เรื่องเล่าเมื่อเข้าไฟ ...ตอน.... “แม่ซื้อ” ที่รัก
...“พาลูกเต้า เข้านอน ตอนหัวค่ำ ความทรงจำ พรั่งพรู อยู่ไหวไหว
ใครพาเรา เข้าอู่ อยู่แกว่งไกว ไม่ห่างไป ไกลตา สักนาที
...พอตื่นต้อง ร้องแว้ แม่ก็ถึง ไม่เอ็ดอึง พึงโอ้โลมโฉมฉวี
นิ่งเถิดหนา หน้ามน โอ๋คนดี ใครจะหนี ลูกยา อย่าน้อยใจ
...หวนคำนึง ถึงความเก่า แม่เล่าบอก จะว่าหลอก ข้องเคือง เรื่องเหลวไหล
แต่โบราณ ท่านคิดงาม ความปลอดภัย เป็นเรื่องใหญ่ ของลูกเล็ก เด็กแดงแดง
...หลังยามปลอด คลอดบุตร สุดหรรษา เอาเด็กมา ใส่กระด้ง จำนงแจ้ง
แล้วร้องว่า ลูกใครหนา ราคาแพง ให้มาแย่ง ซื้อไป ไวไวเทอญ
...ว่าซื้อแล้ว แก้วแหวน แหนแห่มอบ ผู้รักชอบ ช่วยจัด ไม่ขัดเขิน
สร้อยเพชรทอง กองใส่ ให้จำเริญ บอกอัญเชิญ “แม่ซื้อ” มาถือไป
...ใครนะเออ เธอชื่อ แม่ซื้อ นั้น เขาเชื่อกัน ว่าผีเรือน เพื่อนอาศัย
รับเป็นลูก ผูกสัมพันธ์ โดยทันใด แม้นรักใคร่ ให้ปกปัก พิทักษ์พลัน...
...ก้าวกลับไป สมัยก่อน เพื่อย้อนคิด เขาผูกติด ทางไสย ไว้เผื่อขวัญ
ที่เราผอง มองไม่เห็น เป็นอนันต์ ก็ยึดมั่น ไม่ลบหลู่ ไม่ดูแคลน
...แต่ผลงาม ยามลอง ตรองกันเถิด เด็กที่เกิด มาล้วน ควรหวงแหน
เมื่อพลัดพราก ยากประเมิน เกินทดแทน เจ็บปวดแสน ทุกข์เทวษ ถ้าเหตุมี
...ด้วยประมาท พลาดพลั้ง ทั้งเผลอไผล จึงอาศัย เรียกขาน วานภูตผี
ช่วยคุ้มครอง ป้องขจัด ปัดราคี และส่งศรี เสริมสรร สุดพรรณา
...ดูเรื่องราว ข่าวใน สมัยนี้ เหตุไม่ดี กับเด็กน้อย ด้อยเดียงสา
มาด่วนต้อง หมองหมาย วายชีวา หรือเพราะว่า ขาดแม่ซื้อ ยื้อไม่ทัน
...คงขุ่นเคือง เปลืองเวลา ถ้อยสาธก เหมือนแกล้งยก มาบรรยาย เสียหลายขันธ์
จึงเข้าเรื่อง เบื้องหลัง ให้ฟังกัน แต่ก่อนนั้น มีเหตุ ในเขตคาม
...บ้านเรือนไม้ แบบไทย สมัยเก่า ปลูกบนเสา สูงสง่า น่าเกรงขาม
ใต้หลังคา แอ่นอ่อน ดูงอนงาม มีนงราม แม่ลูกอ่อน พักผ่อนกาย
...อยู่กับแต่ แม่ของตัว ไร้ผัวเฝ้า ด้วยหลวงเขา เรียกรัด ตามผลัดหมาย
ประจำเหล่า เข้ากรม ระดมชาย ต้องห่างหาย จากเรือน นับเดือนมา
...ยายไปบ่อน ตอนตะวัน จะพลันลับ เจ้าขยับ ลงบันได ไปเก็บผ้า
ลูกในอู่ ไม่รู้รับ เห็นหลับตา จึงเพลินพา หมกมุ่น ใต้ถุนเรือน
...จนสักหน่อย ลูกน้อย ค่อยร้องจ้า ก็มุ่งหน้า หากัน ทุกวันเหมือน
แต่เสียงกลับ ลับหาย ก่อนกายเยือน จึงแชเชือน ถอยกลับ ว่าหลับไป
