คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 52
ขอบคุณความเห็นทุกทุกคน ๆ มากนะครับ ผมไม่ได้ตอบหมดทุกคำตอบ แต่จะพยายามอ่านซ้ำไปซ้ำมาทุกคำตอบหลายรอบเพื่อนำไปคิดดู
ซื้อบ้านคิดง่ายกว่านี้เยอะ เพราะอยู่ 2 คนกับแฟน แต่พอจะเกษียณมันมีคนอื่นมาเกี่ยวข้องมากมาย
เพราะอย่างที่ทุกท่านเสนอแนะมา ตามที่คิดเป๊ะ ผมก็ห่วงกังวลนั่นละ คือถ้าเกษียณเร็ว มันไม่ง่ายอย่างที่คิดจริง ๆ ด้วย ตอนวัยรุ่นวาดฝันไว้มีเงินก้อนจะรีบออกจากการทำงาน ใช้เวลากับตัวเองและคนรักคงมีความสุข เมื่อตอนนี้กำลังจะเดินทางมาถึงจุดนั้น กลับไม่ง่ายอย่างที่คิดจริง ๆ
หลายท่านก็อยากให้ผมทำงานต่อ อย่างน้อยผมก็เสียภาษีให้รัฐบาลในสลิปเงินเดือน 2,xxx-3,xxx บาท โบนัสออกก็เสียอีก 2x,xxx-3x,xxx บาท ถ้าหยุดไปอยู่บ้านเที่ยว บ้าง สุดท้ายคนรอบตัวญาติ ๆ ไม่เว้นแม้แต่คนข้างบ้าน จะมองอีกว่าเราไม่ทำงานทำการ หรือโดนเลย์ออฟออกมาไม่หางานใหม่
เพิ่มเติมอีกนิด ผมมีบ้านเดี่ยวที่ซื้ออยู่ตอนนี้ ราคา 4.x ล้านปลาย ๆ คาดว่าไม่ได้ขายยากเย็นนัก ทำเลดีกว่าหลังแรกที่เคยขายออกไปมากอยู่ถนนเมนหลักของหมู่บ้านและเป็นหลังมุม และผมไม่ได้เป็นคนขายของแพง ถ้าขายคงได้เงินมาอีกเกือบ 5 ล้านบาท ทรัพย์สินผมที่เป็นเงินสดถ้าจะเกษียณจริงจะมีเกิน 10 ล่าน (ถ้าขายบ้าน ) แต่คิดสเตปแรกก่อนจะเกษียณในอีก 2 ปี หรือไม่ แล้วค่อยมาคิดสเตป 2 จะขายบ้านไปอยู่บ้านเกิด (มีบ้านอยู่แล้ว ) หรือจะอยู่ที่นี่ต่อไปจนแก่ดี
ส่วนตัวผมมีแค่นี้ก็คิดว่าไม่จำเป็นต้องดิ้นรนหาเงินต่อ เราสามารถมีชีวิตอยู่ด้วยเงินเท่านี้ได้ โดยไม่ต้องไปดิ้นรนทำงานอีกแล้ว
ลูกก็ไม่มีทำให้ไม่มีห่วงเรื่องภาระเงินในวันข้างหน้า ไม่จำเป็นต้องหาทรัพย์สินไว้เยอะ ๆ มากกว่าที่มีในตอนนี้ จะมีมากกว่านี้อีกหน่อยคืออยู่ทำงานจนเกษียณก็คงมีเพิ่มขึ้นเป็น 15-20 ล้านก็คงใช้ชีวิตไม่ต่างจากเดิม เพราะมีมากกว่านี้ผมก็ใช้กินอยู่เท่าเดิมไม่มีความจำเป็นต้องดิ้นรนให้ลำบากอีก ผมไม่ได้มีเป้าหมายจะมีเงิน 50 ล้าน 100 ล้านหรือมากกว่านั้น เพราะรู้ตัวดีคงไปไม่ถึงระดับนั้น ด้วยความสามารถ พื้นฐาน คอนเนคชั่น อื่น ๆ ทั้งที่มันอาจเปลี่ยนชีวิตเราได้อีกมาก แต่ว่าด้วยความที่ไม่มีลูกต้องวางอนาคต เหลียวมองญาติ ๆ แล้วพวกเขาก็ไม่ได้มีความสามารถต่อยอดทรัพย์สินเราได้ขนาดนั้น ไม่อยากจะทำอะไรเกินเลยไป
