ถึง….. รุ่นพี่ชั้นปีต่างๆคณะโบราณคดี บุคลากรโบราณคดี และผู้อ่าน
ย้อนกลับไปเมื่อปีก่อน
คณะโบราณคดีเป็นคณะที่ใฝ่ฝัน เป็นคณะที่ตั้งใจจะเข้าให้ได้ พอถึงวันสัมภาษณ์ ทางมหาลัยได้ให้ไป สัมภาษณ์ที่ “ศูนย์สันสกฤต” ใช่ค่ะที่เดียวกับที่ตอนนี้กำลังเป็นประเด็นอยู่ และตอนแรกหนูจะไปเอง แต่พอคุณพ่อคุณแม่เห็นเส้นทางแล้ว ถึงกับต้องขอมาส่งเองเลยค่ะ
วันสัมภาษณ์
ในใจคิดว่า สถานที่นี้คือที่ไหน พี่ๆเค้าเรียนที่นี่กันด้วยหรอ พ่อและแม่ต่างหน้าแหยๆ แล้วถามหนูว่านี่เป็นที่สัมภาษณ์ใช่มั้ย จริงๆคือเรียนที่วังท่าพระใช่มั้ย หนูก็ตอบไปว่าน่าจะใช่นะ เพราะที่แบบนี้ ทั้งลึก ทั้งลำบาก ขนาดหนูมารถตัวเองยังลำบากเลยค่ะ
ความจริงเปิดเผย
ระหว่างที่สัมภาษณ์ก็ได้ถามรุ่นพี่สต๊าฟที่คอยมาดูแลรุ่นน้อง ว่าต้องเรียนที่นี่จริงมั้ย และพี่ๆได้ให้คำตอบว่าใช่ ต้องเรียนที่นี่ เพราะเราไม่มีตึกเรียน ตึกเพิ่งทุบไปเมื่อปีที่แล้ว พร้อมกับขำ ราวกับเรื่องนี้เป็นเรื่องตลกไปเสียแล้ว และบอกกับหนูต่อว่า แต่ไม่เป็นไรนะ ปีสองค่อยเรียน ในใจตอนนั้นคือเสียใจ เสียความรู้สึกมากๆค่ะ แต่ก็ยังมีหวังว่าทางมหาลัยคงซ่อมตึกเสร็จภายในเร็วๆนี้
ช่วงรับน้องรวม
เราได้ไปรับน้องรวมที่สนามจันทร์ค่ะ มันเป็นบรรยากาศที่ดีมากๆ แม้จะเหนื่อยมาก บรรยากาศที่ดี เราหมายถึงสภานที่ล้วนๆเลยนะคะ มันร่มรื่น สะดวกสบาย พอตอนพัก รุ่นพี่ก็ปล่อยให้เราได้ไปทานข้าวแบบอิสระ หนูเลยนัดเจอกับเพื่อนๆฝั่งนี้ค่ะ ก็นั่งคุยเล่นๆกันไป จนเพื่อนพูดขึ้นมาว่า “ฝั่งท่าพระก็ไม่มีตึกเรียนไม่ใช่หรอ ทำไมไม่มาอยู่ที่นี่” ในใจก็อยากรู้นะคะ แต่ดั้งเดิมเราอยู่ตรงนั้น ก็ไมได้ตอบอะไรค่ะ ได้แต่หัวเราะกลบเกลื่อนกันไป
แต่ก็กลับมาถามพี่สต๊าฟนะคะ และได้คำตอบว่า เราไม่มีตึกที่ฝั่งสนามจันทร์ค่ะ พร้อมสายตาที่บอกว่า ไม่อยากมาอยู่ที่นี่ และพี่ๆก็พูดเสริมว่ามันยุ่งยาก อย่ามาเลย เพราะต้องย้ายหอ นู่นนี่นั่น พวกหนูก็ได้แต่พยักหน้างึกๆยอมรับไปค่ะ ได้แต่เก็บภาพบรรยากาศดีๆที่สนามจันทร์ไว้ในความทรงจำ โดยเฉพาะตอนจุดเทียนเพื่อจบพิธีของมหาลัย ตอนนั้นหนูรู้สึกเข้าใจถึงคำว่ามหาลัยเลยค่ะ มันอบอุ่น มันมีความสุขมากๆ
ช่วงรับน้องที่คณะ