...แต่กลับหัน พลันเปลี่ยน เวียนหัวเราะ ฟังเสนาะ สำเนียง เสียงลูกใส
คล้ายคนหลอก หยอกเย้าลูก ให้ถูกใจ เออกระไร แปลกนัก ไม่ยักเคย
.....จึงเดินย่อง ไปมองดู ให้รู้หน่อย เห็นลูกน้อย นั่งอยู่ ในอู่เฉย
ไม่มีใคร ให้ยล ข้างบนเลย เจ้าทรามเชย คงตลก จิ้งจกกระมัง
...เป็นเช่นนี้ ถี่นาน จนคลานได้ ก็เลิกใช้ อู่นอน ในตอนหลัง
วางลูกสาว ขาวอ้วน ที่ชวนชัง เอาไว้ยัง พื้นเรือน ก่อนเคลื่อนกาย
...แล้วลงมา หาอาหาร สำราญรื่น พลันตาตื่น อกสั่น ด้วยขวัญหาย
เห็นลูกน้อย ค่อยคลาน ถึงชานปลาย จะถอยท้าย ถัดขั้น บันไดลง
...ทิ้งชามข้าว ก้าวทะลึ่ง ถึงตัวลูก โถ!บุญปลูก แม่ชั่ว มัวแต่หลง
แต่เหมือนมี ผีมาช่วย ให้งวยงง ถ้าช้าคง ลูกรัก คอหักตาย
...คล้ายเสียงก้อง ร้องเพรียก เรียกบนบ้าน เงยหน้าขาน จึงรู้รุด ถึงจุดหมาย
แล้วเล่าเรื่อง ลี้ลับ นี้กับยาย พอได้คลาย คลี่ปม สมเหตุการณ์
...ว่าปู่ย่า ตายาย ที่วายชีพ ยังไม่รีบ ไปสรวง ห่วงลูกหลาน
คงรักษา อาศัย ในเรือนชาน เห็นลูกคลาน จะตกเรือน จึงเตือนพลัน
...เพราะประมาท พลาดพลั้ง ไม่ยั้งคิด แม้ไม้ปิด คาดประตู จะอยู่กั้น
แต่เด็กน้อย ค่อยโถม โน้มตัวชัน ก็ข้ามขั้น หมายมาลง ตรงบันได
...หลังเหตุการณ์ ผ่านไป ไม่นานนัก เมื่อลูกรัก พักผ่อน นอนหลับใหล
แม่ก็เลาะ เหยาะย่าง ลงล่างไป เข้าครัวไฟ หุงหา รอท่าทาน
...เสียงกรุ๊งกริ๊ง กริ่งกระพรวน ฟังร่วนลื่น ลูกคงตื่น คลานอยู่ ไม่กู่ขาน
ค่อยเดินเอา เบาย่อ พอประมาณ ถึงบนบ้าน ก็ขวัญแขวน แสนตกใจ......
....ของเล่นน้อย ลอยวนวาด อากาศอยู่ ให้เจ้าหนู แหงนร่า มือคว้าไขว่
ไร้เชือกเส้น เอ็นถัก มาชักใย แล้วทำไม ลอยวน บนเรือนชาน
...เหมือนเพิ่งรู้ ว่าแม่ดู แล้วครู่หนึ่ง ข้าวของจึง หล่นคืน ลงพื้นบ้าน
ขนหัวตั้ง รั้งลูกได้ ไม่อยู่นาน วิ่งน้ำบาน ร้องผีหลอก บอกทั้งซอย
...นิมนต์ท่าน สมภาร วานมาสวด บอกอย่าอวด เลยลูกเต้า เขาใจถอย
ตกใจมาก หากเจ็บช้ำ จะซ้ำพลอย ต้องมาคอย ห่วงรักษา พาลำเค็ญ
...แม้กลัวนัก ปักใจ จะไม่อยู่ แต่ทนสู้ อยู่ต่อมา หาได้เห็น
จึงค่อยคลาย หายร้อน แล้วผ่อนเย็น จนเรื่องเป็น เพียงตำนาน เล่าขานมา.....
.......เอนตัวหลับ กับตักแม่ แต่ไหนนี่ เอ้า ! พี่พี่ อุ้มไปนอน ก่อนเถิดหนา
เหมือนภาพแม่ แต่ครั้งหลัง ยังติดตา ปิดเคหา เสร็จสรรพ แล้วดับไฟ”
.....จบตอน.....
