แม้ว่า ผบ.สส. จะยังไม่ออกมาพูดสรุป แต่แค่นี้ทั้งญาติและผู้ติดตามคดีนี้ก็พอจะคาดเดาได้ว่าจะจบอย่างไร ตอนนี้ครอบครัวประกอบพิธีฌาปนกิจน้องเมยเสร็จสิ้นแล้ว อย่างเรียบง่ายที่วัดวิเวกการาม ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ชาวบ้านที่มาร่วมพิธี กล่าวว่า น้องเมย เป็นเด็กดีมาก ก่อนนอนกราบเท้าพ่อ ห่มผ้าให้แม่ การสูญเสียครั้งนี้ถือเป็นการสูญเสียบุคคลสำคัญและเป็นอนาคตของชาติ
คลิปจากรายการครอบครัวข่าว
http://www.krobkruakao.com/local/58691
ความคืบหน้าในการสอบหาสาเหตุการเสียชีวิตของ นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ล่าสุด ได้ถูกส่งถึงมือผู้บัญชาการทหารสูงสุดแล้ว เบื้องต้นไม่พบโรคประจำตัว แต่มีอาการบางอย่างที่ผิดปกติหลายครั้งก่อนเสียชีวิต
พล.อ.อ.ชวรัตน์ มารุ่งเรือง รองเสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เปิดเผยว่า ได้สรุปรายงานส่งให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุดแล้วเมื่อเย็นวานนี้ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยผลสอบได้ เพราะต้องให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุดพิจารณาก่อนว่าจะให้แถลงต่อสาธารณชน หรือ แจ้งผลสอบกับครอบครัวตัญกาญจน์อย่างเดียว ทั้งนี้กระบวนการสอบข้อเท็จจริง
พล.อ.อ.ชวรัตน์ ยืนยันว่า เริ่มนับหนึ่งใหม่ทั้งหมด ดูใหม่ในทุกพยาน ตั้งแต่เหตุการณ์การธำรงวินัยเดือนสิงหาคม และ วันที่ 17 ตุลาคม 2560 ที่ นตท.ภคพงศ์ เสียชีวิต โดยไม่ได้นำผลสอบของโรงเรียนเตรียมทหารมาประกอบการพิจารณาใด ๆ ทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ผลสอบดังกล่าว ไม่พบว่าน้องเมยมีโรคประจำตัว แต่เพื่อนสนิทของ นตท.ภคพงศ์ ให้การว่า นตท.ภคพงศ์ มีอาการลักษณะที่ไม่ปกติซ้ำ ๆ หลายครั้ง ก่อนวันที่ 17 ตุลาคม แต่ไม่น่าจะเชื่อมโยงกับการธำรงวินัยเมื่อเดือนสิงหาคม และในวันที่เสียชีวิตก็ไม่มีการทำร้ายร่างกาย นตท.ภคพงศ์
ส่วนที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ บอกว่า มีรอยฟกช้ำตามร่างกายนั้น เป็นเรื่องที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องนำข้อมูลไปเทียบกับทางโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เพราะแพทย์ของโรงพยาบาลที่ผ่าชันสูตรแจ้งว่า ตอนผ่าเพื่อยกอวัยวะภายในออกมา พบรอยฟกช้ำแห่งเดียวที่ชายโครงข้างซ้ายเท่านั้น
ขณะที่นางสาวสุกัญญา ตัญกาญจน์ มารดาของน้องเมย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวยืนยันจะเดินหน้าทวงถามความเป็นธรรมให้กับบุตรชายด้วยหลักฐานที่มีทั้งหมด ซึ่งบางข้อมูลจำเป็นต้องเก็บไว้เป็นหลักฐานในชั้นศาล
ขอให้วิญญาณน้องเมยจงสู่สัมปรายภพที่ดีและเกิดเป็นลูกที่ดีของคุณพ่อคุณแม่ทุกชาติไปนะคะ ขอกำลังใจให้ครอบครัว ตัญกาญจน์ ทวงคืนความยุติธรรมครั้งนี้ให้ถึงที่สุดเพื่อเป็นบรรทัดฐานใหม่ของนักเรียนสายทหารและทหารเกณฑ์ที่เสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำในค่ายทหารอีกหลายรายด้วยค่ะ
