรอกบนเครื่องบินก่อนลง พอกรอกเสร็จที่ตู้จะให้เราถ่ายรูปค่ะ ตรงนี้ระวังหน่อย ถอดแว่นแกะผ้าพันคอให้เรียบร้อย ระวังคนข้างหลังที่เข้าแถวต่อจากเราโผล่หน้าเข้ามา ต้องถ่ายซ้ำใหม่ 2-3 รอบ
ก็แอบยากเหมือนกันสำหรับคนที่ไม่เคยเจอ งงค่ะ แต่ก็ค่อยๆอ่านไป ตอบไป ก็ใช้เวลาประมาณ 3-4 นาทีได้ค่ะ พอตอบเสร็จปุ๊บ เจ้าเครื่องนี้จะออกเอกสารคัดกรองเรามาก่อนเลยค่ะ ถ้าเอกสารออกมาไม่มีกากบาท ก็ไปเข้าแถวผ่าน ตม ปกติ
แต่ถ้ามีกากบาทออกมาก็เรียนเชิญอีกแถวที่มีปัญหาค่ะ (แถวมีปัญหาแอบคิวยาว แล้วเดินช้าด้วยค่ะ) ของเรากับน้องไม่มีกากบาทค่ะ ก็ไปเข้าแถวปกติ รอไม่นานอีกไม่เกิน 10 นาที ก็ถึงเจ้าหน้าที่ พี่น้องเข้าไปพร้อมกันเลยค่ะ ถามคำถามอีกนิดหน่อย มากี่วัน เที่ยวไหนบ้าง มากับใคร แค่นั้น ก็ปั้มผ่านโลดดดด
สรุปเวลาที่ใช้ตั้งแต่ลงสนามบินจนผ่าน ตมออกมาประมาณ 30 นาทีค่ะ
เรื่องเลื่อนวันเดินทางไม่ตรงกับตอนไปขอวีซ่า ไม่มีปัญหานะคะ ไม่ถามอะไรสักคำค่ะ ของเราเลื่อนตั้ง 2 ปี
เดี๋ยวมีต่อในความเห็นนะคะ - To be Continue