ทางมหาลัยมีการรับน้องทั้งที่วังท่าพระ และ ศูนย์สันค่ะ วันที่รับที่วังท่าพระก็ไม่มีอะไรค่ะกลับดึกก็ยังพอมีรถ แต่พอวันไหนที่มีการรับน้องที่ศูนย์สันฯ มันคืองานยากสำหรับพวกหนูมากที่จะไปให้ทันเวลา พอไปไม่ทันก็จะโดนที่ระเบียบต่อว่าค่ะ ซึ่งหนูเข้าใจนะว่ามันคือการแสดง แต่พวกหนูก็ไม่ได้ว่างกันตลอด บางวันก็ไม่ไปค่ะ จนถึงช่วงวันตัดรุ่น ซึ่งพวกหนูก็เข้าใจอีกแหล่ะค่ะว่ามันคือการแสดง แต่พวกหนูมาไม่ได้จริงๆ รู้สึกแย่และเศร้ากันไป
งานวันอาจารย์ศิลป์
เราได้กลับมาทำกิจกรรมที่สนามจันทร์อีกครั้งค่ะ ด้วยบรรยากาศที่ผ่อนคลายกว่าเดิมนิดหน่อย เพราะพี่ๆระเบียบปล่อยให้เราได้ทำอะไรมากขึ้น จนลืมความลำบากที่จะต้องรับน้องไปเลยล่ะค่ะ บรรยากาศที่นั่งทานข้าวกัน สนุกสนานตรงลานของมหาลัย บรรยากาศของมหาลัยที่กว้างขวาง สวยงาม และขลังไปในตัว มันดีมากๆ จนอยากให้ท่านผู้อ่านไปเห็นด้วยตนเองเลยหล่ะค่ะ
งานรับรุ่น หรือ มาลัยใบจันทน์
เราได้กลับมาทำกิจกรรมที่ศูนย์สันฯค่ะ ซึ่งก็ลำบากพอควร เพราะมีพิธีการรับน้องแบบต่างๆ และมีการจัดกิจกรรมตรงลานหิน ซึ่งเป็นลานหินกรวดเม็ดใหญ่ๆพื้นใต้หินเป็นทรายค่ะ และฝนได้ตก ทำให้พวกเราต้องมาทำกิจกรรมในลานจอดรถ ซึ่งอากาศไม่ถ่ายเทมากๆ เพื่อนเป็นลมไปเยอะเหมือนกันค่ะ อาจเพราะบรรยากาศกับกิจกรรมที่ต้องทำด้วยแหล่ะค่ะ ขอบคุณพี่ๆสต๊าฟที่คอยดูแลพวกหนูด้วยนะคะ ตอนแรกก็สงสัยจะเซ้าซี้ทำไม แต่พอพวกเราเป็นอะไรขึ้นมา เค้าก็ดูแลได้ทันท่วงทีจริงๆ ขอบคคุณมากค่ะ
ซึ่งพอหลังจากจบกิจกรรมต่างๆ พวกเราก็ต่างแยกย้ายไปเรียนกันตามสถานที่ต่างๆค่ะ ตามที่พี่เค้าได้บอกไว้ในกระทู้เลยค่ะ
วัดสังเวชถนนพระอาทิตย์ : ห้องน้ำลำบากมากจริงๆค่ะ ต้องอั้น วันไหนไปเรียนที่นั่นก็พยายามดื่มน้ำน้อยๆ เพราะไม่ไหวกับห้องน้ำเลยค่ะ ยิ่งกว่าห้องน้ำตามปั๊มอีก ส่วนการเดินทางก็ลำบาก แต่ก็ยังดีที่อยู่ในเมืองค่ะ
วัดมหาธาตุ : เหมือนไปอาสัยพื้นที่วัดเรียนแบบที่เค้าก็ไม่เต็มใจค่ะ ไม่อยากพูดมาก เดี๋ยวบาปกินหัว แต่รู้กันค่ะว่าบุคลากรที่วัดเป็นอย่างไร
มหาลัยศิลปากร ห้อง 305 : ดีนะคะที่ยังพอได้เรียนบ้างแต่ก็แค่ วิชาสองวิชาค่ะ
ศูนย์สันฯ : ส่วนใหญ่จะมีปัญหาเรื่องค่ารถและสิ่งอำนวยความสะดวกแบบที่กระทู้อื่นได้พูดกันค่ะ แต่เรื่องค่ารถนี่ลำบากมากจริงๆค่ะ พวกหนูและเพื่อนๆลำบากจริงๆ มันเพิ่มกว่าเท่าตัว บางคนก็สองสามเท่าของจากเดิม ขนาดเพื่อนที่บ้านอยู่บางแคยังแอบบ่นอยู่บ่อยๆว่าลำบากเลยค่ะ
ขณะที่รอไป
1 เดือน . . .