ร่วมไว้อาลัยน้องเมยนักเรียนเตรียมทหารไปพร้อมกับความไม่ยุติธรรมที่เกิดขึ้นในไทยบ่อยครั้งที่กระทู้นี้ค่ะ
คลิปจากรายการครอบครัวข่าว
http://www.krobkruakao.com/local/58691
ความคืบหน้าในการสอบหาสาเหตุการเสียชีวิตของ นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ล่าสุด ได้ถูกส่งถึงมือผู้บัญชาการทหารสูงสุดแล้ว เบื้องต้นไม่พบโรคประจำตัว แต่มีอาการบางอย่างที่ผิดปกติหลายครั้งก่อนเสียชีวิต
พล.อ.อ.ชวรัตน์ มารุ่งเรือง รองเสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เปิดเผยว่า ได้สรุปรายงานส่งให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุดแล้วเมื่อเย็นวานนี้ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยผลสอบได้ เพราะต้องให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุดพิจารณาก่อนว่าจะให้แถลงต่อสาธารณชน หรือ แจ้งผลสอบกับครอบครัวตัญกาญจน์อย่างเดียว ทั้งนี้กระบวนการสอบข้อเท็จจริง
พล.อ.อ.ชวรัตน์ ยืนยันว่า เริ่มนับหนึ่งใหม่ทั้งหมด ดูใหม่ในทุกพยาน ตั้งแต่เหตุการณ์การธำรงวินัยเดือนสิงหาคม และ วันที่ 17 ตุลาคม 2560 ที่ นตท.ภคพงศ์ เสียชีวิต โดยไม่ได้นำผลสอบของโรงเรียนเตรียมทหารมาประกอบการพิจารณาใด ๆ ทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ผลสอบดังกล่าว ไม่พบว่าน้องเมยมีโรคประจำตัว แต่เพื่อนสนิทของ นตท.ภคพงศ์ ให้การว่า นตท.ภคพงศ์ มีอาการลักษณะที่ไม่ปกติซ้ำ ๆ หลายครั้ง ก่อนวันที่ 17 ตุลาคม แต่ไม่น่าจะเชื่อมโยงกับการธำรงวินัยเมื่อเดือนสิงหาคม และในวันที่เสียชีวิตก็ไม่มีการทำร้ายร่างกาย นตท.ภคพงศ์
ส่วนที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ บอกว่า มีรอยฟกช้ำตามร่างกายนั้น เป็นเรื่องที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องนำข้อมูลไปเทียบกับทางโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เพราะแพทย์ของโรงพยาบาลที่ผ่าชันสูตรแจ้งว่า ตอนผ่าเพื่อยกอวัยวะภายในออกมา พบรอยฟกช้ำแห่งเดียวที่ชายโครงข้างซ้ายเท่านั้น
ขณะที่นางสาวสุกัญญา ตัญกาญจน์ มารดาของน้องเมย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวยืนยันจะเดินหน้าทวงถามความเป็นธรรมให้กับบุตรชายด้วยหลักฐานที่มีทั้งหมด ซึ่งบางข้อมูลจำเป็นต้องเก็บไว้เป็นหลักฐานในชั้นศาล
ขอให้วิญญาณน้องเมยจงสู่สัมปรายภพที่ดีและเกิดเป็นลูกที่ดีของคุณพ่อคุณแม่ทุกชาติไปนะคะ ขอกำลังใจให้ครอบครัว ตัญกาญจน์ ทวงคืนความยุติธรรมครั้งนี้ให้ถึงที่สุดเพื่อเป็นบรรทัดฐานใหม่ของนักเรียนสายทหารและทหารเกณฑ์ที่เสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำในค่ายทหารอีกหลายรายด้วยค่ะ