สวัสดีผู้รักการปั่นจักรยานทุกๆท่าน วันนี้ขอแชร์ประสบการณ์และค่าใช้จ่ายในการประกอบจักรยานเสือหมอบแบบเฟรมเซ็ตให้ทุกท่านได้แลกเปลี่ยนประสบกาณ์ให้กับสมาชิกผู้ที่สนใจที่จะเล่นจักรยานแบบเฟรมเซ็ตครับผม
ก่อนอื่นต้องขอเล่าประสบการณ์การปั่นจักรยานของผมก่อน
ผมเริ่มมาปั่นจักรยานเสือหมอบคันแรก คือ trek 1.1 (ก่อนหน้านั้นปั่นเสือภูเขาและไฮบริดมาก่อนตามลำดับ)
สิ่งที่ผมทำกับจักรยานคันแรก คือ บันไดคลีต ล้อซีรอคโค่ จานหน้า sora เมื่อปั่นได้ระยะทาง 2,500 กิโลเมตร จึงตัดสินใจขาย ได้ราคา 10,000 บาท (ประกอบล้อเดิมขายไป เก็บล้อซีรอคโค่ไว้)
คันที่ 2 คือ specialized E5 2017 ได้คันนี้มาโดยการซื้อมือสองพร้อมชุดขับ 105 11 สปีด มาในราคา 22,000 บาท แล้วนำมาใส่ล้อซีรอคโค่ที่มีอยู่แล้ว
คันที่สองผมไม่ได้ปรับแต่งอะไรมากมาย อัพแค่ลูกปืนล้อเป็นลูกปืนเซรามิคและเปลี่ยนเบาะเดิมเป็นเบาะแมงมุม เพราะได้เฟรมมาพร้อมกับหลักอาน เบาะ สเต็ม แฮนด์ กะโหลก เอามาใส่แค่ล้อแล้วปั่นได้เลย คันที่สองนี้ผมปั่นได้ระยะทาง 3,500 กิโลเมตร จึงตัดสินขาย โดยเก็บล้อซีรอคโค่และชุดขับ 105 11 สปีด ไว้ ผมขายเฟรมรวมหลักอาน เบาะ แฮนด์ กะโหลกไปในราคา 10,000 บาทถ้วน
คันที่ 3 ผมตั้งใจไว้แล้วว่าต้องเป็นยี่ห้อ Trek เท่านั้น เนื่องจากประทับใจในองศาของเฟรมสมัยตอนปั่น trek 1.1 และ trek เป็นรถที่ซื้อง่ายขายคล่อง
ผมมีตัวเลือกอยู่สองตัวในใจ คือ emonda alr5 (ราคา 19,900 บาท) และ emonda S5 (ราคา 22,500 บาท) ซึ่งผมพยายามหาข้อมูลอยู่พักใหญ่ๆ (ในระหว่างที่หาข้อมูล ก็พยายามหาเฟรมมือสอง emonda SL size 52 ไปด้วย แต่มันไม่มีคนปล่อยเลยช่วงนั้น) สุดท้ายตัดสินใจเลือก S5 มือหนึ่ง จึงสั่งเฟรมเซ็ตจากร้านตัวแทนจำหน่ายของโปรไบค์ จังหวัดอุดรธานี ใช้เวลารอเฟรมเดินทางมาประมาณ 5 วัน
เมื่อเฟรมมา ก็ถึงเวลาประกอบ
โดยผมได้เลือกอะไหล่ใส่เข้าไป ดังนี้
แฮนด์ สเต็ม หลักอาน ใช้ยี่ห้อ PRO รุ่น PLT ซึ่งทางร้านโฆษณาว่าเป็นอลูเบา (ลองจับดูมันก็เบาจริงๆ เบากว่า 3T ของแท้ซ่ะอีก)
เบาะ Bontrager
กะโหลก BB90 ดูราเอจ
ผ้าพันแฮนด์เจล Bontrager
ล้อ scirocco 35 mm
ชุดขับ 105 11 สปีด เฟือง ultaga 11-28 โซ่ dura ace
