กระทู้นี้เป็นการเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรก ไม่เคยแม้แต่ขึ้นเครื่องบินภายในประเทศเลย มันจึงเป็น first time ตั้งแต่ ทำ passport ทำ visa และที่สำคัญครั้งนี้ ผมไป ’คนเดียว’ ครั้งแรก ต่างประเทศครั้งแรก และครั้งแรกนี้นานถึง 1 เดือนเลยทีเดียว โคตรตื่นเต้นเลยล่ะครับ
ผมรู้ตัวว่าจะได้ไป New Zealand 1 เดือนเนี่ย ก่อนวันบินประมาณ 14 วัน ภายใน 14 วันนี้ ผมต้องทำใหม่ทุกอย่าง ตั้งแต่ passport, visa, booking, check-in, จัดของ,บอกเพื่อนฝูง,เตรียมใจ และเตรียมเงิน อ้อลืมไป ไม่มีวางแผนเที่ยวอะไรทั้งนั้น ด้นสด คิดเอาที่นู่น
ผมจะเขียนบรรยาย อธิบาย ความรู้สึก และเกร็ดความรู้เกือบทุกเหตุการณ์ที่ผมเจอเลยนะครับ จะได้มีความรู้สึกเช่นเดียวกับผม (ละเอียดยิบ) ก่อนอื่นเลย New Zealand เนี่ยมันอยู่ใกล้ขั้วโลกใต้มากๆ อากาศค่อนข้างหนาว และแถม ‘ลมโคตรแรง’ พายุเข้าบ่อย และอากาศแปรปรวนมากเข้าไปด้วย เพราะเป็นเกาะอยู่โดดๆ ภูมิประเทศจะเป็นภูเขา ลองนึกภาพ เขาค้อ ภูทับเบิก ถนนจะขึ้นๆลงๆ เป็นแบบนี้ทั้งประเทศเลย ผมไปช่วงเดือน กรกฎาคม เป็นฤดูหนาวอีก ลมแรงอีก หนาวตัวปลิวเลยทีนี้
ผมไปเที่ยวคนเดียว แน่นอน ไม่ได้ขับรถแน่นอน ตลอด trip นี้ผมก็จะมีทั้ง เดิน นั่งรถ นั่งเรือ นั่งเครื่องบิน และไปกับทัวร์ นับว่าครบทุกอรรถรสเลยทีเดียว ขาดแต่ใต้น้ำ ฮ่าๆๆ
ช่วงแรกจะเป็นการเตรียมตัวพวก ขอ visa , booking กับช่วงที่ไปเที่ยว <วาร์ปไปข้างล่างได้เลย>
Trip นี้จะไปเที่ยวในเมือง Wellington Rotorua และ Queenstown เป็นหลัก มีแวะไปเมืองอื่นบ้าง แต่ไม่เยอะเท่าไร
เอ้า 3...4
1.ทำ passport ก่อนเลย รีบเข้า web เช็คเลย ทำที่ไหนได้บ้าง และต้องได้เร็วที่สุดด้วย ก็จะมีอยู่ที่กรมการกงสุล แจ้งวัฒนะ แบบเร็วที่สุดคือทำก่อน 12.00 รับภายใน 16.30 ในวันเดียวกัน ราคา 3,000 บาท หรือ แบบ 2 วัน ทำก่อน 12.00 รับวันรุ่งขึ้น 9.00 ราคา 2,000 บาท ผมเลยเลือกแบบ 2 วัน เพราะวางแผนว่าทำวันนี้ ก่อน 12.00 แล้วไปเอาพรุ่งนี้เช้า ไปทำ visa ตอนบ่ายเลย
https://travel.mthai.com/travel_tips/142084.html
2. Visa
ในช่วงนี้ก็ plan ต่อว่าจะบินวันไหน กลับวันไหนดี โดยจองผ่านเว็บของ emirates ซึ่งจะบินให้เร็วที่สุดหลังจาก visa ผ่าน ก็เข้า web หาว่า visa NZ ใช้เวลากี่วัน ยุ่งยากมั้ย ทำอย่างไรบ้าง ราคาเท่าไร เปิดมันทั้งคืนเลย
