[สืบจากระทู้ช้อนกลางบิงซู] ณ วันนี้กับ "วัณโรคปอด/วัณโรคต่อมน้ำเหลือง"

ออกตัวก่อนเลยว่าเราไม่ใช่คนรักสุขภาพ และไม่ใช่คนมีความรู้ทางการแพทย์ใดๆ

เราเห็นกระทู้เรื่องช้อนกลางในพฤติกรรมการกินของคนไทยบางส่วน ผสมกับปสก.ชีวิตตัวเองที่ก็กินอาหารร่วมกับชาวบ้านโดยไม่ใช่ช้อนกลางมาตลอดชีวิต กินไรก็กิน

เรามีญาติคนนึง จะวอแวเรื่องช้อนกลางมาก มากจนเรารำคาญว่ามันจะอะไรกันนักหนา กินๆไปเถอะ เค้ากลัวไวรัสตับอับเสบบีขึ้นสมอง จนนำพาคนรอบตัวเครียดไปด้วย เอะอะต้องช้อนกลาง

จนเมื่อวานซืนนี้เราเพิ่งได้รู้ว่าคนที่ใกล้ชีวิตเรามากๆคนนึงเป็นโรควัณโรคต่อมน้ำเหลือง!!

ผู้ชายที่เป็นคนนี้แข็งแรงเยี่ยงบ้านไม้สักทอง ออกกำลังกายตลอด และแทบจะไม่เคยป่วยเลย

เมื่อสัก 7 เดือนก่อน เค้ามีบ่นๆเรื่องฟันผุให้เราฟัง และก็บ่นมาเรื่อยๆ จนเมื่อเดือนที่ผ่านมามีไข้ขึ้นๆลงๆติดๆกัน เข้าออกรพ. ดริปยา ดีขึ้นได้ไม่นานก็เป็นอีก จนตรวจพบเชื้อ TB ต่อมน้ำเหลืองที่คอ

เราก็ google หาข้อมูลเท่าที่จะพอหาได้ แต่อ่านเอาก็ไม่เท่าคุยกับหมอ อ่านแล้วก็ข้องใจ มันคือซับเซทของวัณโรคปอดมั๊ย แล้วยังเป็นเพื่อนกับ HIV ด้วยรึป่าว โอ้ว มันอินเซปชั่นมากสำหรับคนด้อยการศึกษาอย่างเรา

วันนี้เราตัดสินใจไปตรวจทั้งวัณโรคและตรวจ HIV เพราะไม่แน่ใจจริงๆว่าเราหรือเค้าเป็นพาหะ แล้วเราเป็นมั๊ย ต้องดูแลตัวเอง ดูแลเค้ายังไง ก็ตัดสินใจตรวจเลย ไม่รอ ที่ตรวจก็อยู่แถวบ้านเราเอง

ใช้เวลาตรวจเร็วมาก ทุกขั้นตอนรวมๆกันไม่เกิน 15 นาที(แต่คือตอนเราไปก็ไม่มีคนนะ 55) ปรกติเราจะตรวจร่างกายทุกปี ตรวจเอกซเรยปอด และตรวจเลือดตลอด เพราะที่ทำงานเก่าจะมีตรวจร่างกายประจำปี เราก็ทำใจเผื่อเอาไว้ว่า กุนี่ละอาจจะเป็นพาหะก็ได้ -   -"

ผลตรวจออกมารวดเร็ว F1 มากว่าปอดเราสวยมงลง จนไม่มีทางเป็น TBได้ แต่เราก็ยังไม่หายข้องใจเลยขอถามหมอและจนท.เพิ่ม เราถึงได้รู้ว่ามันคนละส่วนกับปอด และโรควัณโรคอยู่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่พวกเราคิด

หมอบอกว่าปรกติคนที่มีเชื้อนี้ในตัวก็เดินอยู่รอบๆตัวเรานั่นละ และมันก็ลอยฟุ้งในอากาศ 1ใน3 คนมีโอกาสรับเชื้อนี้ โดยเฉพาะคนที่ต้องอยู่ในห้องแอร์ร่วมกันกับคนอื่น(สายมนุษย์ออฟฟิต แอร์ท่อหนีไม่พ้น) แต่คนปรกติที่ภูมิร่างกายปรกติก็จะไม่เป็นอะไร เว้นแต่คนที่ภูมิคุ้มกันร่างกายต่ำ(ผู้ป่วยเชื้อ HIV ก็ถือว่าอยู่ในกลุ่มนี้)

