กำเนิดสาวน้อยมหัศจรรย์ The Professor Marston & Wonder Woman

นอกจากความสัปดี้สัปดน สกปรกลามก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพศ, เรื่องเซ็กส์, มีชู้ นอกใจคู่หมั้น, มีเซ็กส์กับอาจารย์, เลสเบี้ยน, เซ็กส์หมู่ threesome, ซาดิสต์ SMBD (S saidist, M masochist, BD bondage), มัดเชือก bondage และ polygamy การแต่งงานแบบหลายผัวหลายเมียแล้ว คุณงามอันประเสริฐประการที่หนังเรื่องนี้มอบให้คนดู คือ การมองหา ค้นลึก ลึกไปกว่าศีลธรรมจรรยา กรอบสังคมจารีตประเพณีทั้งหลาย ค้นเข้าไปเบื้องลึกของจิตใจ ค้นหาตัวเอง หาความต้องการ ความเป็นมนุษย์ที่แท้จริง

หนังเรื่องนี้สร้างจากชีวิตจริงของ ดร. วิลเลี่ยม โมลตั้น มาร์สตั้น อาจารย์หนุ่มหล่อขวัญใจนักศึกษาสาวๆ สอนวิชาจิตวิทยาที่ วิทยาลัยหญิงแรดคลิฟ มหาลัยฮาร์วาร์ด มีผู้ช่วยวิจัยซึ่งเป็นภรรยาตัวเองชื่อ อลิซาเบธ เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก อลิซาเบธทั้งสวย ดุ ฉลาด จนมาร์สตั้นเองยอมรับว่าฉลาดกว่าตน (อลิซา)เบธเรียนจบปริญญาโทปรัชญา กำลังทำปริญญาเอกที่ฮาร์วาร์ด แต่ไม่สามารถสอบผ่านเป็น ดร.ได้ เพราะเหตุผลแค่ไม่เคยมีด็อกเตอร์เป็นผู้หญิงมาก่อน เออ ดูเอาสิ แม้แต่แวดวงนักปราชญ์แสวงหาความรู้ ความจริง ความเป็นเลิศทางวิชาการเพื่อมนุษยชาติ ยังมีอคติทางเพศมาเกี่ยวข้องอีก

เวลาสอนในชั้นเรียนมาร์สตั้นจะตั้งคำถามแปลกๆ กับนักศึกษาอยู่เรื่อยๆ เช่น คำว่าปกติ normal อะไรคือความปกติ สิ่งที่เราทำตามกันมาจนชินรึ แล้วการเลิกทาส การเรียกร้องสิทธิสตรีล่ะ แต่ก่อนก็มีทาส และผู้หญิงก็ไม่มีสิทธิออกเสียงนี่ ทำไมตอนนี้เลิกทาส และผู้หญิงมีสิทธิออกเสียงกันแล้วล่ะ ถ้าก่อนหน้านั้นสิ่งเหล่านั้นเป็นเรื่องปกติ ทำไมถึงเลิกไป ไปเลิกมันทำไม ทำไมไม่มีต่อ ทำกันต่อไปล่ะ

หรือบางทีมาร์สตั้นก็จะมีทฤษฎีแปลกๆ แต่ฟังไป คิดตามไป ก็ต้องต้องพยักหน้า อือออยอมรับ อย่างเช่น ความสุขคือการยินยอมให้กับอำนาจที่น่ารัก Happiness is submission to loving authority ออกแนวมาโซคิสต์ มิสเตอร์เกรย์ฟิฟตี้เฉดหน่อยๆนะ คงคล้ายๆตอนเราเป็นเด็กๆ ร้องไห้ โดนแม่บังคับให้ไปโรงเรียนวันแรก แต่ก็ยอมไป เพราะรู้ว่าแม่รักเราน่ะแหละ หรือแนวผัวยอมเมีย โดนเมียโขกสับเท่าไรก็ไม่บ่นล่ะมั้ง ฮา