//คือที่เจาะจงไปที่ NZ เนี่ย เพราะว่ามีญาติคนไทย ทำงานอยู่ที่นู่น ได้ citizen ที่นู่น ไปนอนบ้านเขาจะได้ประหยัดในระดับนึง (เอาเงินไป ซื้อกินซื้อของฝากแทน) เลยได้คำแนะนำมาเยอะเลยทีเดียว
web ที่เข้าใจง่าย ในการทำ visa แต่พวก fee ยังไม่ตรงนะ
http://www.orientavista.com/index.php/visa-th/232-new-zealand-visa
ผมไปเที่ยวอย่างเดียวและคนเดียว ก็ใช้แค่ form เดียว คือ visitor visa 1017
หา form อื่นๆได้ที่
https://www.immigration.govt.nz/new-zealand-visas/apply-for-a-visa/tools-and-information/forms-and-guides/visit
กดเข้าไปดูปุ๊บ เยอะจังวะ แต่น้าบอก อ่านดูดีๆ กรอกจริงๆ ไม่กี่แผ่นหรอก แล้วก็ไปถ่ายรูปมาแปะใน form ด้วยนะ สรุปยังไม่ได้ ทำ visa ในวันที่ได้ passport เพราะไม่มีรูป แล้วก็ไปขอ statement หรือ ใบรับรองเงินเดือนพ่อแม่ ซึ่งก็ใช้เวลาอีกวันนึง ในช่วงนี้ก็เลยไปซื้อของที่เตรียมจะเอาไปใช้และเอาไปฝากน้าที่นู่นพลางๆ ก่อน วันรุ่งขึ้นถึงได้ทำ visa สักที เย้ !
ผมไปทำ visa NZ ด้วยตัวเอง ไม่ได้ผ่านนายหน้า ที่ ITF Tower ชั้น 19 จะใกล้ BTS ช่องนนทรีที่สุด หาไม่ยาก ตึกสูงมาก
ขึ้น lift มาชั้น19 ไวมากจนตกใจ เลี้ยวขวา จะมี จนท.ให้เซ็นชื่อและบอกว่ามาสอบถาม หรือมาทำ visa หรือมาทำอะไร ยื่นเอกสารอะไรครบเรียบร้อย รวมค่า visa net 5,650 บาท จนท. บอกว่ารอ 8-10 วัน รอต่อไปจ้า ยื่นวันที่ 21 June ใช้เวลา 10 วันก็วันที่ 1 July พอดี ก็เลยตัดสินใจ กดซื้อตั๋วเครื่องบินเลย บินวันที่ 2 July กลับ 30 July แล้วส่งใบจองตั๋วตามไปทีหลัง
ผ่านไปไม่กี่วัน มีโทรศัพท์มาบอกว่า ได้ visa แล้วนะคะ มารับได้เลย ในวันที่ 27 June เอ้อ เร็วดีแหะ จากนั้นก็ทำประกันภัยการเดินทาง และซื้อของจำเป็น เช่น ขาตั้งกล้องและ power bank
3. Booking Flight
ผ่าน
https://www.emirates.com/th/English/
อธิบาย
ขาไป BKK-AKL นั่ง Airbus A380 พักเครื่องที่ SYD แล้วค่อยต่อไป AKL จริงๆก็คือ มีคนมาขึ้นมาลงเพิ่มนั่นแหละ จากนั้น transit ไป Domestic Jetstar Airbus A320 ลง WLG
รวม ขาไป 13.35+3.55+1.05 =18.35 ชม.
ขากลับ เร็วกว่าหน่อย ไม่มีพักเครื่อง
WLG-SYD โดย Boeing 737
แล้ว transit SYD-BKK โดย A330
ขากลับ 3.45+1.40+9.50 = 15.15 ชม.
