สวัสดีครับ วันนี้จะมาแนะนำแนวทางการรักษาฝีครับผม สามารถลองเอาไปเป็นแนวทางการรักษาได้ครับ
ด้านร่างกาย
1.อายุ 21
2.น้ำหนัก 67 สูง 175
3.เป็นโรคประจำตัวคือ ภูมิแพ้ (แพ้อากาศ พออากาศเย็นเป็นหวัด หรือเจอฝุ่นก็จาม แพ้เหงื่อ พอเหงื่อออกมาก ไม่ว่าจะมาจากออกกำลังกายหรืออย่างอื่น จะเป็นผื่นคันขึ้นตามตัว แม้แต่ อาบน้ำเสร็จ ก็จะมีผื่นแดงๆ ขึ้นบ้าง )
4.เล่นกีฬา สม่ำเสมอ ลงวิ่งมาราธอนอยู่เป็นประจำ
ด้านจิตใจ
สุขภาพจิตดี ปกติ
การริเริ่มเป็นฝี
เริ่มตั้งแต่ เดือนเมษายน 2560 เกิดอาการคันข้างหัวเข่าซ้ายใกล้ๆข้อพับ จึงเกา จากนั้น เริ่มเป็นตุ่มเหมือนยุงกัด
แล้วก็เกาๆ มาเรื่อยๆ จนโตกลายเป็นฝี หมอ จึงให้ผ่า ออกในที่สุด และรักษา โดยการกินยาแก้อักเสบจนหมด
จากนั้นพอแผลหาย อาการของฝีก็ขึ้นมาเรื่อยๆ ครั้งนี้ ขึ้นตรงหน้าท้อง และ สิ้นสุดโดยการผ่าเช่นครั้งแรกครับ
จากนั้น ก็ทยอยขึ้นเรื่อยๆ ตรงหูบ้าง (ปวดมากกกกกกก) ตรง ก้นบ้าง (ขึ้นบ่อยมาก สลับกันออก) ผมจึงจัดสินใจว่า จะไม่ไปหาหมอ เพราะ แนวทางการรักษาก็เช่นเคย คือการกินยา หากยังไม่ยุบ ก็ผ่า ผมเลือกใช้วิธีการคือ บีบหนองออกเอง พอบีบหนองออกได้แล้วนั้น ก็หายปวด และยุบไปในที่สุด
แต่สุดท้ายก็ขึ้นมาเรื่อยๆตามปกติ เป็นอย่างนี้มาเรื่อยๆ ผมก็ลองกินพวก ฟ้าทลายโจร ตรีผา ฯ ก็ยังไม่หาย (ไม่ได้บอกว่ามันไม่ดีนะ) แต่ผมกินแล้วไม่หาย จนถึงเดือน พฤศจิกายน 2560 นี้ เจ้าฝีก็ขึ้น ตรงรักแร้ทั้ง2 ข้าง แล้วก้อนใหญ่มากๆ ครั้งนี้ จะบีบออกเองอีก ก็ทนไม่ไหว มันปวดมากๆๆ ผมจึงตัดสินใจ ไปหาหมออีกครั้ง แต่ครั้งนี้ ไม่ได้ไป ที่ รพ แต่ไปหาหมอ คลีนิค หมอก็ซักประวัติ ทั่วไป แต่ที่แปลก กว่าทุกที่คือ ผมได้เจาะเลือด พอผลเลือด ออกมาแล้วนั้น หมอบอก ค่า eosinophil สูงไปนิด วัดแล้วได้ประมาณ 6% (หากเขียนผิดขออภัยครับ) หมอบอกว่า อาจเกิดขึ้นในคนที่เป็นภูมิแพ้ หรือ
พยาธิ แนวทางการรักษา หมอคือ
1.ฉีดกระตุ้นบาดทะยัก 1 เข็ม
2.ยาถ่ายพยาธิ กิน ครั้งละ 2 เม็ดก่อนนอน ประมาณ 4-5 ได้ ผมจำไม่ค่อยแม่น
3.ยาแก้อักเสบ เหมือนเดิม แต่หมอบอกว่าเป็นตัวที่แรง และกินให้ครับ
จน ณ ปัจจุบันนี้ น้องฝีได้หายไปจากผมแล้ว และหมอยังทิ้งท้ายว่าให้ กิน วิตามิน C ด้วย
เลยอยากแชร์ประสบการณ์รักษาฝี ที่รักษาแล้วได้ผลสำหรับตัวผมนะครับ ผมไม่อยากเป็นแล้วจบด้วยการผ่า และเป็นแผล ครับ
หากข้อมูลอะไรผิดพลาดอะการใด ขออภัยครับ ลองเอาไปเป็นแนวทางการรักษาได้ไม่มากก็น้อยครับ
ปัจจัย การเกิดฝี หมอบอกว่า เกิดได้จากหล่นอย่าง อาจมาจากสภาพร่างกายเรา ความเครียดต่างๆ ก็เป็นได้ครับ หรือ แม้แต่การดูแลความสะอาดของร่างกายครับ