มาร์สตั้นกับอลิซาเบธ เมียรักผู้ช่วยคู่หูนักวิจัย กำลังทำโครงการใหญ่ ประดิษฐ์เครื่องจับเท็จ polygraph ต้องการนักศึกษามาเป็นผู้ช่วยโครงการ ก็เผอิญได้ น้องโอลีฟ นักศึกษาสาวน้อย ฉลาด สดใส มีแม่และป้าเป็น feminist นักเรียกร้องสิทธิสตรีรุ่นแรกๆ แต่ตัวน้องนางเองถูกนางชีเลี้ยง เติบโตมาใน รร คอนแวนต์ เพราะแม่เลิกกับพ่อ ไม่ว่างเลี้ยงลูกเอง ต้องทำงานหาเงิน รณรงค์ความเท่าเทียมสิทธิสตรีจนไม่มีเวลา เรียกว่าโตมาในหมู่กวาง แต่มีเชื้อสายราชสีห์ สวยแต่ไม่โง่ ประเภทรู้แต่ไม่พูดนะจ๊ะ นางเป็นผู้หญิงสวยเย็น อ่อนหวาน ฉลาดลึก ตรงกันข้ามกับอลิซาเบธ ที่สวยร้อน คม ห้าว ดุดัน เหมือนผู้ชายในร่างหญิงสาวเลยล่ะ อืมมม ดูงงๆนะ มีทั้งผู้หญิงสวยเย็น และสวยร้อน ชายในร่างหญิง แล้วมันจะยังไงต่อล่ะเนี่ย คอยดู(อ่าน)ต่อไปเถอะ ยิ่งหนังฉายไป เรื่องมันยิ่งซับซ้อน พัวพัน อิรุงตุงนัง ยุ่งเหยิงกันไปหมด

ตอนที่น้องนักศึกษาโอลีฟมาร่วมทีม แรกๆเหตุการณ์ก็ไม่ราบรื่นหรอกนะ ก็อาจารย์มาร์สตั้นของน้องโอลีฟ สามีของพี่เบธทั้งหล่อ ฉลาด เท่ห์ พูดจาอะไรดูฉลาด คมคาย ลึกซึ้งไปหมด อ่อ เซ็กส์ซี่ด้วย คุณพี่อลิซาเบธก็เลยหึงหวงน้องโอลีฟน่ะ ต้องตัดไม้ข่มนามกันไว้ก่อน เจอหน้ากันวันแรก เบธก็กร่างเข้าไปจิกกัดทันที “หนู หนูมาทำช่วยทำวิจัยน่ะ พี่ยินดีนะ แต่ขอร้องล่ะ อย่าเอากะผัวพี่” พูดสั้นๆเท่านั้นแหละ คุณน้องโอลีฟบ่อแตกน้ำตาใหลปรี่ วิ่งร้องไห้ไปฟ้องมาร์สตั้น จนต้องเป็นกรรมการหย่าศึกเมียรักกับน้องอ้อย(เข้าปากช้าง) เอ้ย โอลีฟ

แล้วก็ตามประสาผู้หญิงอ่ะนะ ต่อให้ฉลาด หรือห้าวหาญยังไง ความเป็นผู้หญิงกุ๊กๆกิ๊กๆ ก็ยังมีอยู่ น้องโอลีฟสารภาพว่าชื่นชมเบธ เธอห้าวหาญ กล้าท้าทายยุคสมัย มีชีวิตอย่างที่ฝัน เป็นตัวของตัวเองได้อย่างแท้จริง เบธเองก็ถูกใจเสน่ห์สวยเย็น สาวหวานของโอลีฟ ชักชอบเธอรักเหมือนน้องเหมือนนุ่งเสียแล้ว