อื่นๆก็จะมี สายเกียร์ สายเบรค แค้มรัดสับจาน ประมาณนี้
น้ำหนักรถรวมบันได ขากระติก ขาจับสูบพกพา กระดิ่ง ไมล์ cateye prodrone อยู่ที่ 8.35 กิโลกรัม (ถ้าซางเป็นคาร์บอนคงจะเบากว่านี้)
ความรู้สึกแรกเมื่อได้ลองปั่น emonda S5
ทางราบ ที่จับความรู้สึกหลักๆได้ คือ เร่งความเร็วขึ้นค่อนข้างง่าย องศารถปั่นสบาย ไม่สะเทือนและแข็งเหมือน E5 2017 แต่ E5 2017 พุ่งกว่าชัดเจนมาก S5 จะออกแนวนุ่มๆ
ทางเขา ยืนโยกรู้สึกว่าเบาและขึ้นเขาง่ายกว่า E5 2017 (E5 2017 ของผมหนัก 9.3 กิโลกรัม) ไม่ย้วย
สรุป คือ ไม่ผิดหวังกับเฟรมและอะไหล่ที่เลือกใส่ลงไป ทั้งน้ำหนักของรถ ฟิลลิ่ง และราคาที่จ่ายไป มีความสุขทุกครั้งที่ได้ออกปั่น
ข้อแนะนำ สำหรับสมาชิกที่รักการปั่น จากประสบการณ์ของผม คือ
1. ขอให้เลือกรถจากเฟรมเป็นลำดับแรก เอาเฟรมที่ชอบ อะไหล่มาเป็นอันดับสอง
2. ใจเย็นๆในการเลือกของหรืออะไหล่ใส่รถ ทุกวันนี้ของมือสองดีๆมีเยอะมาก (ถ้าผมใจเย็นกว่านี้ อาจได้เฟรมมือสอง รุ่นที่ดีกว่า S5 แน่นอน แต่ผมไม่รอ)
หวังว่าการแชร์ประสบการณ์ครั้งนี้จะมีประโยชน์กับเพื่อนสมาชิกผู้รักการปั่นทุกๆท่าน
ขอบคุณครับ
แชร์ประสบการณ์และค่าใช้จ่ายในการประกอบจักรยานเสือหมอบแบบเฟรมเซ็ต
ก่อนอื่นต้องขอเล่าประสบการณ์การปั่นจักรยานของผมก่อน
ผมเริ่มมาปั่นจักรยานเสือหมอบคันแรก คือ trek 1.1 (ก่อนหน้านั้นปั่นเสือภูเขาและไฮบริดมาก่อนตามลำดับ)
สิ่งที่ผมทำกับจักรยานคันแรก คือ บันไดคลีต ล้อซีรอคโค่ จานหน้า sora เมื่อปั่นได้ระยะทาง 2,500 กิโลเมตร จึงตัดสินใจขาย ได้ราคา 10,000 บาท (ประกอบล้อเดิมขายไป เก็บล้อซีรอคโค่ไว้)
คันที่ 2 คือ specialized E5 2017 ได้คันนี้มาโดยการซื้อมือสองพร้อมชุดขับ 105 11 สปีด มาในราคา 22,000 บาท แล้วนำมาใส่ล้อซีรอคโค่ที่มีอยู่แล้ว
คันที่สองผมไม่ได้ปรับแต่งอะไรมากมาย อัพแค่ลูกปืนล้อเป็นลูกปืนเซรามิคและเปลี่ยนเบาะเดิมเป็นเบาะแมงมุม เพราะได้เฟรมมาพร้อมกับหลักอาน เบาะ สเต็ม แฮนด์ กะโหลก เอามาใส่แค่ล้อแล้วปั่นได้เลย คันที่สองนี้ผมปั่นได้ระยะทาง 3,500 กิโลเมตร จึงตัดสินขาย โดยเก็บล้อซีรอคโค่และชุดขับ 105 11 สปีด ไว้ ผมขายเฟรมรวมหลักอาน เบาะ แฮนด์ กะโหลกไปในราคา 10,000 บาทถ้วน