ขนของกี่ใบก็ได้ไม่เกิน 30 kg และ carry on 7 kg
ผมขนพวกที่มันแตกง่ายๆ กับ Notebook ขึ้นเครื่อง จะได้สบายใจหน่อย
ส่วน load ใต้เครื่อง เกิน 30 kg มาไม่ถึง 500 g เขาก็ไม่ว่าอะไรนะปล่อยผ่านไป
4. เตรียมของ
พอรู้ว่าเป็น ฤดูหนาว ก็เลยไปเช็ค พยากรณ์อากาศทั้งเดือน อู้หูวว ไม่มีเกิน15 องศาเลยวุ้ยยย เกาะใต้ยิ่งต่ำกว่านี้อีก รีบหาชุดกันหนาวเลยครับ long john ทั้งชีวิตไม่เคยใส่ ก็ได้ใส่งานนี้ล่ะ
อุปกรณ์ถ่ายรูปหลักจะเป็นมือถือ Huawei p9 สีแดงแรงฤทธิ์ กับ Lumia 920 เป็นเครื่องสำรองแทบไม่ได้ใช้เลยแต่พกไว้ และ iPad กับ hp pavilion รุ่นเก่าหลายปีละ มีขาตั้งกล้องหนวดปลาหมึก พอถูๆ ไถๆ หนีบนู่นนี่และตั้งเวลาถ่ายได้
แลกเงินไป อัตรา 1$NZ = 25 Baht
5. Check-in online/booking seat
ถ้าจ่ายตังปุ๊บ แล้วจะจองที่นั่งเลย ต้องจ่าย 800 บาท ถ้าไม่จ่าย ต้องรอก่อนบิน 2 วัน ผมก็รอ 2 วันก่อนบิน จองแถวริมหน้าต่างเลยครับ แต่ลืมไป บินกลางคืนนี่หว่า ไม่เป็นไร มองเห็นตอนเช้าก็ได้ ฮ่าๆ
ออกเดินทาง !!!
ใช้รูปนี้เป็นพื้นหลังโทรศัพท์ ก๊อปอากู๋มา
2 July-I can fly
ดีเล 20 นาทีครับผม ด้วยเครื่อง A380 และฝนตกปรอยๆ ลำนี้โคตรพีคเลยครับ เลยเอาลำนี้เป็นมาตรฐานของเครื่องบินของผมไปละ (มารู้ทีหลังว่านี่ตัว top ละ ) ทั้งแถวก็นั่งคนเดียว สบายไปอีก และแน่นอน air น่ารักมากกก
Take off ครั้งแรกรู้สึกแปลกมาก เหมือนรถซิ่งและถูกบีบด้วย รู้สึกว่าเส้นเลือดมันถูกบีบ แปลกดี น้ำบนเครื่องออกจากสุวรรณภูมิ ใช้ mi-ne ก็รู้สึกชินดี พอถึง Sydney ก็ใช้น้ำ made in Australia
มื้อแรก-บิน 2ทุ่ม อาหารมา 4 ทุ่ม ถือว่าใช้ได้
Wine Australia ขอได้เรื่อยๆ
A380 พีคตรงนี้ละครับ
จากนั้นก็มี อาหารมาเรื่อยๆ ทุกสองสามชั่วโมง ระบบไฟเจ๋งมากเลย อยากได้ไว้ที่บ้านบ้าง จากนั้นก็หลับๆ ตื่นๆ จนถึง Sydney
3 July-I can fly / Transit at Sydney
ถึง SYD 7.40 บินต่อไป AKL 9.25 ตอน Transit International งงสิครับ ไปไม่เป็น ยังดีที่เอะใจ และถามคนหน้าคุ้นๆ ที่เคยเจอบนเครื่อง ต้องตรวจของ carry on อีกรอบ ตรวจเยอะเหมือนเดิม
ยามเช้า ที่ Auckland
มื้อเที่ยง lamb sausage
Landing ที่ Auckland แล้วก็รอเปลี่ยนเครื่องไป Wellington แต่มันไม่ใช่แค่นั้น ผมต้อง declare ของที่ขนมาด้วย ผมขนพวกปลาหมึกแห้ง ขนมไทยไปฝากด้วย เปิดมันทุกกระเป๋าเลยครับผม เตรียมให้ละเอียดว่าอะไรห้ามเข้า ไม่ให้ปุ๊บ ทิ้งทันที ต้องซื้ออาหารที่มันมีบอกชื่อบอกว่ามันคืออะไร เป็นภาษาอังกฤษ มีโรงงานผลิตชัดเจนยิ่งดี จะได้ไม่ถามเยอะ
จากนั้นไปเปลี่ยนเครื่อง ต้องขนของไปอาคาร domestic อาคารนี้แทบไม่มี พนง.เลย มีเครื่องให้จิ้มๆ print tag / print bording pass จากเครื่องด้วยตัวเองได้เลย พนง.คอยรับกระเป๋า และแก้ปัญหาอย่างเดียว เท่าที่นับ มี 5 คนเอง
จากนั้น เดินเล่นแล้วก็รออีก 2 ชั่วโมงกว่าก็ถึง Wellington แล้ววว สนามบินที่นี่เล็กมากกกก
พอถึง WLG ซื้อของกินนิดหน่อย แล้วก็อาบน้ำนอน first time ในบ้านที่ต่างประเทศ มันแบบ ทุกอย่างเย็นไปหมดอ่ะ โต๊ะกินข้าวเย็น กระจกเย็นเจี๊ยบ เก้าอี้ยังเย็น ห้องน้ำไม่ต้องพูดถึง มี heater อยู่แทบทุกห้อง รวมถึงห้องนอน ผมคุ้นเคยกับพัดลมมั้ง เลยไม่ชินที่ไม่มีพัดลมสักตัวในบ้าน หายใจออกกันได้อย่างไร อึดอัดจะตาย ฮ่าๆ
4 July
ทำ sim traveler แล้วซื้อของกิน เดินห้างนิดหน่อย กลับบ้านนอน จบ.