2 เดือน . . .
3 เดือน . . .
4 เดือน . . .
5 เดือน . . .
จนเข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี . . . ก็เกิดกระทู้ที่เป็นเหตุขึ้นมา
ทำให้หนูรู้จริงๆว่า ถ้าไม่มีใครออกมาใช้สิทธิของตัวเอง ทางผู้บริหาร ก็น่าจะไม่สนใจจริงๆ พ่อ แม่ ของหนูได้อ่านกระทู้แล้วพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ถ้าไม่ให้ย้าย ก็ซิ่วสิ ไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากให้เราต้องไปลำบากกับสถานที่แบบนั้นหรอก และเพื่อนๆก็พูดเหมือนกันค่ะ
โดยส่วนตัว อยากพูดเกี่ยวกับรุ่นพี่ ที่กระทู้อื่นได้แซะไว้ว่า หนูหมดศรัทธาไปตั้งแต่งานเลี้ยงของมหาลัยที่พองานจบ พวกพี่ก็เมากว่ารุ่นน้อง มหาลัยเหมือนเป็นบาร์ เป็นผับที่รอวันที่รุ่นพี่ปลดปล่อย ตอนปาร์ตี้สนุกดีค่ะ จัดได้ดีจริงๆ แต่หลังจากนั้นก็เห็นสภาพที่เปลี่ยนไปของเหล่ารุ่นพี่ ที่ไม่น่าดูซักเท่าไหร่ พอมาวันรุ่งขึ้นก็มีเพียงพี่ไม่กี่คนที่ฟื้นไหว มาดูแลรุ่นน้องไหว แต่พอหลังจากรับน้องก็กลับกลายเป็นเหมือนคนไม่รู้จักกันอ่ะค่ะ เดินสวนกัน หนูก็ไม่รู้ทักไปจะเป็นไง และเคยทักไปพี่ๆก็ทำหน้างงๆเหมือนคนไม่รู้จักกัน หนูเห็นด้วยกับกระทู้เก่านะคะที่ว่า รุ่นพี่บางส่วนไม่ได้รักรุ่นน้องจริงๆ ซึ่งข้อนี้พวกหนูก็เห็นและสัมผัสได้จริงๆ
แต่สิ่งที่หนูไม่เห็นด้วยคือ เราไม่ควรมี 3 ตัวเลือก เราควรมีเพียง 2 หรือ 1 เท่านั้น
การที่บังคับให้พวกเราและคนอื่นต้องมาอยู่เรียนที่ศูนย์สันมันคือการมัดมือชกอย่างเสียไม่ได้ และพอเกิดเรื่อง ก็พยายามจะทำศูนย์สันฯให้ดีเพื่อให้พวกเรายอมรับ มันใช่หรอคะ . .
เราควรมีทางเลือกแค่
1.รีบซ่อมวังท่าพระให้เสร็จ และอยู่วังท่าพระ
2.ย้ายไปอยู่ตึกที่เพิ่งสร้างใหม่ที่สนามจันทร์ 2 ตึก
หนูเห็นรุ่นพี่บอกว่า ถ้าเราย้ายไปสนามจันทร์ ก็เหมือนไปขอเค้าอยู่อยู่ดี งั้นหนูขอถามกลับหน่อยค่ะว่ามันต่างกับสภาพตอนนี้ตรงไหน
เราไปขอที่มหาลัยเราอยู่ กับที่คนอื่นอยู่ อันไหนมันดีกว่ากันคะ . .?