ขอบคุณครับ
รักษาฝีให้หาย จากการเป็นฝีเรื้อรังติดต่อมา ประมาณ 8 เดือน
ด้านร่างกาย
1.อายุ 21
2.น้ำหนัก 67 สูง 175
3.เป็นโรคประจำตัวคือ ภูมิแพ้ (แพ้อากาศ พออากาศเย็นเป็นหวัด หรือเจอฝุ่นก็จาม แพ้เหงื่อ พอเหงื่อออกมาก ไม่ว่าจะมาจากออกกำลังกายหรืออย่างอื่น จะเป็นผื่นคันขึ้นตามตัว แม้แต่ อาบน้ำเสร็จ ก็จะมีผื่นแดงๆ ขึ้นบ้าง )
4.เล่นกีฬา สม่ำเสมอ ลงวิ่งมาราธอนอยู่เป็นประจำ
ด้านจิตใจ
สุขภาพจิตดี ปกติ
การริเริ่มเป็นฝี
เริ่มตั้งแต่ เดือนเมษายน 2560 เกิดอาการคันข้างหัวเข่าซ้ายใกล้ๆข้อพับ จึงเกา จากนั้น เริ่มเป็นตุ่มเหมือนยุงกัด
แล้วก็เกาๆ มาเรื่อยๆ จนโตกลายเป็นฝี หมอ จึงให้ผ่า ออกในที่สุด และรักษา โดยการกินยาแก้อักเสบจนหมด
จากนั้นพอแผลหาย อาการของฝีก็ขึ้นมาเรื่อยๆ ครั้งนี้ ขึ้นตรงหน้าท้อง และ สิ้นสุดโดยการผ่าเช่นครั้งแรกครับ
จากนั้น ก็ทยอยขึ้นเรื่อยๆ ตรงหูบ้าง (ปวดมากกกกกกก) ตรง ก้นบ้าง (ขึ้นบ่อยมาก สลับกันออก) ผมจึงจัดสินใจว่า จะไม่ไปหาหมอ เพราะ แนวทางการรักษาก็เช่นเคย คือการกินยา หากยังไม่ยุบ ก็ผ่า ผมเลือกใช้วิธีการคือ บีบหนองออกเอง พอบีบหนองออกได้แล้วนั้น ก็หายปวด และยุบไปในที่สุด
แต่สุดท้ายก็ขึ้นมาเรื่อยๆตามปกติ เป็นอย่างนี้มาเรื่อยๆ ผมก็ลองกินพวก ฟ้าทลายโจร ตรีผา ฯ ก็ยังไม่หาย (ไม่ได้บอกว่ามันไม่ดีนะ) แต่ผมกินแล้วไม่หาย จนถึงเดือน พฤศจิกายน 2560 นี้ เจ้าฝีก็ขึ้น ตรงรักแร้ทั้ง2 ข้าง แล้วก้อนใหญ่มากๆ ครั้งนี้ จะบีบออกเองอีก ก็ทนไม่ไหว มันปวดมากๆๆ ผมจึงตัดสินใจ ไปหาหมออีกครั้ง แต่ครั้งนี้ ไม่ได้ไป ที่ รพ แต่ไปหาหมอ คลีนิค หมอก็ซักประวัติ ทั่วไป แต่ที่แปลก กว่าทุกที่คือ ผมได้เจาะเลือด พอผลเลือด ออกมาแล้วนั้น หมอบอก ค่า eosinophil สูงไปนิด วัดแล้วได้ประมาณ 6% (หากเขียนผิดขออภัยครับ) หมอบอกว่า อาจเกิดขึ้นในคนที่เป็นภูมิแพ้ หรือ พยาธิ แนวทางการรักษา หมอคือ
1.ฉีดกระตุ้นบาดทะยัก 1 เข็ม
2.ยาถ่ายพยาธิ กิน ครั้งละ 2 เม็ดก่อนนอน ประมาณ 4-5 ได้ ผมจำไม่ค่อยแม่น
3.ยาแก้อักเสบ เหมือนเดิม แต่หมอบอกว่าเป็นตัวที่แรง และกินให้ครับ
จน ณ ปัจจุบันนี้ น้องฝีได้หายไปจากผมแล้ว และหมอยังทิ้งท้ายว่าให้ กิน วิตามิน C ด้วย
เลยอยากแชร์ประสบการณ์รักษาฝี ที่รักษาแล้วได้ผลสำหรับตัวผมนะครับ ผมไม่อยากเป็นแล้วจบด้วยการผ่า และเป็นแผล ครับ
หากข้อมูลอะไรผิดพลาดอะการใด ขออภัยครับ ลองเอาไปเป็นแนวทางการรักษาได้ไม่มากก็น้อยครับ
ปัจจัย การเกิดฝี หมอบอกว่า เกิดได้จากหล่นอย่าง อาจมาจากสภาพร่างกายเรา ความเครียดต่างๆ ก็เป็นได้ครับ หรือ แม้แต่การดูแลความสะอาดของร่างกายครับ
ขอบคุณครับ