เรื่องเล่าเมื่อเข้าไฟ ตอน แม่ซื้อที่รัก
...“พาลูกเต้า เข้านอน ตอนหัวค่ำ ความทรงจำ พรั่งพรู อยู่ไหวไหว
ใครพาเรา เข้าอู่ อยู่แกว่งไกว ไม่ห่างไป ไกลตา สักนาที
...พอตื่นต้อง ร้องแว้ แม่ก็ถึง ไม่เอ็ดอึง พึงโอ้โลมโฉมฉวี
นิ่งเถิดหนา หน้ามน โอ๋คนดี ใครจะหนี ลูกยา อย่าน้อยใจ
...หวนคำนึง ถึงความเก่า แม่เล่าบอก จะว่าหลอก ข้องเคือง เรื่องเหลวไหล
แต่โบราณ ท่านคิดงาม ความปลอดภัย เป็นเรื่องใหญ่ ของลูกเล็ก เด็กแดงแดง
...หลังยามปลอด คลอดบุตร สุดหรรษา เอาเด็กมา ใส่กระด้ง จำนงแจ้ง
แล้วร้องว่า ลูกใครหนา ราคาแพง ให้มาแย่ง ซื้อไป ไวไวเทอญ
...ว่าซื้อแล้ว แก้วแหวน แหนแห่มอบ ผู้รักชอบ ช่วยจัด ไม่ขัดเขิน
สร้อยเพชรทอง กองใส่ ให้จำเริญ บอกอัญเชิญ “แม่ซื้อ” มาถือไป
...ใครนะเออ เธอชื่อ แม่ซื้อ นั้น เขาเชื่อกัน ว่าผีเรือน เพื่อนอาศัย
รับเป็นลูก ผูกสัมพันธ์ โดยทันใด แม้นรักใคร่ ให้ปกปัก พิทักษ์พลัน...
...ก้าวกลับไป สมัยก่อน เพื่อย้อนคิด เขาผูกติด ทางไสย ไว้เผื่อขวัญ
ที่เราผอง มองไม่เห็น เป็นอนันต์ ก็ยึดมั่น ไม่ลบหลู่ ไม่ดูแคลน
...แต่ผลงาม ยามลอง ตรองกันเถิด เด็กที่เกิด มาล้วน ควรหวงแหน
เมื่อพลัดพราก ยากประเมิน เกินทดแทน เจ็บปวดแสน ทุกข์เทวษ ถ้าเหตุมี
...ด้วยประมาท พลาดพลั้ง ทั้งเผลอไผล จึงอาศัย เรียกขาน วานภูตผี
ช่วยคุ้มครอง ป้องขจัด ปัดราคี และส่งศรี เสริมสรร สุดพรรณา
...ดูเรื่องราว ข่าวใน สมัยนี้ เหตุไม่ดี กับเด็กน้อย ด้อยเดียงสา
มาด่วนต้อง หมองหมาย วายชีวา หรือเพราะว่า ขาดแม่ซื้อ ยื้อไม่ทัน
...คงขุ่นเคือง เปลืองเวลา ถ้อยสาธก เหมือนแกล้งยก มาบรรยาย เสียหลายขันธ์
จึงเข้าเรื่อง เบื้องหลัง ให้ฟังกัน แต่ก่อนนั้น มีเหตุ ในเขตคาม
...บ้านเรือนไม้ แบบไทย สมัยเก่า ปลูกบนเสา สูงสง่า น่าเกรงขาม
ใต้หลังคา แอ่นอ่อน ดูงอนงาม มีนงราม แม่ลูกอ่อน พักผ่อนกาย
...อยู่กับแต่ แม่ของตัว ไร้ผัวเฝ้า ด้วยหลวงเขา เรียกรัด ตามผลัดหมาย
ประจำเหล่า เข้ากรม ระดมชาย ต้องห่างหาย จากเรือน นับเดือนมา
...ยายไปบ่อน ตอนตะวัน จะพลันลับ เจ้าขยับ ลงบันได ไปเก็บผ้า
ลูกในอู่ ไม่รู้รับ เห็นหลับตา จึงเพลินพา หมกมุ่น ใต้ถุนเรือน
...จนสักหน่อย ลูกน้อย ค่อยร้องจ้า ก็มุ่งหน้า หากัน ทุกวันเหมือน
แต่เสียงกลับ ลับหาย ก่อนกายเยือน จึงแชเชือน ถอยกลับ ว่าหลับไป