ที่ออกมาพูดตอนนี้ไม่รอประชุมเพราะว่าหนูอยากพูดตอนที่เรื่องยังแดงอยู่ค่ะ นานๆที (นานมาก) จะมีคนออกมาพูด แต่หนูกลับเห็นว่ามันอาจเป็นเพียงบางส่วนบางมุมเท่านั้น
คหสต.ไม่ได้อยากไปหาผู้ชายตามที่รุ่นพี่ว่าๆกันนะคะ โดยส่วนตัวมีแฟนแล้ว แต่เพื่อนๆ และพวกเราคิดแบบนี้จริงๆค่ะ การที่เราไปขอบ้านหลังที่ 2 อยู่ ยังดีกว่าเราไปเช่าโรงแรมอยู่นะคะ
หนูเคยมีธุระที่ต้องไปทำที่กองกิจ และก็ได้มีโอกาสได้คุยกับพี่พนักงานว่า ลำบากจัง อยากมีตึกเรียนค่ะ พี่เค้าก็บอก สงสารพวกเราเหมือนกันนะ หนูก็บอกว่าเราจะต้องอยู่ศูนย์สันฯจริงๆหรอคะ และพี่เคาได้ตอบมาว่า พวกพนักงานบุคลากรคนอื่นเค้าไม่ยอมย้ายหรอก เค้าลำบากกัน แล้วหนูได้ถามกลับไปว่าแล้วพวกหนูหล่ะ และพี่เค้าบอกว่า ถ้าหนูอยากย้ายต้องรวมกำลังกันไปขออธิการบดีนะ เพราะพี่ก็เห็นว่ายังมีที่ให้คณะเราเข้าไปอยู่ได้ ลองดู ค่ะ จากวันนั้นถึงวันนี้ หนูจะขอลองดูนะคะ จะพยายามให้ถึงที่สุด นี่คือเหตุผลที่มาตั้งกระทู้นี้ค่ะ
หนูไม่อยากไปมหาลัยอื่นและไม่อยากซิ่วค่ะ
แต่ทุกวันนี้เวลาพวกเราไปมหาลัยอื่นๆมันกลับกลายเป็นว่าพวกเรากลับรู้สึกดีกับมหาลัยอื่นๆมากกว่าที่จะภูมิใจในมหาลัยตัวเอง มันกลายเป็นพูดว่า ทำไม ม เราไม่เป็นแบบนี้ หรือ ม เราทำแบบนี้ไม่ได้หรอกเสียมากกว่า
พวกเราไม่ได้ไม่มีความอดทนค่ะ แต่การกระทำครั้งนี้ เราทำเพื่อตัวเอง เพื่อคนที่ไม่กล้าออกมาพูด และเพื่อรุ่นน้องปีหน้าด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ
ผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
จาก…..น้องปี1โบราณคดี ทั้ง ชาย หญิง และใบเตย
เสียงในใจของน้องปี1 ถึงรุ่นพี่ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร
ย้อนกลับไปเมื่อปีก่อน
คณะโบราณคดีเป็นคณะที่ใฝ่ฝัน เป็นคณะที่ตั้งใจจะเข้าให้ได้ พอถึงวันสัมภาษณ์ ทางมหาลัยได้ให้ไป สัมภาษณ์ที่ “ศูนย์สันสกฤต” ใช่ค่ะที่เดียวกับที่ตอนนี้กำลังเป็นประเด็นอยู่ และตอนแรกหนูจะไปเอง แต่พอคุณพ่อคุณแม่เห็นเส้นทางแล้ว ถึงกับต้องขอมาส่งเองเลยค่ะ
วันสัมภาษณ์
ในใจคิดว่า สถานที่นี้คือที่ไหน พี่ๆเค้าเรียนที่นี่กันด้วยหรอ พ่อและแม่ต่างหน้าแหยๆ แล้วถามหนูว่านี่เป็นที่สัมภาษณ์ใช่มั้ย จริงๆคือเรียนที่วังท่าพระใช่มั้ย หนูก็ตอบไปว่าน่าจะใช่นะ เพราะที่แบบนี้ ทั้งลึก ทั้งลำบาก ขนาดหนูมารถตัวเองยังลำบากเลยค่ะ
ความจริงเปิดเผย
ระหว่างที่สัมภาษณ์ก็ได้ถามรุ่นพี่สต๊าฟที่คอยมาดูแลรุ่นน้อง ว่าต้องเรียนที่นี่จริงมั้ย และพี่ๆได้ให้คำตอบว่าใช่ ต้องเรียนที่นี่ เพราะเราไม่มีตึกเรียน ตึกเพิ่งทุบไปเมื่อปีที่แล้ว พร้อมกับขำ ราวกับเรื่องนี้เป็นเรื่องตลกไปเสียแล้ว และบอกกับหนูต่อว่า แต่ไม่เป็นไรนะ ปีสองค่อยเรียน ในใจตอนนั้นคือเสียใจ เสียความรู้สึกมากๆค่ะ แต่ก็ยังมีหวังว่าทางมหาลัยคงซ่อมตึกเสร็จภายในเร็วๆนี้
