นวมที่เหลือข้างเดียว

เราเหมือนคนคนเดียวกัน ฉันบอกกับพี่ชายที่แสนดีเสมอ ในชีวิตของเราเขาแทบไม่เคยโกรธฉันจริงจังเลยสักครั้ง ตอนห้าขวบ พ่อเริ่มต้นทำค่ายมวยเล็ก ๆ ด้วยการส่งสองคนพี่น้องไปชกมวยคู่ก่อนเวลาในงานปิดทองฝังลูกนิมิตที่วัดใกล้บ้าน คืนนั้นเนื้อตัวถูกชโลมด้วยน้ำมันมวยจนมันวาวสะท้อนแสงไฟสีส้มดวงใหญ่กลางเวที แสบไปถึงตาและแสบร้อนตัวจนบรรยายไม่ถูก

หลังไหว้ครู เราชกกันอ่อนแรงกว่าซ้อมเสียอีก ฉันถีบยันเขาเบา ๆ เขาโผเข้าโน้มคอเพื่อปล้ำตีตามที่เขาถนัด ฉันปัดป้อง เมื่อไม่ไหวก็กอดรัด พยายามรีดแขนไม่ให้เขาตีเข่าได้ถนัดตามที่พ่อสอน ยกสองเราออกอาวุธกันแรงขึ้นตามเสียงกองเชียร์ส่งเสียงตลอดเวลา ฉันแย๊บซ้ายเข้าใบหน้าเขาสองที เขาไม่โยกตัวหลบเหมือนซ้อม มันทำให้เขาหน้าแดงขึ้นทันตา  นาทีนั้นเหงื่อออกมาผสมทำให้เนื้อตัวฉันไม่แสบร้อนหรือเพราะความตื่นเต้นที่ได้ชกต่อหน้าคนมากมายก็ได้ที่ทำให้ฉันลืมน้ำมันมวยไปเสียสิ้น

เราสองคนหอบตัวโยน เขาอมยิ้มตลอดเวลา เมื่อเสียงระฆังบอกหมดเวลาของยกที่สอง ขึ้นยกสามยกสุดท้าย พี่ชายกลับไม่รุกเข้าหาเหมือนเคย ตรงนี้ทำมห้ฉันสับสน พ่อเคยบอกว่าเขาจะเป็นนักมวยที่มีแววต่อยฉลาด เขายืนห่างฉันมากขึ้นและชิงจังหวะประเคนเท้าขวาย้ำ ๆ ก่อนที่ฉันจะถีบยันไปที่ขอบกางเกงผ้าต่วนสีแดงสดของเขาเหมือนยกก่อนหน้า เขาดูเหมือนจะเตะหนักขึ้นตามเสียงเชียร์ แต่เป้าหมายคือการ์ดของฉัน แต่แข้งขวาสองหนหลังหลุดเข้าลำตัวฉันติดต่อกัน ความจุกทะลุขึ้นมาถึงลิ้นปี่ อาจเพราะแขนซ้ายตกเพราะความล้าของนวมขนาดสิบออนซ์และการที่โดนเตะหนัก ๆ  มันเจ็บเหลือเกิน ฉันจึงสืบเท้าเข้าไปสวนหมัดขวาตอบโต้เข้าใบหน้าเขาอย่างจัง เขาล้มตึงลงบนผืนผ้าใบ วินาทีนั้นท่ามกลางเสียงเชียร์กึกก้อง ฉันได้ยินเสียงพ่อร้องเฮ้ย

ฉันลืมคำพ่อที่ว่าให้ชกกันเหมือนซ้อมไปแล้วหรือนี่ ครูประเทือง ครูพละที่โรงเรียนประชาบาลที่สอนเราสองคนมาตั้งแต่ ป.1 ย่อตัวไปช้อนศีรษะเขาขึ้น ครูนับช้าๆ ไปถึงแปดพร้อมกับใช้มือขยี้ท้ายทอยเขาไปด้วย เขาลุกขึ้นยืนตัวตรงแต่ขายังสั่น ใบหน้าเขายังมีรอยยิ้ม ระฆังหมดยกสามก็ดังขึ้น เราต่างได้รับการชูมือเสมอกันไป ในฐานะมวยคู่ก่อนเวลา กึ่งๆ โชว์ วันนั้นมันจึงเป็นวันเริ่มต้นชีวิตการเป็นนักสู้ของเราทั้งสองคน


จากวันนั้น ฉันกับพี่ต่างก้าวขึ้นไปเป็นนักมวยอาชีพมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นเรื่อยๆ  ฉายาคู่แฝดพรสวรรค์เริ่มติดหูแฟนหมัดมวย ค่ายมวยของพ่อก็เติบโตมีเด็กแถวบ้านมาฝึกมวยมากขึ้น เราเรียนไปด้วยต่อยมวยไปด้วย พ่อพาเราไปต่อยรายการเดียวกันบ่อยครั้ง จากเวทีภูธรไปต่อยมวยตู้ออกทีวี ต่อยมวยรอบตามแต่สปอนเซอร์จะจัด จนได้ขึ้นต่อยมวยในเวทีมาตรฐานระดับประเทศ ถ้วยรางวัล เข็มขัดแชมป์ของเราสองคนประดับอยู่ที่ค่ายมวยพ่อจนแทบไม่มีที่วาง ฉายาคู่แฝดพรสวรรค์จางลง เหลือแต่ฉันชกอยู่คนเดียวในช่วงหลัง เพราะเขาเลิกชกอาชีพตั้งแต่เริ่มเกณฑ์ทหาร หันไปต่อยมวยสากลสมัครเล่นให้กองทัพ ประกอบกับเขามีปัญหาเรื่องสุขภาพทั้งที่ผีมือในรุ่นเดียวกันไม่มีใครเปรียบได้

วันนี้ฉันสวมกางเกงผ้าต่วนสีแดงสดปักชื่อ พิชิตศึก หัวใจสิง์ สวมนวมสิบออนซ์อีกหนในวัยเกือบห้าสิบ ด้านหลังมีผู้คนมากมายยืนมองถ้วยรางวัล ภาพถ่ายและเข็มขัดแชมเปี้ยนจากหลายรุ่น หลายเวทีของเขา พ่อสวมมงคล ผูกผ้าประเจียดที่ต้นแขนให้ฉันด้วยความโศกเศร้าไม่ฮึกเหิมเหมือนทุกครั้ง เสียงปี่กลองเริ่มแล้ว ฉันไหว้ครูด้วยท่าที่คุ้นเคย แต่คราวนี้ บรรจงและงดงามที่สุดกลางลานหน้าเมรุ แด่พี่ชายของฉันที่บนผืนผ้าใบชีวิตของเขาเสียสละให้ฉันเสมอมา สิ่งนี้คือสิ่งฉันไม่เคยเอาชนะเขาได้เลยสักครั้งไม่ว่าเวทีไหนๆ คงมีแต่ก้อนเนื้อส่วนเกินในสมองของเขาที่ฟ้าให้มามากเกินไปเท่านั้น ที่เอาชนะเขาได้ในวันนี้

......................................................................................................................................................................................................
ปล. แวะมาลงงานอีกสักเรื่อง พูดคุย ติชม กันได้เหมือนเคย ขอบคุณครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่