คันที่ 3 ผมตั้งใจไว้แล้วว่าต้องเป็นยี่ห้อ Trek เท่านั้น เนื่องจากประทับใจในองศาของเฟรมสมัยตอนปั่น trek 1.1 และ trek เป็นรถที่ซื้อง่ายขายคล่อง
ผมมีตัวเลือกอยู่สองตัวในใจ คือ emonda alr5 (ราคา 19,900 บาท) และ emonda S5 (ราคา 22,500 บาท) ซึ่งผมพยายามหาข้อมูลอยู่พักใหญ่ๆ (ในระหว่างที่หาข้อมูล ก็พยายามหาเฟรมมือสอง emonda SL size 52 ไปด้วย แต่มันไม่มีคนปล่อยเลยช่วงนั้น) สุดท้ายตัดสินใจเลือก S5 มือหนึ่ง จึงสั่งเฟรมเซ็ตจากร้านตัวแทนจำหน่ายของโปรไบค์ จังหวัดอุดรธานี ใช้เวลารอเฟรมเดินทางมาประมาณ 5 วัน
เมื่อเฟรมมา ก็ถึงเวลาประกอบ
โดยผมได้เลือกอะไหล่ใส่เข้าไป ดังนี้
แฮนด์ สเต็ม หลักอาน ใช้ยี่ห้อ PRO รุ่น PLT ซึ่งทางร้านโฆษณาว่าเป็นอลูเบา (ลองจับดูมันก็เบาจริงๆ เบากว่า 3T ของแท้ซ่ะอีก)
เบาะ Bontrager
กะโหลก BB90 ดูราเอจ
ผ้าพันแฮนด์เจล Bontrager
ล้อ scirocco 35 mm
ชุดขับ 105 11 สปีด เฟือง ultaga 11-28 โซ่ dura ace
อื่นๆก็จะมี สายเกียร์ สายเบรค แค้มรัดสับจาน ประมาณนี้
น้ำหนักรถรวมบันได ขากระติก ขาจับสูบพกพา กระดิ่ง ไมล์ cateye prodrone อยู่ที่ 8.35 กิโลกรัม (ถ้าซางเป็นคาร์บอนคงจะเบากว่านี้)
ความรู้สึกแรกเมื่อได้ลองปั่น emonda S5
ทางราบ ที่จับความรู้สึกหลักๆได้ คือ เร่งความเร็วขึ้นค่อนข้างง่าย องศารถปั่นสบาย ไม่สะเทือนและแข็งเหมือน E5 2017 แต่ E5 2017 พุ่งกว่าชัดเจนมาก S5 จะออกแนวนุ่มๆ
ทางเขา ยืนโยกรู้สึกว่าเบาและขึ้นเขาง่ายกว่า E5 2017 (E5 2017 ของผมหนัก 9.3 กิโลกรัม) ไม่ย้วย
สรุป คือ ไม่ผิดหวังกับเฟรมและอะไหล่ที่เลือกใส่ลงไป ทั้งน้ำหนักของรถ ฟิลลิ่ง และราคาที่จ่ายไป มีความสุขทุกครั้งที่ได้ออกปั่น
ข้อแนะนำ สำหรับสมาชิกที่รักการปั่น จากประสบการณ์ของผม คือ
1. ขอให้เลือกรถจากเฟรมเป็นลำดับแรก เอาเฟรมที่ชอบ อะไหล่มาเป็นอันดับสอง
2. ใจเย็นๆในการเลือกของหรืออะไหล่ใส่รถ ทุกวันนี้ของมือสองดีๆมีเยอะมาก (ถ้าผมใจเย็นกว่านี้ อาจได้เฟรมมือสอง รุ่นที่ดีกว่า S5 แน่นอน แต่ผมไม่รอ)
หวังว่าการแชร์ประสบการณ์ครั้งนี้จะมีประโยชน์กับเพื่อนสมาชิกผู้รักการปั่นทุกๆท่าน
ขอบคุณครับ