ซื้อบ้านคิดง่ายกว่านี้เยอะ เพราะอยู่ 2 คนกับแฟน แต่พอจะเกษียณมันมีคนอื่นมาเกี่ยวข้องมากมาย
เพราะอย่างที่ทุกท่านเสนอแนะมา ตามที่คิดเป๊ะ ผมก็ห่วงกังวลนั่นละ คือถ้าเกษียณเร็ว มันไม่ง่ายอย่างที่คิดจริง ๆ ด้วย ตอนวัยรุ่นวาดฝันไว้มีเงินก้อนจะรีบออกจากการทำงาน ใช้เวลากับตัวเองและคนรักคงมีความสุข เมื่อตอนนี้กำลังจะเดินทางมาถึงจุดนั้น กลับไม่ง่ายอย่างที่คิดจริง ๆ
หลายท่านก็อยากให้ผมทำงานต่อ อย่างน้อยผมก็เสียภาษีให้รัฐบาลในสลิปเงินเดือน 2,xxx-3,xxx บาท โบนัสออกก็เสียอีก 2x,xxx-3x,xxx บาท ถ้าหยุดไปอยู่บ้านเที่ยว บ้าง สุดท้ายคนรอบตัวญาติ ๆ ไม่เว้นแม้แต่คนข้างบ้าน จะมองอีกว่าเราไม่ทำงานทำการ หรือโดนเลย์ออฟออกมาไม่หางานใหม่
เพิ่มเติมอีกนิด ผมมีบ้านเดี่ยวที่ซื้ออยู่ตอนนี้ ราคา 4.x ล้านปลาย ๆ คาดว่าไม่ได้ขายยากเย็นนัก ทำเลดีกว่าหลังแรกที่เคยขายออกไปมากอยู่ถนนเมนหลักของหมู่บ้านและเป็นหลังมุม และผมไม่ได้เป็นคนขายของแพง ถ้าขายคงได้เงินมาอีกเกือบ 5 ล้านบาท ทรัพย์สินผมที่เป็นเงินสดถ้าจะเกษียณจริงจะมีเกิน 10 ล่าน (ถ้าขายบ้าน ) แต่คิดสเตปแรกก่อนจะเกษียณในอีก 2 ปี หรือไม่ แล้วค่อยมาคิดสเตป 2 จะขายบ้านไปอยู่บ้านเกิด (มีบ้านอยู่แล้ว ) หรือจะอยู่ที่นี่ต่อไปจนแก่ดี
ส่วนตัวผมมีแค่นี้ก็คิดว่าไม่จำเป็นต้องดิ้นรนหาเงินต่อ เราสามารถมีชีวิตอยู่ด้วยเงินเท่านี้ได้ โดยไม่ต้องไปดิ้นรนทำงานอีกแล้ว
ลูกก็ไม่มีทำให้ไม่มีห่วงเรื่องภาระเงินในวันข้างหน้า ไม่จำเป็นต้องหาทรัพย์สินไว้เยอะ ๆ มากกว่าที่มีในตอนนี้ จะมีมากกว่านี้อีกหน่อยคืออยู่ทำงานจนเกษียณก็คงมีเพิ่มขึ้นเป็น 15-20 ล้านก็คงใช้ชีวิตไม่ต่างจากเดิม เพราะมีมากกว่านี้ผมก็ใช้กินอยู่เท่าเดิมไม่มีความจำเป็นต้องดิ้นรนให้ลำบากอีก ผมไม่ได้มีเป้าหมายจะมีเงิน 50 ล้าน 100 ล้านหรือมากกว่านั้น เพราะรู้ตัวดีคงไปไม่ถึงระดับนั้น ด้วยความสามารถ พื้นฐาน คอนเนคชั่น อื่น ๆ ทั้งที่มันอาจเปลี่ยนชีวิตเราได้อีกมาก แต่ว่าด้วยความที่ไม่มีลูกต้องวางอนาคต เหลียวมองญาติ ๆ แล้วพวกเขาก็ไม่ได้มีความสามารถต่อยอดทรัพย์สินเราได้ขนาดนั้น ไม่อยากจะทำอะไรเกินเลยไป
