เกษียณเร็วกว่ากำหนด เอาจริงชักไม่ง่ายอย่างที่คิด

ผมมีเงินเก็บประมาณนึง 4.x ล้านในตอนนี้และไม่มีหนี้สิน ไม่มีภาระเรื่องลูกเพราะไม่มีลูก
     ถ้าใน 1-2 ปีนี้ตัดสินใจขายกิจการเลิกทุกอย่าง จะมีเงินสดรวม 9-10 ล้านบาท  จะฝากลงทุนก็จะได้เงินปันผลกลับมา
     ผมทำงานบริษัทอยู่ด้วย
      เพิ่มเติมให้ แฟนผมอายุใกล้ 50 ปีแล้วครับ  แฟนทำราชการสามารถตัดสินใจลาออกได้เลยเพราะมีบำนาญ 2x,xxx บาท เนื่องจาก เบื่อคนไข้ งานหนัก มีงานทุกวันไม่หยุด และเธอก็อยากลาออกอยู่แล้ว
        คือถ้าหยุดทุกอย่างตอนนี้ ผมมีรายได้พอใช้ไม่เดือดร้อนอะไร ไม่รวยแต่ต้องประหยัด


      ผมอายุ 42   เอาจริง  ๆ  พอจะหยุดทำงานใช้ชีวิตหลังเกษียณเร็วกว่ากำหนด  ดู ๆ ไปชักไม่ง่ายอย่างที่คิด ส่วนใหญ่ก็ปัญหาครอบครัวคนรอบข้าง  คำว่าปัญหาครอบครัวคำนี้ทุกคนคงเข้าใจใช่ไหม  เหตุผล
        1. ถ้าคิดจะเกษียณผมคงไม่ทำอะไรแ้ล้ว  อยากเที่ยวกับแฟนไปเรื่อย ๆ แบบพอเพียงตามโฮมเสตย์ที่ต่างๆ  กางเต๊นท์นอน    แต่... ดูแล้วเอาจริงจะเบื่อ  
        2.ญาติ  ๆ ทั้ง 2 ฝ่าย จะหาว่าเราไม่ทำงาน ไม่ก้าวหน้า มือเท้ายังดีอยู่ แทนที่จะทำงานทำการ จะไม่สนใจก็ไม่ไ่ด้ เพราะนี่ปัญหาครอบครัวเรา 2 คนที่เบื่อญาติ ๆ อย่างมาก
        3.ถ้าหยุดไม่ทำงาน ภาระบางอย่างเช่นการดูแลในการดูแลญาติ ๆ สูงอายุทั้ง 2 ฝ่าย  จะตกแก่เรา 2 คนทั้งหมดเลย   แทนที่จะแบ่งกันเหมือนเคย ตรงนี้จะหนักพอสมควรเลย   อนาคตผมพูดเผื่อไว้ก่อน
        4. ถ้าจะให้ผมไปลงทุนทำอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ  แถวบ้านเกิด ตจว ผมคงไม่ทำอีกแล้ว    ถ้าคิดเกษียณคงหยุดทำงานเพราะเรามีพอแล้ว      แต่จะให้ทำงานจริง ๆ ผมเิลิกแค่กิจการส่วนตัวแต่ยังทำงานบริษัทต่อไปไม่ดีกว่าหรือ    เพราะผมไม่ไ่ด้มีปัญหาอะไรกับการทำงานบริษัทรายได้จากบริษัทก็เดือนละ 6x,xxx บาท ไม่รวมโบนัส ถ้าคิดจะลาออกไปทำอะไรเล็กน้อยสู้ผมทำงานบริษัทต่อไปดีกว่า