5 July
Break fast ริมทะเล ไม่สิ ต้องเรียกว่าอ่าว
จานนี้ปลาหมึกทอด จิ้มซอสอะไรไม่รู้ 18 $
ร้านอาหารแทบทุกร้านที่นี่จะมี heater และคนก็มักจะนั่งให้มันห่างๆ ประตู เพราะ
เปิดมาที วูบที
รูปล่างคือนั่งอยู่ในร้าน แต่ไม่มีใครนั่งเลย ลมโคตรแรง
แล้วก็ไป shopping ชุด long john มี promotion พอดี 2ตัว 40 $
6 July
นั่งรถไฟครั้งแรก คนน้อยมากก อาจเพราะไม่ใช่ช่วงเร่งด่วนละมั้ง ตั๋วมีหลายแบบ เท่าที่จำได้จะมี จ่ายสด ครั้งต่อครั้ง/ ตั๋วนับเที่ยว ขึ้นที่ไหนลงที่ไหนก็ได้ / weekend แล้วก็จะมีตารางเวลาบอก มีป้าย บอกว่าอีกกี่นาทีรถไฟจะมา
วัน เสาร์ อาทิตย์ คือ วันหยุดจริงๆ หยุดอยู่บ้านกัน ร้านค้าปิดกันเยอะมาก (ถ้าไม่ใช่ห้างใหญ่ๆ)
ไปห้างอีกที่ สินค้า idea ดีๆ แปลกๆ เยอะเลย
รูปล่าง ที่นี่การใช้จ่ายแทบทั้งหมดจะผ่านบัตร ไม่ว่าจะร้านในห้าง หรือร้านสะดวกซื้อข้างทาง แต่มีเงินสดมา เขาก็ยังรับนะ แต่ถ้า ต้องทอนเงินเยอะๆ ก็จะมีมองหน้าบ้าง...ไม่ใช่นะ คนที่นี่น่ารัก แต่ถ้าไปขึ้นรถเมล์ 3.50$ จ่ายแบงค์ 100 งี้ โวยแน่นอน รถเมล์ก็ยังใช้บัตรนะ ติ๊ดบัตรตอนขึ้น แล้วก็ติ๊ดตอนลง หรือไม่ก็บอก คนขับรถ ลงที่นี่ ก็จะคิดตังทอนตังให้เรา โดยมีเครื่องกดปุ่มอยู่ตรงนั้นเลย และรถเมล์ รถไฟ มาตรงเวลาเป๊ะๆ ไอเราก็อยากให้มาช้กสักนาทีสองนาทีบ้าง กำลังเดินแต่หาป้ายไม่เจอ ขับไปต่อหน้าเลย เจ็บใจ วันที่รถมันมีเยอะๆ ก็ไมคิดอะไรหรอก แต่พอมันเริ่มมืด มันก็เริ่มหนาวนี่สิ...