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
ผมกำลังใช้ชีวิตที่คล้ายๆกับการเกษียณจากการทำงานอยู่ แต่ยังไม่เต็มที่เพราะลูกยังเรียนอยู่ อยากบอกเลยว่าการเกษียณหยุดทำงานไม่ง่ายครับ เพราะเมือคุณเกษียณสิ่งที่คุณจะมีเหลืออยู่มากคือเวลา ขณะที่รายได้เท่าเดิมหรือลดลง แล้วคนเราอยู่เฉยๆนิ่งๆอยู่กับบ้านได้ไม่นานหรอกเพราะจะเบื่อ ยิ่งถ้าคุณมีเงินทุกวันคุณก็จะคิดแต่เรื่องการออกไปเสียเงิน ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางท่องเที่ยว การช็อปปิ้ง ฯลฯ แต่ถ้าคุณเกิดไม่อยากเสียเงินอยู่แต่บ้านได้ สมองคุณก็จะฝ่อตามโลกไม่ทัน นั่งดูทีวีทั้งวัน เล่นเน็ตทั้งวัน
ถ้าคุณหยุดหาเงินคุณก็จะมีแต่เรื่องการใช้เงิน คนที่ผมรู้จักเกษียณแล้วเบื่อการอยู่บ้านถึงขนาดเอาเงินเก็บไปปลูกบ้านตากอากาศอีกหลัง แล้วสลับเวลากันไปพัก แล้วการมีบ้านสองหลังมันมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นสองเท่าไม่นับค่าเดินทาง สุดท้ายเงินเก็บร่อยหรอ แพลนที่วางไว้ว่าหลังเกษียณจะเดินทางท่องเที่ยวเดินสายตีกอลฟ์ ทำได้สักพักก็เลิกเพราะเสียดายเงินเก็บ ตอนนี้ก็ก็ได้แต่อยู่บ้านนอนหรือเลี้ยงหลานไปวันๆ รอวันหมอนัด
เทียบกันอีกคน เลิกทำงานแต่ไม่ได้ยอมเกษียณ ยังบริหารเงินให้มันงอกเงยอยู่ตลอดเวลา เดินทางไปนั่นมานี่ มีบ้านหลายหลังแต่เอาไว้เก็บค่าเช่า ซื้อที่ปลูกบ้านหมุนเงินไปเรื่อยๆ ไม่มีหนี้ ดูแลลูกหลาน วันหยุดก็ให้ลูกหลานพาเที่ยวบ้าง เดินสายทำบุญบ้าง จะหยุดทำงานเมื่อไหร่ก็ได้แต่เลือกที่จะไม่หยุด
ที่ผมกำลังบอกคือหยุดทำงานได้แต่อย่าเพิ่งหยุดหาเงินครับ พยายามสร้างงานที่เราอยากทำและสร้างรายได้ให้เราด้วย ไม่จำเป็นต้องเป็น 8-12 ชม./วัน ชีวิตจะมีคุณค่ากว่าหยุดทำงานแล้วใช้เงินอย่างเดียว