...แต่กลับหัน พลันเปลี่ยน เวียนหัวเราะ ฟังเสนาะ สำเนียง เสียงลูกใส
คล้ายคนหลอก หยอกเย้าลูก ให้ถูกใจ เออกระไร แปลกนัก ไม่ยักเคย
.....จึงเดินย่อง ไปมองดู ให้รู้หน่อย เห็นลูกน้อย นั่งอยู่ ในอู่เฉย
ไม่มีใคร ให้ยล ข้างบนเลย เจ้าทรามเชย คงตลก จิ้งจกกระมัง
...เป็นเช่นนี้ ถี่นาน จนคลานได้ ก็เลิกใช้ อู่นอน ในตอนหลัง
วางลูกสาว ขาวอ้วน ที่ชวนชัง เอาไว้ยัง พื้นเรือน ก่อนเคลื่อนกาย
...แล้วลงมา หาอาหาร สำราญรื่น พลันตาตื่น อกสั่น ด้วยขวัญหาย
เห็นลูกน้อย ค่อยคลาน ถึงชานปลาย จะถอยท้าย ถัดขั้น บันไดลง
...ทิ้งชามข้าว ก้าวทะลึ่ง ถึงตัวลูก โถ!บุญปลูก แม่ชั่ว มัวแต่หลง
แต่เหมือนมี ผีมาช่วย ให้งวยงง ถ้าช้าคง ลูกรัก คอหักตาย
...คล้ายเสียงก้อง ร้องเพรียก เรียกบนบ้าน เงยหน้าขาน จึงรู้รุด ถึงจุดหมาย
แล้วเล่าเรื่อง ลี้ลับ นี้กับยาย พอได้คลาย คลี่ปม สมเหตุการณ์
...ว่าปู่ย่า ตายาย ที่วายชีพ ยังไม่รีบ ไปสรวง ห่วงลูกหลาน
คงรักษา อาศัย ในเรือนชาน เห็นลูกคลาน จะตกเรือน จึงเตือนพลัน
...เพราะประมาท พลาดพลั้ง ไม่ยั้งคิด แม้ไม้ปิด คาดประตู จะอยู่กั้น
แต่เด็กน้อย ค่อยโถม โน้มตัวชัน ก็ข้ามขั้น หมายมาลง ตรงบันได
...หลังเหตุการณ์ ผ่านไป ไม่นานนัก เมื่อลูกรัก พักผ่อน นอนหลับใหล
แม่ก็เลาะ เหยาะย่าง ลงล่างไป เข้าครัวไฟ หุงหา รอท่าทาน
...เสียงกรุ๊งกริ๊ง กริ่งกระพรวน ฟังร่วนลื่น ลูกคงตื่น คลานอยู่ ไม่กู่ขาน
ค่อยเดินเอา เบาย่อ พอประมาณ ถึงบนบ้าน ก็ขวัญแขวน แสนตกใจ......
....ของเล่นน้อย ลอยวนวาด อากาศอยู่ ให้เจ้าหนู แหงนร่า มือคว้าไขว่
ไร้เชือกเส้น เอ็นถัก มาชักใย แล้วทำไม ลอยวน บนเรือนชาน
...เหมือนเพิ่งรู้ ว่าแม่ดู แล้วครู่หนึ่ง ข้าวของจึง หล่นคืน ลงพื้นบ้าน
ขนหัวตั้ง รั้งลูกได้ ไม่อยู่นาน วิ่งน้ำบาน ร้องผีหลอก บอกทั้งซอย
...นิมนต์ท่าน สมภาร วานมาสวด บอกอย่าอวด เลยลูกเต้า เขาใจถอย
ตกใจมาก หากเจ็บช้ำ จะซ้ำพลอย ต้องมาคอย ห่วงรักษา พาลำเค็ญ
...แม้กลัวนัก ปักใจ จะไม่อยู่ แต่ทนสู้ อยู่ต่อมา หาได้เห็น
จึงค่อยคลาย หายร้อน แล้วผ่อนเย็น จนเรื่องเป็น เพียงตำนาน เล่าขานมา.....
.......เอนตัวหลับ กับตักแม่ แต่ไหนนี่ เอ้า ! พี่พี่ อุ้มไปนอน ก่อนเถิดหนา
เหมือนภาพแม่ แต่ครั้งหลัง ยังติดตา ปิดเคหา เสร็จสรรพ แล้วดับไฟ”
.....จบตอน.....