            
             ที่บ่นให้ฟังวันนี้ เพราะปัญหาแบบนี้ละ การเกษียณเร็วกว่ากำหนดจริง ๆ ก็ไม่ง่ายเหมือนกัน  ลำบากใจ
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 52
ขอบคุณความเห็นทุกทุกคน ๆ มากนะครับ       ผมไม่ได้ตอบหมดทุกคำตอบ  แต่จะพยายามอ่านซ้ำไปซ้ำมาทุกคำตอบหลายรอบเพื่อนำไปคิดดู    
ซื้อบ้านคิดง่ายกว่านี้เยอะ    เพราะอยู่ 2 คนกับแฟน          แต่พอจะเกษียณมันมีคนอื่นมาเกี่ยวข้องมากมาย    
เพราะอย่างที่ทุกท่านเสนอแนะมา  ตามที่คิดเป๊ะ ผมก็ห่วงกังวลนั่นละ  คือถ้าเกษียณเร็ว     มันไม่ง่ายอย่างที่คิดจริง  ๆ  ด้วย         ตอนวัยรุ่นวาดฝันไว้มีเงินก้อนจะรีบออกจากการทำงาน  ใช้เวลากับตัวเองและคนรักคงมีความสุข          เมื่อตอนนี้กำลังจะเดินทางมาถึงจุดนั้น  กลับไม่ง่ายอย่างที่คิดจริง ๆ
หลายท่านก็อยากให้ผมทำงานต่อ  อย่างน้อยผมก็เสียภาษีให้รัฐบาลในสลิปเงินเดือน 2,xxx-3,xxx บาท   โบนัสออกก็เสียอีก 2x,xxx-3x,xxx บาท   ถ้าหยุดไปอยู่บ้านเที่ยว บ้าง  สุดท้ายคนรอบตัวญาติ ๆ ไม่เว้นแม้แต่คนข้างบ้าน  จะมองอีกว่าเราไม่ทำงานทำการ  หรือโดนเลย์ออฟออกมาไม่หางานใหม่


  เพิ่มเติมอีกนิด  ผมมีบ้านเดี่ยวที่ซื้ออยู่ตอนนี้ ราคา 4.x ล้านปลาย  ๆ  คาดว่าไม่ได้ขายยากเย็นนัก ทำเลดีกว่าหลังแรกที่เคยขายออกไปมากอยู่ถนนเมนหลักของหมู่บ้านและเป็นหลังมุม  และผมไม่ได้เป็นคนขายของแพง  ถ้าขายคงได้เงินมาอีกเกือบ 5 ล้านบาท   ทรัพย์สินผมที่เป็นเงินสดถ้าจะเกษียณจริงจะมีเกิน 10 ล่าน (ถ้าขายบ้าน )   แต่คิดสเตปแรกก่อนจะเกษียณในอีก  2 ปี หรือไม่    แล้วค่อยมาคิดสเตป 2 จะขายบ้านไปอยู่บ้านเกิด (มีบ้านอยู่แล้ว )  หรือจะอยู่ที่นี่ต่อไปจนแก่ดี


ส่วนตัวผมมีแค่นี้ก็คิดว่าไม่จำเป็นต้องดิ้นรนหาเงินต่อ    เราสามารถมีชีวิตอยู่ด้วยเงินเท่านี้ได้  โดยไม่ต้องไปดิ้นรนทำงานอีกแล้ว
ลูกก็ไม่มีทำให้ไม่มีห่วงเรื่องภาระเงินในวันข้างหน้า     ไม่จำเป็นต้องหาทรัพย์สินไว้เยอะ ๆ  มากกว่าที่มีในตอนนี้          จะมีมากกว่านี้อีกหน่อยคืออยู่ทำงานจนเกษียณก็คงมีเพิ่มขึ้นเป็น  15-20 ล้านก็คงใช้ชีวิตไม่ต่างจากเดิม  เพราะมีมากกว่านี้ผมก็ใช้กินอยู่เท่าเดิมไม่มีความจำเป็นต้องดิ้นรนให้ลำบากอีก        ผมไม่ได้มีเป้าหมายจะมีเงิน 50 ล้าน 100 ล้านหรือมากกว่านั้น     เพราะรู้ตัวดีคงไปไม่ถึงระดับนั้น ด้วยความสามารถ พื้นฐาน คอนเนคชั่น อื่น  ๆ  ทั้งที่มันอาจเปลี่ยนชีวิตเราได้อีกมาก   แต่ว่าด้วยความที่ไม่มีลูกต้องวางอนาคต   เหลียวมองญาติ ๆ แล้วพวกเขาก็ไม่ได้มีความสามารถต่อยอดทรัพย์สินเราได้ขนาดนั้น   ไม่อยากจะทำอะไรเกินเลยไป

    
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
ผมกำลังใช้ชีวิตที่คล้ายๆกับการเกษียณจากการทำงานอยู่ แต่ยังไม่เต็มที่เพราะลูกยังเรียนอยู่ อยากบอกเลยว่าการเกษียณหยุดทำงานไม่ง่ายครับ  เพราะเมือคุณเกษียณสิ่งที่คุณจะมีเหลืออยู่มากคือเวลา ขณะที่รายได้เท่าเดิมหรือลดลง แล้วคนเราอยู่เฉยๆนิ่งๆอยู่กับบ้านได้ไม่นานหรอกเพราะจะเบื่อ ยิ่งถ้าคุณมีเงินทุกวันคุณก็จะคิดแต่เรื่องการออกไปเสียเงิน ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางท่องเที่ยว การช็อปปิ้ง ฯลฯ แต่ถ้าคุณเกิดไม่อยากเสียเงินอยู่แต่บ้านได้ สมองคุณก็จะฝ่อตามโลกไม่ทัน นั่งดูทีวีทั้งวัน เล่นเน็ตทั้งวัน