อย่างผมตอนนี้ ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปทำงาน ไม่เสียค่าเดินทาง ยังต้องหาเรื่องออกไปข้างนอกใกล้ๆทุกวัน พยายามทำงานที่สร้างรายได้ 2-3 ชม.ทุกวัน ไม่งั้นจะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่า นึกๆอยู่ว่าถ้าผมต้องเกษียณทำงานผมก็คงต้องทำอยู่แบบนี้แหละ นานๆมีจังหวะก็ออกเดินทางท่องเที่ยวไกลๆทีนึง
ถ้าคุณหยุดหาเงินคุณก็จะมีแต่เรื่องการใช้เงิน คนที่ผมรู้จักเกษียณแล้วเบื่อการอยู่บ้านถึงขนาดเอาเงินเก็บไปปลูกบ้านตากอากาศอีกหลัง แล้วสลับเวลากันไปพัก แล้วการมีบ้านสองหลังมันมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นสองเท่าไม่นับค่าเดินทาง สุดท้ายเงินเก็บร่อยหรอ แพลนที่วางไว้ว่าหลังเกษียณจะเดินทางท่องเที่ยวเดินสายตีกอลฟ์ ทำได้สักพักก็เลิกเพราะเสียดายเงินเก็บ ตอนนี้ก็ก็ได้แต่อยู่บ้านนอนหรือเลี้ยงหลานไปวันๆ รอวันหมอนัด
เทียบกันอีกคน เลิกทำงานแต่ไม่ได้ยอมเกษียณ ยังบริหารเงินให้มันงอกเงยอยู่ตลอดเวลา เดินทางไปนั่นมานี่ มีบ้านหลายหลังแต่เอาไว้เก็บค่าเช่า ซื้อที่ปลูกบ้านหมุนเงินไปเรื่อยๆ ไม่มีหนี้ ดูแลลูกหลาน วันหยุดก็ให้ลูกหลานพาเที่ยวบ้าง เดินสายทำบุญบ้าง จะหยุดทำงานเมื่อไหร่ก็ได้แต่เลือกที่จะไม่หยุด
ที่ผมกำลังบอกคือหยุดทำงานได้แต่อย่าเพิ่งหยุดหาเงินครับ พยายามสร้างงานที่เราอยากทำและสร้างรายได้ให้เราด้วย ไม่จำเป็นต้องเป็น 8-12 ชม./วัน ชีวิตจะมีคุณค่ากว่าหยุดทำงานแล้วใช้เงินอย่างเดียว
อย่างผมตอนนี้ ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปทำงาน ไม่เสียค่าเดินทาง ยังต้องหาเรื่องออกไปข้างนอกใกล้ๆทุกวัน พยายามทำงานที่สร้างรายได้ 2-3 ชม.ทุกวัน ไม่งั้นจะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่า นึกๆอยู่ว่าถ้าผมต้องเกษียณทำงานผมก็คงต้องทำอยู่แบบนี้แหละ นานๆมีจังหวะก็ออกเดินทางท่องเที่ยวไกลๆทีนึง
ความคิดเห็นที่ 28
เราว่างี้นะ ตรง ๆ อย่าโกรธล่ะ ปัญหามันอยู่ที่คุณเป็นคนคิดมาก
การคิดมากเป็นเรื่องดี ถ้าคิดว่าจะวางแผนยังไงเวลาเกษียณ
(คือบางคนก็คิดน้อยเกิน เก็บเงินได้หน่อยก็ลาออกมาแล้ว)
แต่สถานการณ์ตอนนี้คือ คุณไปเอาปัญหาคนอื่น แถมเป็นปัญหาในอนาคต
มาเป็นปัญหาของตัวเองหมดเลย