ช่วงรับน้องรวม
เราได้ไปรับน้องรวมที่สนามจันทร์ค่ะ มันเป็นบรรยากาศที่ดีมากๆ แม้จะเหนื่อยมาก บรรยากาศที่ดี เราหมายถึงสภานที่ล้วนๆเลยนะคะ มันร่มรื่น สะดวกสบาย พอตอนพัก รุ่นพี่ก็ปล่อยให้เราได้ไปทานข้าวแบบอิสระ หนูเลยนัดเจอกับเพื่อนๆฝั่งนี้ค่ะ ก็นั่งคุยเล่นๆกันไป จนเพื่อนพูดขึ้นมาว่า “ฝั่งท่าพระก็ไม่มีตึกเรียนไม่ใช่หรอ ทำไมไม่มาอยู่ที่นี่” ในใจก็อยากรู้นะคะ แต่ดั้งเดิมเราอยู่ตรงนั้น ก็ไมได้ตอบอะไรค่ะ ได้แต่หัวเราะกลบเกลื่อนกันไป
แต่ก็กลับมาถามพี่สต๊าฟนะคะ และได้คำตอบว่า เราไม่มีตึกที่ฝั่งสนามจันทร์ค่ะ พร้อมสายตาที่บอกว่า ไม่อยากมาอยู่ที่นี่ และพี่ๆก็พูดเสริมว่ามันยุ่งยาก อย่ามาเลย เพราะต้องย้ายหอ นู่นนี่นั่น พวกหนูก็ได้แต่พยักหน้างึกๆยอมรับไปค่ะ ได้แต่เก็บภาพบรรยากาศดีๆที่สนามจันทร์ไว้ในความทรงจำ โดยเฉพาะตอนจุดเทียนเพื่อจบพิธีของมหาลัย ตอนนั้นหนูรู้สึกเข้าใจถึงคำว่ามหาลัยเลยค่ะ มันอบอุ่น มันมีความสุขมากๆ
ช่วงรับน้องที่คณะ
ทางมหาลัยมีการรับน้องทั้งที่วังท่าพระ และ ศูนย์สันค่ะ วันที่รับที่วังท่าพระก็ไม่มีอะไรค่ะกลับดึกก็ยังพอมีรถ แต่พอวันไหนที่มีการรับน้องที่ศูนย์สันฯ มันคืองานยากสำหรับพวกหนูมากที่จะไปให้ทันเวลา พอไปไม่ทันก็จะโดนที่ระเบียบต่อว่าค่ะ ซึ่งหนูเข้าใจนะว่ามันคือการแสดง แต่พวกหนูก็ไม่ได้ว่างกันตลอด บางวันก็ไม่ไปค่ะ จนถึงช่วงวันตัดรุ่น ซึ่งพวกหนูก็เข้าใจอีกแหล่ะค่ะว่ามันคือการแสดง แต่พวกหนูมาไม่ได้จริงๆ รู้สึกแย่และเศร้ากันไป
งานวันอาจารย์ศิลป์
เราได้กลับมาทำกิจกรรมที่สนามจันทร์อีกครั้งค่ะ ด้วยบรรยากาศที่ผ่อนคลายกว่าเดิมนิดหน่อย เพราะพี่ๆระเบียบปล่อยให้เราได้ทำอะไรมากขึ้น จนลืมความลำบากที่จะต้องรับน้องไปเลยล่ะค่ะ บรรยากาศที่นั่งทานข้าวกัน สนุกสนานตรงลานของมหาลัย บรรยากาศของมหาลัยที่กว้างขวาง สวยงาม และขลังไปในตัว มันดีมากๆ จนอยากให้ท่านผู้อ่านไปเห็นด้วยตนเองเลยหล่ะค่ะ
งานรับรุ่น หรือ มาลัยใบจันทน์
เราได้กลับมาทำกิจกรรมที่ศูนย์สันฯค่ะ ซึ่งก็ลำบากพอควร เพราะมีพิธีการรับน้องแบบต่างๆ และมีการจัดกิจกรรมตรงลานหิน ซึ่งเป็นลานหินกรวดเม็ดใหญ่ๆพื้นใต้หินเป็นทรายค่ะ และฝนได้ตก ทำให้พวกเราต้องมาทำกิจกรรมในลานจอดรถ ซึ่งอากาศไม่ถ่ายเทมากๆ เพื่อนเป็นลมไปเยอะเหมือนกันค่ะ อาจเพราะบรรยากาศกับกิจกรรมที่ต้องทำด้วยแหล่ะค่ะ ขอบคุณพี่ๆสต๊าฟที่คอยดูแลพวกหนูด้วยนะคะ ตอนแรกก็สงสัยจะเซ้าซี้ทำไม แต่พอพวกเราเป็นอะไรขึ้นมา เค้าก็ดูแลได้ทันท่วงทีจริงๆ ขอบคคุณมากค่ะ