หมอบอกว่าคนเป็นโรคนี้มีหลายเลเวลมาก มียาให้เลือกใช้ตามขนาน กินยากันไป กินครบก็จะดีขึ้น คนที่เป็นวัณโรคไม่ได้อันตรายเหมือนในอดีตกาล แต่ไม่รักษาก็ตาย5ได้เหมือนกัน(หมอพูดดีกว่านี้มาก เราrearrange ใหม่ 55)

ส่วนคนที่ป่วยเป็นโรควัณโรคต่อมน้ำเหลือง โอกาสติดต่อต่ำมากถึงมากที่สุด และไม่ใช่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และวัณโรคก็มีหลายจุดที่จะเป็นได้ ผิวหนัง สมอง เป็นได้หมด

จนท.ได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กะเรามากๆ ในฐานะที่เราเป็นมนุษย์ออฟฟิต ทำงานในที่สาธารณะ อยู่ในออฟฟิตที่เป็นแอร์ท่อ แอร์ตึก มีพรมดักได้ทุกอย่าง แถมยังขับรถไม่เป็น ต้องนั่งtaxiตลอด

จนท.ได้แนะนำว่าโอกาสที่จะติดจากคนขับแทกซี่ และการกินอาหารร่วมกันโดยไม่ใช้ช้อนกลางมีโอกาสเสี่ยงที่จะทำให้ติดเชื้อ TB ได้ ซึ่งมันคือสิ่งที่เราเคยคิดว่ามันไร้สาระมาก จนกระทั่งวันนี้ที่ความคิดเราเปลี่ยนไปแล้ว

การติดเชื้อTB ไม่ใช่เรื่องสนุก การกินยาระยะยาวต่อเนื่องมีผลทำให้ตับไตพัง และผลข้างเคียงเคียงข้างจากยาก็มีเยอะมาก เสียเวลาทำงานทำการระหว่างช่วงต้องแยกรักษาตัว

ขอเตือนเลยค่ะ ใครก็ตามที่ใช้ชีวิตร่วมกับคนแปลกหน้าเป็นเนืองๆ(มีใครใช้คำนี้อีกมั๊ย) ควรระวัง;

1. การทานอาหาร ใช้ช้อนกลาง ไม่ต้องกลัวคนว่าดัดจริต เวลาป่วย มันไม่มาแชร์ร่วมกินยากับเราข้ามปีข้ามชาติกะเรา

2. สายเที่ยว ระวังการดูดบุหรี่ต่อการเพื่อน ดื่มเหล้าแก้วเพื่อน ระวัง mark แก้วตัวเองให้ดีๆ

3. สายนั่งรถสาธารณะ จะ uber black จะอะไรก็เถอะ ถ้าคนขับดูทรงไอคอกๆแคกๆ ขอลงได้เลยค่ะ เท้าเหยียบพื้นแล้ว บอกให้เค้ใส่ผ้าปิดปาก ไปหาหมอด้วยนะคะ มันตีกะแอร์ พร้อมสะท้อนใส่หน้าผู้โดยสารอย่างเราๆ อย่ากลัวเปลือง กลัวโรคก่อนดีกว่าค่ะ หรือพก maskปิดปากได้ก็พกเอา(ตอนนี้เราซื้อติดตัวเลยค่ะ เผื่อต้องอยู่ในที่ปิด และเจอคนไอผิดปรกติ)

4. คนที่ดื่มน้ำตู้ในออฟฟิต ก่อนจะกด กดไล่น้ำก่อนนิดหน่อย หรือใช้นิ้วกั้น(นึกภาพออกมั๊ยที่เป็นเป็นตู้แบบก้านกด) อย่าใช้แก้วดันก้านโดนตรง อันตรายมากค่ะ

จริงๆแล้วโรคนี้ใกล้ตัวพวกเราทุกคนมาก เราขอยกมือว่าเราไม่ได้กลัวตาย แต่อยากตายแบบไม่ทรมาน และไม่เดือดร้อนคนอื่น ถ้าสงสัยรีบไปตรวจซะ ใช้เวลาน้อยมาก เพื่อแน่ใจในอาการและจะได้รักษาได้รวดเร็วที่สุด


ขอให้พระคุ้มครองทุกคนค่ะ สาธุ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่