แล้วก็ไป shopping ของกินอีกเหมือนเดิม ได้เจ้านี่มาลอง
เทียบราคาแล้ว ตัวนึงประมาณ 5 บาท ครับ FIVE BAHT !! เมืองไทยขายเท่าไรน้อออ...อันนี้กวนตีนครับ ฮ่าๆ
First time in New Zealand เที่ยวคนเดียวครั้งแรก นาน 1 เดือน ในฤดูหนาว
ผมรู้ตัวว่าจะได้ไป New Zealand 1 เดือนเนี่ย ก่อนวันบินประมาณ 14 วัน ภายใน 14 วันนี้ ผมต้องทำใหม่ทุกอย่าง ตั้งแต่ passport, visa, booking, check-in, จัดของ,บอกเพื่อนฝูง,เตรียมใจ และเตรียมเงิน อ้อลืมไป ไม่มีวางแผนเที่ยวอะไรทั้งนั้น ด้นสด คิดเอาที่นู่น
ผมจะเขียนบรรยาย อธิบาย ความรู้สึก และเกร็ดความรู้เกือบทุกเหตุการณ์ที่ผมเจอเลยนะครับ จะได้มีความรู้สึกเช่นเดียวกับผม (ละเอียดยิบ) ก่อนอื่นเลย New Zealand เนี่ยมันอยู่ใกล้ขั้วโลกใต้มากๆ อากาศค่อนข้างหนาว และแถม ‘ลมโคตรแรง’ พายุเข้าบ่อย และอากาศแปรปรวนมากเข้าไปด้วย เพราะเป็นเกาะอยู่โดดๆ ภูมิประเทศจะเป็นภูเขา ลองนึกภาพ เขาค้อ ภูทับเบิก ถนนจะขึ้นๆลงๆ เป็นแบบนี้ทั้งประเทศเลย ผมไปช่วงเดือน กรกฎาคม เป็นฤดูหนาวอีก ลมแรงอีก หนาวตัวปลิวเลยทีนี้
ผมไปเที่ยวคนเดียว แน่นอน ไม่ได้ขับรถแน่นอน ตลอด trip นี้ผมก็จะมีทั้ง เดิน นั่งรถ นั่งเรือ นั่งเครื่องบิน และไปกับทัวร์ นับว่าครบทุกอรรถรสเลยทีเดียว ขาดแต่ใต้น้ำ ฮ่าๆๆ
ช่วงแรกจะเป็นการเตรียมตัวพวก ขอ visa , booking กับช่วงที่ไปเที่ยว <วาร์ปไปข้างล่างได้เลย>
Trip นี้จะไปเที่ยวในเมือง Wellington Rotorua และ Queenstown เป็นหลัก มีแวะไปเมืองอื่นบ้าง แต่ไม่เยอะเท่าไร
เอ้า 3...4
1.ทำ passport ก่อนเลย รีบเข้า web เช็คเลย ทำที่ไหนได้บ้าง และต้องได้เร็วที่สุดด้วย ก็จะมีอยู่ที่กรมการกงสุล แจ้งวัฒนะ แบบเร็วที่สุดคือทำก่อน 12.00 รับภายใน 16.30 ในวันเดียวกัน ราคา 3,000 บาท หรือ แบบ 2 วัน ทำก่อน 12.00 รับวันรุ่งขึ้น 9.00 ราคา 2,000 บาท ผมเลยเลือกแบบ 2 วัน เพราะวางแผนว่าทำวันนี้ ก่อน 12.00 แล้วไปเอาพรุ่งนี้เช้า ไปทำ visa ตอนบ่ายเลย
https://travel.mthai.com/travel_tips/142084.html
2. Visa
ในช่วงนี้ก็ plan ต่อว่าจะบินวันไหน กลับวันไหนดี โดยจองผ่านเว็บของ emirates ซึ่งจะบินให้เร็วที่สุดหลังจาก visa ผ่าน ก็เข้า web หาว่า visa NZ ใช้เวลากี่วัน ยุ่งยากมั้ย ทำอย่างไรบ้าง ราคาเท่าไร เปิดมันทั้งคืนเลย