ซึ่งพอหลังจากจบกิจกรรมต่างๆ พวกเราก็ต่างแยกย้ายไปเรียนกันตามสถานที่ต่างๆค่ะ ตามที่พี่เค้าได้บอกไว้ในกระทู้เลยค่ะ
วัดสังเวชถนนพระอาทิตย์ : ห้องน้ำลำบากมากจริงๆค่ะ ต้องอั้น วันไหนไปเรียนที่นั่นก็พยายามดื่มน้ำน้อยๆ เพราะไม่ไหวกับห้องน้ำเลยค่ะ ยิ่งกว่าห้องน้ำตามปั๊มอีก ส่วนการเดินทางก็ลำบาก แต่ก็ยังดีที่อยู่ในเมืองค่ะ
วัดมหาธาตุ : เหมือนไปอาสัยพื้นที่วัดเรียนแบบที่เค้าก็ไม่เต็มใจค่ะ ไม่อยากพูดมาก เดี๋ยวบาปกินหัว แต่รู้กันค่ะว่าบุคลากรที่วัดเป็นอย่างไร
มหาลัยศิลปากร ห้อง 305 : ดีนะคะที่ยังพอได้เรียนบ้างแต่ก็แค่ วิชาสองวิชาค่ะ
ศูนย์สันฯ : ส่วนใหญ่จะมีปัญหาเรื่องค่ารถและสิ่งอำนวยความสะดวกแบบที่กระทู้อื่นได้พูดกันค่ะ แต่เรื่องค่ารถนี่ลำบากมากจริงๆค่ะ พวกหนูและเพื่อนๆลำบากจริงๆ มันเพิ่มกว่าเท่าตัว บางคนก็สองสามเท่าของจากเดิม ขนาดเพื่อนที่บ้านอยู่บางแคยังแอบบ่นอยู่บ่อยๆว่าลำบากเลยค่ะ
ขณะที่รอไป
1 เดือน . . .
2 เดือน . . .
3 เดือน . . .
4 เดือน . . .
5 เดือน . . .
จนเข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี . . . ก็เกิดกระทู้ที่เป็นเหตุขึ้นมา
ทำให้หนูรู้จริงๆว่า ถ้าไม่มีใครออกมาใช้สิทธิของตัวเอง ทางผู้บริหาร ก็น่าจะไม่สนใจจริงๆ พ่อ แม่ ของหนูได้อ่านกระทู้แล้วพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ถ้าไม่ให้ย้าย ก็ซิ่วสิ ไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากให้เราต้องไปลำบากกับสถานที่แบบนั้นหรอก และเพื่อนๆก็พูดเหมือนกันค่ะ
โดยส่วนตัว อยากพูดเกี่ยวกับรุ่นพี่ ที่กระทู้อื่นได้แซะไว้ว่า หนูหมดศรัทธาไปตั้งแต่งานเลี้ยงของมหาลัยที่พองานจบ พวกพี่ก็เมากว่ารุ่นน้อง มหาลัยเหมือนเป็นบาร์ เป็นผับที่รอวันที่รุ่นพี่ปลดปล่อย ตอนปาร์ตี้สนุกดีค่ะ จัดได้ดีจริงๆ แต่หลังจากนั้นก็เห็นสภาพที่เปลี่ยนไปของเหล่ารุ่นพี่ ที่ไม่น่าดูซักเท่าไหร่ พอมาวันรุ่งขึ้นก็มีเพียงพี่ไม่กี่คนที่ฟื้นไหว มาดูแลรุ่นน้องไหว แต่พอหลังจากรับน้องก็กลับกลายเป็นเหมือนคนไม่รู้จักกันอ่ะค่ะ เดินสวนกัน หนูก็ไม่รู้ทักไปจะเป็นไง และเคยทักไปพี่ๆก็ทำหน้างงๆเหมือนคนไม่รู้จักกัน หนูเห็นด้วยกับกระทู้เก่านะคะที่ว่า รุ่นพี่บางส่วนไม่ได้รักรุ่นน้องจริงๆ ซึ่งข้อนี้พวกหนูก็เห็นและสัมผัสได้จริงๆ
แต่สิ่งที่หนูไม่เห็นด้วยคือ เราไม่ควรมี 3 ตัวเลือก เราควรมีเพียง 2 หรือ 1 เท่านั้น
การที่บังคับให้พวกเราและคนอื่นต้องมาอยู่เรียนที่ศูนย์สันมันคือการมัดมือชกอย่างเสียไม่ได้ และพอเกิดเรื่อง ก็พยายามจะทำศูนย์สันฯให้ดีเพื่อให้พวกเรายอมรับ มันใช่หรอคะ . .