เราเกษียณก่อนเวลาพร้อมสามีตอนอายุ 45 (สามี 50) สรุปใช้เวลาตัวติดกัน 24 ชม. มาสามปีแล้ว
มีความสุขทุกวัน (วางแผนเกษียณก่อนล่วงหน้า 15 ปี) ไม่เคยมีซักวันที่คิดถึงชีวิตการทำงาน
เราไม่ไปอยู่ตจว.ทำไร่ทำสวนเพราะไม่มีฝีมือด้านนี้ และมันคือภาระ เป้าหมายการเกษียณคืออยากใช้ชีวิต
ก่อนที่จะรอให้แก่จนทำอะไรสนุก ๆ ไม่ได้ แบบที่เราเห็นตัวอย่างมาเยอะ เราอยากท่องเที่ยวแบบชิล ๆ
ขืนปลูกโน่นนี่นั่นคงชิลไม่ได้
เรื่องญาติโกโหติกา ใครจะคิดยังไงไม่เคยคิดซักนิด แล้วญาติเราเนี่ยนะมีเป็นกระตั๊ก
(หมายถึงเยอะมาก อิ ๆ) แต่ไม่มีใครล้ำเส้นอะไรเราได้ พึ่งพากันได้นะ แต่ต้องมีลิมิต
เพราะเราไม่ทำตัวว่างสแตนบายให้คนเรียกใช้ได้ตลอดเวลา และไม่ใช่คอลเซ็นเตอร์
ที่คอยรับโทรศัพท์เช้าหรือดึกแค่ไหนก็ได้ เรามีวิธีสอนคนรอบข้างให้เค้ารู้ ว่าก่อนจะ
มาหาเราที่บ้านต้องนัดล่วงหน้า เรากำหนดได้หมดแหละค่ะ
จริง ๆ ญาติ ๆ เราก็ดีด้วยแหละ ต่อให้ไม่ดี ขี้นินทา คิดเหรอว่าเราจะแคร์
คนที่เกษียณแล้วเบื่อ เพราะเค้าไม่มีความสนใจหาความสุขกับสิ่งรอบตัวหรือกับตัวเอง
เพราะที่ผ่านมา กิจกรรมของเค้าขึ้นอยู่กับคนอื่น เช่นงานในหน้าที่ หรือทำอะไรก็ต้องรอคนทำเป็นเพื่อน
แต่เราได้สองแบบ คือสนุกเวลาทำกิจกรรมกับคนอื่น และสุขที่มีเวลาอยู่กับตัวเองเงียบ ๆ
เราไม่ทำงานแต่เราไม่หยุดเรียน ทุกวันนี้เราก็ศึกษาหาความรู้ไปเรื่อย ๆ ฝึกสมอง
สรุปคือ คุณไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นมากำหนดชีวิตคุณ แต่คุณต้องเป็นคนกำหนดกติกา
มารยาทกับคนอื่น คุณต้องคุมเกมให้อยู่ และต่อให้พวกเค้าไม่ชิน ก็ต้องมีวิธีสอนให้เค้ารู้
การคิดมากเป็นเรื่องดี ถ้าคิดว่าจะวางแผนยังไงเวลาเกษียณ
(คือบางคนก็คิดน้อยเกิน เก็บเงินได้หน่อยก็ลาออกมาแล้ว)
แต่สถานการณ์ตอนนี้คือ คุณไปเอาปัญหาคนอื่น แถมเป็นปัญหาในอนาคต
มาเป็นปัญหาของตัวเองหมดเลย
เราเกษียณก่อนเวลาพร้อมสามีตอนอายุ 45 (สามี 50) สรุปใช้เวลาตัวติดกัน 24 ชม. มาสามปีแล้ว
มีความสุขทุกวัน (วางแผนเกษียณก่อนล่วงหน้า 15 ปี) ไม่เคยมีซักวันที่คิดถึงชีวิตการทำงาน
เราไม่ไปอยู่ตจว.ทำไร่ทำสวนเพราะไม่มีฝีมือด้านนี้ และมันคือภาระ เป้าหมายการเกษียณคืออยากใช้ชีวิต
