ถ้าไม่นับเรื่องอัตราการเติบโตของกำไร , Market Cap. กับการขยายตลาดได้ดีในต่างประเทศ ผมสงสัยว่าเราเห็นอะไรในBrandบิวตี้ที่มีความนิยมในผู้บริโภคที่เห็นได้ชัด เทียบกับหุ้น Set50 ตัวอื่นๆได้บ้าง ผมขอยกมาแค่บางตัวที่มี Brand เฉยๆนะครับ
****ย้ำว่าไม่ได้เอาประเภทธุรกิจมาเปรียบเทียบ เอาแค่ที่ผมเห็นส่วนใหญ่ Brand ใน Set50 มันต้องส่งผลกระทบต่อผู้คนในระดับหนึ่ง ******
1. Cpall แบรนด์คนเข้าร้านแน่นตลอดทั้งวัน เดินไปมีแทบทุกซอย หิวเมื่อไรก็แวะไป 7-11
2. Mint เครือโรงแรมที่เป็นสากล ร้านอาหาร Sizzler , Swensens , Pizza Company คนทานเยอะ คนเข้าร้านทุกเพศ ทุกวัย
3. CPN คนเดินเที่ยวทุกวันตลอดทั้งปี ขยายไปต่างจังหวัดก็ประสบความสำเร็จ ROBINS คนก็เดินกันแน่นขนัด
4. TRUE DTAC ADVANC เครือข่ายที่พูดไปใครก็รู้จัก ใช้กันทั่วบ้านทั่วเมือง
5. SCC , PTT ระดับบิ๊กของประเทศ องค์กรที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ อยู่มานานใครๆก็รู้จัก อยากร่วมงาน
6. AOT ไม่ต้องพูดถึง ท่าอากาศยานไทย ใครก็ใช้
7. ธนาคารทั้งหมด ทุกคนที่มีเงินต้องทำธุรกรรมการเงินด้วยกันทั้งนั้น
และอีกมากมายที่มันส่งผลกระทบกับผู้คนพอสมควร ก็เหมาะสมที่จะเป็น SET50
แต่ เท่าที่เห็นคนส่วนใหญ่ รวมถึงผมด้วย ที่พูดถึงร้านบิวตี้ คือ " ไม่เห็นมีคนเข้าเลย " " ช็อปช่วยชาติก็ยังเงียบ " "พนักงานนั่งว่างทั้งวันก็มีในบางสาขา" "
" แวะห้างทุกวัน หลายเวลา ก็ยังไม่เห็นคนเข้า " ไม่ค่อยมีใครบอกว่าคนเข้าเยอะบ้างเลย
ผมจึงสงสัยว่า ยอดขายที่มากขึ้นมหาศาล จากการขายคนจีน แต่Brand ที่อยู่ในประเทศ ดูจะไม่ได้รับความนิยมเท่าไหร่ ไม่ได้มีนวัตกรรมอะไรเป็นพิเศษเหมาะสมแล้วหรือไม่ที่จะเข้า SET50 ตามข้อสังเกตด้านบนที่กล่าวมาว่า
การคัดเลือก SET50 ไม่ควรมีดีแค่ MARKET CAP แต่ต้องมีดีในด้านอื่นที่เราเห็นกันได้ชัดด้วย
แต่ธุรกิจแนวBeauty M.Capใหญ่ขนาดนี้ควรจะต้องสมเหตุสมผล เช่น มีคนใช้สินค้ามากจริงประมาณนึงหรือเปล่า ไม่ก็มีWin Product ที่คนขาดไม่ได้ใช้กันทัวบ้านทั่วเมืองบ้างไหม ไม่ใช่แค่กำไรดีมาก ROE ROA NPM สูงอย่างเดียวหรือเปล่าครับ
แต่ถ้าเกณฑ์คัดหุ้นSET50 วัดแค่ตัวเลขผมก็ไม่ได้ติดใจอะไรหรอกครับ
