นายกฯนำปชช.ทุกภาคส่วนร่วมประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านคอร์รัปชัน
นายกรัฐมนตรี เป็นประธานประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านคอร์รัปชัน ในงานวันต่อต้านคอร์รัปชั่นสากล(ประเทศไทย) ย้ำการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน ต้องเริ่มจากตนเองและครอบครัวก่อนขยายไปสู่สังคมในวงกว้าง เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเกิดผลเป็นรูปธรรมและยั่งยืน
วันนี้ (9 ธ.ค.2560) เวลา 09.30 น. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีประกาศเจตนารมณ์การต่อต้านคอร์รัปชัน ในงานวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) ภายใต้แนวคิด "Zero Tolerance คนไทยไม่ทนต่อการทุจริต" พร้อมกันทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค เพื่อแสดงเจตนารมณ์ของผู้นำทางการเมืองร่วมกับภาคีทุกภาคส่วนที่มีความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาการทุจริตอย่างต่อเนื่องและปลุกกระแสสังคมทึ่ไม่ทนต่อการทุจริต มุ่งยกระดับค่าดัชนีการรับการทุจริต (CPI) โดยมี ผู้แทนจากภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้แทนองค์การสหประชาชาติ ภาคประชาชน และสื่อมวลชนเข้าร่วมงาน ณ ห้องแกรนด์ ไดมอนด์ บอลรูม ศูนย์การประชุมอิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี
สำหรับการจัดงานดังกล่าว สืบเนื่องจากที่ประชุมใหญ่สมัชชาสหประชาชาติ (The United Nations : UN) ประกาศให้วันที่ 9 ธันวาคม ของทุกปีเป็นวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (International Anti -Corruption) ในปีนี้รัฐบาลได้ร่วมกับสำนักงาน ป.ป.ช. สำนักงาน ป.ป.ท. องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) และภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนจัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) ภายใต้แนวคิด "Zero Tolerance คนไทยไม่ทนต่อการทุจริต" ขึ้น เพื่อกระตุ้นจิตสำนึกให้สังคมและทุกภาคส่วนไม่ยอมรับและไม่ทนต่อการทุจริต และน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้เป็นหลักในการดำเนินชีวิตให้มีคุณภาพที่ดี มุ่งวิสัยทัศน์ “ประเทศไทยใสสะอาด ไทยทั้งชาติต้านทุจริต” (Zero Tolerance & Clean Thailand) ตามแนวทางการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3 อย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งตระหนักในผลเสียหายร้ายแรงที่เกิดขึ้นจากการทุจริต ซึ่งสถานการณ์การทุจริตในประเทศขณะนี้จากคะแนะดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index, CPI) สำรวจโดยองค์กรเพื่อความโปรงใสนานาชาติ พบว่าประเทศไทยในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ พ.ศ. 2538 - 2559 ทรงตัวอยู่ในระดับสูงกว่า 3 หรือ 30 แต่ต่ำกว่า 4 หรือ 40 มาโดยตลอด ขณะที่เมื่อพิจารณาค่าคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต ในปี พ.ศ. 2559 ของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ปรากฏว่า 2 ใน 3 จาก 176 ประเทศทั่วโลก ได้คะแนนต่ำกว่า 50 คะแนน สะท้อนให้เห็นว่าปัญหาการทุจริตเป็นปัญหาที่ทุกประเทศทั่วโลกต้องร่วมมือกันแก้ไขอย่างจริงจังและต่อเนื่อง
อีกทั้ง นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวเน้นย้ำว่า การแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน สิ่งสำคัญต้องเริ่มทำจากตนเองและครอบครัวก่อนขยายนำไปสู่การปฏิบัติของคนในสังคมทั้งในโรงเรียน ชุมชน และประเทศ ขณะเดียวกันการดำเนินโครงการต่าง ๆ ทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชนทุกขั้นตอนต้องมีกระบวนการตรวจสอบการทุจริตทุกให้เกิดความโปร่งใส เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจให้เกิดขึ้นในสังคม อันจะสามารถลดและป้องกันปัญหาความขัดแย้งเกิดขึ้นอีก