//คือที่เจาะจงไปที่ NZ เนี่ย เพราะว่ามีญาติคนไทย ทำงานอยู่ที่นู่น ได้ citizen ที่นู่น ไปนอนบ้านเขาจะได้ประหยัดในระดับนึง (เอาเงินไป ซื้อกินซื้อของฝากแทน) เลยได้คำแนะนำมาเยอะเลยทีเดียว
web ที่เข้าใจง่าย ในการทำ visa แต่พวก fee ยังไม่ตรงนะ
http://www.orientavista.com/index.php/visa-th/232-new-zealand-visa
ผมไปเที่ยวอย่างเดียวและคนเดียว ก็ใช้แค่ form เดียว คือ visitor visa 1017
หา form อื่นๆได้ที่https://www.immigration.govt.nz/new-zealand-visas/apply-for-a-visa/tools-and-information/forms-and-guides/visit
กดเข้าไปดูปุ๊บ เยอะจังวะ แต่น้าบอก อ่านดูดีๆ กรอกจริงๆ ไม่กี่แผ่นหรอก แล้วก็ไปถ่ายรูปมาแปะใน form ด้วยนะ สรุปยังไม่ได้ ทำ visa ในวันที่ได้ passport เพราะไม่มีรูป แล้วก็ไปขอ statement หรือ ใบรับรองเงินเดือนพ่อแม่ ซึ่งก็ใช้เวลาอีกวันนึง ในช่วงนี้ก็เลยไปซื้อของที่เตรียมจะเอาไปใช้และเอาไปฝากน้าที่นู่นพลางๆ ก่อน วันรุ่งขึ้นถึงได้ทำ visa สักที เย้ !
ผมไปทำ visa NZ ด้วยตัวเอง ไม่ได้ผ่านนายหน้า ที่ ITF Tower ชั้น 19 จะใกล้ BTS ช่องนนทรีที่สุด หาไม่ยาก ตึกสูงมาก
ขึ้น lift มาชั้น19 ไวมากจนตกใจ เลี้ยวขวา จะมี จนท.ให้เซ็นชื่อและบอกว่ามาสอบถาม หรือมาทำ visa หรือมาทำอะไร ยื่นเอกสารอะไรครบเรียบร้อย รวมค่า visa net 5,650 บาท จนท. บอกว่ารอ 8-10 วัน รอต่อไปจ้า ยื่นวันที่ 21 June ใช้เวลา 10 วันก็วันที่ 1 July พอดี ก็เลยตัดสินใจ กดซื้อตั๋วเครื่องบินเลย บินวันที่ 2 July กลับ 30 July แล้วส่งใบจองตั๋วตามไปทีหลัง
ผ่านไปไม่กี่วัน มีโทรศัพท์มาบอกว่า ได้ visa แล้วนะคะ มารับได้เลย ในวันที่ 27 June เอ้อ เร็วดีแหะ จากนั้นก็ทำประกันภัยการเดินทาง และซื้อของจำเป็น เช่น ขาตั้งกล้องและ power bank
3. Booking Flight
ผ่าน https://www.emirates.com/th/English/
อธิบาย
ขาไป BKK-AKL นั่ง Airbus A380 พักเครื่องที่ SYD แล้วค่อยต่อไป AKL จริงๆก็คือ มีคนมาขึ้นมาลงเพิ่มนั่นแหละ จากนั้น transit ไป Domestic Jetstar Airbus A320 ลง WLG
รวม ขาไป 13.35+3.55+1.05 =18.35 ชม.
ขากลับ เร็วกว่าหน่อย ไม่มีพักเครื่อง
WLG-SYD โดย Boeing 737
แล้ว transit SYD-BKK โดย A330
ขากลับ 3.45+1.40+9.50 = 15.15 ชม.