ถ้าคุณหยุดหาเงินคุณก็จะมีแต่เรื่องการใช้เงิน คนที่ผมรู้จักเกษียณแล้วเบื่อการอยู่บ้านถึงขนาดเอาเงินเก็บไปปลูกบ้านตากอากาศอีกหลัง แล้วสลับเวลากันไปพัก แล้วการมีบ้านสองหลังมันมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นสองเท่าไม่นับค่าเดินทาง สุดท้ายเงินเก็บร่อยหรอ แพลนที่วางไว้ว่าหลังเกษียณจะเดินทางท่องเที่ยวเดินสายตีกอลฟ์ ทำได้สักพักก็เลิกเพราะเสียดายเงินเก็บ ตอนนี้ก็ก็ได้แต่อยู่บ้านนอนหรือเลี้ยงหลานไปวันๆ รอวันหมอนัด

เทียบกันอีกคน เลิกทำงานแต่ไม่ได้ยอมเกษียณ ยังบริหารเงินให้มันงอกเงยอยู่ตลอดเวลา เดินทางไปนั่นมานี่ มีบ้านหลายหลังแต่เอาไว้เก็บค่าเช่า ซื้อที่ปลูกบ้านหมุนเงินไปเรื่อยๆ ไม่มีหนี้ ดูแลลูกหลาน วันหยุดก็ให้ลูกหลานพาเที่ยวบ้าง เดินสายทำบุญบ้าง จะหยุดทำงานเมื่อไหร่ก็ได้แต่เลือกที่จะไม่หยุด

ที่ผมกำลังบอกคือหยุดทำงานได้แต่อย่าเพิ่งหยุดหาเงินครับ พยายามสร้างงานที่เราอยากทำและสร้างรายได้ให้เราด้วย ไม่จำเป็นต้องเป็น 8-12 ชม./วัน ชีวิตจะมีคุณค่ากว่าหยุดทำงานแล้วใช้เงินอย่างเดียว

อย่างผมตอนนี้ ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปทำงาน ไม่เสียค่าเดินทาง ยังต้องหาเรื่องออกไปข้างนอกใกล้ๆทุกวัน พยายามทำงานที่สร้างรายได้ 2-3 ชม.ทุกวัน ไม่งั้นจะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่า นึกๆอยู่ว่าถ้าผมต้องเกษียณทำงานผมก็คงต้องทำอยู่แบบนี้แหละ นานๆมีจังหวะก็ออกเดินทางท่องเที่ยวไกลๆทีนึง
ความคิดเห็นที่ 28
เราว่างี้นะ ตรง ๆ อย่าโกรธล่ะ ปัญหามันอยู่ที่คุณเป็นคนคิดมาก
การคิดมากเป็นเรื่องดี ถ้าคิดว่าจะวางแผนยังไงเวลาเกษียณ
(คือบางคนก็คิดน้อยเกิน เก็บเงินได้หน่อยก็ลาออกมาแล้ว)
แต่สถานการณ์ตอนนี้คือ คุณไปเอาปัญหาคนอื่น แถมเป็นปัญหาในอนาคต
มาเป็นปัญหาของตัวเองหมดเลย

เราเกษียณก่อนเวลาพร้อมสามีตอนอายุ 45 (สามี 50) สรุปใช้เวลาตัวติดกัน 24 ชม. มาสามปีแล้ว
มีความสุขทุกวัน  (วางแผนเกษียณก่อนล่วงหน้า 15 ปี) ไม่เคยมีซักวันที่คิดถึงชีวิตการทำงาน
เราไม่ไปอยู่ตจว.ทำไร่ทำสวนเพราะไม่มีฝีมือด้านนี้ และมันคือภาระ เป้าหมายการเกษียณคืออยากใช้ชีวิต
ก่อนที่จะรอให้แก่จนทำอะไรสนุก ๆ ไม่ได้ แบบที่เราเห็นตัวอย่างมาเยอะ เราอยากท่องเที่ยวแบบชิล ๆ
ขืนปลูกโน่นนี่นั่นคงชิลไม่ได้