ในต้อนท้าย นายกรัฐมนตรี ได้นำคนไทยทั่วประเทศและผู้ร่วมงานประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านคอร์รัปชัน โดยกล่าวพร้อมกันว่า จะประพฤติปฏิบัติตนด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่กระทำการทุจริต จะยึดมั่นใจความยุติธรรม ถือประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน จะปกป้องเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยจิตอาสา พร้อมทำความดีด้วยหัวใจ
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมชมนิทรรศการและร่วมกิจกรรมต่อต้านการทุจริต ณ บริเวณหน้าห้องชุม ซึ่งจัดแสดงไว้เพื่อสร้างการรับรู้และความตื่นตัวต่อผลกระทบที่เกิดจากการทุจริต รวมทั้งสร้างพลังทางสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต และสร้างการรับรู้ว่ารัฐบาลให้ความสำคัญและความพยายามในการแก้ไขปัญหาการทุจริต ก่อนเดินทางกลับ
http://m.thansettakij.com/content/240595
ประธาน ป.ป.ช. เชื่อมั่นในอีก 2 ถึง 3 ปีข้างหน้าการทุจริตจะลดลง
9 ธ.ค.60-พลตำรวจเอกวัชระพล ประสานราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่ชาติ หรือ ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ภายหลังการปล่อยขบวนรถ ขสมก. ต้านทุจริต เนื่องในต่อต้านคอร์รัปชั่นสากล 9 ธันวาคม 2560 ว่า หลังมีการรณรงค์และสร้างค่านิยมการต่อต้านการทุจริต ทำให้ประชาชนมั่นใจการทำงานของ ป.ป.ช.มากขึ้น เห็นได้จากการที่ประชาชนยื่นเรื่องร้องเรียนเพิ่มขึ้นต่อเดือนประมาณ 500 เรื่อง ดังนั้นเจ้าหน้าที่จะต้องทำงานอย่างจริงจัง ตรวจสอบเพื่อนำตัวผู้กระทำการทุจริตมาลงโทษ เชื่อว่าในอีก 2 ถึง 3 ปี ข้างหน้าการทุจริตก็จะลดลง เพราะทุกฝ่ายช่วยกันเป็นหูเป็นตา และให้ความร่วมมือในการแจ้งเบาะแส พร้อมตั้งเป้าภาพรวมของการใช้งบประมาณการต่อต้านการทุจริตต้องลดการทุจริตได้ร้อยละ 10 ในปีหน้า
ด้านความคืบหน้าการตรวจสอบนาฬิกาหรู และแหวน ของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พลตำรวจเอกวัชระพล กล่าวว่า ขั้นตอนการส่งหนังสือเพื่อให้ พลเอก ประวิตร เข้าชี้แจงนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการของนายวรวิทย์ สุขบุญ รองเลขาธิการ ป.ป.ช. รักษาราชการแทน เลขาธิการ ป.ป.ช. ซึ่ง พลเอกประวิตร จะเดินทางมาชี้แจงด้วยตนเอง หรือ ส่งคำชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรก็ได้ ส่วนที่สังคมมีการเปรียบเทียบมาตรฐานการตรวจสอบ กรณีของ พลเอกประวิตร กับ กรณีนาฬิกาของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นั้น ต้องรอให้พลเอกประวิตรได้ชี้แจงก่อน จึงจะนำข้อมูลวิเคราะห์ได้ ยืนยันว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ ไม่สามารถเร่งรัดได้ และยืนยันว่า ไม่รู้สึกหนักใจต่อการตรวจสอบในเรื่องนี้ แม้หลายฝ่ายจะตั้งข้อสังเกตว่า ส่วนตัวมีความสนิทสนมและคุ้นเคยกับพลเอก..ประวิตร เข้าชี้แจงนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการของนายวรวิทย์ สุขบุญ รองเลขาธิการ ป.ป.ช. รักษาราชการแทน เลขาธิการ ป.ป.ช. ซึ่ง พลเอกประวิตร จะเดินทางมาชี้แจงด้วยตนเอง หรือ ส่งคำชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรก็ได้ ส่วนที่สังคมมีการเปรียบเทียบมาตรฐานการตรวจสอบ กรณีของ พลเอกประวิตร กับ กรณีนาฬิกาของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นั้น ต้องรอให้พลเอกประวิตรได้ชี้แจงก่อน จึงจะนำข้อมูลวิเคราะห์ได้ ยืนยันว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ ไม่สามารถเร่งรัดได้ และยืนยันว่า ไม่รู้สึกหนักใจต่อการตรวจสอบในเรื่องนี้ แม้หลายฝ่ายจะตั้งข้อสังเกตว่า ส่วนตัวมีความสนิทสนมและคุ้นเคยกับพลเอกประวิตรมาก่อนก็ตาม
http://www.thansettakij.com/content/240533
การที่เรื่องทุจริตเพิ่มมากขึ้นในปี 2559 ที่ผ่านมานี้..