วิจารณ์กันได้ว่า มีความเห็นอย่างไรครับ ส่วนผมไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสีย แค่ตั้งข้อสังเกตเฉยๆ
ลองมาเทียบหุ้น Beauty กับหุ้น Set50 ตัวอื่นๆ ในแง่ของ Brand
****ย้ำว่าไม่ได้เอาประเภทธุรกิจมาเปรียบเทียบ เอาแค่ที่ผมเห็นส่วนใหญ่ Brand ใน Set50 มันต้องส่งผลกระทบต่อผู้คนในระดับหนึ่ง ******
1. Cpall แบรนด์คนเข้าร้านแน่นตลอดทั้งวัน เดินไปมีแทบทุกซอย หิวเมื่อไรก็แวะไป 7-11
2. Mint เครือโรงแรมที่เป็นสากล ร้านอาหาร Sizzler , Swensens , Pizza Company คนทานเยอะ คนเข้าร้านทุกเพศ ทุกวัย
3. CPN คนเดินเที่ยวทุกวันตลอดทั้งปี ขยายไปต่างจังหวัดก็ประสบความสำเร็จ ROBINS คนก็เดินกันแน่นขนัด
4. TRUE DTAC ADVANC เครือข่ายที่พูดไปใครก็รู้จัก ใช้กันทั่วบ้านทั่วเมือง
5. SCC , PTT ระดับบิ๊กของประเทศ องค์กรที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ อยู่มานานใครๆก็รู้จัก อยากร่วมงาน
6. AOT ไม่ต้องพูดถึง ท่าอากาศยานไทย ใครก็ใช้
7. ธนาคารทั้งหมด ทุกคนที่มีเงินต้องทำธุรกรรมการเงินด้วยกันทั้งนั้น
และอีกมากมายที่มันส่งผลกระทบกับผู้คนพอสมควร ก็เหมาะสมที่จะเป็น SET50
แต่ เท่าที่เห็นคนส่วนใหญ่ รวมถึงผมด้วย ที่พูดถึงร้านบิวตี้ คือ " ไม่เห็นมีคนเข้าเลย " " ช็อปช่วยชาติก็ยังเงียบ " "พนักงานนั่งว่างทั้งวันก็มีในบางสาขา" "
" แวะห้างทุกวัน หลายเวลา ก็ยังไม่เห็นคนเข้า " ไม่ค่อยมีใครบอกว่าคนเข้าเยอะบ้างเลย
ผมจึงสงสัยว่า ยอดขายที่มากขึ้นมหาศาล จากการขายคนจีน แต่Brand ที่อยู่ในประเทศ ดูจะไม่ได้รับความนิยมเท่าไหร่ ไม่ได้มีนวัตกรรมอะไรเป็นพิเศษเหมาะสมแล้วหรือไม่ที่จะเข้า SET50 ตามข้อสังเกตด้านบนที่กล่าวมาว่า การคัดเลือก SET50 ไม่ควรมีดีแค่ MARKET CAP แต่ต้องมีดีในด้านอื่นที่เราเห็นกันได้ชัดด้วย
แต่ธุรกิจแนวBeauty M.Capใหญ่ขนาดนี้ควรจะต้องสมเหตุสมผล เช่น มีคนใช้สินค้ามากจริงประมาณนึงหรือเปล่า ไม่ก็มีWin Product ที่คนขาดไม่ได้ใช้กันทัวบ้านทั่วเมืองบ้างไหม ไม่ใช่แค่กำไรดีมาก ROE ROA NPM สูงอย่างเดียวหรือเปล่าครับ
แต่ถ้าเกณฑ์คัดหุ้นSET50 วัดแค่ตัวเลขผมก็ไม่ได้ติดใจอะไรหรอกครับ
วิจารณ์กันได้ว่า มีความเห็นอย่างไรครับ ส่วนผมไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสีย แค่ตั้งข้อสังเกตเฉยๆ