ขนของกี่ใบก็ได้ไม่เกิน 30 kg และ carry on 7 kg
ผมขนพวกที่มันแตกง่ายๆ กับ Notebook ขึ้นเครื่อง จะได้สบายใจหน่อย
ส่วน load ใต้เครื่อง เกิน 30 kg มาไม่ถึง 500 g เขาก็ไม่ว่าอะไรนะปล่อยผ่านไป
4. เตรียมของ
พอรู้ว่าเป็น ฤดูหนาว ก็เลยไปเช็ค พยากรณ์อากาศทั้งเดือน อู้หูวว ไม่มีเกิน15 องศาเลยวุ้ยยย เกาะใต้ยิ่งต่ำกว่านี้อีก รีบหาชุดกันหนาวเลยครับ long john ทั้งชีวิตไม่เคยใส่ ก็ได้ใส่งานนี้ล่ะ
อุปกรณ์ถ่ายรูปหลักจะเป็นมือถือ Huawei p9 สีแดงแรงฤทธิ์ กับ Lumia 920 เป็นเครื่องสำรองแทบไม่ได้ใช้เลยแต่พกไว้ และ iPad กับ hp pavilion รุ่นเก่าหลายปีละ มีขาตั้งกล้องหนวดปลาหมึก พอถูๆ ไถๆ หนีบนู่นนี่และตั้งเวลาถ่ายได้
แลกเงินไป อัตรา 1$NZ = 25 Baht
5. Check-in online/booking seat
ถ้าจ่ายตังปุ๊บ แล้วจะจองที่นั่งเลย ต้องจ่าย 800 บาท ถ้าไม่จ่าย ต้องรอก่อนบิน 2 วัน ผมก็รอ 2 วันก่อนบิน จองแถวริมหน้าต่างเลยครับ แต่ลืมไป บินกลางคืนนี่หว่า ไม่เป็นไร มองเห็นตอนเช้าก็ได้ ฮ่าๆ
ออกเดินทาง !!!
ใช้รูปนี้เป็นพื้นหลังโทรศัพท์ ก๊อปอากู๋มา
2 July-I can fly
ดีเล 20 นาทีครับผม ด้วยเครื่อง A380 และฝนตกปรอยๆ ลำนี้โคตรพีคเลยครับ เลยเอาลำนี้เป็นมาตรฐานของเครื่องบินของผมไปละ (มารู้ทีหลังว่านี่ตัว top ละ ) ทั้งแถวก็นั่งคนเดียว สบายไปอีก และแน่นอน air น่ารักมากกก
Take off ครั้งแรกรู้สึกแปลกมาก เหมือนรถซิ่งและถูกบีบด้วย รู้สึกว่าเส้นเลือดมันถูกบีบ แปลกดี น้ำบนเครื่องออกจากสุวรรณภูมิ ใช้ mi-ne ก็รู้สึกชินดี พอถึง Sydney ก็ใช้น้ำ made in Australia
มื้อแรก-บิน 2ทุ่ม อาหารมา 4 ทุ่ม ถือว่าใช้ได้
Wine Australia ขอได้เรื่อยๆ
A380 พีคตรงนี้ละครับ
จากนั้นก็มี อาหารมาเรื่อยๆ ทุกสองสามชั่วโมง ระบบไฟเจ๋งมากเลย อยากได้ไว้ที่บ้านบ้าง จากนั้นก็หลับๆ ตื่นๆ จนถึง Sydney
3 July-I can fly / Transit at Sydney
ถึง SYD 7.40 บินต่อไป AKL 9.25 ตอน Transit International งงสิครับ ไปไม่เป็น ยังดีที่เอะใจ และถามคนหน้าคุ้นๆ ที่เคยเจอบนเครื่อง ต้องตรวจของ carry on อีกรอบ ตรวจเยอะเหมือนเดิม
ยามเช้า ที่ Auckland
มื้อเที่ยง lamb sausage
Landing ที่ Auckland แล้วก็รอเปลี่ยนเครื่องไป Wellington แต่มันไม่ใช่แค่นั้น ผมต้อง declare ของที่ขนมาด้วย ผมขนพวกปลาหมึกแห้ง ขนมไทยไปฝากด้วย เปิดมันทุกกระเป๋าเลยครับผม เตรียมให้ละเอียดว่าอะไรห้ามเข้า ไม่ให้ปุ๊บ ทิ้งทันที ต้องซื้ออาหารที่มันมีบอกชื่อบอกว่ามันคืออะไร เป็นภาษาอังกฤษ มีโรงงานผลิตชัดเจนยิ่งดี จะได้ไม่ถามเยอะ
จากนั้นไปเปลี่ยนเครื่อง ต้องขนของไปอาคาร domestic อาคารนี้แทบไม่มี พนง.เลย มีเครื่องให้จิ้มๆ print tag / print bording pass จากเครื่องด้วยตัวเองได้เลย พนง.คอยรับกระเป๋า และแก้ปัญหาอย่างเดียว เท่าที่นับ มี 5 คนเอง
จากนั้น เดินเล่นแล้วก็รออีก 2 ชั่วโมงกว่าก็ถึง Wellington แล้ววว สนามบินที่นี่เล็กมากกกก
พอถึง WLG ซื้อของกินนิดหน่อย แล้วก็อาบน้ำนอน first time ในบ้านที่ต่างประเทศ มันแบบ ทุกอย่างเย็นไปหมดอ่ะ โต๊ะกินข้าวเย็น กระจกเย็นเจี๊ยบ เก้าอี้ยังเย็น ห้องน้ำไม่ต้องพูดถึง มี heater อยู่แทบทุกห้อง รวมถึงห้องนอน ผมคุ้นเคยกับพัดลมมั้ง เลยไม่ชินที่ไม่มีพัดลมสักตัวในบ้าน หายใจออกกันได้อย่างไร อึดอัดจะตาย ฮ่าๆ
4 July
ทำ sim traveler แล้วซื้อของกิน เดินห้างนิดหน่อย กลับบ้านนอน จบ.