เชื่อว่าประชาชนและทุกคนมีความเชื่อมั่นในรัฐบาลยุคนี้
ได้แจ้งข้อมูลการทุจริตมาให้ตรวจสอบมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องดีมากกว่าเสีย
ในอนาคตเรื่องทุจริตจะลดลงไปก็ติดตามกันต่อไปค่ะ ว่าจะทำได้หรือไม่
ส่วนเรื่องนาฬิกาของพลเอกประวิตร ก็ต้องติดตามการชี้แจงต่อไป
เรื่องนาฬิกาของอดีตนายกฯหญิงนั้นดิฉันเพิ่งทราบและจะลองตามข่าวมาให้อ่านกันค่ะ
ตื่นเช้าออกมาวิ่งออกกำลังกายกันนะคะ ใส่บาตรกันด้วยค่ะ
@~มาลาริน~**👌❌นายกฯนำปชช.ทุกภาคส่วนร่วมประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านคอร์รัปชันเชื่อมั่นในอีก 2 ถึง 3 ปีข้างหน้าการทุจริตจะลดลง
นายกรัฐมนตรี เป็นประธานประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านคอร์รัปชัน ในงานวันต่อต้านคอร์รัปชั่นสากล(ประเทศไทย) ย้ำการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน ต้องเริ่มจากตนเองและครอบครัวก่อนขยายไปสู่สังคมในวงกว้าง เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเกิดผลเป็นรูปธรรมและยั่งยืน
วันนี้ (9 ธ.ค.2560) เวลา 09.30 น. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีประกาศเจตนารมณ์การต่อต้านคอร์รัปชัน ในงานวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) ภายใต้แนวคิด "Zero Tolerance คนไทยไม่ทนต่อการทุจริต" พร้อมกันทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค เพื่อแสดงเจตนารมณ์ของผู้นำทางการเมืองร่วมกับภาคีทุกภาคส่วนที่มีความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาการทุจริตอย่างต่อเนื่องและปลุกกระแสสังคมทึ่ไม่ทนต่อการทุจริต มุ่งยกระดับค่าดัชนีการรับการทุจริต (CPI) โดยมี ผู้แทนจากภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้แทนองค์การสหประชาชาติ ภาคประชาชน และสื่อมวลชนเข้าร่วมงาน ณ ห้องแกรนด์ ไดมอนด์ บอลรูม ศูนย์การประชุมอิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี
สำหรับการจัดงานดังกล่าว สืบเนื่องจากที่ประชุมใหญ่สมัชชาสหประชาชาติ (The United Nations : UN) ประกาศให้วันที่ 9 ธันวาคม ของทุกปีเป็นวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (International Anti -Corruption) ในปีนี้รัฐบาลได้ร่วมกับสำนักงาน ป.ป.ช. สำนักงาน ป.ป.ท. องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) และภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนจัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) ภายใต้แนวคิด "Zero Tolerance คนไทยไม่ทนต่อการทุจริต" ขึ้น เพื่อกระตุ้นจิตสำนึกให้สังคมและทุกภาคส่วนไม่ยอมรับและไม่ทนต่อการทุจริต และน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้เป็นหลักในการดำเนินชีวิตให้มีคุณภาพที่ดี มุ่งวิสัยทัศน์ “ประเทศไทยใสสะอาด ไทยทั้งชาติต้านทุจริต” (Zero Tolerance & Clean Thailand) ตามแนวทางการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3 อย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งตระหนักในผลเสียหายร้ายแรงที่เกิดขึ้นจากการทุจริต ซึ่งสถานการณ์การทุจริตในประเทศขณะนี้จากคะแนะดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index, CPI) สำรวจโดยองค์กรเพื่อความโปรงใสนานาชาติ พบว่าประเทศไทยในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ พ.