ก่อนที่จะรอให้แก่จนทำอะไรสนุก ๆ ไม่ได้ แบบที่เราเห็นตัวอย่างมาเยอะ เราอยากท่องเที่ยวแบบชิล ๆ
ขืนปลูกโน่นนี่นั่นคงชิลไม่ได้
เรื่องญาติโกโหติกา ใครจะคิดยังไงไม่เคยคิดซักนิด แล้วญาติเราเนี่ยนะมีเป็นกระตั๊ก
(หมายถึงเยอะมาก อิ ๆ) แต่ไม่มีใครล้ำเส้นอะไรเราได้ พึ่งพากันได้นะ แต่ต้องมีลิมิต
เพราะเราไม่ทำตัวว่างสแตนบายให้คนเรียกใช้ได้ตลอดเวลา และไม่ใช่คอลเซ็นเตอร์
ที่คอยรับโทรศัพท์เช้าหรือดึกแค่ไหนก็ได้ เรามีวิธีสอนคนรอบข้างให้เค้ารู้ ว่าก่อนจะ
มาหาเราที่บ้านต้องนัดล่วงหน้า เรากำหนดได้หมดแหละค่ะ
จริง ๆ ญาติ ๆ เราก็ดีด้วยแหละ ต่อให้ไม่ดี ขี้นินทา คิดเหรอว่าเราจะแคร์
คนที่เกษียณแล้วเบื่อ เพราะเค้าไม่มีความสนใจหาความสุขกับสิ่งรอบตัวหรือกับตัวเอง
เพราะที่ผ่านมา กิจกรรมของเค้าขึ้นอยู่กับคนอื่น เช่นงานในหน้าที่ หรือทำอะไรก็ต้องรอคนทำเป็นเพื่อน
แต่เราได้สองแบบ คือสนุกเวลาทำกิจกรรมกับคนอื่น และสุขที่มีเวลาอยู่กับตัวเองเงียบ ๆ
เราไม่ทำงานแต่เราไม่หยุดเรียน ทุกวันนี้เราก็ศึกษาหาความรู้ไปเรื่อย ๆ ฝึกสมอง
สรุปคือ คุณไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นมากำหนดชีวิตคุณ แต่คุณต้องเป็นคนกำหนดกติกา
มารยาทกับคนอื่น คุณต้องคุมเกมให้อยู่ และต่อให้พวกเค้าไม่ชิน ก็ต้องมีวิธีสอนให้เค้ารู้
ความคิดเห็นที่ 10
เราลองทำแล้ว ไม่สนุกอย่างที่คิด แต่อาจจะมีปัจจัยที่แตกต่างกันด้วย
มาแชร์ประสบการณ์ให้ลองอ่านดูนะ
พอดีที่ทำงานปิดตัวลงตอนอายุ 43 มีเงินเก็บรวมทั้งมรดกอยู่พอควร เลยผันไปทำงานอิสระ ซึ่งปีนึงมีงานไม่วัน
แล้วเราทำอาชีพนี้ต่อไปได้เรื่อย ๆ ค่าใช้จ่ายมีแค่ส่งเสียแม่ และเก็บออมไปเรื่อยๆ
เรามีลูก เวลาว่างระหว่างวัน ที่ลูกไปเรียน เราก็ไปฟิตเนส มีก๊วนแม่บ้าน ซึ่งเค้าเป็นแม่บ้านมาตลอด ไม่เหมือนกับเรา
เช้ามาลูกออกไปเรียน เราไปฟิตเนส ต่อด้วยการกินข้าว ช๊อปปิ้ง เม้าส์มอยตามประสา แรก ๆ สนุกดี เจ้านายชวนกลับไปทำงานก็ไม่ไป
วันหยุดยาวหรือปิดเทอม ก็หาทริป ท่องเที่ยว
สุดท้าย เบื่อค่ะ เบื่อมาก เพราะมันไม่ใช่เราเลย แถมเพื่อนสนิท ยังทำงานอยู่ทุกคน ไปหาใครก็ไม่มีใครว่างอย่างเรา