5 July
Break fast ริมทะเล ไม่สิ ต้องเรียกว่าอ่าว
จานนี้ปลาหมึกทอด จิ้มซอสอะไรไม่รู้ 18 $
ร้านอาหารแทบทุกร้านที่นี่จะมี heater และคนก็มักจะนั่งให้มันห่างๆ ประตู เพราะ
เปิดมาที วูบที
รูปล่างคือนั่งอยู่ในร้าน แต่ไม่มีใครนั่งเลย ลมโคตรแรง
แล้วก็ไป shopping ชุด long john มี promotion พอดี 2ตัว 40 $
6 July
นั่งรถไฟครั้งแรก คนน้อยมากก อาจเพราะไม่ใช่ช่วงเร่งด่วนละมั้ง ตั๋วมีหลายแบบ เท่าที่จำได้จะมี จ่ายสด ครั้งต่อครั้ง/ ตั๋วนับเที่ยว ขึ้นที่ไหนลงที่ไหนก็ได้ / weekend แล้วก็จะมีตารางเวลาบอก มีป้าย บอกว่าอีกกี่นาทีรถไฟจะมา
วัน เสาร์ อาทิตย์ คือ วันหยุดจริงๆ หยุดอยู่บ้านกัน ร้านค้าปิดกันเยอะมาก (ถ้าไม่ใช่ห้างใหญ่ๆ)
ไปห้างอีกที่ สินค้า idea ดีๆ แปลกๆ เยอะเลย
รูปล่าง ที่นี่การใช้จ่ายแทบทั้งหมดจะผ่านบัตร ไม่ว่าจะร้านในห้าง หรือร้านสะดวกซื้อข้างทาง แต่มีเงินสดมา เขาก็ยังรับนะ แต่ถ้า ต้องทอนเงินเยอะๆ ก็จะมีมองหน้าบ้าง...ไม่ใช่นะ คนที่นี่น่ารัก แต่ถ้าไปขึ้นรถเมล์ 3.50$ จ่ายแบงค์ 100 งี้ โวยแน่นอน รถเมล์ก็ยังใช้บัตรนะ ติ๊ดบัตรตอนขึ้น แล้วก็ติ๊ดตอนลง หรือไม่ก็บอก คนขับรถ ลงที่นี่ ก็จะคิดตังทอนตังให้เรา โดยมีเครื่องกดปุ่มอยู่ตรงนั้นเลย และรถเมล์ รถไฟ มาตรงเวลาเป๊ะๆ ไอเราก็อยากให้มาช้กสักนาทีสองนาทีบ้าง กำลังเดินแต่หาป้ายไม่เจอ ขับไปต่อหน้าเลย เจ็บใจ วันที่รถมันมีเยอะๆ ก็ไมคิดอะไรหรอก แต่พอมันเริ่มมืด มันก็เริ่มหนาวนี่สิ...
แล้วก็ไป shopping ของกินอีกเหมือนเดิม ได้เจ้านี่มาลอง
เทียบราคาแล้ว ตัวนึงประมาณ 5 บาท ครับ FIVE BAHT !! เมืองไทยขายเท่าไรน้อออ...อันนี้กวนตีนครับ ฮ่าๆ