เราควรมีทางเลือกแค่
1.รีบซ่อมวังท่าพระให้เสร็จ และอยู่วังท่าพระ
2.ย้ายไปอยู่ตึกที่เพิ่งสร้างใหม่ที่สนามจันทร์ 2 ตึก
หนูเห็นรุ่นพี่บอกว่า ถ้าเราย้ายไปสนามจันทร์ ก็เหมือนไปขอเค้าอยู่อยู่ดี งั้นหนูขอถามกลับหน่อยค่ะว่ามันต่างกับสภาพตอนนี้ตรงไหน
เราไปขอที่มหาลัยเราอยู่ กับที่คนอื่นอยู่ อันไหนมันดีกว่ากันคะ . .?
ที่ออกมาพูดตอนนี้ไม่รอประชุมเพราะว่าหนูอยากพูดตอนที่เรื่องยังแดงอยู่ค่ะ นานๆที (นานมาก) จะมีคนออกมาพูด แต่หนูกลับเห็นว่ามันอาจเป็นเพียงบางส่วนบางมุมเท่านั้น
คหสต.ไม่ได้อยากไปหาผู้ชายตามที่รุ่นพี่ว่าๆกันนะคะ โดยส่วนตัวมีแฟนแล้ว แต่เพื่อนๆ และพวกเราคิดแบบนี้จริงๆค่ะ การที่เราไปขอบ้านหลังที่ 2 อยู่ ยังดีกว่าเราไปเช่าโรงแรมอยู่นะคะ
หนูเคยมีธุระที่ต้องไปทำที่กองกิจ และก็ได้มีโอกาสได้คุยกับพี่พนักงานว่า ลำบากจัง อยากมีตึกเรียนค่ะ พี่เค้าก็บอก สงสารพวกเราเหมือนกันนะ หนูก็บอกว่าเราจะต้องอยู่ศูนย์สันฯจริงๆหรอคะ และพี่เคาได้ตอบมาว่า พวกพนักงานบุคลากรคนอื่นเค้าไม่ยอมย้ายหรอก เค้าลำบากกัน แล้วหนูได้ถามกลับไปว่าแล้วพวกหนูหล่ะ และพี่เค้าบอกว่า ถ้าหนูอยากย้ายต้องรวมกำลังกันไปขออธิการบดีนะ เพราะพี่ก็เห็นว่ายังมีที่ให้คณะเราเข้าไปอยู่ได้ ลองดู ค่ะ จากวันนั้นถึงวันนี้ หนูจะขอลองดูนะคะ จะพยายามให้ถึงที่สุด นี่คือเหตุผลที่มาตั้งกระทู้นี้ค่ะ
หนูไม่อยากไปมหาลัยอื่นและไม่อยากซิ่วค่ะ
แต่ทุกวันนี้เวลาพวกเราไปมหาลัยอื่นๆมันกลับกลายเป็นว่าพวกเรากลับรู้สึกดีกับมหาลัยอื่นๆมากกว่าที่จะภูมิใจในมหาลัยตัวเอง มันกลายเป็นพูดว่า ทำไม ม เราไม่เป็นแบบนี้ หรือ ม เราทำแบบนี้ไม่ได้หรอกเสียมากกว่า
พวกเราไม่ได้ไม่มีความอดทนค่ะ แต่การกระทำครั้งนี้ เราทำเพื่อตัวเอง เพื่อคนที่ไม่กล้าออกมาพูด และเพื่อรุ่นน้องปีหน้าด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ
ผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
จาก…..น้องปี1โบราณคดี ทั้ง ชาย หญิง และใบเตย