ให้หลังจากหยุดงานได้เกือบ 4 ปี มีคนชวนไปทำงาน ได้เงินเดือนดี แต่ยังน้อยกว่าราคาตลาด
งานสบาย เป็นเบอร์ 2 รองจาก MD ก็เลยตัดสินใจกลับมาทำงาน
เรากลับมาทำ ด้วยใจเกินร้อย รู้สึกสนุก ไม่เบื่องาน ทุกวันมาทำงานแบบมีพลัง สนุกกับการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ
ทั้งนี้ทั้งนั้น เราทำงานแบบไม่กดดันแล้ว พยายามถ่ายทอดความรู้ในน้อง ๆ ให้เยอะที่สุด ขอยืดระยะเวลาทำงานต่อไปอีกหน่อย
สำหรับเราเอง เราเลือกหยุดทำงานตอนอายุน้อยเกินไป เมื่อเลือกงานได้ ได้ทำงานที่กดดันน้อยลง น่าเบื่อน้อยลง เรากลับมามีความสุขกับการทำงานอีก
ลองทบทวนตัวเองนะคะ ตัดอะไรได้ ลดอะไรได้ อาจจะทำให้ความเบื่อในชีวิตน้อยลงบ้าง
มาแชร์ประสบการณ์ให้ลองอ่านดูนะ
พอดีที่ทำงานปิดตัวลงตอนอายุ 43 มีเงินเก็บรวมทั้งมรดกอยู่พอควร เลยผันไปทำงานอิสระ ซึ่งปีนึงมีงานไม่วัน
แล้วเราทำอาชีพนี้ต่อไปได้เรื่อย ๆ ค่าใช้จ่ายมีแค่ส่งเสียแม่ และเก็บออมไปเรื่อยๆ
เรามีลูก เวลาว่างระหว่างวัน ที่ลูกไปเรียน เราก็ไปฟิตเนส มีก๊วนแม่บ้าน ซึ่งเค้าเป็นแม่บ้านมาตลอด ไม่เหมือนกับเรา
เช้ามาลูกออกไปเรียน เราไปฟิตเนส ต่อด้วยการกินข้าว ช๊อปปิ้ง เม้าส์มอยตามประสา แรก ๆ สนุกดี เจ้านายชวนกลับไปทำงานก็ไม่ไป
วันหยุดยาวหรือปิดเทอม ก็หาทริป ท่องเที่ยว
สุดท้าย เบื่อค่ะ เบื่อมาก เพราะมันไม่ใช่เราเลย แถมเพื่อนสนิท ยังทำงานอยู่ทุกคน ไปหาใครก็ไม่มีใครว่างอย่างเรา
ให้หลังจากหยุดงานได้เกือบ 4 ปี มีคนชวนไปทำงาน ได้เงินเดือนดี แต่ยังน้อยกว่าราคาตลาด
งานสบาย เป็นเบอร์ 2 รองจาก MD ก็เลยตัดสินใจกลับมาทำงาน
เรากลับมาทำ ด้วยใจเกินร้อย รู้สึกสนุก ไม่เบื่องาน ทุกวันมาทำงานแบบมีพลัง สนุกกับการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ
ทั้งนี้ทั้งนั้น เราทำงานแบบไม่กดดันแล้ว พยายามถ่ายทอดความรู้ในน้อง ๆ ให้เยอะที่สุด ขอยืดระยะเวลาทำงานต่อไปอีกหน่อย
สำหรับเราเอง เราเลือกหยุดทำงานตอนอายุน้อยเกินไป เมื่อเลือกงานได้ ได้ทำงานที่กดดันน้อยลง น่าเบื่อน้อยลง เรากลับมามีความสุขกับการทำงานอีก