ศ. 2538 - 2559 ทรงตัวอยู่ในระดับสูงกว่า 3 หรือ 30 แต่ต่ำกว่า 4 หรือ 40 มาโดยตลอด ขณะที่เมื่อพิจารณาค่าคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต ในปี พ.ศ. 2559 ของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ปรากฏว่า 2 ใน 3 จาก 176 ประเทศทั่วโลก ได้คะแนนต่ำกว่า 50 คะแนน สะท้อนให้เห็นว่าปัญหาการทุจริตเป็นปัญหาที่ทุกประเทศทั่วโลกต้องร่วมมือกันแก้ไขอย่างจริงจังและต่อเนื่อง
อีกทั้ง นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวเน้นย้ำว่า การแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน สิ่งสำคัญต้องเริ่มทำจากตนเองและครอบครัวก่อนขยายนำไปสู่การปฏิบัติของคนในสังคมทั้งในโรงเรียน ชุมชน และประเทศ ขณะเดียวกันการดำเนินโครงการต่าง ๆ ทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชนทุกขั้นตอนต้องมีกระบวนการตรวจสอบการทุจริตทุกให้เกิดความโปร่งใส เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจให้เกิดขึ้นในสังคม อันจะสามารถลดและป้องกันปัญหาความขัดแย้งเกิดขึ้นอีก
ในต้อนท้าย นายกรัฐมนตรี ได้นำคนไทยทั่วประเทศและผู้ร่วมงานประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านคอร์รัปชัน โดยกล่าวพร้อมกันว่า จะประพฤติปฏิบัติตนด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่กระทำการทุจริต จะยึดมั่นใจความยุติธรรม ถือประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน จะปกป้องเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยจิตอาสา พร้อมทำความดีด้วยหัวใจ
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมชมนิทรรศการและร่วมกิจกรรมต่อต้านการทุจริต ณ บริเวณหน้าห้องชุม ซึ่งจัดแสดงไว้เพื่อสร้างการรับรู้และความตื่นตัวต่อผลกระทบที่เกิดจากการทุจริต รวมทั้งสร้างพลังทางสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต และสร้างการรับรู้ว่ารัฐบาลให้ความสำคัญและความพยายามในการแก้ไขปัญหาการทุจริต ก่อนเดินทางกลับ
http://m.thansettakij.com/content/240595
ประธาน ป.ป.ช. เชื่อมั่นในอีก 2 ถึง 3 ปีข้างหน้าการทุจริตจะลดลง