เรื่องญาติโกโหติกา ใครจะคิดยังไงไม่เคยคิดซักนิด แล้วญาติเราเนี่ยนะมีเป็นกระตั๊ก
(หมายถึงเยอะมาก อิ ๆ) แต่ไม่มีใครล้ำเส้นอะไรเราได้ พึ่งพากันได้นะ แต่ต้องมีลิมิต
เพราะเราไม่ทำตัวว่างสแตนบายให้คนเรียกใช้ได้ตลอดเวลา และไม่ใช่คอลเซ็นเตอร์
ที่คอยรับโทรศัพท์เช้าหรือดึกแค่ไหนก็ได้ เรามีวิธีสอนคนรอบข้างให้เค้ารู้ ว่าก่อนจะ
มาหาเราที่บ้านต้องนัดล่วงหน้า เรากำหนดได้หมดแหละค่ะ
จริง ๆ ญาติ ๆ เราก็ดีด้วยแหละ ต่อให้ไม่ดี ขี้นินทา คิดเหรอว่าเราจะแคร์

คนที่เกษียณแล้วเบื่อ เพราะเค้าไม่มีความสนใจหาความสุขกับสิ่งรอบตัวหรือกับตัวเอง
เพราะที่ผ่านมา กิจกรรมของเค้าขึ้นอยู่กับคนอื่น เช่นงานในหน้าที่ หรือทำอะไรก็ต้องรอคนทำเป็นเพื่อน
แต่เราได้สองแบบ คือสนุกเวลาทำกิจกรรมกับคนอื่น และสุขที่มีเวลาอยู่กับตัวเองเงียบ ๆ
เราไม่ทำงานแต่เราไม่หยุดเรียน ทุกวันนี้เราก็ศึกษาหาความรู้ไปเรื่อย ๆ ฝึกสมอง
สรุปคือ คุณไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นมากำหนดชีวิตคุณ แต่คุณต้องเป็นคนกำหนดกติกา
มารยาทกับคนอื่น คุณต้องคุมเกมให้อยู่ และต่อให้พวกเค้าไม่ชิน ก็ต้องมีวิธีสอนให้เค้ารู้
ความคิดเห็นที่ 10
เราลองทำแล้ว ไม่สนุกอย่างที่คิด แต่อาจจะมีปัจจัยที่แตกต่างกันด้วย
มาแชร์ประสบการณ์ให้ลองอ่านดูนะ
พอดีที่ทำงานปิดตัวลงตอนอายุ 43 มีเงินเก็บรวมทั้งมรดกอยู่พอควร เลยผันไปทำงานอิสระ ซึ่งปีนึงมีงานไม่วัน
แล้วเราทำอาชีพนี้ต่อไปได้เรื่อย ๆ ค่าใช้จ่ายมีแค่ส่งเสียแม่ และเก็บออมไปเรื่อยๆ
เรามีลูก เวลาว่างระหว่างวัน ที่ลูกไปเรียน เราก็ไปฟิตเนส มีก๊วนแม่บ้าน ซึ่งเค้าเป็นแม่บ้านมาตลอด ไม่เหมือนกับเรา
เช้ามาลูกออกไปเรียน เราไปฟิตเนส ต่อด้วยการกินข้าว ช๊อปปิ้ง เม้าส์มอยตามประสา แรก ๆ สนุกดี เจ้านายชวนกลับไปทำงานก็ไม่ไป
วันหยุดยาวหรือปิดเทอม ก็หาทริป ท่องเที่ยว
สุดท้าย เบื่อค่ะ เบื่อมาก เพราะมันไม่ใช่เราเลย แถมเพื่อนสนิท ยังทำงานอยู่ทุกคน ไปหาใครก็ไม่มีใครว่างอย่างเรา

ให้หลังจากหยุดงานได้เกือบ 4 ปี มีคนชวนไปทำงาน ได้เงินเดือนดี แต่ยังน้อยกว่าราคาตลาด
งานสบาย เป็นเบอร์ 2 รองจาก MD ก็เลยตัดสินใจกลับมาทำงาน
เรากลับมาทำ ด้วยใจเกินร้อย รู้สึกสนุก ไม่เบื่องาน ทุกวันมาทำงานแบบมีพลัง สนุกกับการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ

ทั้งนี้ทั้งนั้น เราทำงานแบบไม่กดดันแล้ว พยายามถ่ายทอดความรู้ในน้อง ๆ ให้เยอะที่สุด ขอยืดระยะเวลาทำงานต่อไปอีกหน่อย

สำหรับเราเอง เราเลือกหยุดทำงานตอนอายุน้อยเกินไป เมื่อเลือกงานได้ ได้ทำงานที่กดดันน้อยลง น่าเบื่อน้อยลง เรากลับมามีความสุขกับการทำงานอีก

ลองทบทวนตัวเองนะคะ ตัดอะไรได้ ลดอะไรได้ อาจจะทำให้ความเบื่อในชีวิตน้อยลงบ้าง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่