ลองทบทวนตัวเองนะคะ ตัดอะไรได้ ลดอะไรได้ อาจจะทำให้ความเบื่อในชีวิตน้อยลงบ้าง
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
ชีวิตหลังเกษียณ
มนุษย์เงินเดือน
เจ้าของธุรกิจ
อาชีพหลังเกษียณ
ปัญหาครอบครัว
เกษียณเร็วกว่ากำหนด เอาจริงชักไม่ง่ายอย่างที่คิด
ถ้าใน 1-2 ปีนี้ตัดสินใจขายกิจการเลิกทุกอย่าง จะมีเงินสดรวม 9-10 ล้านบาท จะฝากลงทุนก็จะได้เงินปันผลกลับมา
ผมทำงานบริษัทอยู่ด้วย
เพิ่มเติมให้ แฟนผมอายุใกล้ 50 ปีแล้วครับ แฟนทำราชการสามารถตัดสินใจลาออกได้เลยเพราะมีบำนาญ 2x,xxx บาท เนื่องจาก เบื่อคนไข้ งานหนัก มีงานทุกวันไม่หยุด และเธอก็อยากลาออกอยู่แล้ว
คือถ้าหยุดทุกอย่างตอนนี้ ผมมีรายได้พอใช้ไม่เดือดร้อนอะไร ไม่รวยแต่ต้องประหยัด
ผมอายุ 42 เอาจริง ๆ พอจะหยุดทำงานใช้ชีวิตหลังเกษียณเร็วกว่ากำหนด ดู ๆ ไปชักไม่ง่ายอย่างที่คิด ส่วนใหญ่ก็ปัญหาครอบครัวคนรอบข้าง คำว่าปัญหาครอบครัวคำนี้ทุกคนคงเข้าใจใช่ไหม เหตุผล
1. ถ้าคิดจะเกษียณผมคงไม่ทำอะไรแ้ล้ว อยากเที่ยวกับแฟนไปเรื่อย ๆ แบบพอเพียงตามโฮมเสตย์ที่ต่างๆ กางเต๊นท์นอน แต่... ดูแล้วเอาจริงจะเบื่อ
2.ญาติ ๆ ทั้ง 2 ฝ่าย จะหาว่าเราไม่ทำงาน ไม่ก้าวหน้า มือเท้ายังดีอยู่ แทนที่จะทำงานทำการ จะไม่สนใจก็ไม่ไ่ด้ เพราะนี่ปัญหาครอบครัวเรา 2 คนที่เบื่อญาติ ๆ อย่างมาก
3.ถ้าหยุดไม่ทำงาน ภาระบางอย่างเช่นการดูแลในการดูแลญาติ ๆ สูงอายุทั้ง 2 ฝ่าย จะตกแก่เรา 2 คนทั้งหมดเลย แทนที่จะแบ่งกันเหมือนเคย ตรงนี้จะหนักพอสมควรเลย อนาคตผมพูดเผื่อไว้ก่อน
4. ถ้าจะให้ผมไปลงทุนทำอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ แถวบ้านเกิด ตจว ผมคงไม่ทำอีกแล้ว ถ้าคิดเกษียณคงหยุดทำงานเพราะเรามีพอแล้ว แต่จะให้ทำงานจริง ๆ ผมเิลิกแค่กิจการส่วนตัวแต่ยังทำงานบริษัทต่อไปไม่ดีกว่าหรือ เพราะผมไม่ไ่ด้มีปัญหาอะไรกับการทำงานบริษัทรายได้จากบริษัทก็เดือนละ 6x,xxx บาท ไม่รวมโบนัส ถ้าคิดจะลาออกไปทำอะไรเล็กน้อยสู้ผมทำงานบริษัทต่อไปดีกว่า
ที่บ่นให้ฟังวันนี้ เพราะปัญหาแบบนี้ละ การเกษียณเร็วกว่ากำหนดจริง ๆ ก็ไม่ง่ายเหมือนกัน ลำบากใจ