9 ธ.ค.60-พลตำรวจเอกวัชระพล ประสานราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่ชาติ หรือ ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ภายหลังการปล่อยขบวนรถ ขสมก. ต้านทุจริต เนื่องในต่อต้านคอร์รัปชั่นสากล 9 ธันวาคม 2560 ว่า หลังมีการรณรงค์และสร้างค่านิยมการต่อต้านการทุจริต ทำให้ประชาชนมั่นใจการทำงานของ ป.ป.ช.มากขึ้น เห็นได้จากการที่ประชาชนยื่นเรื่องร้องเรียนเพิ่มขึ้นต่อเดือนประมาณ 500 เรื่อง ดังนั้นเจ้าหน้าที่จะต้องทำงานอย่างจริงจัง ตรวจสอบเพื่อนำตัวผู้กระทำการทุจริตมาลงโทษ เชื่อว่าในอีก 2 ถึง 3 ปี ข้างหน้าการทุจริตก็จะลดลง เพราะทุกฝ่ายช่วยกันเป็นหูเป็นตา และให้ความร่วมมือในการแจ้งเบาะแส พร้อมตั้งเป้าภาพรวมของการใช้งบประมาณการต่อต้านการทุจริตต้องลดการทุจริตได้ร้อยละ 10 ในปีหน้า
ด้านความคืบหน้าการตรวจสอบนาฬิกาหรู และแหวน ของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พลตำรวจเอกวัชระพล กล่าวว่า ขั้นตอนการส่งหนังสือเพื่อให้ พลเอก ประวิตร เข้าชี้แจงนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการของนายวรวิทย์ สุขบุญ รองเลขาธิการ ป.ป.ช. รักษาราชการแทน เลขาธิการ ป.ป.ช. ซึ่ง พลเอกประวิตร จะเดินทางมาชี้แจงด้วยตนเอง หรือ ส่งคำชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรก็ได้ ส่วนที่สังคมมีการเปรียบเทียบมาตรฐานการตรวจสอบ กรณีของ พลเอกประวิตร กับ กรณีนาฬิกาของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นั้น ต้องรอให้พลเอกประวิตรได้ชี้แจงก่อน จึงจะนำข้อมูลวิเคราะห์ได้ ยืนยันว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ ไม่สามารถเร่งรัดได้ และยืนยันว่า ไม่รู้สึกหนักใจต่อการตรวจสอบในเรื่องนี้ แม้หลายฝ่ายจะตั้งข้อสังเกตว่า ส่วนตัวมีความสนิทสนมและคุ้นเคยกับพลเอก..ประวิตร เข้าชี้แจงนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการของนายวรวิทย์ สุขบุญ รองเลขาธิการ ป.ป.ช. รักษาราชการแทน เลขาธิการ ป.ป.ช. ซึ่ง พลเอกประวิตร จะเดินทางมาชี้แจงด้วยตนเอง หรือ ส่งคำชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรก็ได้ ส่วนที่สังคมมีการเปรียบเทียบมาตรฐานการตรวจสอบ กรณีของ พลเอกประวิตร กับ กรณีนาฬิกาของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นั้น ต้องรอให้พลเอกประวิตรได้ชี้แจงก่อน จึงจะนำข้อมูลวิเคราะห์ได้ ยืนยันว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ ไม่สามารถเร่งรัดได้ และยืนยันว่า ไม่รู้สึกหนักใจต่อการตรวจสอบในเรื่องนี้ แม้หลายฝ่ายจะตั้งข้อสังเกตว่า ส่วนตัวมีความสนิทสนมและคุ้นเคยกับพลเอกประวิตรมาก่อนก็ตาม
http://www.thansettakij.com/content/240533
การที่เรื่องทุจริตเพิ่มมากขึ้นในปี 2559 ที่ผ่านมานี้..
เชื่อว่าประชาชนและทุกคนมีความเชื่อมั่นในรัฐบาลยุคนี้
ได้แจ้งข้อมูลการทุจริตมาให้ตรวจสอบมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องดีมากกว่าเสีย
ในอนาคตเรื่องทุจริตจะลดลงไปก็ติดตามกันต่อไปค่ะ ว่าจะทำได้หรือไม่
ส่วนเรื่องนาฬิกาของพลเอกประวิตร ก็ต้องติดตามการชี้แจงต่อไป
เรื่องนาฬิกาของอดีตนายกฯหญิงนั้นดิฉันเพิ่งทราบและจะลองตามข่าวมาให้อ่านกันค่ะ
ตื่นเช้าออกมาวิ่งออกกำลังกายกันนะคะ ใส่บาตรกันด้วยค่ะ