เรื่องทำท่าจะไปด้วยดี แต่ไปๆมาๆ หนุ่มสาวคู่อาจารย์ผัวเมียกับลูกศิษย์สาว กลับเอาเครื่องจับเท็จมาทดลองกันเอง ยิงคำถามหนักๆใส่กัน แบบ“โอลีฟ คุณรักผมไม๊” มาร์สตั้นถาม น้องอ้อยโอลีฟหน้าแดงตอบโน มาร์สตั้นรุกต่อ“แล้วอยากผมไม๊” โอลีฟตอบ “โนนนนนนนนน “ ไม่ค่ะ โนนนนนนนนยาวๆเลย มาร์สตั้นรุกฆาต “แล้วอลิซาเบธล่ะ คุณรักเธอไม๊ อยากมีเซ็กส์กับเธอไม๊” โอลีฟอึ้ง ... ทั้งสามคนผลัดเปลี่ยนกันมาทดสอบเครื่องจับเท็จ ถามกันหนักๆ ถามกันแรงๆ แน่นอน ไม่มีใครพูดความจริงหรอก ทุกคนโกหกหมด แต่หัวใจน่ะสิ มันโกหกไม่ได้หรอกนะ ทุกครั้งที่โกหก รู้สึกตื่นเต้น หัวใจสูบฉีดเลือดแรง ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น เข็มที่เครื่องวัดกระดิก ส่ายขึ้นลงปั่กๆ ... เอาล่ะสิ ในเมื่อทุกคนรักกัน อยากมีเซ็กส์กัน ความสัมพันธ์สามคนผัวเมียแบบนี้มันจะเป็นยังไงเนี่ย ยิ่งยุค 40 ผู้หญิงพึ่งได้รับสิทธิ์เลือกตั้ง คนผิวดำยังเป็นประชากรชั้นสอง เรื่องแหกกฏสังคมแบบนี้ .....

นั่นแหละ หลอกใครก็หลอกได้ยกเว้นใจตัวเอง ถ้าเริ่มจากความจริงแล้ว อะไรก็น่าจะง่ายๆ แต่ไม่ใช่เสมอไป ถ้าขัดกับความเชื่อ จารีตสังคม ความปกติสุขของสังคม ณ เวลานั้น คนทุกคนอยากมีอิสระเสรีภาพ มีชีวิตเป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริงดังที่ฝันไว้ แต่ใครเล่าจะกล้ากบฏ แหกกฏพังรั้ว เดินตามฝันกันเล่า สู้ทำตามสังคม อยู่แบบเซฟๆ ทำตามๆกันไป ปลอดภัยไว้ก่อน ไม่ดีกว่าหรือ ... แต่โนนนนนน ไม่ใช่ปัญญาชน ผู้ใฝ่รู้แสวงหาความจริง ไม่หลบเลี่ยงแต่กล้าเผชิญหน้ากับปัญหาอย่างพวกมาร์สตั้น ทั้งสามคนยินยอมตามความต้องการหัวใจตัวเอง ตกลงใจใช้ชีวิตอยู่บ้านเดียวกันสามผัวเมียแบบแอบๆ ... ผลน่ะหรือ...

มาร์สตันและอลิซาเบธโดนฮาร์วาร์ดไล่ออก โอลีฟตั้งท้อง เบธซึ่งจบโทปรัชญา ต้องสมัครงานเป็นเลขา พิมพ์ดีดต๊อกๆแต๊กๆไปวันๆ ซ่อนความเฉียบคม มันสมองคมคายไว้ข้างใน หาเงินเลี้ยงครอบครัวแทนมาร์สตัน ซึ่งไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่มีใครรับเพราะเรื่องฉาวที่ฮาร์วาร์ด ได้แต่เขียนหนังสือก็อกๆแก็กๆ ทำหน้าที่แม่บ้านอยู่กับบ้านไป ฮาาาา

ฉากหนึ่งที่เราชอบมาก คือพอส่งลูกๆไปโรงเรียนเสร็จ บรรดาผู้ปกครอง พ่อ แม่ “ป้า” ก็รูดม่านปิดบ้าน โจ๊ะพรึ่มๆ เล่นเซ็กส์หมู่สนุกสนานกันไปเลย มีทั้งใส่เครื่องแบบ uniform, เซ็กส์หมู่ threesome, ซาดิสต์, มัดเชือก bondage ปลดปล่อย เปล่าเปลือยตนเอง มีจิตวิญญาณ จินตนาการอิสระเต็มที่ อย่างที่มาร์สตั้นเรียกว่า submissive to loving authority ชั้นยอมเธอ เพราะเธอน่ารัก นั่นแหละ (มีต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่